[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 19:37:55 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก เวบบอร์ด ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

  แสดงกระทู้
หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 26
41  สุขใจในธรรม / รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน / แดน เฟรดินเบิร์ก ผู้บริหารกูเกิล ดับจากเหตุหิมะถล่มเอเวอเรสต์ เมื่อ: 26 เมษายน 2558 20:06:48

แดน เฟรดินเบิร์ก ผู้บริหารกูเกิล ดับจากเหตุหิมะถล่มเอเวอเรสต์



(26 เม.ย.) สำนักข่าวต่างประเทศ TIME รายงานว่า แดน เฟรเดนเบิร์ก (Dan Fredinburg) ผู้บริหารกูเกิล
ผู้บริหารและวิศวกรแล็ป Google X ของกูเกิ้ล (Google) ถูกหิมะบนยอดเขาเอเวอเรสต์ถล่มทับจนเสียชีวิต
หลังจากประเทศเนปาลเกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา

แดน เฟรเดนเบิร์ก เดินทางไปปีนยอดเขาเอเวอเรสต์ ร่วมกับคณะเดินทาง โดย เมแกน น้องสาวของ แดน เฟรเดนเบิร์ก
ได้เขียนข้อความในอินสตาแกรมของเขา @danfredinburg เมื่อช่วงกลางดึกของวันนี้ (26 เม.ย.) ระบุว่า
มีความเสียใจที่จะแจ้งให้ทราบว่า แดนเป็นหนึ่งในเหยื่อหิมะถล่มที่เขาเอเวอร์เรสต์ โดยเขาได้เสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ

ทั้งนี้ แดนเป็น 1 ใน 17 ผู้เสียชีวิต จากเหตุหิมะถล่มบนยอดเขาเอเวอเรสต์ ขณะที่คณะเดินทางคนอื่นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
โดยก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ได้มีการโพสต์ภาพลงอินสตาแกรม เป็นภาพขณะปีนเขาเอเวอเรสต์ และภาพดื่มคาปูชิโนบนเอเวอเรสต์

ล่าสุด รัฐมนตรีกระทรวงกิจการภายใน ระบุยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวเนปาล เพิ่มเป็น 1,883 รายแล้ว


42  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ ห้องสมุด / ตำนานบ่อเกลือ จ.น่าน เมื่อ: 26 เมษายน 2558 11:24:39
ตำนานบ่อเกลือ จ.น่าน

อ.บ่อเกลือ จ. น่าน เดิมเรียกว่า "เมืองบ่อ" ซึ่งเดิมมีจำนวนเก้าบ่อ คือบ่อหลวง ตั้งอยู่บ้านบ่อหลวง บ่อหยวก
ตั้งอยู่บ้านบ่อหยวก บ่อเวร ตั้งอยู่บ้านบ่อเวร บ่อน่านและบ่อกิ๋น ตั้งอยู่บ้านต้นน้ำน่าน บ่อแคะ ตั้งอยู่ที่บ้านบ่อแคะ
บ่อเกล็ด ตั้งอยู่ที่บ้านสว้า และบ่อเจ้า ตั้งอยู่ที่บ้านด่าน



เดิมเมืองบ่อเป็นชุมชนใหญ่ ที่มีความสำคัญมากตามพงศาวดารเมืองน่านซึ่งพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ เจ้าผู้ครองนครน่าน
ให้แต่ขึ้นไว้ มีข้อความกล่าวถึงว่า "บ่อเกลือ" เหตุสำคัญให้พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่
ยกทัพยึดเมืองน่าน เมื่อ พ.ศ. 1993



ตำนานการค้นพบบ่อเกลือเล่าสืบทอดกันมาว่า มีนายพรานผู้หนึ่งมาล่าสัตว์และเห็นว่าสัตว์ทั้งหลายมักมากินน้ำที่นี้เป็นประจำ
เมื่อลองชิมดูจึงรู้ว่ามีรสเค็ม ข่าวได้ล่วงรู้ถึงไปถึงเจ้าหลวงภูคาและเจ้าบ่อหลวง จึงมาดูน้ำเกลือ
โดยทั้งสองพระองค์ขึ้นไปอยู่ที่ยอดดอยภูจั่นเพื่อแข่งขันกันพุ่งสะเต (หอก) เจ้าหลวงภูคาพุ่งหอกไปตกทางตะวันตกของลำน้ำมาง
ตรงที่ตั้งหอนอก (ปัจจุบันเป็นที่ทรงเจ้าของชาวบ้านบ่อหลวง) เจ้าบ่อหลวงพุ่งหอกไปตกทางตะวันออกของลำน้ำมาง
ข้ามลำน้ำมาตกตรงที่ตั้งของหอเจ้าบ่อหลวงในปัจจุบัน (อยู่ข้างบ่อเกลือใหญ่หรือบ่อเกลือเหนือ)

ผู้คนที่ดูการพุ่งหอกได้นำหินมาก่อเป็นที่สังเกต แล้วตั้งโรงหอทำเป็นพิธีระลึกถึงบุญคุณเจ้าพ่อทั้งสองพระองค์ทุกปี
ภายหลังทั้งสองพระองค์ได้ปรึกษากันเพื่อจัดตั้งชุมชนขึ้น โดยนำคนจากเชียงแสนเข้ามาหักร้างถางพงและทำเกลืออยู่ที่นี้
ซึ่งก็คือบรรพบุรุษของคนบ่อหลวงในปัจจุบัน



ที่มา นายรอบรู้
43  นั่งเล่นหลังสวน / หน้าเวที (มุมฟังเพลง) / Set Fire to the Rain (a cover by Andrew Muccitelli) เมื่อ: 26 เมษายน 2558 11:17:49


Set Fire to the Rain (a cover by Andrew Muccitelli)

Set Fire to the Rain (a cover by Andrew Muccitelli)




44  สุขใจในธรรม / รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน / สำนักข่าวต่างประเทศ ระบุยอดผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหวเนปาล 1,805 คน เมื่อ: 26 เมษายน 2558 11:11:06

สำนักข่าวต่างประเทศ ระบุยอดผู้เสียชีวิตเหตุแผ่นดินไหวเนปาล 1,805 คน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานยอดผู้เสียชีวิตในเหตุแผ่นดินไหวเนปาลเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) อยู่ที่ 1,805 คน
ขณะที่นานาชาติเร่งระดมเจ้าหน้าที่และอุปกรณ์เข้าช่วยเหลือ

เจ้าหน้าที่เนปาล เปิดเผยว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ตามมาตราริกเตอร์ เมื่อวานนี้
เพิ่มขึ้นเกือบ 1,500 คนแล้ว โดยสรุปยอดล่าสุดก่อนหน้านี้อยู่ที่ 1,450 คน ขณะที่สำนักข่าวซีเอ็น เอ็น
อ้างข้อมูลของกระทรวงหมาดไทยเนปาล ระบุมีจำนวนผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1,805 คน และบาดเจ็บ 4,718 คน
นอกจากนี้มีผู้บาดเจ็บจำนวนมากที่ต้องรักษาตัวนอกโรงพยาบาลท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บถึงจุดเยือกแข็งของเมื่อคืนนี้
ผู้สื่อข่าวต่างชาติรายงานว่าอาการของผู้บาดเจ็บจำนวนมากอยู่ในระดับที่น่าเป็นห่วง

