สุรพศ ทวีศักดิ์: มอง ‘เพื่อไทย’ และ ‘ก้าวไกล’ ผ่านปรัชญาของจอห์น รอลส์
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-08-04 23:06</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>สุรพศ ทวีศักดิ์</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>บางคนมองว่าปัญหาการเมืองไทยปัจจุบัน คนส่วนมากรู้อยู่แล้วว่า “ต้นตอ” ของปัญหาคืออะไร เช่น อำนาจเหนือรัฐธรรมนูญ หรือเครือข่ายอำนาจ “นายทุน ขุนศึก ศักดินา” ที่มี “อำนาจนำทางการเมือง” (political hegemony) เหนืออำนาจที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน, รัฐธรรมนูญ 2560 ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย (ซึ่งเป็นเครื่องมือของเครือข่ายอำนาจเหนือ รธน.), ที่มาและอำนาจ สว. ที่ขัดหลักการประชาธิปไตย เป็นต้น </p>
<p><strong>ปัญหาจึงอยู่ที่ว่าเราจะมี “วิธีการอย่างไร” ในการเอาชนะเครือข่ายอำนาจพวกนั้น ซึ่งเป็นปัญหาเชิงปฏิบัติ ไม่ใช่ปัญหาเชิงทฤษฎี</strong></p>
<p>แต่ผมเห็นว่า ปัญหาเชิงปฏิบัติและทฤษฎีไม่อาจแยกขาดจากกันได้จริง เช่น ทำไมฝ่ายที่เชียร์ก้าวไกล (หรือไม่เชียร์แต่ยืนยันหลักการประชาธิปไตย) ถึงวิจารณ์ โกรธหรือด่าเพื่อไทยที่แยกตัวจากก้าวไกลไปตั้งรัฐบาลโดยยอมรับเงื่อนไขของ สว. และพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ ก็เพราะพวกเขาเห็นว่าการกระทำของเพื่อไทยขัดหลักการ อุดมการณ์ประชาธิปไตย หรือแนวทางเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยใช่หรือไม่ ขณะที่ฝ่ายเชียร์เพื่อไทย ถ้ายืนยันว่าเพื่อไทย “ทำถูกต้องแล้ว” ก็ต้องอ้างหลักการประชาธิปไตยมายืนยันว่าถูกต้องอย่างไร หรือถูกต้องภายใต้ข้อจำกัดอะไรบ้าง</p>
<p><strong>ดังนั้น “ความชอบธรรม” ของปฏิบัติการทางการเมืองจึงไม่ขึ้นอยู่กับ “ตัวบทกฎหมาย” ที่มีอยู่เท่านั้น โดยเฉพาะภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญที่บิดเบี้ยว ยิ่งไม่มีความชอบธรรมในตัวมันเองอยู่แล้ว การแสวงหาแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้องชอบธรรมตามหลักการ หรืออุดมการณ์ประชาธิปไตยจึงสัมพันธ์กับทฤษฎีอยู่ดี และตัวทฤษฎีเองก็ไม่ใช่เพียงเสนออุดมคติเพ้อฝัน แต่เสนอทางแก้ปัญหาที่เป็นรูปธรรมด้วย</strong></p>
<p>ในงานชื่อ “เสรีนิยมทางการเมือง” (Political Liberalism) ของจอห์น รอลส์ (John Rawls) เสนอว่าในสังคมเสรีประชาธิปไตยพลเมืองต่างสมาทานระบบความเชื่อหรือคำสอนที่ครอบคลุม (comprehensive doctrines) หลากหลาย เช่น ความเชื่อทางศาสนาต่างๆ หรืออเทวนิยม โลกทัศน์หรือแนวคิดปรัชญาต่างๆ อุดมการณ์ทางการเมืองต่างๆ ซึ่งความเชื่อเหล่านั้นมีทั้งด้านที่ขัดแย้งกันและสอดคล้องกัน ขณะเดียวกันก็มีทั้งด้านที่ขัดแย้งและสอดคล้องกับ “หลักความยุติธรรมสาธารณะ” (public principles of justice) ของระบอบเสรีประชาธิปไตยด้วย </p>
