ทำดีเพื่อ ความดี นั่นแหละดี

ทำดีเพื่อ เอาดี หาดีไม่

ทำดีเพื่อ ความดี แล้วดีใจ

ทำเพื่อเอา ดีไซร้ ใช่ดีแท้

เหตุฉะนี้ สาธุชนทั้งหลายในโลก พึงกระทำความดีนั้น อันเป็นสิ่งประเสริฐ นับเป็นความดีสุดยอด

ทำยาก แต่มีผลเป็นความสุข โดยสม่ำเสมอตลอดกาล


จากหนังสือ 'จักรวรรดิสาร' วัดจักรวรรดิราชาวาส วรมหาวิหาร 2544 หน้าที่ 25 แต่งโดย

พระราชธรรมมุนี (เกียรติ สุกิตติ)

      เล่นเอาซะไม่กล้าตอบ กลัวโดนตืบ กร๊ากกกกกกกกกกก 

       

         ดูดิใครจะได้รางวัล   

  ตอบได้มีรางวัล นะ เออ  

                เมืองอะไรเอ่ยไม่มีดอก      

ยุ่นสร้างปลาทองพันธุ์ใหม่-เห็นอวัยวะภายใน



เดลี่เมล์รายงานว่า นักวิจัยในประเทศญี่ปุ่น ประสบความสำเร็จในการสร้าง "ปลา ทอง" ที่มีผิวหนังโปร่งแสงและโปร่งใสจนสามารถมองเห็นอวัยวะภายในด้วยตาเปล่า

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ยูตากะ ทามารุ แห่งภาควิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ มหาวิทยาลัยมิเอะ ผู้นำการวิจัย ให้สัมภาษณ์ว่า ปลาทองโปร่งใสดังกล่าวเกิดจากการนำเอาปลาทองกลายพันธุ์ ซึ่งบนตัวมีผิวสีซีดสองชนิดมาผสมพันธุ์กัน เพื่อให้เม็ดสีบนผิวของปลาทองรุ่นลูกเกิดความผิดปกติ

ผลลัพธ์ปรากฏว่า ได้ปลาทองที่มองเห็นทั้งสมอง หัวใจ และอวัยวะภายในอื่นๆ ทำให้การเรียนการสอนด้านชีววิทยาในอนาคต ไม่ต้องนำปลาทองมาฆ่าชำแหละดูอวัยวะภายในอีกต่อไป

"เราคาดว่าปลาทองโปร่งใสจะมีอายุอยู่ได้ราวๆ 20 ปี เมื่อโตเต็มที่ลำตัวจะยาว 265 เซนติเมตร หนัก 2 กิโลกรัมเศษๆ ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าปลาประเภทอื่นๆ ที่เราเคยนำมาทดลองในลักษณะเดียวกัน" ทามารุ เผย


ขอบคุณข้อมูล : นสพ.ข่าวสดรายวัน วันที่ 07/01/2553

5ดาวใหม่นอกระบบสุริยะ



บีบีซีรายงานว่า สำนักงานบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ สหรัฐอเมริกา (นาซ่า) เผยความคืบหน้าการส่งกล้อง โทรทรรศน์อวกาศ "เคปเลอร์" สำรวจห้วงจักรวาล ว่า ล่า สุดกล้องตรวจพบดาวเคราะห์ 5 ดวงแรกที่อยู่นอกระบบสุริยจักรวาล และประกาศชื่อดาวเคราะห์ทั้ง 5 ต่อที่ประชุมสมาคมดาราศาสตร์อเมริกันว่า เคปเลอร์ 4b, เคปเลอร์ 5b, เคปเลอร์ 6b, เคปเลอร์ 7b และเคปเลอร์ 8b

ดาวเคราะห์ที่พบมีขนาดแตกต่างกัน ไล่ตั้งแต่ดวงเล็กที่สุด มีรัศมีใหญ่กว่าโลก 4 เท่า ไปถึงดวงที่มีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดี โดยโคจรอยู่ใกล้ดาวแม่ ซึ่งเป็นดาวฤกษ์ ใช้เวลาโคจรครบ 1 รอบ 3.2-4.9 วันเท่านั้น แตกต่างจากโลกซึ่งใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ 365 วัน

