[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 มีนาคม 2567 09:24:30 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 ... 19 20 [21] 22 23
401  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / Re: Taylor Swift – Begin Again เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2563 19:35:51

มาร้องเพลงกันค่ะ

Took a deep breath in the mirror
He didn’t like it when I wore high heels
But I do
Turn the lock and put my headphones on
He always said he didn’t get this song
But I do, I do
นั่งถอนหายใจอยู่หน้ากระจก
เขาไม่ชอบเวลาที่ฉันใส่ส้นสูง
แต่ฉันชอบมันหนิ
เปิดเพลง แล้วใส่หูฟัง
เขาบอกเสมอว่าไม่เขาใจเพลงที่ฉันฟังเลย
แต่ฉันกลับเข้าใจ

Walked in expecting you’d be late
But you got here early and you stand and wave
I walk to you
You pull my chair out and help me in
And you don’t know how nice that is
But I do
เดินเข้ามาในร้าน กำลังคิดอยู่ว่าคุณต้องมาสายแน่ๆ
แต่คุณกลับมาถึงก่อน และยืนคอยฉันอยู่
ฉันเดินเข้าไปหาคุณ
คุณดึงเก้าออกมาอีกให้ฉันนั่ง
คุณไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่คุณทำ มันมีความหมายกับฉันมากแค่ไหน
แต่ฉันรู้ ฉันชอบนะ : )

And you throw your head back laughing like a little kid
I think it’s strange that you think I’m funny ’cause he never did
I’ve been spending the last eight months
Thinking all love ever does is break and burn and end
But on a Wednesday in a cafe I watched it begin again
แล้วคุณก็เงยหน้าหัวเราะอย่างสุดชีวิตเหมือนเด็กๆ
ฉันว่ามันแปลกดีนะที่คุณคิดว่าฉันเป็นคนตลก คงเพราะเขาไม่เคยคิดแบบนั้น
ฉันได้ใช้เวลาแปดเดือนที่ผ่านมา
คิดว่าสิ่งที่ฉันเคยได้จากความรัก มันคือเจ็บปวด แสนทรมาน และก็จบลง
แต่ในวันนี้ ที่ร้านกาแฟ ฉันเห็นความรักกำลังเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง

You said you never met one girl
Who had as many James Taylor records as you
But I do
We tell stories and you don’t know why
I’m coming off a little shy
But I do
คุณบอกว่าคุณไม่เคยเจอผู้หญิงคนไหน
ที่มีเทปเพลงของ James Taylor เยอะเท่าฉัน
แต่ฉันมี
พวกเราเล่าเรื่องของตัวเองให้กันฟัง และคุณคงไม่รู้หรอก
ว่าทำไมฉันถึงออกอาการเขินอายเล็กน้อย
แต่ฉันรู้ดี >///<

But you throw your head back laughing like a little kid
I think it’s strange that you think I’m funny ’cause he never did
แล้วคุณก็เงยหน้าหัวเราะอย่าสุดชีวิตเหมือนเด็กๆ
ฉันว่ามันแปลกดีนะที่คุณคิดว่าฉันเป็นคนตลก คงเพราะเขาไม่เคยคิดแบบนั้น

I’ve been spending the last eight months
Thinking all love ever does is break and burn and end
But on a Wednesday in a cafe I watched it begin again
ฉันได้ใช้เวลาแปดเดือนที่ผ่านมา
คิดว่าทั้งหมดที่ความรักเคยให้ฉัน มันก็เพียงแค่ความเจ็บปวด แสนทรมาน และก็จบลง
แต่ในวันนี้ ที่ร้านกาแฟ ฉันเห็นความรักกำลังก่อตัวขึ้นมาอีกครั้ง

And we walked down the block to my car
And I almost brought him up
But you start to talk about the movies that your family
Watches every single Christmas and I want to talk about that
And for the first time what’s past is past
เราเดินไปคุยไป ระหว่างทางหลับบ้าน
และฉันเกือบจะพูดเรื่องเขาคนนั้นขึ้นมา
แต่คุณก็ชวนคุยเรื่องเกี่ยวกับภาพยนตร์ต่างๆ ที่ครอบครัวของคุณ
นั่งดูด้วยกันทุกๆ วันคริสมาสต์ และฉันก็อยากคุยกันเรื่องนี้แล้วสิ
เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่า เรื่องที่ผ่านมามันก็เป็นเพียงอดีต จะไปพูดถึงมันทำไม

‘Cause you throw your head back laughing like a little kid
I think it’s strange that you think I’m funny ’cause he never did
I’ve been spending the last eight months
Thinking all love ever does is break and burn and end
But on a Wednesday in a cafe I watched it begin again
เพราะคุณชอบเงยหน้าหัวเราะอย่างสุดชีวิตเหมือนเด็กๆ
ฉันว่ามันแปลกดีนะที่คุณคิดว่าฉันเป็นคนตลก คงเพราะเขาไม่เคยคิดแบบนั้น
ฉันได้ใช้เวลาแปดเดือนที่ผ่านมา
คิดว่าทั้งหมดที่ความรักเคยให้ฉัน มันก็เพียงแค่ความเจ็บปวด แสนทรมาน และก็จบลง
แต่ในวันนี้ ที่ร้านกาแฟ ฉันเห็นความรักกำลังก่อตัวขึ้นอีกครั้ง

But on a Wednesday in a cafe I watched it begin again
แล้วในวันพุธ ที่ร้านกาแฟ ฉันได้เห็นความรัก … มันเกิดขึ้นใหม่อีกครั้ง …


 .........ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป ความรักก็เช่นกัน … รักเก่าจบลง รักใหม่ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน … Zzz

รัก รัก รัก รัก รัก รัก



402  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / Taylor Swift – Begin Again เมื่อ: 30 พฤษภาคม 2563 19:31:09
Taylor Swift – Begin Again

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=cMPEd8m79Hw" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=cMPEd8m79Hw</a>


       สำหรับเพลงนี้เป็นเพลงที่ชอบที่สุดแล้วในอัลบั้ม Red เป็นเพลงที่โรแมนติกมากๆ แต่งโดยเทย์แน่นอนอยู่แล้ว แรงบันดาลใจจาก… ก็สิ่งที่ได้ประสบพบเจอล่ะนะ สิ่งที่เพลงจะบอกก็คือ อดีตก็คืออดีต ผ่านมาแล้วก็ปล่อยให้มันผ่านไป รักจบลงได้ ก็เกิดขึ้นใหม่ได้เช่นกัน …


