[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 มีนาคม 2567 19:12:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 [2] 3 4 ... 16
21  สุขใจในธรรม / ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 / Re: ความรู้ในระดับสูงจากการทำสมถะและวิปัสสนา เมื่อ: 19 มิถุนายน 2554 23:57:10
อ้างอิงคำพูดคุณพลศักดิ์
เมื่อนั้นเราจะรู้ว่า  ที่แท้เหล่ามนุษย์ สัตว์ เทพ พรหม เปรต สัตว์นรก ฯลฯ ล้วนกำลังอยู่ในความฝันของตัวเองที่บุญและบาปนำมาให้พบ  และให้เล่นอยู่ในภพภูมิต่างๆตามกำลังบุญบาปของตน



 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
ความรู้ระดับสูงทีได้จากสมถะ และวิปัสสนา (จริงๆๆ)

ก็เลยโยงไปอ้างอิงท้าวความถึงกระทู้นี้

http://www.sookjai.com/index.php?topic=16254.0

กระทู้นั้น มีกลิ่นอายของมาร
ที่ทำให้เวียนว่าย ในสังสารวัฎ  ด้วยกำลังบุญและบาป ติดอยู่ในความฝันตนเอง
จนจะอยู่เป้นสัตว์ตัวสุดท้าย ที่จะตื่น

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

แลก็อ้างอิง คำพูดคุณพลศักดิ์เอง  เป็นคำรบสอง
ว่ามั่วขนาดไหน

พระโพธิสัตว์ที่เข้านิพพานไปแล้ว  แต่ไม่ยอมคงอยู่ในพระนิพพาน(พุทธภูมิ) จึงทิ้งพระนิพพาน(พุทธภูมิ)ออกมาอยู่ในโพธิสัตว์ภูมิ  เช่น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระกษิติครรถ์โพธิสัตว์  แม้แต่พระเยซูคริสต์  พวกท่านเป็นพระบุตรเพียงคนเดียวของพระเจ้า(พระพุทธเจ้า)


กลับมาเวียนว่าย ตามคติทั้งหก เช่นเดิม
เพราะเพลินต่อ อายตนะ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

พระอรหันต์โพธิสัตว์ท่านบรรลุธรรมแล้ว  จะไปเพลินต่อ อายตนะได้อย่างไร  เพียงแต่ท่านมีหน้าที่ต้องทำ ต้องช่วยโปรดสัตว์ต่อเท่านั้เอง
22  สุขใจในธรรม / ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 / Re: นักปฏิบัติกรรมฐานพึงรู้ว่า พุทธเจ้า อัลเลาะห์ เง็กเซียน ฯลฯ เป็นองค์เดียวกัน เมื่อ: 19 มิถุนายน 2554 23:47:45

นายนี่ก็ไม่หยุดเพ้อเจ้อ

อยากเด่นอยากดังนักรึไง พวกมารศาสนา

เราไม่เคยเพ้อ
เราไม่เคยอยากเด่นอยากดัง
แต่เรานั้นเป็นมารศาสนาของทุกศาสนาที่รู้ไม่จริง เพราะเราคือผู้นั้นที่ชาวโลกรอคอย
23  สุขใจในธรรม / ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4 / Re: ก่อนเกิดใครเป็นเรา เมื่อเกิดแล้วเราเป็นใคร เมื่อ: 19 มิถุนายน 2554 23:42:07
อ้างจาก: ปลายฟ้า순결静静

[color=navy
เจ้าสำนักฝ่าย(ฆราวาส)ของนี้กายนี้เข้าอางว่า บรรลุพุทธะภาวะในชาตินี้แล้ว คุณ phonsak คิดว่าเป็น

ไปได้ไหม ?นิกายนี้มีทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวา

ผมไม่ทราบครับ  บอกชื่อหน่อยซิครับ  วันหลังผมไปเจอตัว  จะเดินเข้าไปตบหัวมันเลย  ถ้ามันบรรลุจริง มันย่อมไม่โกรธ

ข้าพเจ้า ได้ยินมาว่า  ชื่อสมณโคดม  สำนักนี้มีทั้งสงฆ์และฆราวาท

สมณโคดม ก็คือเราพลศักดิ์  ดังคำกล่าวว่า  "ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเราตถาคต" 

ในไบเบิล พระเยซูคริสต์ตรัสว่า "ผู้ที่เห็นเรา ก็เท่ากับเห็นพระเจ้า"

เมื่อเธอปฏิบัติจิตจนถึงขั้นอรหันต์  นั่นแหละเธอได้เข้าถึงความเป็นพระเจ้าหรือพระพุทธเ้จ้าแล้ว
24  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / Re: ศีล 5 มีไว้เพื่ออบรมใจ ไม่ใช่อบรมกาย วาจา เมื่อ: 22 เมษายน 2554 21:37:53
ดีใจที่ในเว็บนี้ มีคนต้องการรู้ความจริงเรื่องศีลเหมือนกัน
25  สุขใจในธรรม / กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ / Re: นายแคล้ว ธนิกุล อมสมเด็จไว้ในปาก ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ขึ้นสวรรค์นาน เมื่อ: 22 เมษายน 2554 21:34:58
armageddonเอ๋ย!