สำหรับแผ่นดินดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (25 เม.ย.) เวลา 12.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งศูนย์กลางอยู่ในระดับใต้ดิน
ที่ตื้นมากระหว่างกาฐมาณฑุกับเมืองโพคารา ส่งผลให้เกิดความเสียหายรุนแรงเป็นบริเวณกว้าง โดยอาคาร วัด ศาสนสถาน
และโบราณสถานหลายแห่งพังเสียหาย และขาดบุคคลากรและเครื่องมือที่จะกู้ภัย ซึ่งขณะนี้หลายประเทศกำลังส่งเจ้าหน้าที่
และอุปกรณ์มาช่วยกู้ภัยในเนปาลอย่างเร่งด่วน โดยแผ่นดินไหวในเนปาลครั้งนี้มีความเสียหายรุนแรงมากที่สุดในรอบ 80 ปี



45  สุขใจในธรรม / รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน / Re: แผ่นดินไหวเนปาล ขนาด 7.9 ยอดตายยังพุ่ง เมื่อ: 26 เมษายน 2558 11:06:10

















46  สุขใจในธรรม / รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน / แผ่นดินไหวเนปาล ขนาด 7.9 ยอดตายยังพุ่ง เมื่อ: 26 เมษายน 2558 11:04:31
แผ่นดินไหวเนปาล ขนาด 7.9 ตายเพียบ



เหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาล ขนาด 7.9 แม็กนิจูด จุดศูนย์กลางห่างจากกรุงกาฐมาณฑุ ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ
ประมาณ 80 กิโลเมตร นับเป็นแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 81 ปี สร้างความเสียหายอย่างหนัก อาคารบ้านเรือนพังถล่ม
ถนนหนทางเสียหาย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาล ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดผู้เสียชีวิตพุ่งทะลุกว่า 600 คนแล้ว คาดว่าน่าจะมีผู้ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังอีกจำนวนหนึ่ง
เนื่องจากโบราณสถานและสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังหลายแห่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก

นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เป็นเหตุทำให้เกิดหิมะถล่มบนเทือกเขาหิมาลัย ส่งผลทำให้เบสแคมป์
เอเวอเรนส์ 2 สำหรับนักปีนเขาอยู่ใต้กองหิมะ มีนักปีนเขาสูญหายจำนวนมาก และมีการยืนยันผู้เสียชีวิตแล้ว 8 คน

กระทรวงการต่างประเทศของไทย เปิดเผยว่า เหตุแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ยังไม่มีรายงานคนไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
จากข้อมูลพบว่ามีคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศเนปาล ประมาณ 100 คน

สถานการณ์เวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย ผ่านไปกว่า 8 ชั่วโมงหลังจากเหตุแผ่นดินไหว
ตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตพุ่งสูงถึงเกือบ 800 คน ส่วนใหญ่พบว่าติดอยู่ใต้ซากอาคารที่พังถล่มลงมา
ส่วนเหตุอาฟเตอร์ช็อกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

47  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 18:03:05

1. Lincoln & Kennedy



Abraham Lincoln ประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 16 และ John Fitzgerald Kennedy ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 35 ต่างมีความเชื่อมโยงกันอย่างน่าประหลาด ดังเรื่องจริงต่อไปนี้

Abraham Lincoln ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภา Congress ในปี 1846 John
F. Kennedy ได้รับการเลือกตั้งเข้าสู่สภา Congress ในปี 1946 ซึ่งห่างกัน 100 ปี พอดี


หลังจากนั้นอีก 14 ปี...Abraham Lincoln ได้รับการเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 1860 John F. Kennedy ได้รับการเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 1960 ซึ่งห่างกัน 100 ปี อีกเช่นกัน

คำว่า Lincoln และ Kennedy ต่างมีตัวอักษรทั้งหมด 7 ตัวเท่ากัน ทั้งคู่เป็นประธานาธิบดีที่ให้ความสนใจกับสิทธิของประชาชนเป็นหลัก



รองประธานาธิบดีของทั้งคู่ชื่อ Andrew Johnson เป็นรองประธานาธิบดีของ Lincoln เกิดปี 1808 Lyndon Johnson เป็นรองประธานาธิบดีของ Kennedy เกิดปี 1908 ชื่อของรองประธานาธิบดีทั้งสองมีความยาว 13 ตัวอักษรเท่ากัน และทั้งคู่เกิดห่างกัน 100 ปีพอดี

Lincoln มีลูก 2 คน ชื่อ Edward และ Robert ส่วน Kennedy มีน้อง 2 คน ชื่อ Edward และ Robert

Lincoln ต้องพบกับความสูญเสียเมื่อ ลูกชื่อ Edward ป่วยและเสียชีวิต Kennedy ต้องพบกับความสูญเสียเมื่อ น้องชื่อ Robert ถูกยิงเสียชีวิต

เลขาฯ ของประธานาธิบดี Lincoln ชื่อ Kennedy ได้แนะนำว่าไม่ควรเดินทางไปที่โรงละครในวันที่ถูกยิง เลขาฯ ของประธานาธิบดี Kennedy ชื่อ Lincoln ได้แนะนำว่าไม่ควรเดินทางไปที่เมือง Dallas ในวันที่ถูกยิง และประธานาธิบดีทั้งสองก็ถูกยิงจนเสียชีวิตอย่างปริศนา มือสังหารที่สังหารประธานาธิบดีทั้งสองเป็นชาวใต้เหมือนกัน

John Wilkes Booth ซึ่งเป็นมือปืนที่สังหาร Lincoln เกิดในปี 1839 ส่วน Lee Harvey Oswald ซึ่งเป็นมือปืนที่สังหาร Kennedy เกิดในปี 1939 ทั้งสองเกิดห่างกัน 100 ปี ชื่อมือปืนทั้งคู่มีความยาว 15 ตัวอักษรเท่ากัน

Lincoln ถูกยิงขณะที่อยู่ในโรงละครชื่อ "Kennedy" Kennedy ถูกยิงขณะที่อยู่ในรถยี่ห้อ "Lincoln" ทั้งคู่ถูกยิงในวันศุกร์ และถูกยิงที่ศีรษะเหมือนกัน ทั้งคู่ถูกยิงในขณะที่มีภรรยาอยู่เคียงข้าง

Booth หลังจากซุ่มยิงประธานาธิบดี Lincoln ที่โรงละครแล้วได้หนีไปซ่อนตัวที่โกดัง Oswald หลังจากซุ่มยิงประธานาธิบดี Kennedy จากโกดังแล้วได้หนีไปซ่อนตัวที่โรงละคร ทั้ง John Wilkes Booth และ Lee Harvey Oswald เสียชีวิตก่อนที่จะได้รับการพิจารณาคดีในชั้นศาล




48  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 18:00:18

2. King Umberto I



ที่เมืองมอนซ่า สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี ได้เสร็จไปร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่งเพื่อเสวยอาหารค่ำพร้อมกับ เอมิลิโอ ปอนเซีย-วาญ่า (Emilio Ponzia-Vaglia) เสนาธิการของพระองค์ เมื่อพระองค์สั่งอาหารก็ได้สังเกตว่าเจ้าของร้านอาหารนั้นหน้าเหมือนเขาเป็นอย่างมากและทั้งคู่ก็เริ่มคุยจนเกิดความประทับใจต่อทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้พวกเขายังพบความคล้ายกันอื่นๆ อีกมากมากมาย