403  สุขใจในธรรม / เกร็ดศาสนา / Re: การกรวดน้ำ เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 23:41:42

การกรวดน้ำ ที่เคยได้ยินมา ( ไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ )   มีสองแบบใช่ไหมคะ คือแบบกรวดน้ำเปียกกับกรวดน้ำแห้ง  ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม
404  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: โรคหัวใจขาดเลือด รักษาไม่ทัน...อันตรายถึงชีวิต เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 19:38:25

การสวนหัวใจ หรือ CAG


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=GwS_JPWs-iI" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=GwS_JPWs-iI</a>


405  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: โรคหัวใจขาดเลือด รักษาไม่ทัน...อันตรายถึงชีวิต เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 19:28:52

"เจ็บหน้าอก" แต่ไม่ได้เป็นโรคหัวใจ! อาจเป็นอาการของโรคอื่น


แสบร้อนที่หน้าอก เจ็บกลางอกหรือลิ้นปี่ บางครั้งมีเรอเปรี้ยว มักเป็นขณะอิ่ม เกิดจากโรคกรดไหลย้อน

เจ็บแปล๊บๆ เจ็บหัวใจเหมือนถูกเข็มทิ่มแทงหรือถูกไฟช็อต เกิดจากเส้นประสาทอักเสบ

เจ็บเวลาหายใจเข้าลึกๆ หรือเมื่อเอี้ยวตัว เกิดจากกล้ามเนื้อเอ็นหรือกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ

กดเจ็บบริเวณหน้าอก โดยเฉพาะบริเวณกระดูกซี่โครงใกล้ๆ ทรวงอก เกิดจากกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ

เจ็บตลอดเวลา เป็นนานหลายชั่วโมง หรือเป็นวันโดยที่ไม่มีอาการร้ายแรงอื่นๆ เกิดจากกล้ามเนื้อเอ็นหรือกระดูกซี่โครงอ่อนอักเสบ

อาการเจ็บไม่สัมพันธ์กับความหนักเบาของกิจกรรม เช่น เจ็บเวลานั่งหรือนอน แต่ขณะทำงานบางครั้งก็ไม่เจ็บ แม้จะออกแรงมากกว่าหรือเหนื่อยกว่า

อาการเจ็บหน้าอกเฉพาะด้านขวา

*ทั้งนี้ทั้งนั้น อาการอาจจะไม่จำเพาะเสมอไป ถ้ามีอาการที่ไม่ชัดเจนร่วมกับมีปัจจัยเสี่ยงอย่างอื่นก็อาจจะต้องมีการตรวจเพิ่มเติม

 
การตรวจวินิจฉัยโรคหัวใจ

การซักประวัติและตรวจร่างกาย ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ

1.การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG: Electrocardiogram)

2.การถ่ายภาพรังสีของทรวงอก (Chest X-ray)

3.การตรวจระดับเอนไซม์กล้ามเนื้อหัวใจในเลือด (Cardiac Enzyme Test)

4.การทดสอบสมรรถภาพหัวใจขณะออกกำลังกาย (EST: Exercise Stress Test)

5.การตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง (ECHO: Echocardiogram)

6.การตรวจวินิจฉัยโรคของหลอดเลือดหัวใจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ความเร็วสูง (Computed Tomographic Angiography)

7.การตรวจหัวใจด้วยคลื่นสะท้อนแม่เหล็กไฟฟ้า (Cardiovascular MRI: CMR)

8.การสวนหัวใจหรือการฉีดสีดูหลอดเลือดหัวใจ (Cardiac Catheterization or Coronary Angiogram)



โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ รักษาหายไหม?

แนวทางในการรักษาขึ้นอยู่กับอาการ และร่างกายของคนไข้ ว่าเหมาะกับการรักษาวิธีใด

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ออกกำลังกาย ไม่ดื่มเหล้า งดสูบบุหรี่ พยายามไม่เครียด ควบคุมน้ำหนัก นั่งสมาธิ

การรักษาด้วยยา หลังจากได้รับการผ่าตัดแล้วจะต้องมียาบางตัวที่ต้องรับประทานตลอด เช่น ยาต้านเกล็ดเลือด ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูนและการใส่ขดลวด

การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ หรือการทำ "บายพาส"



ที่มา : นายแพทย์ธีรยุทธ เอกโรจนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจ ศูนย์โรคหัวใจ โรงพยาบาลศิครินทร์


รัก รัก รัก รัก

406  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / Re: โรคหัวใจขาดเลือด รักษาไม่ทัน...อันตรายถึงชีวิต เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 19:09:39

โรคหัวใจเกิดจากอะไร?


ปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ

แบ่งได้ออกเป็น 2 ประเภท


ปัจจัยเสี่ยงที่แปรเปลี่ยนไม่ได้

1. อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ก็ยิ่งทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของหลอดเลือดเพิ่มขึ้น

2. เพศ ผู้ชายมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากกว่าผู้หญิง แต่ในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนแล้ว มีโอกาสเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจใกล้เคียงกับผู้ชาย

3. ประวัติครอบครัว หากมีบุคคลในครอบครัว เช่น ปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ พี่น้อง เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ก็มีโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น

 

ปัจจัยเสี่ยงที่แปรเปลี่ยนได้


1. น้ำหนักเกินและอ้วน

2. กลุ่มอาการที่มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับภาวะน้ำหนักเกินหรือภาวะอ้วนร่วมกับปัจจัยเสี่ยงด้านอื่นๆ (Metabolic Syndrome) หรืออาจเรียกว่า "อ้วนลงพุง" ร่วมกับมีภาวะความผิดปกติ ได้แก่

                                                   * ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง

                                         * ระดับ HDL ในเลือด (ไขมันดี) ต่ำ

                                         * ระดับน้ำตาลในเลือดสูง

                                         * ระดับความดันโลหิตสูง


3. ภาวะความดันโลหิตสูง เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะเป็นภาวะที่ไม่แสดงอาการ

4. ความเครียด

5. ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงหรือโรคเบาหวาน

6. ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ

7. การไม่ออกกำลังกาย

8. การสูบบุหรี่

9. การรับประทานผักและผลไม้ในแต่ละวันน้อยเกินไป



เจ็บหน้าอกแบบไหนที่เป็นอาการโรคหัวใจ

เจ็บ แน่นหน้าอก เหมือนมีอะไรมากดทับ บีบรัดบริเวณกลางเยื้องมาทางด้านซ้าย โดยมักมีอาการเวลาออกแรงที่ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น  ปวดร้าวไปบริเวณแขนซ้ายขึ้นหัวไหล่   เหงื่อแตก  หน้าซีด คล้ายจะเป็นลม   เวียนศีรษะ คลื่นไส้

