[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 ตุลาคม 2566 03:35:08 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  [1] 2 3 ... 229
1  สุขใจในธรรม / จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม / เสวนา เรื่อง “เซนล้อมหายาน” (วาระรำลึก ๑๐๐ วัน ธีระ วงศ์โพธิ์พระ (ธีรทาส) ) เมื่อ: 22 กรกฎาคม 2566 16:10:19
เสวนา เรื่อง “เซนล้อมหายาน”
 
เนื่องในวาระรำลึก ๑๐๐ วัน ธีระ วงศ์โพธิ์พระ (ธีรทาส)


<a href="https://www.youtube.com/v//cbbNrlQa-PA" target="_blank">https://www.youtube.com/v//cbbNrlQa-PA</a> 

<a href="https://www.youtube.com/v//P6TZTc67WS0" target="_blank">https://www.youtube.com/v//P6TZTc67WS0</a> 
2  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / กุมารีกันดัม(ทวีปเลอมูเรีย) คนไทยมาจากใจกลางมหามุทรอินเดีย เมื่อ: 05 กรกฎาคม 2566 14:14:40











เหรียญทวาราวดีบางส่วน









หน้ากลองมโหระทึก คือ รูปของผังเมืองโบราณ ทวีปอันตรธาน ที่เคยอยู่ กลางมหาสมุทรอินเดีย ทวีปเลอมูเรีย ทางตำนานอินเดียโบราณ เรียกว่า ทวีปกุมารีกันดัม

ผังเมืองนี้ คล้าย ๆ กับ อาณาจักรแอตแลนติส ที่ เพลโตเคยกล่าวไว้

เป็นเรื่องที่บ้ามาก ที่นักวิชาการอิสระคนนี้ ได้เสนอทฤษฎีทางเลือก ที่น่าสนใจ ว่า หน้ากลองมโหระทึก คือ ผังเมือง ทวีปอันตรธาน ( เลอมูเรีย,กุมารีกันดัม,แอตแลนติส) เชื่อมโยง ถึงเหรียญทวาราวดี โบราณ เหรียญทวาราวดี ไม่ใช่เหรียญทางศาสนา และไม่ใช่เหรียญการค้า แต่เป็นเหรียญบันทึกเรื่องราวการล่มสลาย ของ แผ่นดินใหญ่ใจกลางมหาสมุทร โดน มหันตภัยทางน้ำ มหาสึนามิ กวาดล้างอารยธรรมมากมายให้ สลายไปในพริบตา และ ลูกหลานของคนเหล่านี้ ที่หนีตาย ขึ้นฝั่ง แถว ๆ เอเชีย อุษาคเนย์  สุวรรณภูมิ  ได้บันทึกเรื่องราว ไว้ที่เหรียญ บางส่วนก็ที่หน้ากลางมโหระทึก คนไทย คนเอเชีย คนอุษาคเนย์บางส่วน ก็ สืบเชื้อสายมาจาก ทวีปแห่งนี้

เป็นทฤษฎี บ้าๆ แหวกกระแส และก็น่าสนใจ ตาม ๆ ลองมองในมุม ภัยพิบัติทางน้ำ สู่การตีความอีกมุม ก็น่าสนใจไม่น้อย ถือว่า เป็นมุมมองนอกกรอบ กระแสรอง นอกกระแสหลัก เป็นทฤษฎีทางเลือก สนุก ๆ ละกัน

<a href="https://www.youtube.com/v//WJoG4P-Kec4" target="_blank">https://www.youtube.com/v//WJoG4P-Kec4</a>  

<a href="https://www.youtube.com/v//3arM84XBYWo" target="_blank">https://www.youtube.com/v//3arM84XBYWo</a>  

<a href="https://www.youtube.com/v//VtmHuhK7-2s" target="_blank">https://www.youtube.com/v//VtmHuhK7-2s</a>  

<a href="https://www.youtube.com/v//-ZFHQXSDhGo" target="_blank">https://www.youtube.com/v//-ZFHQXSDhGo</a>  

<a href="https://www.youtube.com/v//Ot5grxyNZQU" target="_blank">https://www.youtube.com/v//Ot5grxyNZQU</a>  

มีอีกจนจบ https://youtube.com/@jobdag
3  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / กรุงกัมโพช ชื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในสมัยปฐมโบราณ เมื่อ: 04 เมษายน 2566 20:07:38
กรุงกัมโพช ชื่อดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในสมัยปฐมโบราณ

กัมโพช แผลงมาจาก กำพุชะ หรือ กัมพุชา เป็นชื่อชาวอินเดียคนหนึ่งซึ่งได้ตั้งอาณาจักรเขมรขึ้น และตั้งตัวเป็นกษัตริย์ ตั้งแต่นั้นมา คำว่า กัมพุชะ หรือ กัมพูชา จึงเป็นชื่อของประเทศเขมร ต่อมาเสียงเปลี่ยนเป็น กัมโพช เมื่อราว พ.ศ. ๑๔๐๐ เขมรเจริญอำนาจครอบครอง ดินแดนเกือบตลอดเขตประเทศสยาม ในเวลานั้น ชนชาติไทยเรายังมิได้อพยพลงมา บรรดาเจ้าผู้ครองนครต่างๆ ซึ่งเป็นประเทศราชของเขมรจึงได้ขนานนามตัวเอง โดยนำเอาคำ กัมโพช มาเป็นชื่อ เช่น พระเจ้ากัมโพชศรีบวรมหาวงศ์ธรรม เจ้าผู้ครองนครเมืองยอง (ไทยใหญ่) เป็นต้น แม้ภายหลังเขมรจะเสื่อมอำนาจลงแล้ว คำว่า กัมโพช ก็ยังนิยมใช้เป็นชื่อของเจ้าครองนครต่างๆ ทางแถบไทยใหญ่อยู่มาก และคำทั้ง ๓ คือ กัมโพช กัมพุชะ กัมพูชา ก็คงใช้เป็นชื่อประเทศเขมรตลอดมาจนกระทั่งตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส.

<a href="https://www.youtube.com/v//vvO4nywhfkQ" target="_blank">https://www.youtube.com/v//vvO4nywhfkQ</a> 
4  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / ตำนานหิมพานต์ : ตามรอยไตรภูมิกถา ค้นหาคำตอบ หิมพานต์อยู่ที่ไหน เมื่อ: 04 เมษายน 2566 19:55:38


ตำนานหิมพานต์ : ตามรอยไตรภูมิกถา ค้นหาคำตอบ หิมพานต์อยู่ที่ไหน

ตำนานหิมพานต์ โลกนี้มีตำนานมากมาย อันแสดงถึงความคิด และภูมิปราชญ์แห่งบรรพอริยชน และหนึ่งในตำนานเหล่านั้น มีเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ยากเกินกว่าที่มนุษย์สามัญธรรมดาจะไปถึง ดินแดนอันเป็นที่อยู่ของเหล่าสัตว์พิศดารเหนือกว่าจินตนาการ ตำนานหิมพานต์

<a href="https://www.youtube.com/v//RSE1zbstSsI" target="_blank">https://www.youtube.com/v//RSE1zbstSsI</a>  

