“วุ้นเส้น” เป็น “โปรตีน” หรือ “แป้ง” กันแน่?



ทราบกันดีอยู่แล้วใช่ไหมคะว่า “วุ้นเส้น” (cellophane noodle) ทำมาจาก “ถั่วเขียว” เมื่อถั่วเป็นพืชที่โดดเด่นในเรื่องของสารอาหารประเภท “โปรตีน” หลายคนจึงคิดว่าวุ้นเส้นมีคุณค่าทางสารอาหารเหมือนถั่วเขียว นั่นคือ เป็นโปรตีนนั่นเอง แต่อันที่จริงแล้ว วุ้นเส้นเป็นโปรตีนจริงหรือ ทำไมอีกหลายคนก็ยืนยันว่าวุ้นเส้นคือแป้ง เรามีคำตอบจากบทความของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ มาฝากกัน

 
“วุ้นเส้น” เป็น “โปรตีน” หรือ “แป้ง” กันแน่?
คุณหมอสันต์เล่าว่า สมัยประมาณปี พ.ศ. 2528 คุณหมอได้ทัวร์โรงงานวุ้นเส้นสระบุรี จึงได้ทราบกระบวนการผลิตวุ้นเส้นโดยละเอียด “เขาจะเอาถั่วเขียวมาโม่จนเป็นผง แล้วทิ้งให้มันตกตะกอนในสารละลาย กระบวนการตกตะกอนนี้จะแยกแป้งออกจากโปรตีน ส่วนที่เป็นแป้ง เขาเอามาทำวุ้นเส้น ส่วนนี้เป็นแป้งเสีย 86% แทบไม่มีโปรตีนเลย เขาจึงนิยมเอาให้คนไข้โรคไตเรื้อรังที่กลัวโปรตีนกิน เพราะหากเทียบกับเส้นด้วยกัน วุ้นเส้นเป็นอะไรที่มีโปรตีนน้อยที่สุด ในกระบวนการผลิต ส่วนที่ตกตะกอนเป็นโปรตีนนั้น เขาเอาไปทำอาหารสัตว์ ดังนั้นขอให้เข้าใจชีวิตเสียใหม่ ว่า วุ้นเส้นคือแป้ง ไม่ใช่โปรตีน”


 
ทำไมจึงนิยมกินวุ้นเส้นเพื่อการลดน้ำหนัก
คุณหมอสันต์ตอบว่า “คิดว่ามาจากการคำนวณแคลอรี่ในอาหาร เพราะในเอกสารการวิเคราะห์แคลอรี่ในอาหารของกองโภชนาการ กรมอนามัย ได้ระบุว่าหากคิดต่อน้ำหนัก 100 กรัมแล้ว วุ้นเส้นให้แคลอรี่แค่ 80 แคลอรี่ ขณะที่ก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็กให้ 220 แคลอรี่ เส้นใหญ่ให้ 160 แคลอรี่ นักลดน้ำหนักในค่ายนับแคลอรี่จึงแนะนำวุ้นเส้นแทน แต่คำแนะนำแบบรูดมหาราชของผมคือหากจะลดน้ำหนัก ให้ลดคาร์โบไฮเดรตและไขมัน ซึ่งหมายความรวมถึงการเลิกทาน ‘เส้น’ ทุกชนิดและวุ้นเส้นด้วย”

ดังนั้น ถึงแม้ว่าวุ้นเส้นจะเป็นคาร์โบไฮเดรต หรือแป้งที่ให้พลังงานต่ำกว่าเส้นประเภทอื่นๆ แต่ก็ยังต้องควบคุมปริมาณในการบริโภคให้ดี เพราะอย่างไรเสียวุ้นเส้นก็ยังคงเป็น “แป้ง” และควรเน้นรับประทานอาหารให้หลากหลาย ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้ก็น่าจะช่วยให้คุณลดน้ำหนักสำเร็จ และได้เป็นเจ้าของร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ได้อย่างแน่นอน



ขอขอบคุณ
ข้อมูล :บล็อกของ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์
ภาพ :iStock
เรียบเรียง :Sanook

วิธีให้ร่างกายแข็งแรง ช่วงเวลาการกักตัว-ทำงานอยู่ที่บ้าน



CNN มีรายงานว่าความกังวลในเรื่องโคโรนาไวรัส การเว้นระยะห่างทางสังคม การปิดสถานออกกำลังกาย และการกักบริเวณตัวเองอยู่ในบ้าน อาจทำให้ผู้คนอยากเอาแต่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาและดูโทรทัศน์ หรือนอนอ่านหนังสือนิยายทั้งวัน