<p>คำถามคือ เรามีวิธีจัดการกับเรื่องความเชื่อที่แตกต่างหลากหลายเหล่านนั้นอย่างไร แน่นอนว่าไม่ใช่การขจัดความเชื่อใดความเชื่อหนึ่ง หรือขจัดบุคคลหรือกลุ่มคนที่สมาทานความเชื่อนั้นๆ เพราะหลักความยุติธรรมสาธารณะของระบอบเสรีประชาธิปไตยรับรอง “เสรีภาพทางความคิดเห็น” อยู่แล้ว ทางที่ถูกคือ ต้องยอมรับ “ตลาดเสรีทางความคิด” ปล่อยให้ความคิดความเชื่อที่แตกต่างเป็นเสรีภาพปัจเจกบุคคล ใครจะคิดจะเชื่ออะไรก็ได้ ตราบที่ไม่ทำอันตรายต่อคนอื่น หรือละเมิดสิทธิคนอื่น แต่เมื่อจะนำความเชื่อเหล่านั้นมาอภิปรายสาธารณะที่นำไปสู่การบัญญัตติกฎหมาย ซึ่งกระทบต่อสิทธิ เสรีภาพของพลเมืองทุกคน และความยุติธรรมด้านต่างๆ จำเป็นต้องตีความหรือปรับความเชื่อนั้นๆ ให้สามารถใช้เป็น “เหตุผลสาธารณะ” (public reason) อันเป็นเหตุผลที่สอดคล้องกับหลักความยุติธรรมสาธารณะที่ “พลเมืองเสรีและเสมอภาค” (free and equal citizens) ทุกคนสามารถยอมรับร่วมกันได้ “อย่างสมเหตุสมผล” เพราะมันเป็นเหตุผลที่ “แฟร์” กับทุกคนในฐานะคนเท่ากัน</p>
<p>ตัวอย่างเช่น นโยบายแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 และการนิรโทษกรรมคดี 112 ของก้าวไกลย่อมใช้เป็น “เหตุผลสาธารณะ” ได้ เพราะสอดคล้องกับหลักความยุติธรรมสาธารณะ คือ “หลักเสรีภาพที่เท่าเทียม” (equal liberty) ที่พลเมืองทุกคนต้องมี แต่การที่เพื่อไทยปฏิเสธการบรรจุนโยบายแก้ 112 และการนิรโทษกรรม 112 ใน MOU ของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลเดิม แล้วต่อมาแยกทางจากก้าวไกลเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายเผด็จการ โดยยอมรับเงื่อนไข “ต้องไม่แก้ 112” และ “ต้องไม่มีก้าวไกลร่วมรัฐบาล” ตามการ “ยื่นคำขาด” ของ สว. และพรรคการเมืองฝ่ายเผด็จการ ย่อมเท่ากับเพื่อไทยปฏิเสธเหตุผลสาธารณะ และหลักความยุติธรรมสาธารณะของระบอบเสรีประชาธิปไตย</p>
<p><strong>จริงที่ว่าธรรมชาติของการต่อรองทางการเมือง ต้อง “แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง” แต่ปัญหาคือ แสวงและสงวนบน “หลักการที่ชอบธรรม” ของระบอบประชาธิปไตยหรือไม่</strong></p>
<p>เมื่อมองโดยภาพรวม จะเห็นว่านโยบายเพื่อไทยกับก้าวไกลต่างกัน แต่ “ส่วนใหญ่” มีนัยสำคัญแบบที่รอลส์เรียกว่า “เหลื่อมซ้อนกัน” (overlap) หรือ “สอดคล้องไปกันได้” (compatible) อยู่แล้ว ทว่า “ส่วนที่ขัดกัน” กลับเป็นเรื่อง “หลักการพื้นฐาน” ของระบอบเสรีประชาธิปไตยที่ยืนยัน “เสรีภาพทางการเมือง” (political liberty) อันเป็นหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่ที่ต้องมีความเป็น “เสรีนิยมทางการเมือง” (political liberalism) ที่ถือว่าต้องมี “เสรีภาพในการอภิปรายสาธารณะทางการเมืองได้ทุกเรื่อง” ซึ่งจำเป็นต้องแก้ไข 112 (เป็นอย่างน้อย) เพื่อให้มีเสรีภาพดังกล่าวได้จริง ความเป็นประชาธิปไตยสมัยใหม่ หรือเสรีประชาธิปไตยจึงจะเกิดขึ้นได้จริง และมีหลักประกันการแข่งขันเชิงนโยบายที่ “เสรีและเป็นธรรม” ระหว่างพรรคการเมือง หรือกลุ่มเคลื่อนไหวทางการเมืองต่างๆ ได้จริง</p>
<p>เราควรเข้าใจว่า รอลส์ไม่ได้เสนอแบบที่พูดกันทั่วไปว่า “แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง” แต่เขาชี้ให้เราเห็นว่า บรรดาความคิดความเชื่อที่แตกต่างหลากหลายในสังคมเสรีประชาธิปไตย (หรือในโลกนี้) มันมีด้านที่เหลื่อมซ้อนกัน หรือสอดคล้องไปกันได้เป็นส่วนใหญ่ เพราะความคิดความเชื่อทั้งหลายบรรดามีต่างพูดถึงหรือใฝ่ฝันถึงการมีชีวิตที่ดี สังคมที่ดีในด้านต่างๆ แต่ที่สังคมมนุษย์ขัดแย้งเข่นฆ่ากัน เพราะต่าง “โฟกัส” ด้านที่ขัดแย้งกันของความความคิดความเชื่อหรืออุดมการณ์บางอย่างแล้วใช้มันเป็นเครื่องมือ หรือเป็นอาวุธทำลายล้างกัน แทนที่จะแสวงหา “คุณค่าแกนกลาง” (core values) ที่ทุกคนทุกฝ่ายยึดถือร่วมกันได้อย่างสมเหตุสมผล เพื่อรองรับความแตกต่างหลากหลายทางความคิดความเชื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างเคารพและอดกลั้นต่อเสรีภาพที่จะแตกต่างของปัจเจกบุคคลทั้งหลาย และมีภราดรภาพ หรือมี “ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน” (solidarity) ในการปกป้องรักษาคุณค่าแกนกลางร่วมกัน</p>
<p><strong>ข้อเสนอของรอลส์ จึงเน้นไปที่การสร้าง “หลักความยุติธรรมสาธารณะ” คือ หลักเสรีภาพที่เท่าเทียม และการกระจายโอกาสที่เท่าเทียมและเป็นธรรมในทางเศรษฐกิจและสังคม เพื่อใช้เป็น “คุณค่าแกนกลาง” ของระบอบเสรีประชาธิปไตยที่สถาบันต่างๆ ทางสังคมการเมือง เช่น รัฐสภา รัฐบาล ประมุขของรัฐ กองทัพ ศาล หน่วยงานราชการทั้งหมด สถาบันทางเศษฐกิจและอื่นๆ รวมทั้งพลเมืองทุกคนต้องยึดถือปฏิบัติร่วมกัน โดยการ “แสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่าง” จะต้องอยู่บนการยึดถือปฏิบัติตามหลักความยุติธรรมสาธาณะอันเป็นคุณค่าแกนกลางนี้เสมอ </strong></p>
<p>เห็นได้ว่าก้าวไกลคือพรรคการเมืองที่เสนอนโยบายหาเสียงเพื่อสร้างหลักความยุติธรรมสาธารณะของระบอบเสรีประชาธิปไตยให้เป็นจริง พร้อมๆ กับนโยบายกระจายโอกาสทางสังคมและเศรษฐกิจที่เท่าเทียมและเป็นธรรม ขณะที่เพื่อไทยเน้นนโยบาย “แก้ปัญหาปากท้อง” แต่นโยบายส่วนใหญ่ของเพื่อไทยก็สอดคล้องไปกันได้กับนโยบายส่วนใหญ่ของก้าวไกล ต่างกัน “อย่างมีนัยสำคัญ” ตรงที่ก้าวไกลยึดแนวทางแสวงจุดร่วม-สงวนจุดต่างบน “จุดยืน” ในการสร้างหลักความยุติธรรมสาธารณะให้เป็น “คุณค่าแกนกลาง” ของระบอบเสรีประชาธิปไตยได้จริง ขณะที่เพื่อไทยไม่ยึดจุดยืนนี้ โดยยอมรับ “เงื่อนไข” ตามการ “ยื่นคำขาด” ของ สว. และพรรคฝ่ายเผด็จการ อันเป็นเงื่อนไขที่ต่อต้านการสร้างหลักความยุติธรรมสาธารณะที่เป็นคุณค่าแกนกลางของระบอบเสรีประชาธิปไตยให้เป็นจริง</p>
<p>กระแสการวิจารณ์ หรือด่าเพื่อไทย จึงเป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้ด้วยหลักทฤษฎีหรือหลักการประชาธิปไตยอย่างหนักแน่น ขณะที่เพื่อไทยเองและฝ่ายที่ปกป้องเพื่อไทยก็จำเป็นต้องหาหลักการ เหตุผลมาอธิบายเพื่อสนับสนุน “ความชอบธรรม” ในการเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลเพื่อหักล้างข้อวิจารณ์ของอีกฝ่ายให้ได้ (ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย หรือาจหาไม่ได้เลย) </p>
<p><strong>ถ้าเราดูประวัติศาสตร์ของสังคมที่เปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยได้ แน่นอนว่าความตื่นตัวของประชาชน หรือการเกิดขึ้นของมวลชนที่ต่อสู้เพื่อเสรีภาพและประชาธิปไตยคือสิ่งจำเป็น แต่จะสำเร็จได้จริงก็ต่อเมื่อเกิดพรรคการเมืองตัวแทนอุดมการณ์ประชาธิปไตยรับ “ไม้ต่อ” จากมวลชนไปขับเคลื่อนสู้ต่อในระบบรัฐสภา เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างได้จริง</strong></p>