5  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / เปิดหลักฐาน สยามเริ่มกลืนเขมร 600 ปีก่อน อ้างอิงงานวิชาการ-การทดสอบทางวิทยาศาสตร เมื่อ: 04 เมษายน 2566 19:43:12
เปิดหลักฐาน! สยามเริ่มกลืนเขมร 600 ปีก่อน อ้างอิงงานวิชาการ-การทดสอบทางวิทยาศาสตร์

อิทธิพลของสยามในด้านศิลปวัฒนธรรม และความเป็นไทยต่างๆ ได้ถูกถ่ายทอดไปยังกัมพูชาอย่างเข้มข้น ในยุคของกษัตริย์องค์ด้วง เมื่อเกือบ 200 ปีเป็นต้นมา ตามข้อมูลต่างๆ ที่เราได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้ ซึ่งนั่นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหลักฐาน ของการเข้าไปมีอิทธิพลของสยามในด้านต่างๆในกัมพูชา สิ่งที่น่าสนใจกว่า และอาจจะเป็นสิ่งที่คนไทยและเขมร ไม่เคยตระหนักมาก่อน หรืออาจจะรับรู้มาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน หรือสามารถให้รายละเอียด ที่ลึกลงไปกว่านั้นได้ นั่นก็คือการเข้าไปมีส่วนร่วมของสยาม ในการสร้างศิลปวัฒนธรรมในด้านต่างๆให้กับทางกัมพูชา ในยุคอังกอร์ หรือพระนคร ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สยาม ได้เข้าไปครอบครองเมืองพระนคร ของอาณาจักรขอม ในปีคริสตศักราช 1431 โดยกษัตริย์จากกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 หรือเจ้าสามพระยา ที่อาจจะย้อนไปถึงการเข้าตีเมืองนครธมก่อนหน้านั้น ในปี 1352 อย่างไรก็ตาม ในคลิปวิดีโอนี้ เราจะเน้นเฉพาะการเข้าไปครอบครองพระนครโดยชาวสยาม ในปี 1431 เท่านั้น ด้วยการอ้างอิงบทความทางวิชาการที่ชื่อ หลักฐานของการเข้าไปครอบครองพระนครของชาวอยุธยา ในศตวรรษที่ 15 ซึ่งเขียนขึ้นโดยนักวิชาการชาวตะวันตกจาก 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำ จาก 3 ทวีป คือ Martin Polkinghorne จากมหาวิทยาลัย Flinders ประเทศออสเตรเลีย Christophe Pottier จาก EFEO สถาบันฝรั่งเศสทางด้านเอเชียตะวันออก และ Christian Fischer จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ลอสแองเจลลีส หรือ UCLA นั่นทำให้มั่นใจได้ว่า บทความนี้มีความน่าเชื่อถือ และมีอคติน้อยกว่าบทความที่เขียนขึ้นโดยคนๆเดียว หรือมาจากประเทศที่มีส่วนได้ส่วนเสีย อย่างไทย หรือกัมพูชา โดยบทความวิชาการนี้ ได้รับการตีพิมพ์ โดยสยามสมาคมในพระบรมราชูปถัมถ์ ในปี 2018 ซึ่งเป็นการแก้ไขปรับปรุงจากงานเขียนเดิม และเป็นส่วนหนึ่งของงานเขียนที่ชื่อ พระพุทธรูปองค์หนึ่ง สามารถซ่อนอีกองค์หนึ่งไว้ได้ ที่ตีพิมฑืในปี 2013 ในวารสาร Journal Asiatique ฉบับที่ 301 (2) ซึ่งเป็นงานวิชาการ  ที่ได้รับข้อมูลและความช่วยเหลือ จากสถาบันและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง ซึ่งแน่นอนว่า มีจากทั้งฝั่งไทยและกัมพูชารวมอยู่ด้วย บทความนี้ จะเป็นการตีแผ่หลักฐานเชิงประจักษ์ ที่มีมากกว่า 50 รายการ รวมถึงการพิสูจน์ในทางวิทยาศาสตร์ เพื่อช่วยยืนยัน การมีขึ้นของอิทธิพลของสยาม ที่มีต่อกัมพูชาในยุคอังกอร์หรือพระนคร โดยเฉพาะในเรื่องของศาสนาและพุทธศิลป์ ที่สามารถพบเห็นได้ ในสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่เมืองเสียมราฐ ประเทศกัมพูชา ซึ่งหลักฐานบางอย่าง ชาวกัมพูชาก็เคยนำเอามาอวดอ้างด้วยว่า เป็นต้นฉบับของสยาม ทั้งๆที่หลักฐานเหล่านั้น ถูกสร้างขึ้นในแบบอยุธยาตอนต้น ตามข้อสรุปของบทความทางวิชาการฉบับนี้ ในบางช่วงของการบรรยาย อาจจะมีการใช้คำสามัญทั่วไป ในการอธิบายแทนคำศัพท์เฉพาะทาง เพื่อให้ง่าย ในการทำความเข้าใจ


ปีคริสตศักราช 1431-1432 มักจะถูกอ้างอิงว่า เป็นปีที่พระนครของอาณาจักรขอมล่มสลาย พงศวดารทั้งของอยุธยาและกัมพูชา ได้ระบุว่า การเข้าตีพระนครของชาวอยุธยา นำไปสู่การสิ้นสุดลงของเมืองหลวงแห่งนี้ การถูกชนชาติอื่นบุกรุก ถือว่าเป็นคำอธิบายแรกๆ และตรงไปตรงมา เกี่ยวกับยุคของหายนะ ที่นำไปสู่การอพยพย้ายถิ่น ของผู้คนหลายแสนคน งานศึกษาวิจัยในช่วงหลังพบว่า การถดถอยของพระนคร เป็นผลมาจากความซับซ้อนของปัจจัยต่างๆ ซึ่งรวมถึงการดำรงชีพ ที่ไม่มีความยั่งยืน การพึ่งพาโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มากจนเกินไป สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน แม้แต่การไปแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในการทำการค้า และถ้าการเข้าพิชิตพระนครของชาวอยุธยา ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เมืองนี้ล่มสลายลงไป แล้วเราจะสามารถอธิบายการยึดครองเมือง 12-15 ปี ตามที่เคยมีทฤษฎีมาก่อนหน้านี้ ได้อย่างไร พูดง่ายๆก็คือ ถ้าพระนครไม่ล่มสลาย หรือแพ้สงคราม การปกครองโดยชาวสยาม ที่ยาวนานมากกว่า 10 ปี ก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้

การค้นพบพระพุทธรูปแห่งบายน ในต้นศตวรรษที่ 20 ที่ถือว่าเป็นเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ ทำให้เกิดการค้นพบพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งที่มีขนาดเล็กกว่า ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งพระพุทธรูปองค์นี้เอง ที่ช่วยทำให้เราเข้าใจความเป็นไปของพระนคร ในช่วงศตวรรษที่ 13-16 ได้ดีขึ้น ซึ่งในปัจจุบัน พระพุทธรูปองค์นี้ ได้ถูกยืนยันแล้วว่า เป็นประติมากรรมในสมัยอยุธยาตอนต้น การค้นพบพระพุทธรูปเพิ่มเติมอีกมากกว่า 50 องค์ อาจจะถือว่าเป็นหลักฐานแรกที่เป็นวัตถุ ของการเข้ามายึดครองพระนครโดยกองทัพอยุธยา หรือชาวสยามก็ว่าได้ จากการวิเคระห์คุณสมบัติของหิน ที่ใช้ในการแกะสลัก พบว่า พระพุทธรูปต่างๆเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นในพระนคร โดยผู้เขียนบทความทั้งสาม ได้เสนอแนวคิดที่ว่า รูปแกะสลักเหล่านี้ ถูกสร้างขึ้นโดยกองทัพ และเหล่าช่างฝีมือต่างๆจากอยุธยา