อาเจียน  หากมีอาการดังกล่าว บวกกับมีปัจจัยเสี่ยงร่วมด้วย นั่นอาจหมายถึงคุณเสี่ยงเป็นโรคหัวใจขาดเลือด


รัก รัก รัก รัก รัก รัก



407  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ อนามัย / โรคหัวใจขาดเลือด รักษาไม่ทัน...อันตรายถึงชีวิต เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 18:56:46


โรคหัวใจขาดเลือดรักษาไม่ทัน...อันตรายถึงชีวิต

รู้หรือไม่ว่า "โรคหลอดเลือดหัวใจ" เป็นอีกหนึ่งโรคที่คนไทยเป็นกันจำนวนมาก โดยพบว่าเป็นสาเหตุของการเสียชีวิต ที่ติดอันดับ 1 ใน 4 ของประชากรโลกรวมทั้งในประเทศไทย โดยปัจจุบันมักพบในผู้ที่มีอายุเพิ่มมากขึ้น และพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
"โรคหัวใจขาดเลือด เป็นโรคที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะหากเกิดอาการแล้ว นั่นหมายถึง ทุกวินาทีคือชีวิต หากรักษาไม่ทันก็อาจเสียชีวิตได้"


ภาวะหลอดเลือดแข็ง คืออะไร

"ภาวะหลอดเลือดแข็ง (Atherosclerosis)" หรือ "ภาวะหลอดเลือดตีบ" เป็นภาวะที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือดทำให้ผนังหลอดเลือด ชั้นใน หนาตัวขึ้นเรื่อยๆ มีไขมันไปสะสมระหว่างหลอดเลือด จนในที่สุดทำให้เกิดหลอดเลือดตีบตัน เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการของอวัยวะต่างๆ ขาดเลือดเกิดขึ้น

สาเหตุของภาวะหลอดเลือดแข็ง เกิดจาก


1.การอุดตันหรือตีบแคบของหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจ

2.เกิดการสร้างคราบตะกอนไขมันขึ้นตามผนังด้านในของหลอดเลือดแดงของหัวใจ

3.ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดไปยังหัวใจลดลงหรือเลือดไปเลี้ยงไม่ได้

4.ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือถ้ารุนแรงมากอาจทำให้เสียชีวิตได้



*** อย่างไรก็ตาม ไขมันสะสมอุดตันอันเป็นสาเหตุของภาวะหลอดเลือดแข็งไม่ได้เกิดเฉพาะในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่สามารถพบได้ตั้งแต่อายุไม่มาก ทั้งนี้เนื่องมาจากพฤติกรรมการรับประทานในปัจจุบันนั่นเอง

รัก รัก รัก รัก
408  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / The Voice Thailand - อิมเมจ - Falling Slowly เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 17:59:50

Falling Slowly - Glen Hansard and Marketa Irglova (Once)



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=EerK1L0uXJ8" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=EerK1L0uXJ8</a>


I don't know you
But I want you
All the more for that
Words fall through me
And always fool me
And I can't react
And games that never amount
To more than they're meant
Will play themselves out

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you have a choice
You've made it now

Falling slowly, eyes that know me
And I can't go back
Moods that take me and erase me
And I'm painted black
You have suffered enough
And warred with yourself
It's time that you won

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you had a choice
You've made it now

Take this sinking boat and point it home
We've still got time
Raise your hopeful voice you had a choice
You've made it now
Falling slowly sing your melody
I'll sing along.

รัก รัก รัก รัก รัก รัก


409  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: แกงไตปลา กับปลาซาบะย่าง สูตร/วิธีทำ เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 17:21:50



ขอบคุณค่า  ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก
[/size]
410  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / Re: เหตุผลอันน่าประหลาดใจ ว่าทำไมหมีขั้วโ&# เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 16:39:44

หมีบนผืนน้ำแข็ง

ตลอดหลายปีมานี้ บราวน์ได้สำรวจระบบนิเวศในบริเวณขั้วโลกจากล่างขึ้นบน ขณะที่เขาศึกษาปลาดาวและเม่นทะเลบนพื้นทะเล เขาพบว่าร่างกายของพวกมันมีสารเคมีแบบเดียวกับที่พบในสาหร่ายบนน้ำแข็งทะเล สิ่งนี้ที่บ่งชี้ว่าพวกมันกินสาหร่ายจากบริเวณด้านบนของทะเล

จากนั้น บราวน์และทีมงานจึงตามหาสารเคมีดังกล่าว ซึ่งเรียกว่า IP25 ในฐานะตัวบ่งชี้ทางชีวภาพถึงการมีอยู่ของสาหร่ายในร่างกายของหมีขั้วโลก พวกเขาร่วมมือกับทั้งเจ้าหน้าที่รัฐในดินแดนนูนาวุต ของแคนาดา และชนพื้นเมืองชาวชาวอินูอิต (Inuit) ซึ่งมอบตัวอย่างตับจากหมีขั้วโลกที่ถูกล่าเพื่อดำรงชีวิต ผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่า โภชนาการหลักของนักล่าเหล่านี้ ประกอบไปด้วยคาร์บอนจากน้ำแข็งทะเลเป็นส่วนใหญ่

เดโรเชอร์ จากมหาวิทยาลัยแอลเบอร์ตา ชมเชยงานวิจัยชิ้นนี้ พร้อมระบุว่ามีกลุ่มประชากรหมีขั้วโลก 19 กลุ่มกระจายตัวอยู่ในบริเวณอาร์กติก ซึ่งแน่นอนว่างานขั้นตอนต่อไป คือการศึกษาเกี่ยวกับพวกมันในจำนวนที่มากขึ้น

เขากล่าวเสริมว่า แม้ว่าระบบนิเวศมีความแข็งแกร่ง แต่หากมีองค์ประกอบหายไปสักอย่าง “เมื่อเวลาผ่านไป ระบบนิเวศนั้นจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” เขาคิดว่าน้ำแข็งทะเลมีความคล้ายคลึงกับดินในระบบนิเวศแบบป่า “องค์ประกอบพื้นฐาน คือสิ่งสำคัญสำหรับระบบนิเวศในแบบที่เรารู้จัก”