เธอรู้จักเราแค่ชาตินี้เท่านั้น  ก่อนหน้านั้นนับกัปไม่ถ้วน  เธอหารู้จักเราไม่  เธอจึงไม่ควรพูดว่า "แต่การคุยโอ่ ใช้เวลานิดเดียว"

อีกอย่างคนที่คุยโอ่ท่านใด จะมีความรู้ลึกซึ๊งทางศาสนาเช่นเราล่ะ....ไม่มีเลย  ความจริงกับการคุยโอ่  มันอยู่ที่ใจของเธอคิดตีความและปรุงแต่งไปเอง  หาอยู่ทีเราผู้พูดความจริงไม่
26  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / คนที่ไม่เข้าใจเรื่องศาสนา ไม่ว่ามากหรือน้อย ก็เพราะถูกมารลวงเรื่องจิต เมื่อ: 11 เมษายน 2554 14:30:32
จิตมีอยู่ 2 ชนิด

1. จิต (สงขาร)  หรือ จิตในปฏิจจสมุปบาท สิ่งนี้หรือจิตตัวนี้ เป็นสิ่งที่หลวงปู่ดุลย์ เรียกว่า รูปนามของจักรวาล  และหลวงปู่ดูลย์กล่าวถึงว่า “ภาวะที่แท้แห่งจิต เป็นสิ่งที่ก่อกำเนิดธรรมทั้งหลาย ที่เรียกว่าวิญญาณ"   ธรรมทั้งหลาย ก็คือ จิต (สงขาร) คือ จักรวาล นั่นเอง

หรือที่พระพุทธเจ้า เรียกว่า
สพฺโพ ปจฺจลิโต โลโก              
สพฺโพ โลโก ปกมฺปิโต                        
โลกทั้งโลก คือ ความกระเพื่อมไหว/หวั่นไหว (Trembling)                        
โลกทั้งโลก คือ ความสั่นสะเทือน (Vibration)

และนักวิทยาศาสตร์เรียกว่าอะตอมหรือสสาร หรือสรรพสิ่งในจักรวาล

2. จิตบริสุทธิ์ หรือจิตสังขาร หรือนิพพานจิต  สิ่งนี้ที่หลวงปู่ดุลย์ พูดว่า จิตหนึ่ง หรือ จิตคือพุทธะ     นิพพาน เป็นการรวมของจิตบริสุทธิ์เข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม

จุดมุ่งหมายของพุทธศาสนา คือ นำจิตสังขารที่อยู่ในจักรวาล(ฝั่งนี้)  ออกไปเป็นจิตบริสุทธิ์นิพพาน(ฝั่งโน้น)


สรุป

1. จิตในโลกและจักรวาลเป็นจิตที่ไม่บริสุทธิ์ แม้แต่จิตเจ้าแม่กวนอิม หรือจิตพระศรีอริยะเมตตรัย  จิตของพวกท่านก็ยังไม่บริสุทธิ์  เพราะจิตของพวกท่านไม่ได้ตัดความเมตตากรุณาต่อมวลมนุษย์ออกจากใจ

2.  จิตนิพพาน เป็นการรวมของจิตบริสุทธิ์เข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม   จิตในนิพพานนี้ เป็นจิตต้นกำเนิด  หรือเป็นธรรมกายต้นกำเนิด หรือเป็นพุทธภาวะ ที่เรียกว่า อาทิพุทธ  ผู้ที่เข้าถึงนิพพาน ก็คือผู้ที่รู้และกลับไปเป็นส่วนหหนึ่งของ อาทิพุทธ  ที่ศาสนาพราหมณ์เพรียกว่า อาตมัน(อรหันต์)กลับเข้าไปรวมกับปรมาตมัน (นิพพาน)

ผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องศาสนาไม่ว่ามากหรือน้อย  เกือบทั้งหมดก็เพราะ...ถูกมารหรืออวิชชาทำให้ไม่เข้าใจเรื่องจิตไม่บริสุทธิ์(จิตสังขาร)และจิตบริสุทธิ์(จิตนิพพาน)
27  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เปิดเผยรหัสลับพุทธทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 เมื่อ: 07 เมษายน 2554 17:30:32
Ooto : พุทธทำนายจึงไม่มีรหัสลับใดๆทั้งสิ้น เพียงแต่เป็นไปตามเหตุปัจจัยเท่านั้น

somjeed : ง้าน......เปลี่ยนจาก "รหัสลับ" เป็น "ตีความหมาย" ดีมั้ยก๊ะ.........(ล้อเล่นนะคะ จะได้ไม่เครียดกัน ^^")

วโรดม : ไม่ใช่รหัสลับหรอกครับ ถ้าลับต้องไม่มีใครรู้เลยซิ 55
แอร์ดังเลย...