"การที่พวกมันโคจรอยู่ใกล้ดาวฤกษ์ส่งผลให้อุณหภูมิของดาวเคราะห์แต่ละดวงสูงถึง 1,200-1,650 องศาเซลเซียส จึงไม่น่าเชื่อว่าจะมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ได้" นาซ่า แถลง

รายงานแจ้งว่า นาซ่าส่งกล้องเคปเลอร์ขึ้นสู่อวกาศเมื่อต้นเดือนมีนาคมปีก่อน หลังจากนั้นตรวจพบเทหวัตถุที่มีความเป็นไปได้ว่าคือดาวเคราะห์หลายร้อยดวง

ขอบคุณข้อมูล : นสพ.ข่าวสดรายวัน วันที่ 07/01/2553

                       สาธุ

พ่อค้าชาวสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซื้อปลาปักเป้ามาทำอาหารให้ครอบครัวรับประทานจนกลายเป็นเหตุสลดใจ

เมื่อพ่อเสียชีวิต ขณะที่ภรรยาและลูกสาววัย 5 ขวบอาการโคม่าสาหัส

ทำให้พิษสงของปลาปักเป้ากลายเป็นข่าวใหญ่ เป็นข่าวสร้างความน่าสะพรึงกลัวอีกครั้ง

หลังจากเคยมีข่าวผู้นำมารับประทานแบบไม่ถูกวิธีเสียชีวิตมาแล้วหลายครั้ง

ปลาปักเป้ามีชื่อเรียกอีกอย่างว่าปลาเนื้อไก่ ถือว่าเป็นอาหารอันตราย

กระทรวงสาธารณสุขได้กำหนดให้เป็นอาหารที่ห้ามผลิต นำเข้า หรือจำหน่ายตามประกาศกระทรวงสาธารณ สุข (ฉบับที่ 264) พ.ศ.2545

ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือนถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-20,000 บาท

ปลาชนิดนี้พบได้ทั้งในน้ำจืดและน้ำทะเล มีประมาณ 100 ชนิด

แต่ที่ทำให้เกิดพิษมีประมาณ 50 ชนิด และพบในประเทศไทยประมาณ 20 ชนิด

พิษของปลาปักเป้าไม่ได้อยู่ที่เนื้อ แต่มีพิษมากที่ไข่ ตับ กระเพาะ ลำไส้ ผิวหนัง

และพิษของปลาจะเพิ่มมากขึ้นในฤดูปลาวางไข่

หากกินเนื้อในส่วนที่มีพิษของปลาปักเป้า จะเกิดอาการชาที่ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้อาเจียนในขั้นแรก

จนกระทั่งถึงขั้นรุนแรง อาจเป็นอัมพาต และถึงแก่ชีวิตได้

ข้อมูลของศูนย์พิษวิทยา กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข รายงานไว้ว่า

สารที่แยกได้จากปลาปักเป้ามี 2 ชนิด ซึ่งเมื่อผ่านกรรม วิธีต่างๆแล้ว อาการพิษจะเกิดขึ้นหลังรับประทานปลาปักเป้าประมาณ 30 นาที จนถึงหลายชั่วโมง แล้วแต่ปริมาณที่รับประทาน

โดยสารพิษในปลาปักเป้าเป็นสารพิษที่ทนต่อความร้อนสูง

ความร้อนในการปรุงอาหาร การหุงต้ม การแปรรูป จึงไม่สามารถทำลายสารพิษดังกล่าวได้

อาการจากการบริโภคพิษปลาปักเป้าที่เกิดขึ้นแบ่งเป็น 4 ขั้นคือ

ขั้นแรก ชาที่ริมฝีปาก ลิ้น ปลายนิ้วมือ คลื่นไส้ วิงเวียน อาเจียน กระสับกระส่าย

ขั้นที่สอง ชามากขึ้น อาเจียนมาก อ่อนเพลีย แขนขาไม่มีแรง ยืนและเดินไม่ได้

ขั้นที่สาม เคลื่อนไหวแขนขาไม่ได้ พูดลำบากจนถึงพูดไม่ได้ เนื่องจากสายกล่องเสียงเป็นอัมพาต ผู้ป่วยยังรู้สึกตัว