น้ำแข็งทะเลเป็นที่รู้จักในฐานะที่อยู่อาศัยสำคัญของหมีขั้วโลก “แต่จะเป็นอย่างไรถ้าเราไม่เห็นภาพรวม และจะเป็นอย่างไรหากน้ำแข็งทะเลมีความสำคัญมากกว่าที่เราคิดกันไว้” บราวน์ตั้งคำถาม “น้ำแข็งทะเลที่ลดลง หมายถึงแหล่งอาศัยที่น้อยลงไม่สำหรับเฉพาะหมีขั้วโลก แต่ที่สำคัญ ยังรวมถึงบรรดาจุลชีพต่างๆ ในน้ำแข็งทะเล ที่รวมตัวกันเป็นส่วนสำคัญของห่วงโซ่อาหารชั้นล่างสุดของหมีขั้วโลก

การที่ขนาดของน้ำแข็งทะเลลดลง “เราอาจจำเป็นต้องประเมินใหม่ว่าหมีขั้วโลกตกอยู่ในความเสี่ยงแค่ไหน” เขากล่าวและเสริมว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ชัดคือ สำหรับหมีขั้วโลก มีน้ำแข็งย่อมดีกว่าไม่มีเป็นไหนๆ

ที่มา : https://ngthai.com/science/20321/polar-bears/

ลัลลา ลัลลา ลัลลา ลัลลา ลัลลา ลัลลา


411  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / Re: เหตุผลอันน่าประหลาดใจ ว่าทำไมหมีขั้วโ&# เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 16:38:35

ห่วงโซ่อาหารอันหนาวเหน็บ

คุณอาจจินตนาการถึงน้ำแข็งทะเลว่าเป็นพื้นที่สีขาวอันกว้างใหญ่ไพศาล นั่นคือมุมมองจากเบื้องบน แต่หากมองจากเบื้องล่าง น้ำแข็งทะเลนั้นปกคลุมไปด้วย “เสื่อ” สีน้ำตาลอมเขียวจากสาหร่ายหลากหลายชนิด

หากคุณกำลังจินตนาการถึงขากรรไกรขนาดยักษ์ที่กำลังขบเคี้ยวมื้ออาหารอันเยือกเย็นและกรุบกรอบ ซึ่งปกคลุมไปด้วยเมือกสีเขียว ไม่ คุณกำลังคิดผิด หมีขั้วโลกไม่กินน้ำแข็งทะเลโดยตรง ตรงกันข้าม นักวิจัยค้นพบว่าโภชนาการส่วนใหญ่ของหมีขั้วโลก ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่พึ่งพาสาหร่ายบนน้ำแข็งทะเลในฐานะแหล่งอาหาร งานวิจัยของพวกเขาศึกษาหมีขั้วโลกจากบริเวณอ่าวแบฟฟิน อ่าวฮัดสันตะวันตก และอ่าวฮัดสันใต้

หมีขั้วโลกกินแมวน้ำ (และวาฬเบลูกา ในบางพื้นที่) เป็นจำนวนมาก ทั้งแมวน้ำและวาฬกินปลาและสัตว์น้ำอื่นๆ ซึ่งได้รับพลังงานจากสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่เรียกว่าแพลงก์ตอนสัตว์ (Zooplankton) ซึ่งกินสาหร่ายบนน้ำแข็งทะเลอีกทอดหนึ่ง อาหารโปรดอย่างหนึ่งของหมีขั้วโลกอย่าง Ringed Seal ที่กินปลาและกุ้งหลากหลายชนิดซึ่งกินแพลงก์ตอน ในขณะที่แพลงก์ตอนเหล่านั้นกินสาหร่ายทะเล

หากอยู่แยกกัน สาหร่ายเหล่านี้แต่ละต้น “มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมเสียอีก” โทมัส บราวน์ (Thomas Brown) นักนิเวศวิทยาทางทะเล จากสมาคมเพื่อวิทยาศาสตร์ทางทะเลแห่งสกอตแลนด์ (Scottish Association for Marine Science) กล่าว แต่เมื่อรวมตัวกัน สาหร่ายต้นเล็กๆ บนน้ำแข็งทะเลส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อระบบนิเวศในบริเวณขั้วโลก

หลังฤดูหนาวที่มืดมิด แสงแดดในฤดูใบไม้ผลิจะกระตุ้นการเติบโดของสาหร่าย ซึ่งกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีสำหรับสิ่งมีชีวิตขนาดจิ๋วที่เรียกว่า โคพีพอด (Copepod) แอมฟิพอด (Amphipod) และแพลงก์ตอนสัตว์ ซึ่งมีแหล่งอาหารในบริเวณใต้น้ำแข็งทะเล เมื่อน้ำแข็งละลายในฤดูร้อน สาหร่ายเหล่านี้จมลงใต้ทะเล ทำให้ปลาที่กินสาหร่ายเหล่านี้ และแมวน้ำที่กินปลา กลายเป็นส่วนประกอบของห่วงโซ่อาหารที่ไล่ลำดับขึ้นไปถึงหมีขั้วโลก

412  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / ทำไมหมีขั้วโลกต้องพึ่งพาน้ำแข็งทะเล เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 16:35:12
งานวิจัยชิ้นใหม่สำรวจความเชื่อมโยงชิ้นสำคัญในห่วงโซ่อาหารของเหล่า หมีขั้วโลก