ตอบ


เราจะบอกพวกเธอนะ  คำสอนต่างๆของพระพุทธเจ้าล้วนเปิดเผยให้รู้ให้เห็น  แต่คนรู้เห็นแต่ละท่านย่อมตีความแตกต่างกันไป  อย่างเช่น  พระนิพพานเป็นอัตตา  เราก็ได้แสดงหลักฐานมามากมายแล้ว  แต่คนที่ยังถูกกิเลสตัญหาครอบงำ  เขาก็ย่อมพูดอยู่วันยังค่ำว่า นิพพานเป็นอนัตตา

คำสอนของพระพุทธเจ้า:  ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นเราตถาคต  เมื่อเธอยังถูกกิเลสตัญหาครอบงำ  จึงมองไม่เห็นพระพุทธเจ้า  ส่วนเราผู้กิเลสเหลือน้อยมากแล้ว  เธอจะเชื่อไหม? เราพบเห็นทั้งพระพุทธเจ้า-สณโคคม  พบทั้งพระพุทธเจ้าองค์แรกที่เป็นมนุษย์ - พระกกุสันธะ  พบทั้งพระพุทธเจ้าองค์แรกที่เป็นสัมโภคกาย - พระติกขะคัมมะ(พระไวโรจนพุทธเจ้า)  เราได้พบทั้งพระศรีอริยะเมตตรัย  และพบทั้งเจ้าแม่กวนอิม

ด้วยเหตุนี้  การใช้ประโยคว่า "เปิดเผยรหัสลับ" นั้นถูกต้องแล้ว  ข้อความอย่างเดียวกัน  แต่คนอ่านเกือบทั้งโลก  ก็เข้าใจไม่เหมือนกัน  เพราะฟ้าไม่ได้เปิดใจให้เขารู้เห็นนั่นเอง
28  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / คำทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 ของผม เมื่อ: 04 เมษายน 2554 00:01:21
'ปองศักดิ์包青天' date='25 March 2011 เขียนถามว่า:
คุณพลศักดิ์ช่วยใช้ธรรมกายของท่าน วิปัสสนากรรมฐานดูให้หน่อยเถิดว่า ประเทศไทยในปีพ.ศ.2554 จะเกิดภัยพิบัติใดบ้างครับ?


ตอบ 


เราเห็นว่า  ภัยพิบัติจะมาจากน้ำ  น้ำแข็งขั่วโลกจะละลาย ทำให้เกิดน้ำท่วมประเทศต่างๆที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นเกาะสวรรค์ หรือหาดสวรรค์ จะจมลงต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปลายปี 2554   ภาวะอากาศจะวิปลิตผิดปกติตลอดในปี 2553-2556 

ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์มาจากแกนขั่วโลกเคลื่อน  แต่ความจริงแล้วเกิดจากอำนาจของผู้ทรงฤทธิ์ ที่ท่านนำวิบากกรรมผิดศีลของมนุษย์ มาลงโทษมนุษย์

ปีที่แล้ว เบื้องบนผู้ทรงฤทธิ์ ได้ให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับมนุษย์ เพื่อตกลงกันเรื่องกรีนเฮ๊าเอฟเฟคให้ได้ โลกจะได้รอดวิกฤตจากน้ำแข็งขั่วโลกละลายและแกนโลกเคลื่อน  แต่มนุษย์ต่างเห็นแก่ตัว  เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศตนเองเท่านั้น  ไม่เห็นแก่โลก  จึงตกลงกันไม่ได้

ความเป็นจริง...อนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้  อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่พ้น  เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้เห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  ได้ระบุไว้แล้วว่า ภัยพิบัติจะมาจากทางน้ำ (ไว้ผมจะนำหลักฐานมาแสดง)

โชคดีที่ว่า... ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา  จึงรอดพ้นจากภัยพิบัติหนักไปได้(เบาบางมาก)  สิงคโปร์เป็นประเทศที่ตั้งถูกฮวงจุ้ย  ภัยพิบัติจึงเบาบางลงเช่นกัน
29  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เปิดเผยรหัสลับพุทธทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 เมื่อ: 03 เมษายน 2554 23:53:35
น่ากลัวมั่กมากก
phunyaporn โพสต์เมื่อ 3-4-2011 20:35



ที่ผมยกมาเป็นแค่ส่วนหนึ่งของตำทำนายเท่านั้น  ก่อนหน้านั้น  พระพุทธองค์ตรัสว่า:

.....คนในสมัยนั้น ( คือปัจจุบัน ) จะมีวิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่าอำมหิต จะรบราฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วน เวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศลตามวัจนะของตถาคต ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมือง ใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น.....