ขั้นที่สี่ กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตทั่วไป หายใจลำบาก เขียวคล้ำ หมดสติ รูม่านตาโตเต็มที่ไม่มีปฏิกิริยาต่อแสง

ขั้นสุดท้ายนี้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องผู้ป่วยจะเสียชีวิตในเวลาอันรวดเร็ว

ที่สำคัญก็คืออาการตั้งแต่ขั้นแรกถึงขั้นสุดท้าย อาจเกิดขึ้นในเวลาเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น

สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างคือเนื้อปลาปักเป้า มีลักษณะคล้ายกับเนื้อไก่

ดังนั้นเพื่อการบริโภคอย่างปลอดภัย มีวิธีการสังเกตง่ายๆ ก็คือ

ถ้าหากเป็นเนื้อปลาแล่ที่เป็นปลาปักเป้า ลักษณะเนื้อจะนูน และมีลายเส้นที่แตกต่างจากปลาชนิดอื่น

ลักษณะดังกล่าวไม่ควรเสี่ยงซื้อมาบริโภค

กรณีเป็นผลิตภัณฑ์เนื้อปลา เช่น ลูกชิ้น ปลาเส้น ให้พิจารณาว่าอยู่ในภาชนะบรรจุที่มีฉลากระบุแหล่งผลิตที่ชัดเจน

ที่สำคัญอย่าซื้อปลาปักเป้ามาแล่เอง

เพราะหากไม่มีความชำนาญ ไม่รู้ขั้นตอนการแล่อย่างถูกวิธี อาจสัมผัสพิษจากส่วนต่างๆ ของปลา

ที่ปนเปื้อนเนื้อปลาหรือปนเปื้อนในเนื้ออาหารที่ปรุงได้

จากอร่อยก็กลายเป็นอันตรายถึงชีวิต


ขอบคุณแหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน

ห้วงอวกาศและจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ยังมีมิติลี้ลับมหัศจรรย์อีกมากมายรอให้ "มนุษย์" สำรวจ หนึ่งในศาสตร์แห่งการไขปริศนาจักรวาลก็คือ การใช้เทคโนโลยี "กล้องโทรทรรศน์" ทั้งบนพื้นโลกและส่งไปโคจรในอวกาศค้นหาคำตอบ ซึ่งตลอดปีที่ผ่านมามีภาพดาราศาสตร์สุดสวยงามตระการตาและโดดเด่น ดังนี้!





1. ก่อร่างสร้างดาว

ภาพจากกลุ่มเนบิวลา หรือ กลุ่มก๊าซและฝุ่นผงในอวกาศ มีชื่อว่า "30 โดเรดัส เนบิลวา" ภายในกำลังเกิดการก่อตัวของดาว "อาร์136" (กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล)


2. เนบิวลา"ไอริส"

พื้นที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของกลุ่มเนบิวลา "ไอริส" มองดูเหมือนภาพผ้าไหมนุ่มละมุน ประดับประดาด้วยประกายแสงสว่างจากอัญมณี (กล้องฮับเบิล)
 

3. สีสันหมู่ดาว

สีสันความเคลื่อนไหวในหมู่ดาว "แคสซิโอเปีย" โดยกลุ่มก๊าซในภาพนี้เรียกว่า กลุ่ม "ไอซี 1795" ห่างจากโลก 6,000 ปีแสง (กล้องฮับเบิล)