https://ngthai.com/app/uploads/2019/04/polar-bear-1.jpg


       ทุกฤดูหนาว น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกจะขยายตัวรอบขั้วโลก กิ่งก้านเยือกแข็งของมันแผ่ขยายไปตามแนวชายฝั่งทางเหนือ ขณะนี้ น้ำแข็งทะเลเพิ่งผ่านจุดที่ขยายตัวมากที่สุดในรอบปี และจะเริ่มหดตัวเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึง นี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญสำหรับหมีขั้วโลก ซึ่งมีแหล่งอาหารที่เกี่ยวพันกับน้ำแข็งทะเลอย่างไม่อาจแยกขาดจากกันได้และในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา น้ำแข็งทะเลหดตัวอย่างรวดเร็วกว่าที่เคยเป็นมา ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลด้านหิมะและน้ำแข็งแห่งชาติ (National Snow and Ice Data Center) ระบุว่า ในปี 2019 น้ำแข็งทะเลที่ปกคลุมอาร์กติก มีขนาดเล็กที่สุดเป็นอันดับเจ็ด นับตั้งแต่พวกเขาเริ่มเก็บข้อมูลจากดาวเทียมเมื่อ 40 ปีก่อน    ในปีนี้ “[การหดตัวของน้ำแข็งทะเล] ไม่ได้สร้างสถิติใหม่ แต่สิ่งสำคัญคือแนวโน้ม” แอนดรูว์ เดโรเชอร์ (Andrew Derocher) นักวิทยาศาสตร์ด้านหมีขั้วโลกแห่งมหาวิทยาลัยแอลเบอร์ตา กล่าว “แนวโน้มเชิงลบของน้ำแข็งทะเลตลอดทุกเดือน เป็นสิ่งที่น่ากังวล”ฤดูใบไม้ผลิที่หนาวเย็นทำให้น้ำแข็งคงตัวอยู่ได้ ซึ่งทำให้หมีขั้วโลกสามารถเข้าถึงหนึ่งในอาหารโปรดอย่างแมวน้ำได้ง่ายขึ้น แต่ฤดูใบไม้ผลิที่อุ่นขึ้นทำให้เส้นทางหาอาหารที่สำคัญของพวกมันขาดหายไป “สำหรับ หมีขั้วโลก หมีตัวที่อ้วนที่สุดคือตัวที่อยู่รอด” เดโรเชอร์กล่าว   หมีที่ตัวอ้วนกว่า มีโอกาสที่จะอยู่รอดในฤดูร้อนซึ่งไม่มีน้ำแข็งและไม่มีหรือแทบไม่มีแหล่งอาหาร มากกว่าตัวที่ผอม และหมีเพศเมียที่อ้วนกว่า ต้องการพลังงานเพื่อให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูกให้มีสุขภาพดีได้โดยสมบูรณ์ “ไม่เคยมี หมีขั้วโลก ตัวไหนที่มองตัวเองในทะเลสาบที่ละลาย แล้วคิดว่านี่ฉันอ้วนเกินไปแล้วนะ” เดโรเชอร์กล่าวอย่างติดตลก    เราทราบกันมานานแล้วว่าน้ำแข็งทะเลเป็นพื้นที่สำคัญที่หมีขั้วโลกใช้ล่าเหยื่อและเลี้ยงดูลูกๆ แต่กลับกลายเป็นว่า ตัวน้ำแข็งเองก็มีแหล่งพลังงานสำคัญเช่นกัน      งานวิจัยที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร PLoS ONE เมื่อปี 2018 ระบุว่าโภชนาการอย่างน้อยร้อยละ 70 ของหมีขั้วโลก (อย่างน้อยสำหรับประชากรหมีสามกลุ่มในภาคเหนือของแคนาดา) มีที่มาจากสาหร่ายที่เติบโตบนน้ำแข็งทะเล


413  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ในครัว / Re: แกงไตปลา กับปลาซาบะย่าง สูตร/วิธีทำ เมื่อ: 29 พฤษภาคม 2563 16:22:55
เราสามารถใช้ปลาอื่นได้ไหมคะ อายจัง
414  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / Re: การถ่ายภาพ กับชาวสยาม ภาพเก่าเล่าเรื่อง เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2563 21:09:36

การได้รับพระราชทานโอกาส
ให้ไปศึกษาเล่าเรียนยังต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศทางยุโรป ทำให้ได้พบเห็นความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองและเทคโนโลยีใหม่ ๆ ตลอดจนการที่ชาวตะวันตกเข้ามามีบทบาทหน้าที่ทางราชการมากขึ้น ทำให้พระบรมวงศานุวงศ์ เจ้านาย ขุนนาง และชนชั้นสูงในสยามกลายเป็นผู้นำที่มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ของสยามในระยะแรก ธรรมเนียมนิยมต่าง ๆ จึงมักเริ่มจากในรั้วในวังและกลุ่มชนชั้นนำในสังคม ก่อนจะแพร่หลายไปสู่ประชาชน ความนิยมด้าน การถ่ายภาพ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็เช่นกัน

https://ngthai.com/app/uploads/2019/02/Imag24330-rt.jpg

ภาพสตรีไม่ทราบนามแต่งกายชุดกระโปรงยาว สวมหมวกปีกกว้าง สวมรองเท้า และถือถุงมือยาวอย่างฝรั่งเมืองหนาว แสดงถึงวัฒนธรรมการแต่งกายในโลกตะวันตกที่เริ่มแพร่หลายเข้ามาในสยามเมื่อกว่าร้อยปีมาแล้ว

https://ngthai.com/app/uploads/2019/02/Imag24329-rt.jpg

การแต่งกายแบบลำลองของชายไทย นุ่งกางเกงจีนใส่เสื้อคอกลม  คาดเข็มขัดหรือผ้าขาวม้าเคียนพุง  สันนิษฐานว่าเป็นยุคก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง

การบันทึกเรื่องราวของบ้านเมือง
โดยอาศัยการถ่ายภาพและกล้องถ่ายภาพ ในสมัยนั้นถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าการขยายเส้นทางรถไฟจากพระนครสู่หัวเมืองน้อยใหญ่ทั่วประเทศ และการเสด็จประพาสต้นเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎร เพราะเพียงการมีพระบรมฉายาลักษณ์ของสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงบนเครื่องบูชาประจำเรือนในสมัยนั้น ก็ถือเป็นการกระจายความอุ่นใจสู่พสกนิกร โดยเฉพาะในยามที่สยามมีภัยจากการล่าอาณานิคมคุกคามอยู่รอบด้าน


เรียบเรียง มธุรพจน์ บุตรไวยวุฒิ

ภาพถ่าย  หอจดหมายเหตุแห่งชาติ

ที่มา :  https://ngthai.com/history/18384/photography-history-in-siam/


เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม เยี่ยม




415  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / การถ่ายภาพ กับชาวสยาม ภาพเก่าเล่าเรื่อง เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2563 21:04:10