บ้านเมือง ใดมีความเคารพยำเกรงในพระรัตนตรัยและคุณบิดามารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น = เมืองไทยเป็นศูนย์กลางแห่งพระพุทธศาสนา   แม้ว่าจะหนีกฏธรรมชาติไม่พ้น   แต่เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง....นะครับ

ที่ควรสงสารคือประเทศอื่นๆที่ประสพภัยพิบัติต่างหาก
30  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / เปิดเผยรหัสลับพุทธทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 เมื่อ: 03 เมษายน 2554 16:25:10
1. ผมได้เคยเขียนไว้ในเว็บศาสนาต่างๆว่า ในปี 2011 และโดยเฉพาะในปี 2012 จะเกิดภัยพิบัติอย่างนี้ 
http://www.yantip.com/board/view ... 5315&extra=page%3D1

2. รหัสลับแห่งพุทธทำนาย   คำพุทธทำนาย คัดจาก.....พุทธทำนาย ถอดความจากศิลาจารึก เขตมหาวิหาร ประเทศอินเดีย  http://www.kroobannok.com/20123



เปิดเผยรหัสลับพุทธทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 โดย พลศักดิ์ วังวิวัฒน์


"........เริ่มแต่พุทธศาสนาล่วงเลย 2,500 ปีเป็นต้นไป ไฟจะลุกลามมาทางทิศตะวันออกไหม้วัดวาอาราม สมณะชีพราหมณ์จะอดอยากยากเข็ญ ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผีขโมดจะเข้าเมือง พระเสื้อเมืองพระทรงเมืองจะหนีเข้าไพร ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงผีเสื้อเหล็กนับแสนตัว มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ ยักษ์หินที่ถูกสาบให้หลับใหลมาเป็นเวลานานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ นักปราชญ์จะถูกทำร้ายให้สิ้นสูญ........."


อธิบายความหมาย....โดยพลศักดิ์


-  มหาสมุทรจะชอกช้ำ  = กัมมันตภาพรังสีนิวเคลียร์ ทำให้มหาสมุทรชอกช้ำหรือเปล่าล่ะ

-  ยักษ์หินที่ถูกสาบให้หลับใหลมาเป็นเวลานานจะตื่นขึ้นมาอาละวาดโลก = แผ่นดินไหว เพราะตามตำนานต่างๆ ยักษ์มักจะโดนคำสาปให้เป็นหิน

-  ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน   = ทั้งเอลนินโญ่ และ ลานินญ่าล้วนเข้ามาโจมตีโลก  ตามพุทธทำนายเอลนินโญ่ และ ลานินญ่าคงไม่หยุดง่ายๆ  ดินฟ้าอากาศ พายุ อุทกภัยจะแปรปรวนผิดปกติต่อไป  หมายความว่า  ราคาสินค้าเกษตรต่างๆ  ไม่เฉพาะแต่น้ำตาล  จะขึ้นไปเรื่อยๆ  ไม่มีการหยุด  ราคาถอยเพียงเพื่อปรับตัวเท่านั้น และให้โอกาสในการซื้อ

- ตลิ่งจะพัง แผ่นดินอธรรมจะถล่มเป็นทะเล = ก็อย่างที่ผมเห็นในจิต ผืนแผ่นดินในประเทศและในทวีปต่างๆ   จะโดนน้ำท่วมหนัก  ขนาดเกาะมัลดีฟ จมหายไปในทะเล  เกาะสวรรค์สำหรับนักเที่ยว กลายเป็นเกาะนรกในพริบตา

- โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ = คงไม่ต้องเขียนอะไรเพิ่มนะครับ  พุทธทำนายข้อนี้ชัดเจนอยู่แล้ว

...
31  สุขใจในธรรม / คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด / คำทำนายภัยพิบัติโลกปี 2553-2556 ของพลศักดิ์ วังวิวัฒน์ เมื่อ: 27 มีนาคม 2554 12:32:10
'ปองศักดิ์包青天' date='25 March 2011 เขียนถามว่า:
คุณพลศักดิ์ช่วยใช้ธรรมกายของท่าน วิปัสสนากรรมฐานดูให้หน่อยเถิดว่า ประเทศไทยในปีพ.ศ.2554 จะเกิดภัยพิบัติใดบ้างครับ?