การศึกษาวิจัยในปัจจุบัน บ่อยครั้งทำให้เกิดการค้นพบข้อมูลใหม่ๆ ที่ช่วยเสริมให้การตีความในยุคพระนครของผู้เขียน เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น สมมติฐานหลายอย่าง ได้รับการยอมรับมาเป็นเวลานาน จนอยู่ในระดับที่ถือว่า มีความถูกต้องตามกฏหมายไปแล้วก็มี ข้อสรุปบางอย่าง ก็เป็นนำเอาหลายๆเหตุการณ์สำคัญในยุคนั้น ที่อาจจะมีข้อมูลไม่ชัดเจนมากนัก มาปะติดปะต่อ หรือลำดับเหตุการณ์เอาเอง เหตุการณ์หนึ่งที่สำคัญ ก็คือการก่อตั้งพระนคร หรืออาณาจักรขอมโบราณ โดยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 และความรุ่งเรืองของอาณาจักรแห่งนี้ ในยุคของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ที่ทรงสถาปนานครธมเป็นเมืองหลวง และได้ทรงสั่งให้มีการสร้างอโรคยศาลา พระราชวัง สระน้ำหลวง ปราสาทบายน ปราสาทตาพรหม และปราสาทอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองสุดขีด ก่อนที่ในรัชกาลต่อมา คือในสมัยพระเจ้าอินทรวรมันที่ 2 อาณาจักรขอม ได้เริ่มสูญเสียดินแดนทั้งทางฝั่งตะวันตก ให้กับชาวสยาม เมื่ออาณาจักรสุโขทัย ได้ถูกสถาปนาขึ้น

<a href="https://www.youtube.com/v//srSh5lZmG4Q" target="_blank">https://www.youtube.com/v//srSh5lZmG4Q</a> 
6  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / ตำนานกำเนิด 12นักษัตร เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นจอมยุทธ์ เมื่อ: 06 มีนาคม 2566 17:40:04
ตำนานกำเนิด 12นักษัตร เรื่องวุ่นๆของวัยรุ่นจอมยุทธ์

ตำนานกำเนิด 12นักษัตร เชื่อกันว่ามีเพียงแต่ในกลุ่มประเทศแถบเอเชียเท่านั้นที่ใช้สัตว์เป็นสัญลักษณ์เหมือนและใกล้เคียงกัน ซึ่งตำนานการเกิดสัตว์ต่าง ๆ ประจำปีทั้ง12มีด้วยกันหลากหลายตำนาน เล่าขานกันอย่างสนุกสนานแตกต่างกันออกไปอย่างน่าสนใจ

<a href="https://www.youtube.com/v//vfkUTn0wlek" target="_blank">https://www.youtube.com/v//vfkUTn0wlek</a> 
7  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / เก็บตกประวัติศาสตร์ : พม่าเคยหนีมาพึ่งใบบุญอยุธยา เมื่อ: 04 มีนาคม 2566 22:04:48
เก็บตกประวัติศาสตร์ : พม่าเคยหนีมาพึ่งใบบุญอยุธยา

รัชกาลสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ พม่าถูกชาวมอญขยายอิทธิพล รุกรานมาโดยตลอด จนในครั้งนี้ ต้องเสียเมืองหงสาวดีกลับไปให้มอญอีกครั้ง ในราวปีพุทธศักราช 2285 ตามพงศาวดารฝั่งไทยระบุว่า ชาวมอญเมืองหงสา สมคบคิดกันปราบปรามผู้ปกครองพม่าเสียที่หงสาวดี แล้วเอาสมิงทอขึ้นนั่งเมืองหงสาแทน ฝ่ายพม่าเจ้าเมืองเมาะตะมะ มังรายจอสูกลัวอันตราย จึงพาครอบครัวเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ในบันทึกพระราชพงศวดารฉบับพันจันทนุมาศ เจิม ระบุว่า ได้หนีอพยพมาทางเมืองตะนาวศรีราว 300คน เศษ จึงทรงมีพระกรุณาโปรด ให้ปลูกบ้านเรือนอยู่ข้างวัดมณเฑียร แล้วพระราชทานตราคุม ห้ามให้ทำการค้าขาย

<a href="https://www.youtube.com/v//WOWFxIdaKhY" target="_blank">https://www.youtube.com/v//WOWFxIdaKhY</a>  
8  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / เล่าผีญี่ปุ่น 130 ตอน ท้าดูยาว 8ชม.57นาที เมื่อ: 04 มีนาคม 2566 10:33:35



เล่าผีญี่ปุ่น 130 ตอน ท้าดูยาว 8ชม.57นาที

SS1 : 00:30 โรงละครแห่งความมืด
SS2 : 38:12 ตำนานแห่งความสยองขวัญ
SS3 : 01:09:55 ภาพวาดของเด็กชาย
SS4 : 02:01:53 ความมืดมนและลางสังหรณ์
SS5 : 02:46:45 สถานีผี
SS6 : 03:39:24
ปรากฏการ์ณไม่ธรรมชาติ
SS7 : 04:42:58 มิติที่ถูกปิดตาย
SS8 : 05:49:01 ความกลัวที่มองไม่เห็น
SS9 : 06:48:14 12 นักษัตร
SS10 : 07:53:45 "โอชิไม"
= END =

<a href="https://www.youtube.com/v//CGeTLvRs6Qg" target="_blank">https://www.youtube.com/v//CGeTLvRs6Qg</a>  
9  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / ชีวิตอุทิศเพื่อสยาม นพ.จอร์จ บี.แมคฟาแลนด์ (คนไทยเรียก นาย จ้อน เมฆฟ้าลั่น) เมื่อ: 03 มีนาคม 2566 23:07:22


ชีวิตอุทิศเพื่อสยาม อำมาตย์เอก พระอาจวิทยาคม นพ. จอร์จ บี แม็คฟาร์แลนด์

นพ. จอร์จ บี แม็คฟาร์แลนด์ เป็นชาวอเมริกันที่เกิดมนประเทศสยามและเติบโตขึ้นในหมู่ชาวสยาม ซึ่งท่านรักและผูกพัน ตั้งแต่ชาวบ้านยากจนไปจนถึงเสนาอำมาตย์

ผู้เขียน เบอร์ธ่า เบล๊านท์ แม็คฟาร์แลนด์

เนื้อหาโดยสังเขป

ประวัติชีวิต "นพ.จอร์จ บี แม็คฟาร์แลนด์" ชาวอเมริกันที่เกิดในประเทศสยามและเติบโตขึ้นในหมู่ชาวสยาม ซึ่งท่านรักและผูกพัน ตั้งแต่ชาวบ้านยากจนไปจนถึงเสนาอำมาตย์ และเหนืออื่นใด สถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ท่านเทิดทูนด้วยจิตวิญญาณเดียวกันกับชาวสยามทุกคน จนท่านตั้งปณิธานไว้ว่า จะขออุทิศชีวิตทำงานรับใช้แผ่นดินเกิด แม้จะต้องเหนื่อยยากลำบากเพียงใด และจะขอตายในสยาม เพื่อให้ร่างของท่านได้อยู่คู่แผ่นดินสยามตลอดไป สิ่งที่ท่านได้ทำไว้เพื่อพวกเรามีมากมายเกินบรรยายได้ในพื้นที่จำกัด แต่เมื่อได้อ่านประวัติชีวิตของท่านแล้ว คุณจะตระหนักว่า คุณเองก็เป็นหนี้บุญคุณของท่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่งอย่างแน่นอน!