การถ่ายภาพ กับชาวสยาม

https://ngthai.com/app/uploads/2019/02/LOGO-W-4.jpg


ภาพเก่าเล่าเรื่องตอน การถ่ายภาพ กับชาวสยาม
:  นับแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 สยามประเทศเริ่มมีการติดต่อค้าขายกับชาติตะวันตกมากขึ้น บ้านเมืองเกิดการเปลี่ยนแปลงและปรับปรุงให้ทันสมัย เฉกเช่นชาติคู่ค้าเรื่อยมาตามลำดับ ครั้นล่วงเข้าสู่รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 สยามเกิดการพัฒนาถึงขีดสุดในหลายด้าน ละทิ้งธรรมเนียมโบราณที่ดูล้าหลัง ปลูกฝังธรรมเนียมใหม่ให้เป็นไปตามสากลนิยม เช่น ยกเลิกระบบไพร่ทาส เปิดโอกาสให้สามัญชนได้เล่าเรียนในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย และใช้หลักการแพทย์สมัยใหม่ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ตลอดจนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งและสาธารณูปโภคต่างๆ ทั้งหมดทั้งปวงเหล่านี้ทำให้ชาวสยามมีชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบายขึ้นเป็นอันมาก


https://ngthai.com/app/uploads/2019/02/Imag24328-rt.jpg

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงถ่ายภาพบุรุษในชุดเสื้อครุยปักและสวมลอมพอกดูคล้ายพระยาแรกนา

https://ngthai.com/app/uploads/2019/02/Imag24331-rt.jpg

เจ้าจอมเอิบผู้พี่ (คนหน้า) และเจ้าจอมเอื้อนผู้น้อง สองในห้าเจ้าจอมก๊กออในรัชกาลที่ 5 ผู้มีฝีมือในการถ่ายภาพ กำลังตั้งกล้องถ่ายรูปเจ้าพระยาสุรพันธ์พิสุทธิ์ (เทศ บุนนาค) ผู้เป็นบิดา ในชุดของผู้มีฐานันดรศักดิ์เป็นเจ้าพระยา


416  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร - เขียนไข เเละ วานิช live in hombar chiang mai เมื่อ: 26 พฤษภาคม 2563 20:50:09


<a href="http://www.youtube.com/watch?v=5wDleGg9Igg" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=5wDleGg9Igg</a>





แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร - เขียนไข เเละ วานิช

สาโรจน์ ยอดยิ่ง - คำร้อง-ทำนอง 
ประชา หลุยจำวัน - Guitar solo
สัญชัย หิรัญบูรณะ - Mixed/Mastered
สัญชัย หิรัญบูรณะ,สิทธา นิยมเหมาะ - Engineered

วอนให้ลม ช่วยพัดหัวใจพี่ลอยไป
จากดินแดน ถิ่นเหนือที่ไกลแสนไกล
สุดขอบฟ้า ที่ไกลแสนไกล ล่องลอยไป
วอนให้ลม ช่วยพัดหัวใจ พี่ไปให้ถึง

ฝากดวงใจ พี่ลอยล่องไปบนนภา
สุดขอบฟ้า หัวใจพี่จะไปถึง
ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง หัวใจพี่แทบติดตรึง
เพ้อรำพึงรำพัน ถึงแม่นวลน้อง

แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร
ใจพี่จมแทบพสุธา
ดวงฤทัย หรือดวงแก้วตา
ดุจดวงดารา ดวงดาวดวงไหน
วอนให้ชาย ทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจ น้องไม่มีใคร
วอนให้ลม พัดพาหัวใจพี่ไปถึง

ฝากดวงใจ พี่ลอยล่องไปบนนภา
สุดขอบฟ้า หัวใจพี่จะไปถึง
ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง หัวใจพี่แทบติดตรึง
เพ้อรำพึงรำพัน ถึงแม่นวลน้อง

ฝากดวงใจ พี่ลอยล่องไปบนนภา
สุดขอบฟ้า หัวใจพี่จะไปถึง
ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง หัวใจพี่แทบติดตรึง
เพ้อรำพึงรำพัน ถึงแม่นวลน้อง

แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร
ใจพี่จมแทบพสุธา
ดวงฤทัย หรือดวงแก้วตา
ดุจดวงดารา ดวงดาวดวงไหน
วอนให้ชาย ทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจ น้องไม่มีใคร
วอนให้ลม พัดพาหัวใจพี่ไปถึง

ฝากดวงใจ พี่ลอยล่องไปบนนภา
สุดขอบฟ้า หัวใจพี่จะไปถึง
ได้สบตาแค่เพียงครั้งหนึ่ง หัวใจพี่แทบติดตรึง
เพ้อรำพึงรำพัน ถึงแม่นวลน้อง

แก้มน้องนางนั้นแดงกว่าใคร
ใจพี่จมแทบพสุธา
ดวงฤทัย หรือดวงแก้วตา
ดุจดวงดารา ดวงดาวดวงไหน
วอนให้ชาย ทุกคนเดินผ่าน
วอนให้ใจ น้องไม่มีใคร
วอนให้ลม พัดพาหัวใจพี่ไปถึง

417  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / Re: หนีห่าง -เขียนไขและวานิช เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2563 16:49:36
 ซีด ซีด ซีด ซีด ซีด ซีด ซีด ซีด ซีด
418  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / Re: กวางสี “จ้วง”กวางสี ต้นกำเนิดตระกูลภาษาไทย เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2563 16:45:46

ต่ออีกนิดจ้า.... ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก ตกหลุมรัก