- ทั้งคู่เกิดในวันเดียวกัน ปีเดียวกัน
- ทั้งคู่เกิดในเมืองเดียวกัน
- หญิงที่แต่งงานมีชื่อเดียวกันคือ มาร์เกอริตา (Margherita)
- เจ้าของร้านเปิดร้านอาหารของเขาในวันเดียวที่สมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 ครองราชย์เป็นกษัตริย์อิตาลี
- และเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม 1900 เจ้าของร้านดังกล่าวได้ถูกยิงลึกลับ และในวันเดียวกันนั้นเขาเองก็ถูกลอบสังหารจากผู้นิยมอนาธิปไตยท่ามกลางฝูงชน


 
 

49  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:59:21

3. Titanic



วันที่ 14 เมษายน ปี 1912 “ไททานิก” เรือเดินสมุทรใหญ่ที่ในโลกในขณะนั้น ได้ออกเดินทางครั้งแรก ด้วยความยิ่งใหญ่ของมัน หลายคนต่างขนามมันว่า "เรือที่ไม่มีวันจม" แน่นอนผลเป็นไงก็รู้นะครับ ก็มันเกิดไปชนภูเขาน้ำแข็งแล้วจมลงสู่ท้องมหาสมุทร

ก่อนหน้านี้ 14 ปี ก่อนที่ไททานิกจะจมนั้นมีนวนิยายเรื่องหนึ่งออกสู่ท้องตลาด คนเขียนชื่อ มอร์แกน โรเบิร์ตสัน เรื่อง Futility เป็นนิยายเนื้อเรื่องเกือบเหมือนไททานิกมากๆ คือเรื่องกล่าวถึงเรือที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความหรูหรา อลังการ มโหฬาร และได้ฉายาว่า "เรือที่ไม่มีวันจม" เหมือนกันแค่นี้ยังไม่พอความน่าประหลาดใจอยู่ที่รายละเอียดของเรือและเหตุการณ์ที่สอดคล้องกันมาก ไม่ว่าจะเป็น



- ในนิยาย เหตุเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ ส่วนเรื่องจริง เหตุเกิดในมหาสมุทรแอตแลนติกตอนเหนือ

- ในนิยาย เรื่อเดินทางจากนิวยอร์คไปลิเวอร์พูล ส่วนเรื่องจริง เรือเดินทางจากเซาแธมป์ตันไปนิวยอร์ค

- ในนิยาย สาเหตุของการสูญเสียเกิดจาก เรือชนภูเขาน้ำแข็ง ใช้ความเร็วสูงเกิน มีเรือช่วยชีวิตน้อยเกินไป "จำนวนขั้นต่ำตามกฎหมายกำหนด" ส่วนเรื่องจริง สาเหตุของการสูญเสียเกิดจาก เรือชนภูเขาน้ำแข็งใช้ความเร็วสูงเกิน มีเรือช่วยชีวิตน้อยเกินไป "จำนวนขั้นต่ำตามข้อกำหนดของสภาการค้า"

- ในนิยาย เหตุเกิดในเวลากลางคืนของเดือนเมษายน ส่วนเรื่องจริง เหตุเกิดเวลาห้าทุ่ม 40 นาที ในวันที่ 14 เมษายน

- ในนิยาย เรือไททั่นได้ฉายาว่า เรือที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีในมหาสมุทร ผลงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ส่วนเรื่องจริง เรือไททานิกได้ฉายาว่า เรือที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีในมหาสมุทร สิ่งมหัศจรรย์แห่งยุค เรือที่ไม่มีวันจม

- ในนิยาย เรือมีความยาว 800 ฟุต ส่วนเรื่องจริง เรือมีความยาว 880 ฟุต

- ในนิยาย น้ำหนักตัวเรือ 45,000 ส่วนเรื่องจริง น้ำหนักตัวเรือ 46,328

- ในนิยาย ระวางขับน้ำ 45,000 ส่วนเรื่องจริง ระวางขับน้ำ 66,000

- ในนิยาย กำลังขับเคลื่อน 40,000 แรงม้า ส่วนเรื่องจริง กำลังขับเคลื่อน 45,000 แรงม้า

- ในนิยาย จำนวนใบจักร 3 ส่วนเรื่องจริง จำนวนใบจักร 3

- นอกจากนี้ในเรือก็มีเครื่องยนต์ 3 เครื่อง ทำความเร็ว 24-25 น็อต เท่ากับไททานิกเหมือนกัน ระหว่างบรรทุก 70,000 ตัน ซึ่งมากกว่าไททานิก 4,000 ตัน(ต่างกันไม่ถึง 6%) และสั้นกว่าเรือไททานิกเพียง 80 ฟุต


เรือลำดังกล่าว ได้เดินทางข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารที่มีชื่อเสียงและคนในสังคมชั้นสูงเหมือนกับไททานิก จากนั้นมันก็ไปจนภูเขาน้ำแข็งกับวันที่ไททานิกจม และเรือช่วยชีวิตไม่พอและมันก็จมสู่ก้นมหาสมุทรแอตแลนติกเหมือนกัน ที่สำคัญเรือในนิยายของโรเบิร์ตสัน มีชื่อว่า "เรือไททัน"

 

50  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:57:44

4. She's behind you !



ปี 2010 ไมเคิล ดิ๊ก (Michael Dick) ชาวอังกฤษ พยายามตามหาลูกสาวของเขาที่หายตัวไปยาวนาน 10 ปีนับจากเขาแยกจากภรรยาคนแรกของเขา เขาคาดว่าเธอน่าจะอยู่ที่ Sudbury , Suffolk แต่กระนั้นเขาก็ไม่เคยพบเธอเลย แต่เขาก็ไม่ท้อถอยเมื่อเขาหันไปโฆษณาช่วยเหลือในหนังสือพิมพ์ โดยให้ช่างภาพกดชัตเตอร์ครอบครัวของเขา เพื่อรายงานสถานการณ์ของครอบครัวให้เธอทราบหากได้อ่านมัน

จนกระทั้งวันหนึ่งดิกก็พบกับลิซ่าที่ตอนนี้กลายเป็นคุณแม่อายุ 31 ปี ซึ่งเธอหายไปจากชีวิตไมเคิลนานถึง 10 ปี โดยสาเหตุที่เธอได้พบเขาก็เพราะเธอดันไปเห็นของเธอติดมายังรูปถ่ายไมเคิลและครอบครัวมาด้วย !!