4. แมงกะพรุนเรืองแสง

กาแลกซี หรือ ดาราจักร "คาร์ทวีล" ดูคล้ายแมงกะพรุนเรืองแสงลอยอยู่ในจักรวาล ภาพๆ นี้ได้จากการนำภาพจากกล้องฮับเบิล กกล้องโทรทรรศน์สปิตเซอร์ กล้องจันทราเอ็กซ์เรย์ มาประกอบเข้าด้วยกัน


5. ผีเสื้ออวกาศ

กล้องฮับเบิลบันทึกภาพวัตถุในอวกาศ มีลักษณะเหมือนกับผีเสื้อกำลังกระพือปีกโผบิน (กล้องฮับเบิล)


6. "ปู"ทรงพลัง

เนบิวลา รหัส "เอ็ม 1" หรือ "แคร็บ เนบิวลา" ซึ่งแปลว่า "เนบิวลารูปปู" ภายในมีพลังงานอัดแน่นสูงพอๆ กับพลังงานจากดวงอาทิตย์ 100,000 ดวงรวมกัน (กล้องจันทรา)


7. แรงระเบิด

ภาพการระเบิดพุ่งพล่านภายในกลุ่มก๊าซ "คารินาเนบิวลา" (กล้องฮับเบิล)


8. ดาวร้อนแรง

แสงเปล่งประกายออกมาจากกลุ่มเนบิวลา "เอ็นจีซี 6164" ภายในมีดาวกลุ่ม "โอ" (O-type Star) ตั้งอยู่ โดยมีมวลและความร้อนสูงมากกว่าดาวอาทิตย์ประมาณ 40 เท่า และคาดว่าดาวดวงนี้มีอายุไม่ต่ำกว่า 3-4 ล้านปี


9. "ดาราจักร"ประสานงา

กล้องฮับเบิลและกล้องสปิตเซอร์จับภาพจังหวะกาแล็กซี่ หรือ ดาราจักร 2 แห่งเคลื่อนเข้าชนกัน นักดาราศาสตร์เรียกพื้นที่ในจักรวาลตรงจุดนี้ว่า "เอ็นจีซี 6240"


10. กาแล็กซี่คู่หู

ความงามของกาแล็กซี่ หรือ ดาราจักร 2 แห่งที่อยู่เคียงคู่กัน นั่นคือ "เอ็นจีซี 5194" ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่า และ "เอ็นจีซี 5195" ดูเผินๆ อาจเหมือนอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ความจริงแล้วศูนย์กลางดาราจักรทั้ง 2 แห่งนี้ห่างกันราวๆ 31 ล้านปีแสง


ขอบคุณแหล่งที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสดรายวัน

 กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด

หมูต้มซีอิ๊ว





ใครที่เคยผ่านเข้าไปในซอยธนิยะ ถ้ากรึ่มๆ เข้าไปบ้างแล้ว บางทีก็เผลอนึกว่าหลุดเข้าไปอยู่ในญี่ปุ่น

เพราะทั้งซอยมีแต่คนญี่ปุ่นเดินกันขวักไขว่ คนไทย(โดยเฉพาะสาวๆ) ย่านนั้นที่ออกมาเรียกแขกเข้าร้าน ก็พูดญี่ปุ่นกันให้ระเบ็งเซ็งแซ่

แต่ช้าก่อน ในซอยธนิยะนั้นไม่มีแต่เฉพาะบาร์ญี่ปุ่น หรือสาวๆ เท่านั้น

ยังมีร้านอาหารรสชาติ(และราคา) แบบญี่ปุ่นแท้อีกหลายร้านด้วยกัน

หนึ่งในนั้นก็คือ "ซูชิโค" ตรงข้ามตึกธนิยะพลาซ่าของ "เอ้ซัง" หนุ่มญี่ปุ่นที่มาหลงเสน่ห์(สาว)ไทย จนตัดสินใจลงรากปักฐานอยู่ที่นี่แน่นอนแล้ว