สารบัญ

บทที่ 1 กำเนิดนักบุกเบิด
บทที่ 2 วัยเยาว์ที่เพชรบุรี
บทที่ 3 ท่ามกลางเหล่าอำมตย์ราชวงศ์
บทที่ 4 ประทับตราอเมริกัน
บทที่ 5 กลับสู่สยามบ้านเกิด
บทที่ 6 เรื่องสำคัญในชีวิต
บทที่ 7 มารี ไอนา รู้ท
บทที่ 8 โรงเรียนราชเเพทยาลัย
บทที่ 9 ชีวิตใหม่
บทที่ 10 พระราชพิธีรัชมังคลาภิเษก
ฯลฯ

คำนิยม

หนังสือ McFarland of Siam ที่คณะนักเรียนเก่าของ โรงเรียน วัฒนาวิทยาลัย ช่วยกันแปลเป็นภาษาไทยที่ไพเราะสละสรวยในชื่อเรื่อง ชีวิตอุทิศเพื่อสยามนี้ จะช่วยให้เราทั้งหลายได้รู้จักตระกูลนี้ดีขึ้น เเละจะเป็นอนุสรณ์ถึงตระกูลแม็คฟาร์แลนด์ตลอดไป

ศ. นพ. สรรใจ แสงวิเชียร- กายวิภาคศาสตร์ ศิริราช

ครั้งนี้นับเป็นคำรบสองที่คณะผู้แปลคณะเดียวกัน ได้บรรจงเลือกหนังสือที่มีคุณค่ามาเผยแพร่เป็นภาษาไทย ให้บรรณพิภพไทยได้เพิ่มหนังสือที่มีคุณค่าอีกเล่มหนึ่ง ผู้รักจะศึกษาประวัติศาสตร์ จากแง่มุมที่สัมผัสได้ซึ่งลมหายใจแห่งอดีตที่มีชีวิต ความรัก ความสูญเสีย ความภาคภูมิ เเละมีคนที่โลดเต้นให้สัมผัสได้ ควรมีหนังสือเรื่อง "ชีวิตอุทิศเพื่อสยาม" เล่มนี้ไว้ในครอบครอง

รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์- คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




ชีวิตอุทิศเพื่อสยาม

ชีวประวัติของ อำมาตย์เอกพระอาจวิทยาคม นพ.จอร์จ บี.แมคฟาแลนด์ ผู้เป็นดั่ง "อิฐก้อนแรกของศิริราช" แพทย์ /อาจารย์แพทย์คนแรกและคนเดียวของโรงพยาบาลศิริราช และมีชีวิตที่ทุ่มเทเพื่อสยาม

<a href="https://www.youtube.com/v//Qb-fQivEkPE" target="_blank">https://www.youtube.com/v//Qb-fQivEkPE</a> 

มีจนจบเล่ม https://youtube.com/playlist?list=PLOXec4xqLw1FZtWyM1unlG5qU9J3-9nfD
10  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / ตักศิลา เมืองสาปสูญแห่งพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ของโลก เมื่อ: 03 มีนาคม 2566 17:32:11











ตักศิลา เมืองสาปสูญแห่งพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ของโลก !!!


<a href="https://www.youtube.com/v//ZWyZUt2Fu0I" target="_blank">https://www.youtube.com/v//ZWyZUt2Fu0I</a>
11  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / รัตนโกสินทร์ : นครแห่งแก้วองค์อินทร์ สู่เมืองแห่งผู้คนหลากหลาย เมื่อ: 03 มีนาคม 2566 11:09:28


รัตนโกสินทร์ : นครแห่งแก้วองค์อินทร์ สู่เมืองแห่งผู้คนหลากหลาย

กรุงรัตนโกสินทร์ไม่ได้สร้างขึ้นโดยคนเชื้อชาติใดเชื้อชาติเดียว !!! ย้อนไปดูการเข้ามาของชาวจีนและชาวมุสลิม ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรีขึ้นไป มีทั้งที่มาจากสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เข้ามาเป็นขุนนาง เป็นพ่อค้า และสืบเนื่องมาอีกหลายระลอกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ตั้งบ้านเรือนอยู่ฝั่งธนบุรี และที่สำเพ็ง เยาวราช ตลาดน้อย แล้วไปรู้จักกับชาวซิกข์ในกรุงเทพฯ ที่เข้ามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5


<a href="https://www.youtube.com/v//vMARKuLVIfE" target="_blank">https://www.youtube.com/v//vMARKuLVIfE</a> 

รัตนโกสินทร์ : นครแห่งแก้วองค์อินทร์ สู่เมืองแห่งผู้คนหลากหลาย

ย้อนไปรู้จักและเรียนรู้เกี่ยวกับการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของกลุ่มชาติพันธุ์ย่อย เช่น กลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา คนมอญ คนลาว ที่เข้ามาตั้งแต่อดีตในบริเวณฝั่งธนบุรี คนทวาย คนไทใหญ่ คนพม่า อีกทั้งคนเวียดนาม บริเวณบ้านหม้อ วัดญวนสามเสน และชุมชมต่างศาสนิกชาวโปรตุเกส ชาวเขมร ที่ชุมชนสามเสน รวมถึงชาวตะวันตกและคนอินเดียในอาณานิคม ที่อาศัยอยู่บริเวณถนนเจริญกรุงและวัดแขกสีลม


<a href="https://www.youtube.com/v//9O3-Ebfpwpk" target="_blank">https://www.youtube.com/v//9O3-Ebfpwpk</a> 

มีอีกหลายตอน https://youtube.com/playlist?list=PLRS4T4F2sF1o4-pRez2IN1kHxC2Ha31VI
12  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / สงครามในสมัยรัตนโกสินทร์ ไทยเราเสียเปรียบโดยตลอด ถ้าแพ้คือสิ้นชาติ เมื่อ: 03 มีนาคม 2566 07:45:37


สงครามในสมัยรัตนโกสิน ไทยเราเสียเปรียบโดยตลอด แต่เราชนะได้เกือบทุกครัง

มีเรื่องราวอีกมากมาย ที่ไทนเรา ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาต่าง ๆ ที่รายล้อมเรามาทุกยุค ทุกสมัย ที่พร้อมจะทำลายไทยเราให้สูญสิ้นไปจากแผนที่โลก แต่ไทย ก็ยังเป็นไทย ไม่หวั่นเกรง แม้อันตราย จะรออยู่ภายหน้า ในสงครามที่มาในรูปแบบต่าง ๆ ถ้าเราแพ้...หมายถึงสิ้นชาติ เราต้องรักและสามัคคี และเราจะพ้นอุปสรรคนี้ ไปด้วยกันครับ....