ซึ่งภาพดังกล่าว ในฉากหลังลิซ่ากำลังเดินผ่านด้านหลังของครอบครัวของไมเคิลไม่กี่ฟุต โดยเธออธิบายสถานการณ์ว่า ตอนนั้นว่าฉันกับแม่ยืนในสถานที่นี้แค่เดินเหมือนปกติทุกวันโดย เธอไม่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่นั่น และบังเอิญช่างภาพกดชัตเตอร์ติดเธอพอดี เธอไม่รู้ว่าภาพดังกล่าวจะถูกนำไปโฆษณาหาคนหายในหนังสือพิมพ์ในเวลาต่อมา

ลิซ่าอธิบายสถานการณ์ว่า “บางทีอาจเป็นโชคซะตา”



51  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:56:38

5. D-Day



เกมส์แก้ปริศนาอักษรไขว้เกือบเปลี่ยนประวัติศาสตร์ โดยเรื่องจองเรื่องคือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กลุ่มพันธมิตรวางแผนที่จะบุกยุโรปในเดือนมิถุนายน 1944 ดังนั้นพวกเขาจึงต้องสร้างรหัสลับขึ้นมาแทนคำพูดเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อศึกรู้ความลับ โดยแต่ละฝ่ายจะใช้ชื่อแผนกลุ่มตนเอง เช่นหากเป็นการโจมตีทางเรือใช้รหัสว่า เนปจูน จุดหมายปลายทางฝรั่งเศส และจุดนัดพบคืออ่าวมัลเบอร์รี่สมทบยูทาร์และโอมาฮ่า โดยรหัสที่ว่านั้นถูกเก็บเป็นความลับอย่างยิ่งยอม

หากแต่ว่าก่อน 33 วันที่จะมีแผนโจมตียุโรป รหัสลับหลายคำที่ว่าดันไปปรากฏในเกมส์อักษรไขว้ ในหนังสือพิมพ์เดลี เทเล กราฟ ของลอนดอน ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวครับถ้วนสมบูรณ์ ซึ่งสร้างความวิตกกับพันธมิตรมากหากนาซีอ่านหนังสือพิมพ์นี้แล้วรู้รหัสนี้ โดยตัวอย่างรหัสดังกล่าว ก็เช่น

- Juno , Gold และ Sword (รหัสชื่อชายหาดที่อังกฤษตั้งขึ้น)
- Omaha (ชื่อชายหาดวัน D-Day ปรากฏออกมาเมื่อ 22 พฤษภาคม 1944)
- Overlord (ปรากฏออกมาในวันที่ 27 พฤษภาคม)
- Mulberry (ชื่อท่าเรือ ปรากฏในวันที่ 30 พฤษภาคม)
- Neptune (ชื่อรหัสการโจมตีทางเรือ ปรากฏวันที่ 1 มิถุนายน ก่อนปฏิบัติการของทางฝ่ายพันธมิตรเพียงไม่กี่วัน)


ทำให้หน่วยงานรักษาความมั่นคงของอังกฤษก็คงจะนั่งอยู่เฉยไม่ได้ รีบแจ้งไปจับกุมสายลับของพวกนาซีมาให้ได้ แต่เมื่อสืบทราบที่มาพบว่าคนทำเกมส์ดังกล่าวเป็นครูโรงเรียนประถมธรรมดาอายุ 54 ปีชื่อ เลียวนาร์ด ดาวี (Leonard Dawe)
(3 พฤศจิกายน 1889-12 มกราคม 1963) ที่เขาลงเกมส์ในหนังสือพิมพ์มานานกว่า 20 ปี และไม่รู้เรื่องวัน D-Day อะไรด้วย โดยการสอบสวนถามว่าเหตุใดเขาจึงต้องเลือกคำเหล่านี้มาใส่อักษรไขว์ด้วย โดยเขาตอบกลับไปว่ามันผิดกฎหมายเหรอ ที่เลือกคำที่เขาชอบมาใส่ในเกมส์ และนี้คือเรื่องบังเอิญที่เกือบเปลี่ยนประวัติศาสตร์โลก
 
 

52  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:55:14

6. The Narrative of Arthur Gordon Pym of Nantucket



ในศตวรรษที่ 19 เอ็ดการ์ อัลเลน โพ (1809-1849) เจ้าพ่อแห่งนวนิยายสยองขวัญยุคใหม่ได้เขียนนิยายที่มีชื่อเสียง
เรื่องหนึ่งชื่อเรื่องเล่าของอาร์เธอร์ (The Narrative of Arthur Gordon Pym of Nantucket) ซึ่งวางแผงเมื่อปี 1838

เนื้อหาประมาณว่าเรือแตกมีผู้รอดชีวิตสี่คนและอยู่ในซากเรือหลายวันท่ามกลางอาหารขาดแคลน และเมื่อหลายวันต่อมา
คนที่รอดชีวิตก็ตัดสินใจที่จะฆ่าและกินเด็กในห้องโดยสารที่ชื่อริชาร์ด ปาร์คเกอร์

ในปี 1884 เรือใบมิยองเน็ตเกิดล้มลงกลางทะเลมีผู้รอดชีวิตเพียงสี่คนและติดอยู่ในเรือหลายวัน และสามลูกเรือตัดสินใจ
ฆ่าเด็กในห้องโดยสาร โดยเด็กชายคนนั้นชื่อริชาร์ด ปาร์คเกอร์ !!!



53  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:54:20

7. Poker winnings, to the unsuspected son



นายโรเบิร์ต ฟอลลอน (Robert Fallon) จากนอร์ธทัมเบอร์แลนด์ ประเทศอังกฤษ ขึ้นชื่อว่าเป็นนักโปกเกอร์ที่เก่งกาจ แต่ขี้โกง และชอบเดินทางไปเล่นโป๊กเกอร์ในหลายทีในโลก

จนกระทั้งในปี 1858 เขาถูกนักเล่นพนันในวงใช้ปืนยิงเขาในบ่อนซานฟรานซิสโก เนื่องจากเขาจับโกหกได้ว่าเขาโกง แต่กระนั้นปัญหาตามมาก็คือเขาได้ทิ้งเงินเล่นโปกเกอร์ไว้ 600 ดอลลาร์ แต่ไม่มีใครเอาเงินจำนวนนั้นเพราะว่าเป็นเงินอับโชค
เพื่อเป็นการแก้ปัญหาบรรดานักพนันที่ร่วมเล่นกับฟอลลอนจึงตัดสินใจเรียกคนดูมาเล่นแทนเพื่อให้ครบขา และคนดูคนนั้นก็ได้เงินจากการเล่นโป๊กเกอร์ได้อีก 2,200 ดอลลาร์ หากแต่วงโปกเกอร์แตกเสียก่อนเพราะว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาทลายวงและจับกุม

ต่อมาคดีนี้ก็ไปถึงศาล ศาลได้ตัดสินว่าคนดูคนนั้นควรส่งเงิน 600 ดอลลาร์ในตอนแรกให้แก่บุตรชายของฟอลลอน หากแต่ปัญหาตามมาคือฟอลลอนขาดติดต่อญาติไปหลายปี ทำให้หลายฝ่ายต้องสืบหาประวัติฟอลลอนไปพักใหญ่ จนกระทั่งรู้มาว่าลูกชายของฟอลลอนนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลเลยเพราะเขาก็คือ “คนดู” คนนั้นนั่นเอง เขาเป็นลูกแท้ๆของฟอลลอนที่เขาไม่เคยเห็นพ่อนานตั้ง 7 ปี !!!


54  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:52:53

8. Roy Sullivan



จากสถิติโอกาสที่มนุษย์จะมีโอกาสถูกฟ้าผ่าได้สองครั้ง(ในวันและเวลาที่แตกต่างกัน) แต่กระนั้นก็มีมนุษย์บางคน(และคนเดียวในโลก) ที่ถูกฟ้าผ่า 7ครั้ง !!!