แต่การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งจำเป็นต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่ม (ซึ่งอาจทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง) ช่วยให้อารมณ์ดี และช่วยให้มีสุขภาพดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดอยู่ทั่วโลกในขณะนี้

อย่างไรก็ดี ช่วงเวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมในการดูแลสุขภาพของตัวเองด้วยการเพิ่มการออกกำลังกายเข้าไปในตารางเวลาชีวิตประจำวัน

ในแต่ละวันควรตั้งเป้าหมายการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ หรือการออกกำลังกายเพื่อประสิทธิภาพร่างกายและหัวใจอย่างน้อย 30 นาทีรวมถึงการฝึกความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ และสร้างมวลกระดูกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากเป็นโรคเบาหวานหรือมีอาการเริ่มต้นของการเป็นโรคเบาหวาน เพราะร่างกายของคนส่วนใหญ่อาจเผาผลาญแคลอรี่น้อยกว่าปกติ เนื่องจากกิจวัตรประจำวันที่ทำได้มีอยู่เพียงจำกัด

การพยายามไม่นั่งอยู่กับที่เป็นเวลานานๆ เป็นเรื่องที่สำคัญ การศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าพฤติกรรมการนั่งอยู่กับที่ แม้จะนานขึ้นเพียงหนึ่งชั่วโมงก็ทำให้การทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในเพศชายลดลง และการศึกษาขนาดใหญ่ฉบับหนึ่งพบว่าพฤติกรรมการนั่งอยู่กับที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และเสี่ยงต่อการเสียชีวิต

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรออกกำลังกายแบบหักโหมมากเกินไป การออกกำลังกายหนักหน่วงมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อายุเกิน 65 ปีซึ่งร่างกายไม่ได้แข็งแรงอยู่ก่อน หรือเริ่มมีปัญหาสุขภาพอยู่แล้ว อาจเป็นการไปยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันชั่วคราว ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงเวลาที่มีการระบาดใหญ่ครั้งนี้

นอกจากนี้การออกกำลังกายกลางแจ้ง รวมถึงการวิ่ง ขี่จักรยาน เดินป่าและเดินออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินดีจากแสงแดด ซึ่งอาจช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันและช่วยให้อารมณ์ดีได้ แต่ต้องไม่ลืมที่จะเว้นระยะห่างทางสังคมด้วย

แม้ว่าจะไม่มีอุปกรณ์ออกกำลังกายในบ้าน แต่ยังมีอะไรอีกมากมายที่สามารถทำได้เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง มีชีวิตชีวาและมีสติในช่วงเวลาคับขันเช่นนี้ ทั้งบริการสตรีมมิ่งออนไลน์ อินเทอร์เน็ตและแอพพลิเคชั่นในมือถือ ล้วนเสนอวิธีการออกกำลังกายที่สามารถทำได้ในบ้านมากมาย ทั้งที่ไม่มีค่าใช้จ่าย และแบบราคาไม่แพง ทั้งแบบที่ใช้อุปกรณ์เล็กน้อย และแบบที่ไม่อาศัยอุปกรณ์ใดๆ เลย

Ellen Barrett ผู้เชี่ยวชาญด้านโยคะ แนะนำให้สร้างพื้นที่ที่สะดวกสบายสำหรับการออกกำลังกายในบ้าน อย่างตัวเธอเองจะมีเสื่อโยคะปูอยู่ในมุมสงบของห้องนั่งเล่นที่อยู่นอกห้องนอน ซึ่งเต็มไปด้วยแสงธรรมชาติ เธอสามารถนั่งสมาธิหรือยืดเส้นยืดสายแบบเบาๆ หรือออกกำลังกายเท้าเปล่าแบบเข้มข้นได้ด้วย

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายไม่ได้มีความสำคัญต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตเท่านั้น แต่การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายนั้นช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพของการเรียนรู้ด้วย นอกจากนี้การออกกำลังร่วมกับผู้อื่นยังช่วยให้สนุกสนาน ดังนั้นอย่าลืมที่จะชวนลูกๆ มาออกกำลังกายด้วยกัน





ขอขอบคุณ
ภาพ :iStock
เนื้อหา :Sanook

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=3KPcdrlWSfk" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=3KPcdrlWSfk</a>

 

เชื่อหรือไม่ เทศกาลกินเจมีที่มาจากพวกมองโกล?



เคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเราถึงไม่เคยเห็นข่าวเทศกาลกินเจของคนจีนแผ่นดินใหญ่ แต่เป็นที่โด่งดังในบ้านเรา หรือประเทศที่มีคนจีนโพ้นทะเลมาอาศัยอยู่?

ที่เป็นเช่นนั้นต้องย้อนกลับในสมัยปลายราชวงศ์ซ้อง (ยุคเปาบุ้นจิ้น) ประเทศจีนกำลังถูกพวกมองโกลรุกราน โดยแผ่นดินผืนสุดท้ายที่ต้านทานพวกมองโกลอยู่ก็คือชาวแต้จิ๋วและฮกเกี้ยน ในขณะที่กองทัพมองโกลกำลังจะได้ชัยชนะ อัครมหาเสนาบดีราชวงศ์ซ้องเห็นว่าไม่มีทางสู้พวกมองโกลได้ จึงอุ้มฮ่องเต้น้อยอายุ 9 ขวบ กระโดดน้ำตายเพื่อไม่ให้โดนจับเป็นเชลย
ชาวจีนแต่้จิ๋วและฮกเกี้ยนจึงทำพิธีไว้อาลัยให้ยุวกษัตริย์องค์นั้นด้วยการไว้ทุกข์ และกินเจตามแบบพุทธศาสนา โดยที่ต้องกินเจเดือนเก้าก็เพื่อเป็นสัญลักษณ์ให้ฮ่องเต้อายุ 9 ขวบ รวมทั้งสีของเทศกาลกินเจก็ใช้สีเหลือง (สีของฮ่องเต้) เป็นสัญลักษณ์แทนสีขาวที่ใช้ในพิธีทางศาสนาทั่วๆไป นอกจากนี้ยังผูกเรื่องเดือนเก้าให้เข้ากับตำนานพระโพธิสัตย์ 9 รูป เพื่อหลอกให้ชาวมองโกลไม่สงสัย
ประเพณีนี้เป็นที่นิยมแต่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ซึ่งก็เป็นบรรพบุรุษของชาวจีนที่อพยพไปตั้งรกรากนอกประเทศ ทำให้เทศกาลนี้เป็นที่โด่งดังในประเทศที่ชาวจีนโพ้นทะเลไปอาศัยอยู่มากกว่าในจีนแผ่นดินใหญ่

เห็นมั้ยครับว่าเรื่องกลยุทธ์สำคัญแค่ไหน ขนาดที่มาเทศกาลกินเจ ยังต้องมีการวางแผนเลย

ข้อมูลเต็มๆอ่านได้จากหนังสือ "สกัดจุดยุทธจักรมังกรหยก" ของ อาจารย์ ถาวร สิกขโกศล ได้นะครับ

เคดิตเพจ Strategic Talk เมื่อ 24 กันยายน 2014

พบลูกไฟปริศนาคล้ายดาวตกบนท้องฟ้า กทม.



นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com

(7 ก.ย.) มีรายงานว่า ประชาชนจากหลายจุดในกรุงเทพมหานคร แจ้งไปยังทวิตเตอร์ @js100radio
ระบุว่า พบเห็นลูกไฟประหลาดไม่ทราบว่าเป็นวัตถุอะไร มีหางยาวคล้ายดาวตก ตกลงจากฟากฟ้า
มีแสงไฟสว่างวาบตามด้วยเสียงดังคล้ายฟ้าร้อง พร้อมทิ้งกลุ่มควันเป็นทางยาว ตั้งแต่เวลาประมาณ 08.40 น.ที่ผ่านมา

โดยพื้นที่ที่พบเห็นลูกไฟดังกล่าว ทั้งราชปรารภ เมืองทองธานี อโศก แยกวิภาวดี พระราม 4 พระราม 9 พญาไท
ลาดพร้าว นอกจากนี้ ทวิตเตอร์ @tuiinikon แจ้งเข้ามาทางทวิตเตอร์เรื่องเล่าเช้านี้ว่า ที่ จ.อุทัยธานี
ก็พบเห็นลูกไฟดังกล่าวเช่นเดียวกัน รวมทั้งในพื้นที่ ปทุมธานี กาญจนบุรี และ เชียงใหม่ ด้วย