<a href="https://www.youtube.com/v//1AFBaN0DdMI" target="_blank">https://www.youtube.com/v//1AFBaN0DdMI</a>  
13  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ตลาดสด / จีนโปรโมทเขมร แต่ใช้ทุกอย่างเหมือนของไทย (ตัวละครลับโผล่แล้ว) เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 23:22:19
สถานทูตจีนเล่นเอง! มันเป็นเกมส์ เขมรเสี่ยงเป็นสนามรบอีก

บทเรียนแห่งหายนะในอดีตที่กัมพูชาไม่เคยเรียนรู้และไม่เคยจดจำ ! .......... สถานทูตจีนประจำกัมพูชาออกคลิปวีดีโอโปรโมทการท่องเที่ยวเขมร แต่ทำไมเหมือนไทยแบบเป๊ะๆ ทั้งนวดไทย อาหาร ใส่ชุดไทยถ่ายรูปกับวัด นี่..มันมีอะไรรับลมชมในอยู่เบื้องหลังหรือเปล่า ? อันนี้มาหมดจริงๆทั้งชุดไทย อาหารไทย กางเกงช้าง ต้มยำกุ้ง ชุดไทยแบบเต็มๆ ห่อหมก ยำมะม่วง แกงเขียวหวาน ไอศครีมมะพร้าว ถ่ายรูปกับวัด ไก่พันอ้อย ส้มตำ ข้าวผัดกุ้ง นวดไทย นวดเท้าแบบไทย

แถมยังปิดท้ายด้วยผ้าขาวม้าที่ไทยกำลังผลักดันเข้ายูเนสโก ยังดีที่ไม่มีมวยไทยกับสงกรานต์ ! เรื่องนี้มีอะไรเบื้องหลัง หรือว่าต้องการดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีนให้เข้ามาท่องเที่ยวในกัมพูชาเท่านั้น เรื่องนี้มันแปลกๆเมื่อวันก่อนก็ทูตอังกฤษไปทีนึงแล้ว เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรไปติดตามกันได้เลยครับ


<a href="https://www.youtube.com/v//nPfuixyMqcg" target="_blank">https://www.youtube.com/v//nPfuixyMqcg</a>  

เหมือนขึ้นทุกวัน! จีนโปรโมทการท่องเที่ยวเขมร แต่ใช้แทบทุกอย่างเหมือนกับของไทย

หนึ่งในการสร้างความเป็นชาติให้โดดเด่นบนเวทีโลก ก็คือการสร้างเอกลักษณ์ให้กับชาติตัวเอง พร้อมสร้างความยั่งยืนให้เกิดขึ้น ด้วยการส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมเหล่านั้น จากบรรพชน มาสู่คนรุ่นใหม่ ซึ่งเอกลักษณ์ของชาติที่ว่า เป็นได้ทั้งศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี ภาษา การแต่งกาย หรือแม้กระทั่งอาหารประจำชาติ แต่การทำให้เอกลักษณ์ของชาติเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก แต่คุ้มค่า เพราะมันย่อมส่งผลดีทั้งในเรื่องของภาพลักษณ์ การตลาด การค้า และการยอมรับของชนชาติอื่น ที่ว่าทำได้ยาก ก็เพราะต้องใช้ทั้งเวลาและทุนทรัพย์ ในการสร้างสิ่งต่างๆเหล่านั้นขึ้นมา ซึ่งโดยปกติทั่วไป แต่ละชาติก็จะพยายามผลักดันความเป็นเอกลักษณ์ของชาติตัวเอง ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล แต่ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ จะใช้ไม่ได้กับประเทศขอบรั้วของไทยอย่างกัมพูชา ที่นอกจากจะนำวัฒนธรรมของชนชาติอื่นซึ่งก็คือไทย มาเป็นของตัวเองแล้ว ยังกล่าวหาว่าไทยลอกเลียนแบบสิ่งต่างๆมาจากกัมพูชาอย่างหน้าตาเฉย ซึ่งเหตุผลเบื้องหลังการกล่าวหาอย่างเลื่อนลอยนี้ ก็เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเอง ในการลอกผลงานคนอื่น ได้โดยไม่มีความผิด เพราะถือว่าตัวเองเป็นต้นฉบับมาก่อน นอกจากนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องเสียงบประมาณในการประชาสัมพันธ์สิ่งต่างๆให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เหมือนกับที่ไทยได้ทุ่มเทลงไป ซึ่งได้ใช้เวลาหลายสิบปี กว่าที่จะทำให้วัฒนธรรมของชาติ เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกเหมือนในปัจจุบัน และนี่คือเหตุผลที่คนไทยจำนวนไม่น้อยในช่วงนี้ รู้สึกไม่พอใจกับการกระทำของชาวกัมพูชาที่ผ่านมา ชนชาติที่แทบไม่มีวัฒนธรรมร่วมกับไทย เหมือนกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใช้ภาษาไทกระไดในภูมิภาคแถบนี้ ซึ่งคนไทยเอง ก็ไม่เคยมีปัญหาการใช้วัฒนธรรมร่วมกันมาก่อน เพราะอย่างน้อยก็มีรากเหง้าเดียวกัน และเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ อาจจะรู้สึกดีด้วยซ้ำว่า เรายังมีพี่น้องที่มีเชื้อชาติเดียวกันในภูมิภาคอื่นๆ ตราบใดที่แต่ละฝ่าย มีเจตนาที่ดีต่อกัน

การลอกเลียนแบบทางด้านวัฒนธรรมยังเกิดขึ้นต่อเนื่องและขยายตัวไปในทุกๆด้าน จนทำให้ชาวต่างชาติเริ่มเข้าใจผิดไปว่า สิ่งต่างๆเหล่านั้น เป็นของประเทศกัมพูชามาตั้งแต่ต้น และดูเหมือนว่า ไทยเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้มาก นอกจากการเผยแพร่ข้อเท็จจริงต่างๆตามโซเซียลมีเดียโดยประชาชนทั่วไป เพื่อให้ทั้งชาวกัมพูชาและชาวต่างชาติได้ทราบข้อเท็จจริง และเชื่อว่าในระดับหน่วยงานรัฐ ก็จะยังไม่มีมาตรการใดๆออกมาตอบโต้ หรืออย่างน้อย ก็ควรออกมาส่งเสียงเพื่อเป็นการปราม หรือประกาศในทางอ้อมให้ชาติอื่นๆได้รับทราบ ถึงการมีอยู่ของต้นฉบับทางวัฒนธรรมอย่างไทย ซึ่งรูปแบบการแสดงออก มีอยู่หลากหลาย ที่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในระดับรัฐบาลได้ ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองของไทย จะให้ความสำคัญมากน้อยแค่ไหน