(นักคณิตศาสตร์ประเมินความเป็นไปได้ที่คนคนหนึ่งจะถูกฟ้าผ่า 7 ครั้ง มีโอกาสเพียงแค่1 ใน 16,000,000,000,000,000,000,000,000 (16 ตามด้วยศูนย์ 24 ตัว)

รอย ซัลลิแวน (7 กุมภาพันธ์ 1912 - 28 กันยายน 1983) เป็นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติชาวอเมริกัน ประจำอุทยานแห่งชาติเชนันโดอาห์ในรัฐเวอร์จิเนีย ช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1942 ถึง 1977 โดยที่ซัลลิแวนได้เคยถูกฟ้าผ่ามาแล้วถึงเจ็ดครั้งในช่วงเวลาที่ต่างกัน ซึ่งสามารถรอดชีวิตมาจากเหตุการณ์ดังกล่าวได้ทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้รับฉายา "มนุษย์สายล่อฟ้า" เขาได้รับการยอมรับในบันทึกสถิติโลกกินเนสส์ในฐานะที่เคยได้รับอุบัติเหตุจากฟ้าผ่ามากกว่ามนุษย์คนอื่น ๆ ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ (ในตอนนั้น) ซึ่งเขาถูกฟ้าผ่าเจ็ดครั้งในวันและเวลาที่แตกต่างกันต่อไปนี้



1942 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าครั้งแรกระหว่างประจำการอยู่บนหอคอยระฆังระวังไฟป่า สายฟ้าฟาดลงมาที่ปลายเท้าผลลัพธ์คือเล็บหัวแม่โป้งเท้าหลุด

1969 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 2 ระหว่างที่กำลังขับรถลงเขา ความแรงของกระแสไฟฟ้าทำให้เขาหมดสติ และเผาขนคิ้วจนไหม้เกรียม

1970 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 3 ระหว่างนั่งอยู่บนสนามหญ้า ทำให้ไหล่ซ้ายเป็นแผลไหม้

1972 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 4 ระหว่างที่เขาอยู่ในที่ทำการอุทยานฯ คราวนี้เขาเสียเส้นผม หลังจากถูกฟ้าผ่ามาแล้ว 4 ครั้ง รอยคิดว่าเขาต้องไม่ประมาท นับตั้งแต่นั้นมา เขาพกกระติกน้ำติดตัวตลอดเวลาเพื่อเอาไว้ดับไฟ

1973 ขณะที่ขับรถอยู่นั้น ฟ้าผ่าก็ฟาดลงกลางศีรษะของรอยอย่างแรงจนเขากระเด็นออกมานอกรถ และเป็นอีกครั้งที่เขาต้องเสียเส้นผม

1976 ซัลลิแวนเห็นก้อนเมฆลอยตามเขาเหมือนจงใจ รอยเดาได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จึงพยายามวิ่งหนี แต่ก็ไม่พ้น เขาถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 6 ตรงบริเวณลานตั้งแคมป์

1977 ซัลลิแวนถูกฟ้าผ่าเป็นครั้งที่ 7 ระหว่างที่กำลังนั่งตกปลา คราวนี้ค่อนข้างจะโดนหนักหน่อย เขาถูกหามส่งโรงพยาบาลเพราะหน้าอกและท้องเป็นแผลไฟลวก

แต่การรอดชีวิตจากฟ้าผ่านั้นมันไม่ดีเสียเลยเมื่อผู้คนต่างพยายามหลีกเลี่ยงที่จะไม่อยู่ใกล้กับซัลลิแวน ในช่วงหลังอันเนื่องมาจากการกลัวถูกฟ้าผ่า และนี่จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับเขา ครั้งหนึ่งเขาได้เคยกล่าวไว้ว่า "เช่น เมื่อผมเดินไปกับหัวหน้าพิทักษ์ป่าในวันหนึ่ง ได้มีฟ้าผ่าลงมา หัวหน้าได้กล่าวว่า ผมจะขอไปหาคุณในภายหลังก็แล้วกัน"

ในวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1983 ซัลลิแวนได้เสียชีวิตลงในวัย 71 ปี ด้วยการยิงตัวเองเข้าที่ช่องท้อง หมวกเจ้าหน้าที่สองใบของเขาได้รับการจัดแสดงในกินเนสส์เวิลด์เอ็กฮิบิทฮอลในนครนิวยอร์กและรัฐเซาท์แคโรไลน่า



55  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / Re: 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:50:49

9. พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส



พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 แห่งฝรั่งเศส เป็นกษัตริย์ฝรั่งเศสและนาวาร์ตั้งแต่ 10 พฤษภาคม ค.ศ. 1774 - 10 สิงหาคม ค.ศ. 1792 และเป็นกษัตริย์นาวาร์ไปพร้อมๆ กันในช่วงที่อยู่ในราชสมบัติประเทศต้องเจอปัญหาเศรษฐกิจอย่างรุนแรงมากจนเกิดการปฏิวัติฝรั่งเศสซึ่งพระองค์ถูกประหารชีวิตขณะที่มีอายุเพียง 37 ปี

ครั้งเมื่อพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ยังทรงพระเยาว์ พระองค์ได้ถูกโหราจารย์เตือนอยู่เสมอว่าให้ระวังวันที่ 21 ของทุกเดือนไม่งั้นจะมีเคราะห์ร้าย ซึ่งพระเจ้าหลุยส์กลัวเลขนี้มาก ซึ่งพระองค์จะไม่ทำกิจกรรมอะไรเลยในวันที่ 21 หากแต่เลข 21 ก็นำมาซึ่งเคราะห์ร้ายจนได้

เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 1791 เกิดเหตุการณ์หน้าประวัติศาสตร์ของโลกคือปฏิวัติฝรั่งเศส พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 และราชินี ถูกจับในได้ที่วาแรนจ์ขนะหลบหนีออกจากฝรั่งเศส จนต้องถูกนำตัวกลับปารีส

เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1791 ฝรั่งเศสยกเลิกสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ออกและประกาศตนเป็นสาธารณรัฐ



และสุดท้ายวันที่ 21 มกราคม 1793 พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ถูกบั่นพระเศียรด้วยกิโยติน !!


56  นั่งเล่นหลังสวน / สุขใจ จิบกาแฟ / 10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด เมื่อ: 22 เมษายน 2558 17:48:36
10 เรื่องบังเอิญที่น่าเหลือเชื่อที่สุด

ในประวัติศาสตร์ของโลกนั้นมีหลายเรื่องที่ความบังเอิญ ชนิดหลายคนต้องอ้าปากค้าง
บางเรื่องก็ไม่ค่อยดัง บางเรื่องก็ดัง และนี่คือ 10 อันดับที่โด่งดังและเป็นที่รู้จักกันดี


10. Dennis The Menace



ในวันที่ 12 มีนาคม 1951 หนังสือพิมพ์ “16” ของอเมริกา ได้มีการเปิดตัวการ์ตูนเรื่อง เดนนิส มิตเชลล์ ซึ่งเป็นเรื่องของเด็กชายชื่อเดนนิสที่สวมใส่เสื้อเชิ๊ตลายสีดำและสีแดงมีหมาเป็นคู่หูที่ชอบขยันทำเรื่องแสบๆ ด้วยความไร้เดียงสาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อเขาไปที่ไหนที่นั้นต้องวายวอดทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็น ครอบครัว ร้านค้า แต่บุคคลที่โดนหนักที่สุดคือเพื่อนบ้านที่ชื่อ จอร์จ วิลสัน ที่เข็ดขยาดกับฤทธิ์ของเด็กคนนี้จนแทบอยากย้ายบ้านหนี เรื่องได้รับรับความนิยมสูงและถูกนำไปสร้างเป็นอนิเมชั่นและภาพยนตร์ตามมามากมาย โดยคนเขียนการ์ตูนเรื่องนี้มีแรงบันดาลใจมาจากลูกชายแท้ๆ ของเขา