<p>เพื่อไทยถูกมองว่าเป็น “ความหวัง” ของประชาชนมานาน เพราะเป็นพรรคที่เคยมีผลงานแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และเริ่มวางระบบสวัสดิการ 30 บาทรักษาทุกโรค และอื่นๆ เคยถูกทำรัฐประหารสองครั้ง ถูกยุบพรรคสองครั้ง กระนั้นก็ยังเป็น “พรรคเดียว” ท่ามกลางพรรคการเมืองทั้งหมดที่เป็นฝ่ายขวาอนุรักษ์นิยม เพราะมีเพื่อไทยพรรคเดียวที่ (พอจะ) เป็นความหวังได้ เราจึง “มองผ่าน” ปัญหาต่างๆ ของเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นกรณีคนตายในเหตุการณ์สงครามยาเสพติด, กรือเซะ, ตากใบ, การออก พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเหมาเข่ง, การปฏิเสธรับข้อเสนอแก้ไข 112 สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นต้น </p>
<p>เราพยายามเข้าใจ “ข้อจำกัด” ของเพื่อไทยในหลายๆ กรณีที่ควรจะทำแล้วไม่ทำ หรือกรณีที่ผิดพลาด จนกระทั่งปัจจุบันที่เพื่อไทยพูดหาเสียงก่อนเลือกตั้งว่าจะไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับฝ่ายเผด็จการ แต่กลับมาจับมือ เราใช้คำว่า “ให้รอดูก่อน” หรือ “อย่าด่วนตัดสิน” เมื่อเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังสัยหรือถูกกล่าวหา แต่หลังจากรอดูไปแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นก็มักจะเป็นไปตามที่ถูกกล่าวหาในหลายๆ กรณี กระทั่งเวลานี้ยังมีเสียงบอกว่า “ให้รอดูไปก่อน” ว่าตั้งรัฐบาลแล้วเพื่อไทยจะเร่งให้เกิดกระบวนการ “ร่างรัฐธรรมนูญใหม่” ที่เป็นประชาธิปไตยให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ทันทีจริงหรือไม่</p>
<p>ขณะที่การต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ที่พัฒนาจากการต่อสู้แบบ “ตาสว่างทั้งแผ่นดิน” ของคนเสื้อแดงที่เกิดปรากฏการณ์ตาสว่างชัดแจ้งมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดข้อเสนอ “ปฎิรูปสถาบันกษัตริย์” และ “ยกเลิก 112” โดยเฉพาะเกิด “พรรคการเมืองตัวแทนอุดมการณ์ประชาธิปไตย” ชัดเจนมากขึ้นคือ “อนาคตใหม่-ก้าวไกล” ทว่าข้อเรียกร้องให้ “รอดูไปก่อน” ขณะที่เพื่อไทยแยกตัวออกจากก้าวไกลไปตั้งรัฐบาลร่วมกับฝ่ายเผด็จการ พร้อมกับออกแถลงการณ์ที่มีเนื้อหา “เอาใจ” ศักดินาอย่างเห็นได้ชัด มันช่างเป็นข้อเรียกร้องที่ “เบาหวิว” เกินกว่าจะทำให้เกิด “ความหวัง” ใดๆ ได้ เพราะเพื่อไทยที่เราเห็นอยู่นี้ คือเพื่อไทยที่เมื่อวานพูดอย่าง วันนี้พูดอย่าง กระทั่งถูกเรียกว่า “เพื่อไทยการละคร” จึงยากที่เราจะเชื่อถือหรือคาดหวังอะไรได้</p>
<p><strong>แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าฝ่ายที่ยังมีความหวัง หรือสิ้นหวัง หรือกระทั่งโกรธเกลียดเพื่อไทย สิ่งที่เราควรทำคือการยึดมั่นในหลักความยุติธรรมสาธารณะอันเป็น “คุณค่าแกนกลาง” ของระบอบเสรีประชาธิปไตย และใช้หลักการนี้ในการตั้งคำถาม วิจารณ์ตรวจสอบ และกดดันเพื่อไทยให้มากที่สุด เพื่อนำไปสู่กระบวนการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่มีกติกาการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม และคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่โดยเร็วที่สุด</strong></p>
<p> </p>
<p><strong>ที่มาภาพ:</strong> https://news.harvard.edu/gazette/story/2019/01/a-new-look-at-john-rawls-nearly-50-years-later/</p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">บทคhttps://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/08/105324