ล่าสุด เหตุการณ์ความเข้าใจผิดในลักษณะที่ได้กล่าวมา ได้เกิดขึ้นแล้ว กับสถานฑูตจีนในกัมพูชา ซึ่งเราไม่อาจทราบได้เลยว่า เป็นเพราะความไม่รู้ หรือว่าตั้งใจนำเสนอในรูปแบบนี้ เพราะคลิปวิดีโอล่าสุด ที่ใช้ประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวกัมพูชา ที่มีคำโปรยว่า "นี่คือ กัมพูชา เรารอคุณอยู่ในกัมพูชา!" แต่เนื้อหาที่นำเสนอ ล้วนแต่เป็นสิ่งต่างๆของเมืองไทยแทบจะทั้งหมด ยกเว้นภาพหลังที่เป็นนครวัด ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายด้วยชุดไทยพระราชนิยม ทั้งชุดไทยจักรี และชุดไทยศิวาลัย ที่นางแบบ 2 คนสวมใส่ นอกจากนั้น ยังมีอาหารไทยหลายอย่าง ที่ถูกนำเสนอว่า เป็นอาหารกัมพูชา โดยเฉพาะห่อหมก ที่เคยมีประเด็นดราม่ามาก่อนแล้ว ที่แม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ชื่อดัง อย่าง The Wall Street Journal ยังเคยระบุในการแนะนำอาหารเขมร เมื่อหลายปีก่อนว่า อาม็อก ที่ว่ากันว่า เป็นอาหารประจำชาติของกัมพูชา น่าจะมีต้นกำเนิดมาจากประเทศไทยมากกว่า เพราะชื่ออาหาร ก็ยังมีรากศัพท์มาจากภาษาไทย ไม่ใช่ภาษาเขมร ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ในตอนนี้ มีความพยายามจะเปลี่ยนชื่อจากอาม็อก ไปเป็นฮาม็อก ให้มีความใกล้เคียงกับคำว่าห่อหมกมากขึ้น

ซึ่งน่าจะเป็นเหตุผลในการทำตลาดให้ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม ไม่ต่างจากการใช้คำว่าสงกรานต์ แทนคำเขมร ที่เคยใช้กันมาก่อนในอดีต ซึ่งแม้แต่ชาวกัมพูชาเอง ก็ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในเชิงคัดค้านว่า ควรจะบัญญัติคำศัพท์ใหม่ที่เป็นภาษาเขมร ให้กับอาหารชนิดนี้ เพราะคำว่าหมก ไม่มีในภาษาเขมร และอาจจะถูกประเทศเพื่อนบ้านอย่างไทย กล่าวหาว่าลอกเลียนได้ นอกจากห่อหมกแล้ว ยังมีอาหารที่ดูเหมือนกับต้มยำกุ้ง น้ำพริกกะปิ ส้มตำ หรือการพยายามนำเสนอภาพของทุเรียน ที่ถือว่าเป็นผลไม้ไทย ที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศจีน ในคลิปวิดีโอดังกล่าว ยังมีการนำเสนอสถานที่ต่างๆ ที่มีการออกแบบด้วยงานสถาปัตยกรรมแบบไทย โดยเฉพาะพระราชวัง ที่มีการสร้างขึ้นในสมัยของกษัตริย์นโรดม ผู้ที่เติบโต ได้รับการศึกษา และใช้ชีวิตที่แทบจะเรียกได้ว่า อยู่ในเมืองไทยแทบทั้งชีวิต เป็นผู้สร้างขึ้น โดยใช้ สถาปัตยกรรมของไทยเป็นต้นแบบในการสร้าง เหมือนๆกับที่กษัตริย์เขมรองค์อื่นๆ มักจะใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ ในช่วง 200 กว่าปีหลังมานี้ ยังไม่จบเท่านั้น ในคลิปที่ว่า ยังมีการนำเสนอนวดไทย ที่กัมพูชาอาจจะมองว่า เป็นจุดขายของประเทศได้อีกหนึ่งอย่าง เรียกว่าคลิปนี้ ยกเอาทุกอย่างของไทยมานำเสนอ แต่สถานที่ของเหตุการณ์ อยู่ในกัมพูชาเท่านั้น


<a href="https://www.youtube.com/v//BVx7WseVZOY" target="_blank">https://www.youtube.com/v//BVx7WseVZOY</a>  



<a href="https://www.youtube.com/v//fusbKXI6D2o" target="_blank">https://www.youtube.com/v//fusbKXI6D2o</a>  



14  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / ฟอลคอนแห่งอยุธยา นวนิยายชีวิต "เจ้าพระยาวิไชเยน" สมัยพระนารายณ์มหาราช เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 19:46:34








ฟอลคอนแห่งอยุธยา

ด้วยคำพูดที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งกร้าว ทั้งอ่อนน้อมและเหยียดหยาม ทั้งปลอบโยนและข่มขู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการแต่เพื่อยังประโยชน์แก่อยุธยา สมเด็จพระนารายณ์ หรือตัวเขาเองกันแน่!

ผู้เขียน Claire Keefe-Fox (แคลร์ คีฟ-ฟอกซ์)

เนื้อหาโดยสังเขป

    "ฟอลคอน" เกิดมาอาภัพ เป็นลูกผสมที่ผู้คนรังเกียจ ชีวิตของเขาต้องต่อสู้อย่างทรหด เขาออกทะเลร่อนเร่ไปกับเรือสินค้า ห่างบ้านเกิดเมืองนอนมาไกลโพ้น
สู่ทวีปเอเชียที่เต็มไปด้วยความน่าตื่นตาตื่นใจจากเสมียนสู่พ่อค้า และจากพ่อค้าสู่ขุนนางแห่งอยุธยา "ฟอลคอน" กลายเป็นขุนนางคนโปรด ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น "เจ้าพระยาวิไชเยนทร์" รับใช้ "สมเด็จพระนารายณ์มหาราช" อย่างใกล้ชิด เรืองอำนาจจนหาใครอื่นในอยุธยาทัดเทียมได้ยากยิ่ง หากแต่อำนาจมักมาพร้อมความรับผิดชอบมากล้น "ฟอลคอน" ต้องเจรจากับผู้คนหลากหลายอย่างมีชั้นเชิง ด้วยคำพูดที่ทั้งอ่อนโยนและแข็งกร้าว ทั้งอ่อนน้อมและเหยียดหยาม ทั้งปลอบโยนและข่มขู่ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ แต่เพื่อยังประโยชน์แก่อยุธยา สมเด็จพระนารายณ์ หรือตัวเขาเองกันแน่เราขอให้ผู้อ่านเป็นผู้ตัดสิน...

ข้อมูลเพิ่มเติม

- เป็นเรื่องราวของ "ฟอลคอน" หรือ "เจ้าพระยาวิไชเยนทร์" ที่รวบรวมมาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทั้งของไทยและต่างประเทศ
- เป็นเรื่อง "จริง" ที่ดัดแปลงเป็นนวนิยายเพื่อให้อ่านเข้าใจง่าย
- นอกจากจะได้ทราบเรื่องราวของ "ฟอลคอน" แล้ว ผู้อ่านยังจะได้เข้าใจสภาพสังคมการเมือง และวัฒนธรรมในสมัยอยุธยา ช่วงที่ "สมเด็จพระนารายณ์มหาราชครองราชย์" ด้วย

<a href="https://www.youtube.com/v//DloCcYpPv6Y" target="_blank">https://www.youtube.com/v//DloCcYpPv6Y</a> 

จบเล่มเลยตามลิ๊งไป https://youtube.com/playlist?list=PLOXec4xqLw1E0ARtjenlu1SL-0hz8PWZR
15  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส (Archives Kosa Pan dignitaries to France) เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 19:30:31














จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส



ท่านอัครราชทูต (คือคุณปาน ขณะนั้นเป็นที่ออกพระวิสุทธสุนทร ภายหลังได้เป็นพระยาโกษาธิบดี) ก็เป็นของเสนาบดี กระทรวงว่าการต่างประเทศ ได้เคยเป็นราชทูตสยามไปเจริญทางพระราชไมตรีกับกรุงจีนมาแต่ก่อน ได้ืทำการในตำแหน่งนั้นเป็นที่พอพระทัยของพระเจ้ากรุงจีนและพระเจ้ากรุงสยามด้วยกันทั้งสองฝ่าย ส่วนตรีทูต ก็เป็นบุตรของราชทูตสยาม ซึ่งได้ออกไปเจริญทางพระราชไมตรีในกรุงลิสบอน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศโปรตุเกส

 


คำนำ : จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส (ปกแข็ง)

หนังสือเล่มนี้นับเป็นหนังสือที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ในช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ซึ่งตรงกับรัชกาลของพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ซึ่งราชทูตสยามได้เดินทางไป และได้เข้าเฝ้าพระเจ้าแผ่นดินแห่งฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังทำให้เห็นภาพของฝรั่งเศส ศตวรรษที่ ๑๗ อีกโสตหนึ่งด้วยเช่นกัน

สารบัญ : จดหมายเหตุโกศาปานไปฝรั่งเศส

บทที่ ๑ ระยะทางของราชทูตสยามในประเทศฝรั่งเศส

บทที่ ๒ ทูตรอคำสั่งอยู่ที่แบรสต์

บทที่ ๓ เจ้าพนักงานกรมวังถือรับสั่งมาเชิญราชทูตไปกรุงปารีส

บทที่ ๔ ราชทูตไทยออกจากเมืองแบรสต์

บทที่ ๕ ราชทูตมาถึงเมืองตูรส์ คือประมาณกลางทางจากทะเลไปเมืองหลวง

บทที่ ๖ ราชทูตสยามทำความเคารพต่อพระราชสาสน์อย่างไร

บทที่ ๗ ราชทูตไปถึงเมืองแวงแซนใกล้เมืองหลวง

บทที่ ๘ ราชทูตพักแรมอยู่ที่พระตำหนักเดอ แบร์นี

บทที่ ๙ ข้าราชการและผู้ดีฝรั่งเศสออกมาเยี่ยมเยียนราชทูต

บทที่ ๑๐ ราชทูตไปเที่ยวดูบ้านเสนาบดีเดอ เซเญอเล

บทที่ ๑๑ ราชทูตไปดูนักเรียนเล่นละครพูดโรงเรียน "หลุยส์เลอครังด์"

บทที่ ๑๒ ราชทูตกระทำวิสาสะกับสตรีชาวฝรั่งเศส

บทที่ ๑๓ ราชทูตแลเห็นผู้หญิงฝรั่งเศสขี่ม้า

........

บทที่ ๘๓ ราชทูตไปดูห้องตั้งรูปต่างๆ ของหลวง

บทที่ ๘๔ มงเซียร์ เลอกงต์ เดอ ลาเฟอยาด มาลาราชทูต

บทที่ ๘๕ เจ้าพนักงานผู้ประจำนำเฝ้าไปเยี่ยมส่งราชทูต

บทที่ ๘๖ ตอนเมืองราชทูตออกจากพระนคร

........

ประวัติของออกพระวิสุทธสุนทร (โกศาปาน)

พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสทรงยกย่องราชทูตในพระราชสาส์นตอบ

ท่านบาทหลวงเดอ ลาแชส ชมเชยราชทูต

ฯลฯ


<a href="https://www.youtube.com/v//Zmu59RMzK_8" target="_blank">https://www.youtube.com/v//Zmu59RMzK_8</a> 

มีอีกจนจบเล่ม https://youtube.com/playlist?list=PLOXec4xqLw1G8OKFOo6-yj4SEQrFfZCQk
16  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / สยามคือบ้านของเรา บันทึกของมิชชันนารีอเมริกัน สมัย ร.๕ ( Siam is Our Home) เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 18:56:54








สยามคือบ้านของเรา เรื่องราวของมิชชันนารีสาวชาวอเมริกัน ผู้ตัดสินใจเดินทางมาทำงานในสยามเพียงลำพัง ในสมัยพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ ๕ เธอพบรักและแต่งงานสร้างครอบครัวที่สยาม เป็นบันทึกประวัติศาสตร์ ฉบับชาวบ้านที่มองผ่านสายตาของชาวต่างชาติที่เล่าได้สนุก น่าติดตาม



สยามคือบ้านของเรา

บันทึกของมิชชันนารีอเมริกัน ที่เข้ามาทำงานในประเทศสยามสมัยรัชการที่ ๕

ผู้เขียน เอ็ดน่า บรูเนอร์ บัลค์ลีย์

เนื้อหาโดยสังเขป

ย้อนรอยประวัติศาสตร์ไทยในสมัยรัชกาลที่   5 จากบันทึกของ มิสซิส เอ็ดน่า บรูเนอร์ บัลค์ลีย์ มิชชันนารีชาวอเมริกันที่ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในวัยเพียงยี่สิบสี่ปี เข้ามาทำงานตามลำพังในประเทศสยาม ที่ซึ่งแตกต่างจากบ้านเกิดของเธอโดยสิ้นเชิง พบกับการเรียนรู้ที่จะปรับตัวกับบ้านใหม่ กับผู้คนจากชาวบ้านไปจนถึงเชื้อพระวงศ์ และกับการผจญภัยตลอดชีวิต ของผู้หญิงแกร่งคนหนึ่งที่รักประเทศสยามและชาวสยามอย่างเต็มหัวใจ จนพูดได้อย่างเต็มปากว่า "สยาม คือบ้านของเรา" 

สารบัญ

- ชีวิตในกรุงเทพฯ (ค.ศ. ๑๙๐๓ ถึง ๑๙๐๖)
- เพชรบุรี (ค.ศ. ๑๙๐๖ ถึง ๑๙๐๙)
- ชีวิตครอบครัวในตรัง
- ช่วงปีหลังๆ และความทรงจำอื่นๆ


<a href="https://www.youtube.com/v//UbqURvdlNY0" target="_blank">https://www.youtube.com/v//UbqURvdlNY0</a> 

มีจนจบเล่ม ตามไปสิจ๊ะ ^^ https://youtube.com/playlist?list=PLOXec4xqLw1EfN1IRPXO1f_bObaBe6EdQ


เพิ่มเติม เสริมเนื้อหา

“สยาม คือบ้านของเรา” การเดินทางของหนังสือเล่มเล็กๆ



“สยาม คือบ้านของเรา” เป็นบทบันทึกที่ได้รับการแปลจากบันทึกของ มิสซิส เอ็ดน่า บรูเนอร์ บัลค์ลีย์ มิชชันนารีชาวอเมริกันที่มาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศสยามสมัยรัชกาลที่ 5 ถึงตอนต้นรัชกาลที่ 9 เนื้อหาในหนังสือได้สะท้อนสภาพบ้านเมือง และความเป็นอยู่ของชาวสยามในขณะนั้นละเอียดลออ อันเป็นข้อมูลทรงคุณค่าและน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ที่น่าสนใจมิยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือระยะทางและการผจญภัยของข้อมูล ตลอดจนเนื้อหาต่างๆ ที่กว่าจะมาเป็นหนังสือ “สยาม คือบ้านของเรา”

จากชายฝั่งแปซิฟิค สู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา
แมรี่ บัลค์ลีย์ สแตนตัน