ในบรรดาอาหาร หลายรายการก็ญี่ปุ่นจ๋า แต่ว่าบางรายการนั้นประยุกต์เป็นไทยได้ง่ายสบายบรื๋อ(และสบายกระเป๋า-ฮา)
 


หนึ่งในนั้นก็คือหมู(สามชั้น) ต้มซีอิ๊ว

ขึ้นชื่อว่าหมู(สามชั้น) ทำอะไรก็รับประกันความอร่อยไปแล้วครึ่งหนึ่ง

ยิ่งถ้าได้สูตรเด็ด กับพ่อครัว-แม่ครัวมือถึงด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดกัน

แต่สำหรับท่านที่อยากจะเก็บเงินเป็นร้อยเป็นชั่งเวลาไปนั่งกินที่ร้าน เอาไว้สำหรับทำอย่างอื่น

เอ้ซังคนใจใหญ่ ยินดีเปิดเผยสูตรให้

แต่หมายเหตุก่อนว่า นี่คือสูตรสำหรับทำขายในร้านอาหาร ท่านที่จะทำรับประทานที่บ้านควรลดเครื่องปรุงลงตามสัดส่วน

เริ่มต้นจาก

1.หมูสามชั้นชิ้นใหญ่ ประมาณ 5 กิโล

2.ซีอิ๊วสูตร 5 ประ มาณ 2 กระบวย

3.ซีอิ๊วสูตร 3 ประมาณ 2 กระบวย

4.น้ำผึ้งแท้ 1 1/2 ขวด

5.เหล้าแดงจีน(สำหรับปรุงอาหาร) 1 ขวด

6.น้ำตาล 1 กระบวย

วิธีทำคือ เผาหนังหมูให้เกรียม แล้วเอามาแช่น้ำ ขูดหนังส่วนที่ไหม้เป็นสีดำออก แล้วตัดเป็นชิ้น(ใหญ่ๆ)

ตั้งน้ำเปล่า ใส่ขิงกับต้นหอมญี่ปุ่นลงไป

พอน้ำเดือดเอาหมูลงพร้อมกับใส่เกลือ

ต้มหมูให้เปื่อยด้วยไฟอ่อนสุดๆ ประมาณ 1-2 วัน แล้วใส่เครื่องปรุง

คอยตักมันหมูออกเรื่อยๆ น้ำต้มจะได้ใสปิ๊ง และไม่มันเกิน

ชิมรสให้ได้ที่แล้วปรุงตามชอบ

ถ้าทำได้ตามสูตรของเอ้ซังแกจริง เนื้อหมูจะออกมานุ่มนวล รสกลมกล่อม คลุกข้าวร้อนๆ

กลัวเลี่ยนก็โรยพริกป่น(จะไทยหรือญี่ปุ่นก็ได้) ลงไป

ขอดหม้อขอดไหเชียวคุณเอ๋ย

แต่ประสาศิษย์นอกครู เอาสูตรของเอ้ซังมาดัดแปลงแล้วได้ดังนี้

ขาหมู 1 ขา ให้ร้านเขาเผามาด้วย

โชยุ 5 ทัพพี

ซีอิ๊วสูตร 5 ประมาณ 3 ทัพพี

ซีอิ๊วสูตร 3 ประมาณ 3 ทัพพี

มิริน 5 ทัพพี

เหล้าแดง 2 ทัพพี

น้ำตาลทราย 1 ทัพพี

ต้มหมูกับขิงและต้นหอมญี่ปุ่นตามสูตร พอน้ำงวดใส่น้ำปรุงของเราลงไป

ผลออกมาคือเค็มไปนี้ดดดด

นิดเดียวจริงๆ

เป็นบทเรียนเตือนใจว่างวดหน้าต้องใส่มิริน เหล้า และน้ำตาลเพิ่มขึ้นอีกหน่อย

แต่อย่างว่า ของทดลองเอาลงมาตั้งกลางวง

พรึ่บเดียวหมดตามเคย

ไม่ใช่จะคุยว่าอร่อยนักหนา

แต่ว่าเพื่อนๆ อยากลอง เผื่อพลาดจะได้ซ้ำเติม




ขอบคุณแหล่งที่มา : นสพ.ข่าวสดรายวัน

แกงปลีกล้วยปลาย่าง สูตรอร่อยโคราช


 
กล้วยเป็นพืชประจำถิ่น ประจำครัวคนไทยมาแต่โบราณ ผูกพันกันล้ำลึก ใช้ประโยชน์ได้แทบทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น ต้น กาบ ก้าน ใบ ปลี ผล