หลังจากการ์ตูนเดนนิส มิตเชลล์ของอเมริกาออกมา สามวันต่อมา เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ปีเดียวกัน ที่ประเทศอังกฤษก็ได้เปิดตัวการ์ตูนเรื่อง "เดนนิส มิตเชลล์" ใช่แล้วครับชื่อเหมือนการ์ตูนเดนนิสอเมริกานั่นแหละ แต่ยังไม่จบเพียงแค่นั้นนะครับ เพราะว่าเนื้อหาดันเหมือนอีก คือเป็นเรื่องของเด็กชายชาวอังกฤษชื่อ เดนนิส มิตเชลล์ ที่ใส่เสื้อลายสีดำและสีแดงกับหมาคู่หูที่ชอบขยันทำเรื่องแสบๆด้วยความไร้เดียงสาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เมื่อเขาไปที่ไหนที่นั้นต้องวายวอดทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัว ร้านค้า แต่บุคคลที่โดนหนักที่สุดคือเพื่อนบ้านที่ชื่ออดีตนายทหารที่เข็ดขยาดกับฤทธิ์ของเด็กคนนี้ จนแทบอยากย้ายบ้านหนี เรียกว่าพล็อตเหมือนกับเดนนิสอเมริกาเลยน่ะเนี้ย

และที่น่าเหลือเชื่ออีกคือผู้สร้างเดนนิสอังกฤษได้เผยว่าแรงบันดาลใจมาจากลูกชายแท้ๆ ของเขาอีก แน่นอนครับว่าผู้สร้างทั้งสองออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้เกี่ยวข้องใดๆ เลย มันเป็นเรื่องบังเอิญล้วนๆ และการ์ตูนเรื่องนี้ได้เปลี่ยนชื่อว่า “เดนนิส” เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนและจำผิด กระนั้นการ์ตูนเดนนิสอังกฤษก็กลายเป็นการ์ตูนอมตะพอๆ กับเดนนิสอเมริกาเรียบร้อย


57  นั่งเล่นหลังสวน / ลานกว้าง (มุมดูคลิป) / Area 51 กองบัญชาการของวัตถุบิ­­นลึกลับ จริงหรือลวงโลก ? เมื่อ: 30 มกราคม 2558 00:26:55
Area 51 กองบัญชาการของวัตถุบิ­­นลึกลับ จริงหรือลวงโลก ?

[สารคดี 01] Area 51 พื้นที่ 51


รัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51 พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้
หรือว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาว ถ้าหากมีคนถามว่าพื้นที่บริเวณใดในสหรัฐเป­­็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุด
เราคงจะได้รับคำตอบว่ามันคือ พื้นที่ 51 หรือ Area 51
นั่นก็อาจเป็นเพราะมีคนจำนวนมากอ้างว่าได้­­พบเห็นวัตถุบินลึกลับหรือ ยูโฟ (UFO - Unidentified flying object)
บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนส­­งสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51
น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบิ­­นลึกลับ


58  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ / ชายปริศนา เผยข้อมูลแอเรีย 51 ความลับมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก เมื่อ: 30 มกราคม 2558 00:23:20
สุดช็อค ชายปริศนาจากแอเรีย 51 เผย 10 ความลับมนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก


แอเรีย 51 สถานที่ต้องห้าม และ ถูกเล่าขานว่า นอกจากจะเป็นพื้นที่ทดสอบ อาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยี ของสหรัฐฯ ที่นี้ยังมีสิ่งที่เป็นความลับซ่อนอยู่ภายใน เรื่องมนุษย์ต่างดาว ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่หลายๆคนสงสัย จนกระทั่งนักข่าวเนวาด้าเดลี่เมลื ได้รับการติดต่อชายรายหนึ่งผู้ซึ่งอ้างว่า เป็นแหล่งข่าวระดับสูง และ เคยทำงานในโครงการแอเรีย 51

การนัดพบกันระหว่างนักข่าวและชายปริศนาจึงเกิดขึ้น ณ สถานที่แห่งหนึ่ง โดยชายรายนี้มีข้อแม้ว่า ชายดังกล่าวจะไม่ขอเปิดเผยชื่อ ห้ามทำการบอกรูปลักษณ์ภายนอกของเขา และไม่ตกลงที่จะที่จะยอมให้อัดเสียงหรือคลิปใดๆก็ตาม

ซึ่งหลังจากการสนทนาแหล่งข่าวลับ ที่เคยทำงานในแอเรีย 51 (Area51) นักข่าวก็ทำการสรุป 10 ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวได้ดังนี้

1. มนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริง พร้อมกับอาศัยอยู่บนโลกของเรามาไม่ต่ำกว่า 80 ปี
2. มนุษย์ต่างดาวเป็นผู้ติดต่อมาเอง เราไม่ได้เป็นผู้ค้นพบพวกเขา
3. ช่วงเวลาที่ติดต่อมา คือ ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (ค.ศ.1946)
4. สำหรับหน้าตาของมนุษย์ต่างดาว ก็เหมือนคนปกติทั่วไป แม้จริงๆแล้วหน้าที่แท้จริงของพวกเขาไม่ได้เหมือนมนุษย์โลก แต่พวกเขาก็มีวิธีการของตัวเองที่ทำให้หน้าเหมือนมนุษย์โลกทั่วไปได้
5. มีการติดต่อผ่านนายทหารระดับสูงของสหรัฐฯ ก่อนจะมีการพาไปพบกับประธานาธิบดีสหรัฐฯในขณะนั้น(แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์)
6. ในการเข้าพบกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อพูดคุยเรื่อง สันติภาพของโลกแห่งอนาคต เนื่องจากผลพวงของสงครามโลกครั้งที่ 2 แต่ไม่มีรายละเอียดเพิ่มเติมจากแหล่งข่าวคนดังกล่าว
7. สำหรับเรื่องเผ่าพันธ์มนุษย์ต่างดาง ความจริงแล้วมีอยู่หลายเผ่าพันธุ์ แต่เผ่าที่ติดต่อมายังโลกมนุษย์ก็เพราะว่า พวกเขาอยู่ใกล้โลกมากที่สุด แถมสภาพแวดล้อมต่างๆ รวมถึงแรงดึงดูด มีความใกล้เคียงกัน ส่วนมนุษย์ต่างดาวพวกอื่นๆ จะอยู่ไกลออกไป และมีสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกันมาก แต่ก็ยังมีมาแวะเวียนโลกอยู่บ้าง
8. ส่วนเผาพันธุ์ที่ติดต่อมายังโลก พวกเขามาอยู่บนโลกเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ประมาณปี ค.ศ.1936 (เพราะการเจรจาพูดคุยเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1946)
9. พวกเขาย้ายมาบนโลกอยู่หลายสิบชีวิต และกระจายไปตามที่ต่างๆของโลก ซึ่งพวกเขาเป็นพวกแรกๆที่มาทดลองอยู่บนโลกมนุษย์เพื่อเรียนรู้การใช้ชีวิต ซึ่งทางทีมงานแอเรีย 51 หลายๆคนเชื่อว่า เป็นเพราะดาวของพวกเขามีปัญหาบางอย่าง จึงต้องการหาที่อยู่ใหม่
10. มนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์นี้เป็นมิตรกับมนุษย์ เพราะหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนจวบปัจจุบัน มีการติดต่อกันมาโดยตลอด โดยส่วนใหญ่จะเป็นการเรียนรู้ด้านวิทยาศาสตร์ ดาราศาสตร์ และเรื่องราวต่างๆ ในปัจจุบันพวกเขามีกว่า 100 ชีวิตที่ยังอาศัยอยู่บนโลกในจุดต่างๆอย่างแนบเนียน โดยที่มนุษย์ไม่รู้เลยด้วยซ้ำ