ตอบ 


เราเห็นว่า  ภัยพิบัติจะมาจากน้ำ  น้ำแข็งขั่วโลกจะละลาย ทำให้เกิดน้ำท่วมประเทศต่างๆที่อยู่ติดชายฝั่งทะเล โดยเฉพาะที่มัลดีฟ ซึ่งเป็นเกาะสวรรค์ หรือหาดสวรรค์ จะจมลงต่ำกว่าระดับน้ำทะเลปลายปี 2554   ภาวะอากาศจะวิปลิตผิดปกติตลอดในปี 2553-2556 

ภัยพิบัติจากแผ่นดินไหว ตามหลักวิทยาศาสตร์มาจากแกนขั่วโลกเคลื่อน  แต่ความจริงแล้วเกิดจากอำนาจของผู้ทรงฤทธิ์ ที่ท่านนำวิบากกรรมผิดศีลของมนุษย์ มาลงโทษมนุษย์

ปีที่แล้ว เบื้องบนผู้ทรงฤทธิ์ ได้ให้โอกาสครั้งสุดท้ายกับมนุษย์ เพื่อตกลงกันเรื่องกรีนเฮ๊าเอฟเฟคให้ได้ โลกจะได้รอดวิกฤตจากน้ำแข็งขั่วโลกละลายและแกนโลกเคลื่อน  แต่มนุษย์ต่างเห็นแก่ตัว  เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศตนเองเท่านั้น  ไม่เห็นแก่โลก  จึงตกลงกันไม่ได้

ความเป็นจริง...อนาคตอาจเปลี่ยนแปลงได้  อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่หลักเลี่ยงไม่พ้น  เพราะพระพุทธเจ้าเป็นผู้เห็นอนาคตที่ไม่เปลี่ยนแปลง  ได้ระบุไว้แล้วว่า ภัยพิบัติจะมาจากทางน้ำ (ไว้ผมจะนำหลักฐานมาแสดง)

โชคดีที่ว่า... ประเทศไทยเป็นประเทศที่เป็นศูนย์กลางแห่งพุทธศาสนา  จึงรอดพ้นจากภัยพิบัติหนักไปได้(เบาบางมาก)  สิงคโปร์เป็นประเทศที่ตั้งถูกฮวงจุ้ย  ภัยพิบัติจึงเบาบางลงเช่นกัน
32  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: พระอรหันต์ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ เมื่อ: 20 มีนาคม 2554 15:08:34
คนอวดเก่ง เป็นผู้รู้ ชอบใช้วิธีเดิมๆ  เอาพุทธพจน์ข้อความที่ตนเอง ไม่มีวันเข้าใจ กะจะมาถามผม  แต่ก็ไม่กล้าถาม

  คุณกำลังจะถามอะไรผม  ถามมาตรงๆได้เลย  อายครู อวกเก่งต่อหน้าครู ย่อมไม่มีทางได้วิชาไป 

ผมเห็นความประพฤติของคุณดีขึ้น เลิกด่าว่าผู้เป็นอาจารย์ก่อนถามแล้ว  ผมเลยเปิดโอกาสให้ถามได้


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

ไม่ถามคุณพลศักดิหรอก

เรื่องอะไรจะไปเสพทุกข์อัน ประกอบด้วยโทษ ไม่เป็นประโยชน์ ฯ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น




ใช่แล้ว... ความอยากรู้อยากเห็น แล้วไม่รู้ เป็นเหตุแห่งความทุกข์   แต่อย่าไปทะลึ่งเอาสิ่งที่ตนไม่รู้จริง  ไปสอนคนอื่น  และอย่าไปขัดขวางผู้ที่เขาอยากรู้ด้วย
33  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: พระอรหันต์ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ เมื่อ: 19 มีนาคม 2554 20:49:22
คนอวดเก่ง เป็นผู้รู้ ชอบใช้วิธีเดิมๆ  เอาพุทธพจน์ข้อความที่ตนเอง ไม่มีวันเข้าใจ กะจะมาถามผม  แต่ก็ไม่กล้าถาม

  คุณกำลังจะถามอะไรผม  ถามมาตรงๆได้เลย  อายครู อวกเก่งต่อหน้าครู ย่อมไม่มีทางได้วิชาไป 

ผมเห็นความประพฤติของคุณดีขึ้น เลิกด่าว่าผู้เป็นอาจารย์ก่อนถามแล้ว  ผมเลยเปิดโอกาสให้ถามได้
34  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: พระอรหันต์ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ เมื่อ: 14 มีนาคม 2554 00:13:02
" ก็ได้ประโยชน์นะครับที่เล่าหลักการวิถีทางของความเป็นอรหันต์ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน......แต่ถ้าเราไปปรามาสเข้าโดยมิได้เจตนาก็จะเป็นกรรมได้

ตอบ

การพูดความจริงกับการปรามาสต่างกันตรงที่ การพูดความจริงไม่มีจิตอกุศล ส่วนการปรามาสผู้พูดมีจิตอกุศลในขณะที่พูด

พระพุทธองค์ไม่ได้สอนว่า "เราไปปรามาสเข้าโดยมิได้เจตนาก็จะเป็นกรรมได้"   พระพุทธองค์ตรัสสอนว่า  'เจตนาหัง ภิกขเว กัมมัง วทามิ'...แปลว่า ภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวว่าเจตนาเป็นกรรม...  ด้วยเหตนี้    "เจตนามี กรรมมา  เจตนาไม่มี กรรมไม่มา"
35  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / พระอรหันต์ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ เมื่อ: 13 มีนาคม 2554 15:45:55
จากกระทู้กฎแห่งกรรมกำลังตามสนองอภิสิทธิ์ สุเทพ กษิต สนธิ และแกนนำพันธมิตรhttp://www.yantip.com/board/view ... 3576&extra=page%3D2  