12 พค. 58 แผ่นดินไหวเนปาลซ้ำ 7.4 แมกนิจูด



(12 พ.ค.) เมื่อเวลา 14.05 น. หรือเมื่อเวลา 12.35 น. ตามเวลาท้องถิ่น เกิดแผ่นดินไหวบนบก ใกล้เมืองกาฐมาณฑุ ของประเทศเนปาล ขนาด 7.4 ความลึก 18.5 กม. โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ศูนย์กลางของแผ่นดินไหว เกิดขึ้นทางตะวันออกขางกรุงกาฐมาณฑุ โดยห่างออกไปเป็นระยะทาง 83 กม. ใกล้กับชายแดนเนปาลด้านติดกับประเทศจีน

ขณะที่ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ใกล้กับเมืองนัมชี บาชาร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากเทือกเขาเอเวอร์เรสเท่าใดนัก แต่ความรุนแรงรับรู้ได้ถึงกรุงกาฐมาณฑุ และไปไกลถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของประเทศอินเดีย

ด้าน กระทรวงการต่างประเทศ ของไทย เผยผ่านทวิตเตอร์ @MFAThai จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.4 ริกเตอร์ที่เมือง Namche Bazar ห่างจากกาฏมาณฑุ 84 กม. เวลา 13.00 น. เวลาท้องถิ่น เบื้องต้นสถานทูตรายงานคนไทยปลอดภัย

ทั้งนี้ เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดนี้ เกิดขึ้นเพียง 2 สัปดาห์ หลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหว 7.8 บริเวณภาคกลางของประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอาคารยบ้านเรือนและโบราณวัตถุ โบราณสถาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจนพังถล่มลงมาจำนวนมาด และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า 8,000 คน

พังงาแผ่นดินไหว ขนาด 4.6 ไม่มีสึนามิ



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (6 พ.ค.) เมื่อเวลา 04.18 น. เกิดแผ่นดินไหวมีจุดศูนย์กลาง อยู่บริเวณ อ.เกาะยาว จ.พังงา ที่ละติจูด 7.85 องศาเหนือ ลองจิจูด 98.54 องศาตะวันออก ความลึก ประมาณ 4 กิโลเมตร ขนาด 4.6 ทางทิศใต้ของเกาะยาวใหญ่ อ.เกาะยาว จ.พังงา ได้รับแจ้งรู้สึกสั่นไหวบริเวณ จ.พังงา จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่

โดย สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ประกาศ เมื่อเวลา 05.14 น. ไม่มีแจ้งเตือนภัยสึนามิ

แผ่นดินไหวเนปาล กลืนชีวิตคนมากติดอันดับ 9 ของโลก



(27 เม.ย.) จากกรณีแผ่นดินไหวในประเทศเนปาลที่วัดระดับความรุนแรงได้ 7.8 แมกนิจูด และเกิดอาฟเตอร์ช็อก
ตามมาอีกหลายระลอก เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา ถือเป็นภัยพิบัติครั้งรุนแรงในรอบ 81 ปีของเนปาล

สาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเช่นนี้  เกิดจากการสะสมพลังงานของจุดล็อก หรือจุดปิดตาย ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลาง
อยู่ในบริเวณประเทศเนปาล โดยจุดดังกล่าวเป็นการเคลื่อนที่ของเปลือกโลกที่ซ้อนกัน 2 แผ่น คือแผ่นอินเดียกับแผ่นยูเรเซีย
ซึ่งเป็นจุดเดียวกันกับที่เคยเกิดแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ. 1934 หรือเมื่อ 81 ปีก่อน โดยครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิตมากกว่าหมื่นคน

และจุดปิดตายดังกล่าวเมื่อเกิดพลังงานสะสมมากขึ้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนรุนแรง ประกอบกับระดับความลึก
ห่างจากเปลือกเพียงแค่ 15 กิโลเมตร เป็นเหตุให้เกิดอานุภาพรุนแรงอย่างที่ปรากฎขึ้น   

ซึ่งเหตุธรณีพิโรธครั้งรุนแรงของเนปาลครั้งนี้ถือเป็นโศกนาฎกรรมภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ติดอับดับความสูญเสีย
เป็นอันดับ 9 ของโลก และศูนย์ศึกษาความรุนแรงธรณีวิทยาขององค์กร Ngo Hazard ได้ระบุไว้ว่า
เนปาลเป็นประเทศที่ต้องเจอภัยพิบัติมากกว่าประเทศอื่นๆ จากเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงทุกๆ วงรอบ
ประมาณ 75-80 ปี อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ย้อนภัยพิบัติแผ่นดินไหวจากสถิติการจัดเรียงลำดับความสูญเสียที่เคยเกิดขึ้น