ซึ่งทางนักข่าวยังถามแหล่งข่าวคนดังกล่าวว่า ทำไมถึงมายอมเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว ชายผู้นั้นตอบมาว่า "ถือว่าเป็นของขวัญคริสมาสต์ก็แล้วกัน ถึงเวลาที่ทุกคนควรจะรู้ และอีกไม่นานทุกคนก็จะรู้ความจริงเอง อีกอย่างผมไม่มีความเกี่ยวข้องกับที่นั้นอีกแล้ว"

ต่อมาข่าวดังกล่าว ก็ถูกทางเว็บไซต์ลบออกไปอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่ถึง 2 วัน พร้อมคำชี้แจ้งว่า ถือเป็นการเข้าใจผิดและต้องขออภัยไว้ที่นี้ด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าสงสัยเป็นอย่างมากจนถึงตอนนี้

59  วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ / ร้อยภูติ พันวิญญาณ / ผีนางกิ่งแก้ว ในเรือนจำบางขวาง นักโทษประหารจากการก่อคดีลักพาตัวเด็ก เมื่อ: 22 มกราคม 2558 00:08:52


ภาพประกอบไม่เกี่ยวกับเนื้อหา

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน นักโทษประหารจากการก่อคดีลักพาตัวเด็กเรียกค้าไถ่ เมื่อถูกประหารแล้วก็เที่ยวหลอกหลอนชาวบ้านแถวนั้นอยู่นานเชียว''

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน'' นักโทษประหารหญิงคนที่ 2 โดนประหาร แต่ไม่ยอมตาย

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน เธอคนนี้คนไทยหลายคนอาจจะไม่ค่อยรู้จัก แต่ก็ไม่ยากที่จะค้นหา เพราะประเทศไทยเรามีนักโทษประหารหญิงไม่กี่คน ซึ่งนางกิ่งแก้วนั้นเป็นนักโทษประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของไทยเรา

เรื่องราวของนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน น่าเชื่อว่ามาจากเนื้อหาหนังสือที่เชาวเรศน์จารุบุณย์เชาวเรศน์ จารุบุณย์เพชฌฆาตคนสุดท้ายที่ลั่นกระสุนปืนประหารชีวิตนักโทษหลายราย ก่อนที่การประหารชีวิตไทยจะเปลี่ยนเป็นฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดแทน

นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินเป็น เป็นพี่เลี้ยงเด็กชาวโคราชที่เข้ามาทำงานในกรุงเทพ และได้รับความวางใจจากครอบครัวหนึ่งที่ได้จ้างเธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ชายอายุ 6 ขวบ ซึ่งวันที่เกิดเหตุนั้นเธอได้ไปรับเด็กชายที่โรงเรียน ซึ่งเธอเป็นที่รู้จักกันดีกับคุณครูในโรงเรียนอยู่แล้ว และส่งเด็กให้เธอโดยไม่ เกิดความสงสัยใดๆ
แต่กลายเป็นนางกิ่งแก้วได้ร่วมมือกับพวกโจรผู้ชาย (2 คน) จับเด็กชายไปเรียกเงินค่าไถ่จากพ่อแม่เด็ก โดยตามแผนการนั้นพ่อแม่เด็กจะต้องโยนเงินออกจากรถไฟที่กำลังแล่นและใกล้กับ ธงที่เธอกำหนดไว้
ที่นี้ก็เกิดปัญหาขึ้นเมื่อเวลาส่งมอบเงินดันเป็นตอนกลางคืน ผู้ปกครองเด็กมองไม่เห็นธง และส่งเงินผิดพลาดไม่ตรงจุดที่กำหนด ส่งผลทำให้การแลกเปลี่ยนเงินค่าไถ่ล้มเหลว พวกโจรโกรธแค้นและแทงเด็กตายเพื่อปิดปาก
แม้ว่านางกิ่งแก้วพยายามห้ามพวกโจรไม่ให้ทำร้ายเด็ก แต่สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจแทงเด็กตายและนำศพไปฝัง ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี (จากการชันสูตรศพต่อมาพบว่ามีเศษดินในปอดแสดงให้เห็นว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ หลังฝังศพของเขาบนดินแล้ว)

ด้วยการกระทำของเธอในการฆาตกรรมเด็กชาย นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินถูก ตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า

สำหรับการยิงเป้าของไทยนั้น นักโทษจะถูกผ้าปิดตาและผูกติดกับเสาหลักรูปไม้กางเขนพันหน้าเข้ากับกำแพง ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าอก ข้อศอกทั้งสองข้างต้องติดกับไม้กางเขนทั้งสองด้าน และที่ข้อมือมีลักษณะพนมมือโอบรอบเสา ซึ่งต้องมัดให้แน่นจนนักโทษขยับตัวไม่ได้ และจากนั้นก็ตั้งปืนไรเฟิลอัตโนมัติชี้ไปยังหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษ ประหาร (ซึ่งจะทำเครื่องหมายบริเวณหัวใจนักโทษเอาไว้) เมื่อถึงเวลาประหารเพชฌฆาตที่ อยู่ด้านหลังนักโทษจะทำการยิงกระสุนเข้าไปสิบห้านัดเข้าไปบริเวณที่ทำ เครื่องหมาย เพื่อให้นักโทษประหารตายทันทีไม่ให้ทรมานมากเกินไป

นาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 13 มกราคม 1976 ในเวลานั้นสภาพจิตใจนางกิ่งแก้วย้ำแย่มาก (เคยพยายามฆ่าตัวตายเพื่อหนีโทษประหาร) ซ้ำยังหน้ามืดจะเป็นลม มีอาการทางจิตประสาท ทำให้พี่เลี้ยงต้องคอยดูแลอาการและคอยให้ยาดม

ในระหว่างรอประหารเธอก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอในคดีฆาตกรรมเด็กชาย ว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็ก” เธอขอร้อง “ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” เธอพูดซ้ำซากแบบนี้ตลอดเวลา
แต่หมดสิ้นความหวังเพราะเธอก็ถูกส่งไปยังเวทีประหาร ปืนถูกโหลดและเพชฌฆาตเล็งเป้า อีกสักครูก็มีกระสุนกว่าสิบนัดถูกยิงออกไปสู่จุดที่เชื่อว่าตัดขั้วหัวใจของนางกิ่งแก้ว

ไม่นานหลังจากยิงปืนเสร็จสิ้น หมอได้เดินเข้ามาใกล้นางแล้วตรวจหาชีพจรก็พบว่าเธอเสียชีวิตแล้ว จุดที่ถูกยิงมีเลือดออกมาปริมาณมาก พวกเขาจัดการแก้ร่างของเธอและวางคว่ำหน้าของเธอลงบนพื้น ซึ่งตอนนั้นเธอก็ชักและกระตุกเล็กน้อย หน้าอกของเธอปริออกเพราะแรงกระสุน ร่างของเธอถูกย้ายไปที่ห้องเก็บศพและวางอยู่บนเตียง ขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นเตรียมประหารคนต่อไปที่รอคิวอยู่ แต่แล้วก็เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น นางกิ่งแก้วยังไม่ตาย เธอเริ่มส่งเสียง (ดูเหมือนจะพูดว่า"ฉันไม่ผิดๆๆๆๆๆๆๆ") และ พยายามลุกขึ้นนั่ง พี่เลี้ยงต้องวิ่งเข้าไปห้องเก็บศพ และพวกเขาพยายามกลิ้งเธอหลายครั้งและกดบนหลังของเธอเพื่อให้เลือดออกเร็วขึ้นเพื่อให้เธอตาย (บางคนพยายามที่จะบีบคอ) แต่เธอก็ยังอ้าปากหายใจ ไม่เสียชีวิตในทันที