นอกจากผลแล้ว หยวกกล้วย (ต้นกล้วย) หรือกาบกล้วย ใช้ทำอาหารได้หลายอย่าง เช่น แกงกะทิ แกงเลียง แกงป่า ผัดเผ็ด

ก้านกล้วย เมื่อปอกเปลือกนอกที่แข็งและเหนียวออกแล้ว จะได้ไส้ในที่อ่อนนุ่มเป็นรูพรุนคล้ายฟองน้ำ มีรสหวานนิดๆ นำไปหั่นละเอียดใส่เป็นส่วนผสมของอาหารจำพวกลาบ ช่วยเพิ่มรสชาติได้

ใบกล้วยอ่อน ที่ฝังอยู่ใจกลางลำต้น เอากินสดๆ หรือลวกน้ำร้อนให้นิ่มจิ้มน้ำพริกกิน

แต่ส่วนที่นิยมนำมาทำอาหารที่สุดเห็นจะเป็นดอก หรือที่เรียกว่าปลีกล้วย สาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากถ้าตัดปลีกล้วยออกแล้ว จะทำให้กล้วยแตกเครือเต็มที่ มีผลดก ปลีกล้วยกินได้ตั้งแต่ยังดิบ เช่น กินกับก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ขนมจีน ผสมในยำต่างๆ รวมทั้งเป็นผักจิ้มน้ำพริก

วีระ นุชกระโทก ข่าวสดนครราชสีมา มาแนะนำแกงปลีกล้วยรสแซบแนวอีสาน

ปลีกล้วยที่ใช้เป็นกล้วยน้ำว้า ได้มาแล้วล้างให้สะอาด ลอกกลีบด้านนอกที่มีสีม่วงออกให้หมด ให้เหลือส่วนในสีขาว หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ได้ปริมาณตามต้องการแล้วลงแช่น้ำเปล่า บีบมะนาวลงไปเพื่อไม่ให้ปลีกล้วยดำ

ส่วนที่เป็นเนื้อหรือเหมือด ใช้ปลาดุกย่างเป็นพื้น หรือถ้าชอบกินหมูกินไก่ ก็ดัดแปลงไปตามต้องการ เนื้อปลาย่างเลาะออกมาฉีกเป็นชิ้นๆ เตรียมเอาไว้

เครื่องปรุงอย่างอื่นมีน้ำพริกแกง มะขามเปียก น้ำปลา น้ำปลาร้า ข้าวคั่ว ใบแมงลักหรือโหระพา

หม้อแกงตั้งไฟใส่น้ำพอประมาณ รอจนน้ำเดือดใส่ปลีกล้วยลงไป ห้ามใส่ตอนน้ำยังไม่เดือด เพราะจะทำให้ปลีสีคล้ำไม่น่ากิน ตามด้วยปลาย่าง เครื่องแกง มะขามเปียก ข้าวคั่ว ต้มไปอีกสักพัก คนให้ทั่ว สุกดีแล้วปิดไฟ โรยหน้าด้วยใบแมงลัก หอมฉุยชวนกิน

เป็นอีกสูตรอร่อยจากกล้วยที่น่าลองทำกิน


ขอบคุณแหล่งที่มา : นสพ.ข่าวสดรายวัน

'The Fourth Kind' Trailer HD

           

 


หนังระบบนั่นเอง 5555555555555   
 

ยังโพสไม่หมดเลย รีบแซวซะและ เง้อออ