เมื่อปี 2004 เกิดแผ่นดินไหวที่เกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ระดับความรุนแรง 9.3 แมกนิจูด ครั้งนั้น
มีตัวเลขผู้เสียชีวิตกว่า 2 แสนคน นับเป็นโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่คนทั้งประเทศต่างร่ำไห้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ปี 2010 เกิดแผ่นดินไหวที่ประเทศเฮติ วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.00 แมกนิจูด  แผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็นครั้งรุนแรงที่สุด
ในรอบกว่า 200 ปี และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงตามมาอีกถึง 24 ครั้ง กับเหตุการณ์ครั้งนี้มีสูญเสียมากถึง 1 แสนคน
หลายประเทศทั่วโลกต่างระดมความช่วยเหลืออย่างไม่ขาดสาย เหตุเพราะประเทศเฮติถือเป็นประเทศที่ประชากร
ยังมีความยากจนอยู่มาก

ปี 2008  แผ่นดินไหวขนาด 7.9 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ในมณฑลซีอาน ซึ่งความรุนแรงในครั้งนั้น
ได้คร่าประชากรชาวจีนในมณฑลดังกล่าวตัวเลขของผู้เสียชีวิตสูงถึง 8 หมื่นกว่าคน นับเป็นภัยพิบัติที่รุนแรงเป็นอย่างมาก
ที่เคยเกิดในจีน



คาดว่าตัวเลขภัยพิบัติแผ่นดินไหวในเนปาลตัวเลขล่าสุดจากรายงานผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 3,600 รายและคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น
เนื่องจากหลายชีวิตติดอยู่ในซากปรักหักพัง

นับเป็นเหตุการณ์ที่ทั่วโลกต่างเศร้าสลด...

แผ่นดินไหวเนปาล เหยื่อผู้เสียชีวิตทะลุ 3,600 ศพแล้ว



สำนักข่าวต่างประเทศยังคงเกาะติดรายงานสถานการณ์ในประเทศเนปาล หลังเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในรอบ 81 ปี
ขนาด 7.8 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กู้ภัยและหน่วยงานฉุกเฉินแห่งชาติของเนปาล
ยังลงพื้นที่สำรวจและช่วยเหลือผู้ประสบเหตุอย่างต่อเนื่อง

ตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ ล่าสุดพุ่งทะลุมากกว่า 3,600 คนแล้ว คาดว่าตัวเลขอาจจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
หลังมีการเก็บกู้ซากปรักหักพังในพื้นที่กรุงกาฐมาณฑุ ส่วนยอดผู้ได้รับบาดเจ็บก็อยู่ที่ราวๆ 7,000 คน
รวมทั้งผู้ประสบเหตุจากประเทศใกล้เคียงที่ได้รับผลกระทบ อย่าง อินเดีย, ทิเบต หรือ จีน เป็นต้น

ทั้งนี้ หน่วยงานนานาชาติเร่งระดมทีมแพทย์และสิ่งของช่วยเหลือ หลังมีรายงานว่าผู้ประสบเหตุครั้งนี้กำลังขาดแคลนอย่างหนัก
โดยเฉพาะอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เช่นเดียวกับประเทศไทย เตรียมส่งอุปกรณ์ช่วยชีวิตและเครื่องอุปโภคบริโภค
ไปช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน พร้อมกับส่งทีมแพทย์อาสาเข้าไปด้วย

นักปีนเขาชาวเยอรมันเผยคลิปนาทีหิมะถล่มที่ เอเวอร์เรสต์ เบสแคมป์



หลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา โจส โคบัช นักปีนเขาชาวเยอรมัน
ได้โพสต์คลิปวิดีโอที่บันทึกเหตุการณ์หิมะถล่มบริเวณ เอเวอร์เรสต์เบสแคมป์
ขณะเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่า 80 ปีของเนปาลเมื่อวันที่ 25 เม.ย. 2558