# ผมphonsak เขียนว่า:

หลวงพ่อฤาษีลิงดำท่านเป็นคนพูดว่า "พระเจ้าตากสินไปนิพพานแล้ว" แต่คุณต้องเข้าใจว่า  หลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระอรหันต์เท่านั้น  ไม่ใช่พระพุทธเจ้า ท่านจึงมีมิจฉาทิฏฐิได้  มีอีกหลายเรื่องที่หลวงพ่อท่านเข้าใจผิด  แต่ผมคงไม่ต้องการสืบต่อไปในเรื่องนั้น

 คุณocto เขียนว่า:  phonsak

พระพุทธเจ้า ก็เป็นพระอรหันต์ ครับ เคยสวดมนต์แปลใหมครับ พระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง..... น่ะครับ
หากเป็นพระอรหันต์แล้ว มิจฉาทิฏฐิ นั้นไม่มีแล้วครับ

ผมคิดว่าคุณphonsak พูดเพราะขาดสติ และเพราะ......ไม่พูดถึงดีกว่าครับ


...

พระอรหันต์ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่


ตอบคุณ octo และเพื่อนสมาชิกที่ยังไม่เข้าใจเรื่องพระอรหันต์ และพระพุทธเจ้า

พระอรหันต์:  พระอรรถกถาจารย์แสดงความหมายของพระอรหันต์ไว้ 5 นัย คือ

1.ไกลจากกิเลส 2. กำจัดกิเลสได้หมดสิ้น 3. เป็นผู้หมดสังสารวัฏ คือ การเวียนว่ายตายเกิด 4. เป็นผู้ควรแก่การบูชาพิเศษของเทพและมนุษย์ทั้งหลาย 5. ไม่มีที่ลับในการทำบาป ไม่มีความชั่วเสียหายที่จะต้องปิดบัง

ด้วยเหตุนี้ พระสุกขวิปัสสก (ไม่มีญาณวิเศษใดๆ นอกจากรู้การทำอาสวะให้สิ้นไป (อาสวักขยญาณ) อย่างเดียว) ได้อานิสงค์จากการที่ปฏิบัติวิปัสสนาเพียงอย่างเดียว

อาสวักขยญาณ = ปฏิบัติได้ จนถึงขั้นจิตละกิเลสทุกชนิด ไม่มีความยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวกู ของกู  = ได้ปัญญาวิมุตติ (อรหันต์) ไม่มีมิจฉาทิฏฐิในเรื่องทางโลกุตตระธรรมอีกต่อไป   แต่พระอรหันต์เหล่านี้ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่  มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางโลก คือ มีสัมมาทิฏฐิทางโลก  แต่ส่วนใหญ่พระองค์ท่าน ไม่ต้องการพูดเรื่องเหล่านั้น จึงเรียกว่า "ใบไม้นอกกำมือ"  

ผมได้ยกตัวอย่างหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ที่มีมิจฉาทิฏฐิ เข้าใจเรื่องราวทางโลกผิดๆ เช่น เรื่องพระเยซู พระเจ้าตากสิน ฯลฯ ที่ผมบอกแล้วว่า ผมไม่ต้องการเขียนเรื่องเหล่านั้น  

พระอรหันต์ที่ได้อาสวักขยญาณ  แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดคือ   หลวงตามหาบัว   หลวงตามหาบัวไม่มีมิจฉาทิฏฐิทางธรรมแล้ว  แต่ท่านยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่  

หลักฐาน  

หลวงตามหาบัวเคยถูกลูกศิษย์ คือ นายสนธิ ลิ้ม...หลอกให้ด่าทักษิณ  แล้วอัดเทปเก็บไว้  เอาไปเผยแพร่  จนหลวงตามหาบัวเข็ดเขี้ยวไปจนตาย  ไม่กล้าพูดเรื่องการเมืองอีก  ใครหลอกถามอะไรท่าน  ท่านก็ไม่เอาแล้ว

พระอรหันต์ที่ไม่มีความเข้าใจผิดทางธรรมและทางโลก  มีสัมมาทิฏฐิอยู่ทุกกาล(อกาลิโก) เรียกว่า "สัพพัญญู" คือ ผู้ที่เป็นพระพุทธเจ้า

พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก ท่านเป็นผู้หลงผิด(มิจฉาทิฏฐิ)ทางโลกมากที่สุด   ส่วนพระอรหันต์ประเภทอื่นก็มีมิจฉาทิฏฐิทางโลกลดน้อยลงตามลำดับ  พระอรหันต์เตวิชโช(ผู้ได้วิชชา 3 คือ 1.บุพเพนิวาสานุสสติญาณ (รู้ระลึกชาติได้) 2.จุตูปปาตญาณ (รู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย)อันเป็นที่เกิดจากการเข้าใจในกฎแห่งกรรมอย่างแท้จริงจึงรู้เหตุการณ์ที่จะเป็นไปได้ทั้งสิ้น 3.อาสวักขยญาณ (รู้ทำอาสวะให้สิ้น)) มีมิจฉาทิฏฐิทางโลกน้อยกว่าพระอรหันต์สุกขวิปัสสโก    ส่วนพระอรหันต์ประเภทพระฉฬภิญญะ(ได้อภิญญา 6) และประเภทปฏิสัมภิทัปปัตตะ จะมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกน้อยกว่าเพื่อน  

ปฏิสัมภิทัปปัตตะ = ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา 4 คือแตกฉานในความรู้อันยิ่ง 4 ประการ ได้แก่ อัตถปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในอรรถ ธัมมะปฏิสัมภิทาความแตกฉานในธรรม นิรุตติปฏิสัมภิทาความแตกฉานในภาษา ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ความแตกฉานในปฏิภาณไหวพริบ

สรุป

พระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ประเภทเดียวที่ไม่มีมิจฉาทิฎฐิทางธรรมและทางโลก = "สัพพัญญู"

พระอรหันต์ประเภทอื่นล้วนแล้วแต่ไม่มีมิจฉาทิฎฐิทางธรรม = ได้อาสวักขยญาณ  แต่ยังมีมิจฉาทิฏฐิทางโลกอยู่ โดย พระอรหันต์สุกขวิปัสสโก มีมิจฉาทิฏฐิทางโลกมากที่สุด  ตามด้วยพระอรหันต์เตวิชโช   พระอรหันต์ฉฬภิญญะ(ได้อภิญญา 6) และพระอรหันต์ปฏิสัมภิทัปปัตตะ
36  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย เมื่อ: 05 มีนาคม 2554 16:50:17
armageddonเขียนว่า:

เมื่อไร คุณพลศักดิ์ มหาเกรียนสิบประโยค
มีดวงตาเห็นธรรม
เมื่อนั้น ก็จะรู้จักผมได้หละ


armageddon เอ๋ย!


เราจะบอกความจริงแก่เธอ

"ผู้ใดเห็นธรรม  ผู้นั้นเห็นเรา(ตถาคต)"

เราได้พบเห็นพูดคุยกับทั้งโคตมะพระพุทธเจ้า(พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 4 ในภัทรกัปนี้)   พระกกุสันธะ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 1 ในภัทรกัปนี้)   และพระศรีอริยเมตไตรย์ (พระเจ้า หรือพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 ในภัทรกัปนี้)
นอกจากนี้ เรายังได้พบและพุดคุยกับพระติกขะตัมมะพุทธเจ้า หรือพระไวโรจนพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้า ผู้เป็นผู้สร้างจักรวาลและสรรพสิ่ง เป็นต้นกำเนิดทุกสิ่ง) ที่ชาวโลกเรียกว่า "องค์พระผู้เป็นเจ้าที่เป็นพระบิดา

แม้แต่พระอวโลกิเตศวร(กวนอิม) พระนางสิริมหามายา(มารดาพระพุทธเจ้า) เราก็เคยเจอและพูดคุยกัน
ผู้ดูแลคุ้มครองโลกนี้ (suppermanของโลก) เราก็เคยเจอและพุดคุยด้วยเป็น 10 ครั้ง

แล้วเธอไม่คิดหรือว่า  เราจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร  เธอเป็นพระยามารยังไงล่ะ เธอตามรังควานเรามา 7 ปีแล้ว  ตั้งแต่เราเข้ามาในเว็บธรรมะ

37  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย เมื่อ: 01 มีนาคม 2554 12:53:12
armageddon เอ๋ย!




เอ็งนี่โง่จริง หรือว่าแกล้งโง่วะ พูดเหมือนพวกมารศาสนาที่เป็นพระทำสัทธรรมปฏิรูปเลย

เถรวาท ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก
และจะไม่ตัดทอน ไม่ปรุงแต่ง สิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัส


มหายานแต่ละนิกายใน 18 นิกาย  พวกเขาก็ยืนยันที่จะคงของเดิม ตั้งแต่แรก ที่ปรมาจารย์ของเขาได้ยินมาจากพระโอษฏ์ของพระพุทธเจ้า  ไม่มีใครหน้าไหนโคตรชั่วถึงขั้นแต่งพระสูตรขึ้นมาเอง