เขาอธิบาย "ไป่เยวี่ย” ต้องเข้าใจก่อนว่าคือชื่อ "กลุ่มวัฒนธรรม” ไม่ใช่ชื่อชนชาติ พวกไป่เยวี่ยกระจายตัวกว้างขวางมาก มีตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำแยงซีเกียงตอนปลายลงมาจนถึงเวียดนาม(ตังเกี๋ย) จีนเรียกเหมารวมไปหมดว่า "ไป่เยวี่ย” นอกจากนี้ชนชาติส่วนน้อยทางภาคตะวันออก
เฉียงใต้ของจีนปัจจุบัน เช่น ชนชาติม้ง ชนชาติเย้า ชนชาติเซอ ชนชาติถู่ ชนชาติจิง(เวียด) สืบสายวัฒนธรรมมาจากไป่เยวี่ยทั้งนั้น
           พวกไปเยวี่ยสาย "ซีโอว่” และ "ลั่วเยวี่ย” (ลั่ว-คำนี้น่าจะหมายถึง "นก” เรื่องนี้เกี่ยวกับ Totem และการทำนาลุ่ม) คือบรรพชนของชาวจ้วง จึงมีความนิยมเรียกชื่อชนเผ่าพื้นเมืองต่างๆ เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เลิกใช้คำว่า "เยวี่ย” เปลี่ยนมาใช้ "หมาน” เปลี่ยนมาใช้ "เหล่า”(ลาว) เปลี่ยนมาใช้ "ไป๋อี”(เสื้อขาว) จินฉื่อ(ฟันทอง) กระ ทั่งสับสนเรียกเป็น "เย้า” เป็น "ม้ง” อะไรต่างๆ มากมาย เรื่องนี้สร้างความสับสนได้มาก แต่สรุปได้ว่า ชื่อ "เยวี่ย” "หมาน” "เหล่า” เก่าแก่คำว่า ไท-ไต
นักวิชาการศึกษาชนชาติจ้วง ตั้งคำถาม อะไรคือวัฒนธรรมร่วมกันของกลุ่มชนไป่เยวี่ย? ทองแถม ชี้ให้เห็นทางสังคมวัฒนธรรม
                1. อยู่อาศัยบนเรือนเสาสูง
                2.เชี่ยวชาญทางน้ำและเรือ
                3. ตัดผมสั้น(ไม่ไว้ผมรัดเกล้า แล้วใส่หมวกแบบฮั่น) สักร่างกาย
                4. วัฒนธรรมทำนาข้าว
                5. ในยุคสำริดบูชากลองมโหระทึก
                6. นิยมการฝังศพครั้งที่ 2 (ฝังดินแล้วเก็บกระดูกฝังครั้งที่ 2)
ทั้งขยายภาพของกลุ่มชนไปเยวี่ยที่อยู่ใน Mainland Southest Asia พัฒนาวัฒนธรรมแตกต่างกันออกไป 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือกลุ่มแรก พวกที่ได้รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากชมพูทวีปมาก ค่อนมาทางภาคตะ วันตก รับวัฒนธรรมทางศาสนาจากฮินดูและพุทธ ทั้งมหายานและเถรวาท วัฒนธรรมใหม่เปลี่ยนไปจากเดิมมาก เป็นต้นว่า ไทยกลุ่มที่รับศาสนาพุทธ
          กลุ่มที่สอง พวกที่รับอิทธิพลวัฒนธรรมจากฮั่น หรือจีนแท้ ยังนับถือผีสาง เทวดา กลองมโหระทึก พิธี กรรมรับเอาศาสนาเต๋าเข้ามาผสม สองกลุ่มนี้ดูผิวเผินจะแตกต่างกันมาก อย่างที่คนไทยไปพบพี่น้องในกวางสี ในกุ้ยโจว จะงุนงงว่าไม่เห็นเหมือนไทยเลย ซึ่งรากเหง้าวัฒนธรรมดึกดำบรรพ์ก็ยังหลงเหลืออยู่ เพราะก่อนที่พุทธ ฮินดู หรือฮั่น จะแผ่อิทธิพลอย่างมากนั้นชนพื้นเมืองที่นี่มีระบบความเชื่ออยู่แล้ว เพราะมีพื้นฐานทางวัฒนธรรมมั่นคงและแข็งแกร่ง "เป็นต้นว่า การบูชากลองมโหระทึก ยังรักษาไว้ได้ถึงวันนี้ โดยเฉพาะในไทยและกะเหรี่ยง ความเชี่ยว ชาญทางด้านโลหะ ประเพณีฝังศพครั้งที่ 2 (คนไทยยังนิยมสร้างกู่ เจดีย์ บรรจุอัฐิ)” อย่างไรก็ดีทองแถมได้ทิ้งคำ ถาม "การจะค้นหารากเหง้าวัฒนธรรมไทยเดิม ก่อนรับพุทธและฮินดู เราต้องไปศึกษาเปรียบเทียบกับกลุ่มทางตะวันออก เช่น ชาวจ้วงในกวางสี ชาวหลี(ภาษาจีนไหหลำเรียก "โหล่ย” คือ "ดอย” ชาวเขานั่นเอง ในไหหลำ ชาวผู้ใหญ่ในกุ้ยโจวแต่ก่อน จีนเรียกส่วนหนึ่งของชนชาติผู้ใหญ่ว่า "ซา” จะเกี่ยวกับคำว่า "ซำ” "สยาม” หรือไม่น่าศึกษาดู?”
           อย่างไรก็ดีความเห็นคุณทองแถม "ชนชาติภาษาจ้วงในกวางสีด้วยกัน มีอยู่ถึง 28 กลุ่ม แต่ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่ข้ามตำบลเดียวเท่านั้นก็จับใจความประโยคได้ยากอยู่ แต่ถ้าเป็นคำโดด ๆ ก็เข้าใจความหมายที่สื่อสารกันได้”
           ปิดท้ายคำพูดทองแถม "สิ่งที่เรากำลังมองอยู่ ในอดีตเรามีวัฒนธรรมเดิมของเผ่าไท-ลาว-จ้วงมีมาก่อนอินเดียพุทธจะเข้ามา เราไม่ใช่คนป่าเถื่อนไร้อารยธรรมอย่างที่ตะวันตกมอง แต่เรามีระบบความเชื่อมาก่อน ในรูปกลองมโหระทึก ผลิตโลหะ วัฒนธรรมทำนาข้าว”


ที่มา : กระทรวงวัฒนธรม  https://www.m-culture.go.th/young/ewt_news.php?nid=271&filename=index


419  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / Re: กวางสี “จ้วง”กวางสี ต้นกำเนิดตระกูลภาษาไทย เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2563 16:43:59
มาต่อกันจ้า หัวเราะลั่น