โคบัชระบุว่า "หลังจากพื้นดินสั่นสะเทือนเพราะเหตุแผ่นดินไหว ทันที่เราเห็นผู้คนพากันวิ่ง
เราก็วิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอด" ขณะที่ภาพในคลิปเผยให้หิมะจำนวนมากที่ถล่มลงมาใส่กลุ่มนักปีนเขา
อย่างรวดเร็วและรุนแรงโดยเหตุหิมะถล่มบริเวณเบสแคมป์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย
และบาดเจ็บอีก 61 คน

Hit by Avalanche in Everest Basecamp 25.04.2015

แผ่นดินไหวเนปาล ยอดตายพุ่ง 2,400 ศพ ผวาอาฟเตอร์ช็อก



สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด ครั้งร้ายแรงที่สุดในรอบ 81 ปีของประเทศเนปาล
ยังคงสร้างความเป็นกังวลของผู้ประสบภัย โดยเฉพาะในพื้นที่ กรุงกาฐมาณฑุ ที่ได้รับความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน
ท่ามกลางตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

จากรายงานของรัฐบาลเนปาล เปิดเผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ พุ่งทะลุ 2,400 คน และผู้ได้รับบาดเจ็บ
อีกมากกว่า 6,000 คน ซึ่งตัวเลขยังคงพุ่งไม่หยุด หลังจากที่ทางการได้ลงพื้นที่ขุดค้นซากปรักหักพังและเริ่มพบผู้เสียชีวิต
ที่ติดอยู่ใต้ซากดังกล่าวเพิ่มขึ้น

ขณะที่สถานการณ์ทั่วไปยังคงเกิดเหตุอาฟเตอร์ช็อกและแรงสั่นสะเทือนซ้ำรอยอีกหลายครั้ง ศูนย์สำรวจทางธรณีวิทยา
ของสหรัฐอเมริกา ระบุว่า ในวันนี้ (26 เม.ย.) พบอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.7 แมกนิจูด บริเวณใกล้กับยอดเขาเอเวอร์เรสต์
ทำให้สร้างความเสียหายเพิ่มขึ้นไปอีก รวมทั้งยังมีรายงานเกิดเหตุหิมะถล่มอีกครั้ง บริเวณเทือกเขาหิมาลัย
เป็นอุปสรรคต่อก็เข้าช่วยเหลือนักปีนเขาที่ประสบเหตุด้วย

คลิปภาพแผ่นดินไหวเนปาล เปลี่ยนสระน้ำนิ่งเป็นคลื่นยักษ์



เปิดภาพกล้องวงจรปิดที่สระว่ายน้ำโรงแรมแห่งหนึ่งที่เนปาล ช่วงเกิดแผ่นดินไหว 7.8 แมกนิจูด
แรงสั่นสะเทือนทำให้เกิดคลื่นยักษ์คล้ายสึนามิขนาดย่อมๆ

แผ่นดินไหวขนาด 7.8 แมกนิจูด ประเทศเนปาล กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของโลกครั้งล่าสุด
แรงสั่นสะเทือนสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวงของเนปาล
อาคารบ้านเรือนพังถล่มหลายแห่ง ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุครั้งนี้ทะลุ 2,000 คนแล้ว

ขณะที่โลกออนไลน์เริ่มทยอยแชร์ภาพเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งนี้ สถานีโทรทัศน์ TV9 ของอินเดีย
ได้เผยแพร่คลิปที่แสดงให้เห็นถึงอนุภาพความรุนแรงของแรงสั่นสะเทือนในเหตุครั้งนี้ ภาพจากกล้องวงจรปิด
ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงกาฐมาณฑุ สามารถบันทึกภาพช่วงเวลาเกิดเหตุแผ่นดินไหว แรงสั่นไหว
ทำให้กล้องสั่นอย่างแรง เช่นเดียวกับน้ำในสระที่เปลี่ยนน้ำนิ่งกลายเป็นคลื่นยักษ์

Nepal Earthquake : 'Swimming Pool Tsunami' caught on camera - Tv9

น้ำใจชาวโลกไม่แห้งเหือด ส่งช่วยเหลือชาวเนปาล



เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาล ขนาด 7.9 แม็กนิจูด จุดศูนย์กลางห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ประมาณ 80 กิโลเมตร นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 81 ปี สร้างความเสียหายอย่างหนักอาคารบ้านเรือนพังถล่ม
ถนนหนทางเสียหายอย่างหนัก

ล่าสุด รายงานตัวเลขของผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึงกว่า 1,900 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บกว่า 4,718 คน นับเป็นโศกนาฎกรรม
ครั้งรุนแรงมากที่สุดของประเทศเนปาล