มีแต่พวกมารที่แฝงตัวเป็นปถุชนและพระซ่อนตัวอยู่ในเถรวาท เช่น นายarmageddon  แล้วกล่าวหาใส่ร้ายเขาเท่านั้น   เอ็งนึกหรือว่า ข้าไม่รู้หรือว่าเอ็งเป็นใคร
38  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: อายตนะนิพพาน = ธรรมกาย = อัตตา มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ และมีเมืองพระนิพพานด้วย เมื่อ: 28 กุมภาพันธ์ 2554 00:50:30
พระสูตรต่างๆของทางมหายาน น่าเชื่อถือมากกว่าเถรวาทซะอีก เพราะมหายานมีนิกายกว่า 18 นิกาย  ถ้าพระสูตรไหนมนยุคใดพยายามไปเปลี่ยนพุทธพจน์ต่างๆ  นิกายอื่นๆเขาไม่มีทางเห็นด้วย

เถรวาทมีนิกายน้อยกว่า  การแก้ไขพุทธพจน์ของพระพุทธเจ้าทำได้ง่ายกว่า

เหมือนกัยโลกของเราไม่นิยมระบอบเผด็จการ ประเทศอย่างอียิปต์ แม้กระทั่งลิเบีย เอาเผด็จการมาใช้ แม้ทหารของผ้นำจะเอาด้วย  ประชาชนส่วนหนึ่งเอาด้วย อีกส่วนไม่เอา  ชาวโลกส่วนใหญ่ไม่เอา  ถ้ามีการร่วมมือกันอย่างจริงจังระบอบเผด็จการก็อยู่ไม่ได้

ศาสนาก็เหมือนกัน นิกายเถรวาทมีนิกายน้อยกว่า ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์บางแห่งอาจจะทำได้  แต่นิกายมหายานมีนิกายมากกว่า  ต่างเป็นอิสระต่อกัน ความเป็นเผด็จการจะแก้ไขพุทธพจน์คงยากมากๆๆๆๆ
39  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / Re: เมื่อมึงหาตัวกู ของกู พบเมื่อไร มึงก็เสร็จกิจใน 3 ภพเมื่อนั้น เมื่อ: 27 กุมภาพันธ์ 2554 23:52:44
ตลก ตัวกูมีที่ไหน ถ้ายังมีกูก็มีภพโว้ย มั่ว ...
แอลเอ โพสต์เมื่อ 27-2-2011 14:33



ภพและตัวกูเป็นอัตตาไม่แท้  เรียกว่าอัตตานุทิฏฐิ หรืออุปทาน หรืออนัตตา ตัวนี้อยู่ในสังสารวัฏฏ์

ภพและตัวกูเป็นอัตตาแท้ คือ ธรรมกาย  พระพุทธเจ้ายืนยันว่า ธรรมกายนี้เป็นอัตตา


พระพุทธเจ้าตรัสในขุทฺทกนิกาย จริยา อรรถกถาปกิณณกกถา เล่ม 74 หน้า 571 ว่า

"...หรือบารมีย่อมตักตวงคุณมีศีลเป็นต้นอื่นไว้ในสันดานของตนเป็นอย่างยิ่ง หรือบารมีย่อมทำลายปฏิปักษ์อื่นจาก ธรรมกายอันเป็นอัตตา...."


อัตตา = ธรรม


พระไตรปิฎกบาลี ที.ปา.๑๓/๔๙/๘๕

"ภิกษุทั้งหลาย เธอจงเป็นผู้มีอัตตา (ตน) เป็นที่พึ่ง มีอัตตาเป็นสรณะ จงเป็นผู้มีธรรมเป็นที่พึ่ง มีธรรมเป็นสรณะ ไม่มีสิ่งอื่นเป็นสรณะอยู่เถิด "

(อตฺตทีปา ภิกฺขเว วิหรถ อตฺตสรณา อนญฺญสรณา ธมฺมทีปา ธมฺมสรณา อนญฺญสรณา)
40  สุขใจในธรรม / ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน / เมื่อมึงหาตัวกู ของกู พบเมื่อไร มึงก็เสร็จกิจใน 3 ภพเมื่อนั้น เมื่อ: 26 กุมภาพันธ์ 2554 23:32:56
หาตัวกู ของกูพบเมื่อไร...ก็เสร็จกิจใน 3 ภพเมื่อนั้น


ตัวกู ของกู   ไม่เคยตาย

ที่ตายไปนั้นเป็นสิ่งที่กูเคยเข้าไปสิงร่างเท่านั้น  กูจึงหาได้อาลัยอาวรณ์มันไม่
ถ้าตัวกู ของกู ยังไม่เบื่อเล่นเกมส์เป็นมนุษย์ เป็นสัตว์ เป็นเปรต เป็นพรหม ยักษ์ นาค เทวา  กูก็จะให้เสื้อผ้า(วิญญาณธาตุ)กับมันได้ใส่ต่อ  เพื่อให้มันได้ค้นหาตัวเองให้เจอต่อไป 

จนกระทั่งมันเจอตัวกู ที่เป็นของกู...คือ พุทธะเมื่อไร  มันก็เสร็จกิจของมันใน 3 ภพเมื่อนั้น

......................................................................................
หน้า:  1 [2] 3 4 ... 16
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.259 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 05 ธันวาคม 2566 16:58:45