จากทฤษฎีนี้ นักภาษาศาสตร์จึงสรุปว่า ดินแดนกวางสีเป็นต้นกำเนิดของภาษาไทย นักวิชาการอื่นๆ ให้น้ำหนักกับหลักฐานทางภาษาศาสตร์ จึงเชื่อตามว่า "ต้นกำเนิดของชนชาติตระกูลภาษาไทย คือกวางสี”
          ถึงกระนั้นก็ตามมีหลายคนสงสัย ถ้าเช่นนั้นคนไทยเคลื่อนย้ายจากกวางสีหรือ? ทองแถม กล่าวว่า "มิอาจด่วนสรุปเช่นนั้น” และเสริมรายละเอียด "กวางสีเป็นดินแดนกำเนิดของภาษาตระกูลภาษาไท-กะ-ได มีการกระจายภาษานี้อย่างกว้างขวางมาก ตั้งแต่เกาะไหหลำ กวางตุ้ง กวางสี กุ้ยโจว หูหนาน เสฉวน และภาคตะวันออกของยูนนาน รวมถึงภาคเหนือของเวียดนาม ลาว ไทย พม่า และรัฐอัสสัมของอินเดีย”
          กล่าวเพิ่มเติม "ถิ่นกำเนิดของภาษานั้น เราเห็นว่าน่าจะรวมดินแดนทั้งหมดของกวางสี ปัจจุบันไหหลำ ภาคตะวันตกของกวางตุ้ง ภาคตะวันออกของยูนนาน เวียดนามภาคเหนือ (ประเทศไทย)บรรพชนของคนที่ใช้ภาษาไท-กะ-ได กระจายตัวอย่างกว้างขวางอย่างนี้มาแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ผู้คนส่วนหนึ่งเคลื่อนย้ายกระจายห่างออกไปเรื่อยๆ ซึ่งมีหลักฐานว่าวัฒนธรรมยุคสำริดของบรรพชนชาวจ้วงกระจายไปทางทะเลกว้างไกล ถึงเกาะมาดากัสกา
เมื่อมองตำนานต้นกำเนิดของคนไทย ที่เก่าแก่และตรงกันหลายแหล่ง คือตำนานน้ำเต้าปุง เมืองแถงหรือแถน(เดียนเบียนฟู) แต่ชื่อเรียกว่า "ไท หรือ ไต” เป็นชื่อใหม่ เมื่อเทียบกับชื่ออื่นๆ คนเผ่าอื่นที่ภาษาและวัฒนธรรมใกล้เคียงกับไทยมาก เช่น นุง แปลว่า หนองน้ำ โท้ นั้นเข้าใจว่าเป็นคำเดียวกับคำจีน แปลว่า เนื้อดิน คนพวกนี้ไม่เรียกตนเองว่า "ไท-ไต”
นักกวีไทย-จีน/แปล กล่าวถึงประวัติชาวจ้วง จากการศึกษาพบว่าชนชาติจ้วงเป็นคนพื้นเมืองของกวางสี และกวางตุ้ง ก่อนที่จะถูกกลืนเป็นฮั่น เป็นส่วนประกอบหนึ่งใน "กลุ่มวัฒนธรรมไป่เยวี่ย” ซึ่งเป็นเยวี่ยร้อยจำพวก สมมติฐานที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดขณะนี้คือ ชนพื้นเมืองในกวางสี เป็นกลุ่มหนึ่งของ "ไป่เยวี่ย”
420  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / กวางสี “จ้วง”กวางสี ต้นกำเนิดตระกูลภาษาไทย เมื่อ: 24 พฤษภาคม 2563 16:42:24

"ทำไมต้องใส่ใจศึกษาชนชาติจ้วง?”


          เป็นคำถาม คุณทองแถม นาถจำนง นักกวีไทย-จีน/แปล ผู้ศึกษาชนชาติจ้วง เปิดประเด็นต่อนักวิชาการ และผู้สนใจทั่วไป ในหัวข้อ "จ้วง ไทศึกษา พี่-น้องข้ามแผ่นดิน” แล้วชนชาติจ้วงเกี่ยวข้องอะไรกับคนไทย พลิกไปคำถามหาคำตอบ

          ทองแถม กล่าวว่า "เราก็ต้องถามกลับว่า ท่านสนใจรากเหง้าของคนไทยหรือเปล่าล่ะ? สนใจประ วัติชนชาติไทยหรือเปล่าล่ะ? ถ้าสนใจก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องชนชาติจ้วง จะหาต้นกำเนิดของชาติไทยได้ที่ไหน? อัสสัม ยูนนาน ไม่ใช่คำตอบ แต่คำตอบอยู่ที่ กวางสี ต่างหากล่ะ” เมื่อมองชนชาติจ้วง เป็นชนชาติส่วนน้อยที่มีจำนวนพลเมืองมากที่สุดในกลุ่มชนชาติส่วนน้อยด้วย กัน คือมีประมาณ 15 ล้านคนในกวางสีและยูนนาน ถ้ารวมชนชาติอื่นๆ ที่ใช้ภาษาตระกูลเดียวกัน(ไท-กะ-ได) แล้วจะมีพลเมืองถึง 20 กว่าล้านคน

          ชาวจ้วงคือใคร? ต้องบอกว่าชื่อ "ชนชาติจ้วง” เป็นชื่อใหม่ รัฐบาลสาธารณรัฐประ ชาชนมีนโยบายให้สิทธิปกครองตนเองแก่ชนชาติส่วนน้อย รัฐบาลจีนได้สำรวจ ศึกษา วิเคราะห์ ชนกลุ่มน้อยต่างๆ แล้วประกาศรับรองให้เป็น "ชนชาติส่วนน้อย” ทองแถมชี้ให้เห็น เดิมทีชนเผ่าต่างๆ ที่ใช้ภาษาจ้วง มีชื่อเรียกตนเองต่างๆ กันมากราว 30 กลุ่ม เช่น ผู้จ้วง ผู้ม่าน(บ้าน) ผู้นา ผู้ไท นุง โท้ ฯลฯ รัฐบาลจีนได้กำหนดให้ใช้ชื่อเดียวร่วมกันว่า "จ้วง” ดังนั้นชนชาติจ้วงปัจจุบันนี้จึงมีส่วนประกอบจากชนกลุ่มย่อยอีกหลายกลุ่ม   


          ชนชาติจ้วงที่เคยเรียกตนเองว่า ผู้ไท(ไต) กระจายอยู่แถบตอนใต้ของกวางสี ชายแดนกวางสี-เวียด นาม เป็นภาษาตระกูลเดียวกับภาษาไทย มีคำศัพท์ร่วมกันมากมาย ถ้าได้สอบทานคำโดดๆ กัน จะฟังพอเข้าใจ แต่ถ้าพูดเต็มประโยค คนจ้วงกับคนไทยจะสื่อไม่เข้าใจกัน เพราะภาษาจ้วงรับเอาศัพท์ภาษาจีน สำเนียงไป๋หั้ว(สำเนียงท้องถิ่นหนึ่งของภาษากวางตุ้ง)มาใช้มาก คนไทยไม่รู้ภาษาจีนจึงไม่เข้าใจ ทำนองเดียวกับภาษาไทย รับเอาบาลี-สันสกฤตเข้ามามาก คนจ้วงจึงไม่เข้าใจ เขาขยายความ จากที่เดินทางเข้าไปศึกษา พบว่าแม้แต่คนจ้วงด้วยกันเอง อยู่กันคนละตำบล ก็พูดกันคนละสำเนียง ไม่ค่อยเข้าใจกัน” และว่า "ในทางทฤษฎีภาษาศาสตร์เชื่อว่า ถิ่นต้นตอกำเนิดของภาษาจะเป็นแหล่งที่มีสำเนียงท้องถิ่นแตกต่างกันมากที่สุด เช่น   ภาษาอังกฤษในเกาะอังกฤษ มีสำเนียงแตกต่างกันชัด แต่เมื่อไปอยู่ประเทศอเมริกา ภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกันกลับเป็นสำเนียงเดียวกัน
หน้า:  1 ... 19 20 [21] 22 23
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.168 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 15 มกราคม 2567 09:01:46