แม้จะทำยังไงเธอก็ยังหายใจ และยังมีชิวิตอยู่ แม้เลือดจะออกมามากมายก็ตาม ผลสุดท้ายเธอก็ถูกยกกลับไปเวทีประหารและประหารชีวิตใหม่ด้วยการยิงกระสุนอีก 15 นัดอีกครั้ง เธอจึงเสียชีวิต

ไม่มีใครทราบว่าเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น บางทีอาจเป็นเพราะผูกติดกับเสาหลักไม่แน่นพอ ทำให้เธอดิ้นจนกระสุนเลยจุดตาย และอีกทั้งหัวใจของเธอนั้นอยู่ด้านขวาไม่ใช่ด้านซ้ายเป็นเหตุทำให้การประหาร ผิดพลาดดังกล่าว

(มีเหตุหลังจากนี้นิดหน่อย มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่นำศพของเธอมาไว้ห้องเก็บศพ ยังคงมีคนได้ยินเสียง “ฉัน ไม่ ผิด” ดังจากในห้องซ้ำแบบนี้ตลอดเวลา และทุกวันนี้ยังมีผู้พบเห็นเธอเป็นผีวนเวียนอยู่ที่เรือนจำบางขวาง)

อีกเรื่องเล่าหนึ่งจากปากพัศดี พัศดีหลายคนเล่าว่า นางกิ่งแก้วรักเด็กคนนี้มาก รักเหมือนลูกของตน และเมื่อวันที่เด็กถูกสังหาร เป็นวันที่นางกิ่งแก้วไม่อยู่ ทางฝ่ายสามีจึงลงมือสังหารเด็กเสีย ฝ่ายนางกิ่งแก้วกลับมาและไม่พบเด็ก ก็รู้ได้ทันทีว่าอาจเกิดอันตรายกับเด็กคนนั้น นางจึงออกตามหาเด็ก และมาพบรอยดินที่เหมือนพึ่งฝังเสร็จใหม่ๆ นางกิ่งแก้วจึงลงมือขุดจนพบร่างเด็ก แต่ไม่ทันการเสียแล้ว เด็กหมดลมหายใจไปเสียก่อน นางกอดศพและร้องไห้อยู่พักนึง เป็นเวลาเดียวกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกจับพอดี นางกิ่งแก้วจึงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตาย

นี่คือคำสารภาพที่นางกิ่งแก้ว พูดกับพัสดีภายในเรือนจำ พัสดีเล่าต่อว่า ขณะที่นางกิ่งแก้วโดนจองจำอยู่นั้น สุขภาพจิตของเธอแย่มาก ได้แต่ร้องไห้และพร่ำเพ้อว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด อยู่อย่างนั้น ดั่งคนเสียสติ จนนักโทษในเรือนจำเกิดความเวทนานางกิ่งแก้วมาก และเป็นอย่างนี้อยู่ประจำ จนเมื่อถึงวันประหาร
ขณะที่นางกิ่งแก้วโดนคุมตัวไปยังแดนประหาร นางพร่ำเพ้ออยู่ตลอดว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิดเมื่อเข้าสู่หลักประหาร เพชรฆาตก็เตรียมตัวลั่นไกไปที่หัวใจของนางกิ่งแก้ว เสียงปืนชุดแรกดังขึ้น กระสุนพุ่งสู่ร่างนางกิ่งแก้ว จากนั้นเลือดก็สาดพร้อมกับเสียงโหยหวนของนางกิ่งแก้วว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด เพชรฆาตตกใจมากที่นางกิ่งแก้วยังไม่ตาย จึงยิงใส่อีกชุดนึงเพื่อที่จะให้นางกิ่งแก้วพ้นทุกข์โดยเร็ว ปรากฎว่า นางกิ่งแก้วก็ยังไม่หมดลมหายใจและยังตะโกนโหยหวนด้วยความทรมารว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ทางพัสดีและหมอประจำเรือนจำจึงรีบเข้าไปตรวจสอบที่ร่างนางกิ่งแก้วอีกครั้ง และผลปรากฏว่านางมีหัวใจอยู่ด้านขวา ทางพัสดีจึงต้องวัดเป้าอีกครั้งและทำการประหารใหม่ และคราวนี้นางกิ่งแก้วได้พ้นทุกข์เแล้วสียที พร้อมกับคำพูดสุดท้ายว่า ฉันไม่ผิด

ยังมีเรื่องเล่าหลังจากจากนางกิ่งแก้วเสียชีวิตไปแล้ว ว่ามีนักโทษและชาวบ้านแถวนั้นพบเจอวิญญาณนางกิ่งแก้วออกมาปรากฎตัวอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็เห็นนางกิ่งแก้วเดินร้องไห้และพูดว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด และหายเข้าไปในกำแพงเรือนจำ บ้างก็เห็นว่าเธอลอยอยู่บนเหนือกำแพงเรือนจำ ส่งเสียงร้องไห้โหยหวนว่า ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด...

และทุกวันนี้ก็ยังมีคนพบเจอวิญญาณของนางกิ่งแก้วอยู่ แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม
60  สุขใจในธรรม / รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน / จีนแตกตื่นคลื่นทะเลสีแดง! ผู้เชี่ยวชาญชี้ปรากฏการณ์ "Algal bloom" เมื่อ: 27 พฤศจิกายน 2557 14:39:32
จีนแตกตื่นคลื่นทะเลสีแดง! ผู้เชี่ยวชาญชี้ปรากฏการณ์ "Algal bloom"



สื่อจีนรายงานเมื่อ 26 พ.ย. บรรดาแขกเหรื่อในโรงแรม ต้าเหมยฉา เชอราตัน ที่นครเฉินเจิ้น มณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน พากันแตกตื่นกับปรากฏการณ์ประหลาด ภายหลังคลื่นน้ำทะเลที่ซัดเข้ามาบริเวณหาดของโรงแรมเปลี่ยนกลายเป็นสีแดง โดยกินบริเวณยาวหลายร้อยเมตรตลอดแนวหาด

ด้านศูนย์ติดตามสภาพระบบนิเวศและทรัพยากรทางทะเล ของจีน ระบุว่า ปรากฏการณ์คลื่นสีแดงที่เกิดขึ้นมาจากการเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วของสาหร่าย หรือแพลงก์ตอนพืชที่เรียกในภาษาอังกฤษว่า "Algal bloom" (คนไทยเรียกว่า ขี้ปลาวาฬ) ส่งผลให้น้ำเปลี่ยนสี

แต่ไม่มีอันตรายใดๆ อย่างไรก็ตาม ทางโรงแรมยังคงประกาศแนะนำไม่ให้แขกลงไปว่ายหรือสัมผัสกับน้ำทะเลเปลี่ยนสีโดยตรง



หน้า:  1 2 [3] 4 5 ... 26
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.183 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 30 สิงหาคม 2566 22:39:18