หญิงชราวัยเจ็ดสิบปี ได้รับข่าวจากพี่ชาย ดไวท์ บัลค์ลีย์ ว่า ได้ค้นพบข้าวของและบันทึกเก่าๆของมารดาซึ่งเสียชีวิตไปแล้วกว่าสามสิบปี ทิ้งอยู่ในลังที่ห้องใต้ดิน เขาบันทึกของมารดาของเธอ เอ็ดน่า บรูเนอร์ บัลค์ลีย์



ตั้งแต่สมัยที่เริ่มเป็นมิชชันนารีในปี ค.ศ.1903 และเดินทางไปทำงานอยู่ในประเทศสยามหลายสิบปี จุดประกายความคิดของแมรี่ให้หวนรำลึกถึงชีวิตในวัยเยาว์ที่เมืองตรัง จังหวัดเล็กๆแห่งหนึ่งทางภาคใต้ แมรี่ ตัดสินใจปรึกษากับพี่น้อง เพื่อหาทางพิมพ์หนังสือจากบันทึกของแม่ชุดนี้แมรี่พิมพ์หนังสือของมารดาออกวางจำหน่ายในอเมริกา โดยไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก และหลังจากนั้นไม่นาน สำนักพิมพ์ก็เลิกกิจการไป แต่แล้วอยู่ๆ เธอก็ได้รับอีเมล์จากประเทศไทย ขอลิขสิทธิ์หนังสือของเธอ เพื่อนำไปแปลลงในนิตยสารที่ประเทศไทย ในชั้นแรก เธอยังไม่แน่ใจว่า คนกลุ่มนี้ต้องการอะไรจากบันทึกเก่าๆของผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง แต่เมื่อสอบถามกลับไป ก็ได้ทราบว่า คนไทยคนหนึ่งที่เธอเคยไหว้วานให้ช่วยตรวจสอบคำไทยในหนังสือต้นฉบับ นำข่าวไปเล่าให้เพื่อนที่เมืองไทยซึ่งเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัยฟัง เพราะทราบว่าโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนที่สืบเนื่องต่อมาจากโรงเรียนวังหลังที่มารดาของเธอเคยไปสอนอยู่ เธอจึงยินยอมมอบลิขสิทธิ์ให้นำไปแปล



นาฬิกาชีวิตหมุนคืนสู่สยาม บ้านของเรา
เมื่อแมรี่ บัลค์ลีย์ สแตนตัน ได้รับการติดต่อจากคณะผู้แปล ว่า หนังสือพิมพ์รวมเล่มเสร็จสมบูรณ์แล้ว และจะเปิดตัวครั้งแรกในงานประจำปีของโรงเรียน ซึ่งเป็นงานที่จัดต่อเนื่องกันมานับร้อยปีดังเช่นที่มารดาของเธอได้เล่าไว้ในหนังสือ

เธอเกิดแรงบันดาลใจที่จะได้ไปเยือนประเทศไทยอีกครั้ง ขณะนั้นในบรรดาพี่น้องทั้งหมด 7 คน เหลือเพียงแมรี่วัย 86 ปี กับ แดน ผู้เป็นพี่ชายวัย 90 ปี สองคนพี่น้องเท่านั้น แดนเองก็เกิดและเติบโตอยู่ที่เมืองไทยกว่าสิบปี และยังได้เคยร่วมงานกับเสรีไทยด้วย ทั้งคู่จึงตัดสินใจพากันบินข้ามโลกจากอเมริกามายังกรุงเทพฯ และบินกลับไปอเมริกาด้วยความอบอุ่นใจ และมั่นใจว่า บัดนี้ บันทึกเก่าๆในลังที่ใต้ถุนบ้านได้กลายมาเป็นหนังสือที่มีคุณค่า สมดังความหวังของมารดาที่เขียนไว้ท้ายเล่มว่า “ฉันใช้เวลาเขียนหนังสือนี่อยู่สิบห้าปีเต็มๆ... มันอาจจะไม่มีวันได้ออกสู่สายตาสาธารณชนเลยก็ได้ แต่มันคือสิ่งที่มิอาจจะประมาณค่าได้เลย สำหรับคนที่อยากจะสร้างสรรค์ผลงานอย่างฉัน”

จากนี้ไป ชื่อของมิสซิส เอ็ดน่า บรูเนอร์ บัลค์ลีย์ จะคงอยู่คู่ประเทศสยามไปอีกยาวนาน แมรี่ได้แต่หวังว่า มารดาของเธอคงจะได้รับรู้สิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง


จาก https://mgronline.com/qol/detail/9510000021700

มีอีก http://www.muangboranjournal.com/post/SiamWasOurHome
17  นั่งเล่นหลังสวน / หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง) / ตาแก่วัย73 ขับรถตัดหญ้านานกว่า2เดือน เพื่อข้ามรัฐไปหาพี่ชายที่กำลังป่วย เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 17:58:23


ตาแก่วัย73 ขับรถตัดหญ้านานกว่า2เดือน เพื่อข้ามรัฐไปหาพี่ชายที่กำลังป่วย

เรื่อง : The Straight Story (1999)


สร้างจากเรื่องจริงของ Alvin Straigh ชายชราวัย 73 ปี ซึ่งเดินทางด้วยรถตัดหญ้า จาก Laurens, Iowa ไปยัง Mount Zion, Wiscousin ระยะทาง 300 ไมล์ เพื่อไปเยี่ยมพี่ชายซึ่งป่วยและหมางเมินกันมานานนับสิบปี


สปอยเด้อ


<a href="https://www.youtube.com/v//4H5pZSpKr2I" target="_blank">https://www.youtube.com/v//4H5pZSpKr2I</a>  
18  นั่งเล่นหลังสวน / สยาม ในอดีต / ลักไวทำมู นักสู้หมายเลข๑ แห่งกองทัพหงสาผู้หาญกล้าท้าทายอำนาจของราชาแห่งไฟ เมื่อ: 02 มีนาคม 2566 15:40:05
ลักไวทำมู นักสู้หมายเลข1 แห่งกองทัพหงสาผู้หาญกล้าท้าทายอำนาจรัฐของราชาไฟ

<a href="https://www.youtube.com/v//oWZsRvdVdpU" target="_blank">https://www.youtube.com/v//oWZsRvdVdpU</a> 
19  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม / Age of Viking ไวกิ้งคือใคร ทำไมมีเขา? | Point of View เมื่อ: 01 มีนาคม 2566 10:07:36
Age of Viking ไวกิ้งคือใคร ทำไมมีเขา? | Point of View

<a href="https://www.youtube.com/v//6x6xIW1Ekss" target="_blank">https://www.youtube.com/v//6x6xIW1Ekss</a> 
20  สุขใจในธรรม / บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม / แปลบทสวดมนต์ พาหุงฯ พระสวดอะไรทำไมถึงยาว? | Point of View เมื่อ: 01 มีนาคม 2566 10:06:27
แปลบทสวดมนต์ พาหุงฯ พระสวดอะไรทำไมถึงยาว? | Point of View

<a href="https://www.youtube.com/v//V2ga6Y_1GPE" target="_blank">https://www.youtube.com/v//V2ga6Y_1GPE</a> 
หน้า:  [1] 2 3 ... 229
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.303 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 24 กันยายน 2566 20:36:32