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เห็นว่าบนโลกกลมๆ ใบนี้ยังมีธารน้ำใจที่กว้างใหญ่และพร้อมจะหลั่งไหลลงไปช่วยเพื่อนมนุษย์อยู่เสมอ
และที่เห็นชัดเจนและรวดเร็วนั่นคือ "โลกออนไลน์" ซึ่งหลังจากเกิดเหตุสังคมของชาวเน็ตที่ใช้ทวิตเตอร์
เป็นช่องทางในการติดต่อสื่อสารได้มีการติดแฮ็ชแทค #PrayForNepal

และในสังคมออนไลน์ของไทยมีกลุ่มคนที่รวมตัวกันจัดกิจกรรมช่วยเหลือคนเนปาลด้วยการติด #singforNepal
โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า @toyubomm ได้รวมตัวกับกลุ่มเพื่อนๆ @kirapats, @soyoso และ @nattaboat เป็นผู้ริเริ่มกิจกรรมนี้
และได้ทวิตข้อความ...

"ใช้พลังโซเชี่ยลให้เป็นประโยชน์ ถึงแม้ว่าพวกเราจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่เราก็รวมพลังกันเพื่อให้กำลังใจคนเนปาล #singforNepal"

พร้อมผลักดันกิจกรรมดีๆ นี้จนเกิดเป็นเกิดกิจกรรมเล็กที่ยิ่งใหญ่ด้วยน้ำใจ  "#singforNepal จัดวันที่ 10 พฤษภาคม 4 โมงเป็นต้นไป
สถานที่คือร้านบ้านเพื่อน เวิ้งโบราณ ปากซอยเอกมัย 10 ครับ"

ส่วนรายละเอียดในการบริจาคติดตามได้จากทวิตเตอร์ @toyubomm

นอกจากนี้แล้ว องค์การยูนิเซฟไทยแลนด์ ได้เปิดรับน้ำใจจากคนไทย เนื่องด้วยเด็กๆ ในประเทศเนปาล
กำลังต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนจากสถานการณ์ฉุกเฉินแผนดินไหวเนปาลครั้งร้ายแรง
ติดตามรายละเอียดได้ที่  https://www.unicef.or.th/supportus/th หรือที่ UNICEF THAILAND

และอีกหนึ่งช่องทางที่คนไทยสามารถร่วมบริจาคช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ประสบเหตุในประเทศเนปาล ได้ที่ ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย
ทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรวบรวมจัดส่งไปบรรเทาความเดือดร้อนในนามประชาชนชาวไทยทั้งประเทศ

นักวิชาการหวั่นผลกระทบแผ่นดินไหวในเนปาล-อุตุฯ ยันไม่กระทบไทย



นักวิชาการมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่ารอยเลื่อนของเนปาลอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ภาคเหนือของไทย
ขณะที่รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่าเหตุแผ่นดินไหวในเนปาลเมื่อวานนี้ (25 เม.ย. 2558) จะไม่ส่งผลกระทบกับไทย
พร้อมระบุเนปาลมีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.5 - 7 ตามมาตราริกเตอร์

รศ.สุทธิศักดิ์ ศรลัมพ์ ผู้เชี่ยวชาญแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นในประเทศเนปาล
อาจจะมีจุดศูนย์กลางห่างจากประเทศไทย แต่เกรงว่าลักษณะรอยเลื่อนของเนปาลอาจส่งผลกระทบกับพื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย

"ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ในระดับหนึ่งกับการเคลื่อนที่ของรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกบริเวณนี้เช่นเดียวกัน
บริเวณหิมาลัยการเคลื่อนตัวทางด้านขวามีสิทธิ์ที่จะมาสัมพันธ์และต่อเนื่องกับบริเวณทางเหนือของไทย แต่ ณ ขณะนี้คาดว่า
จะยังไม่มีผลกระทบกับไทย ซึ่งเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก"

ขณะที่นายบุรินทร์ เวชบรรเทิง รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่าแผ่นดินไหวใหญ่ที่ประเทศเนปาลจะไม่ส่งผลกระทบกับประเทศไทย
เพราะระยะทางไกลกันมาก พร้อมระบุว่าเนปาลมีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกขนาด 6.5 - 7 ตามมาตราริกเตอร์ ภายใน 2-3 เดือนนี้