[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 มิถุนายน 2567 14:55:57 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9 10
 61 
 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2567 03:34:22 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
ชีวิตพลิกผัน สาวสละวุฒิแพทย์มาเป็นช่างไฟฟ้า รายได้ 7.3 ล้านต่อปี จากคอนเทนต์
         


ชีวิตพลิกผัน สาวสละวุฒิแพทย์มาเป็นช่างไฟฟ้า รายได้ 7.3 ล้านต่อปี จากคอนเทนต์" width="100" height="100  สาวทิ้งปริญญาทางการแพทย์ มาเป็นช่างไฟฟ้า กลายเป็นอินฟลูฯ ดัง รายได้กว่า 7.3 ล้านต่อปี จากทำคอนเทนต์เกี่ยวกับการทำงาน
         

https://www.sanook.com/news/9436422/
         

 62 
 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2567 00:48:17 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
แทรกคิวด่วน "ทักษิณ" ขึ้นเวทีอวยพรวันเกิด นายกฯ นครนนท์ พูดถึงเลือกตั้งสมัยหน้าด้วย!
         


แทรกคิวด่วน "ทักษิณ" ขึ้นเวทีอวยพรวันเกิด นายกฯ นครนนท์ พูดถึงเลือกตั้งสมัยหน้าด้วย!" width="100" height="100  "ทักษิณ" แทรกคิวด่วน ร่วมวันเกิดนายกเทศบาลนครนนท์ ลั่นสมัยหน้ากวาด ส.ส.นนท์คืนทั้งจังหวัด


         

https://www.sanook.com/news/9436174/
         

 63 
 เมื่อ: 13 มิถุนายน 2567 00:08:34 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
"เบลล่า" เขินมาก! คุณแม่พูดชัดๆ ให้ไฟเขียว "วิล ชวิณ" เชื่อเรื่องพรหมลิขิต
         


"เบลล่า" เขินมาก! คุณแม่พูดชัดๆ ให้ไฟเขียว "วิล ชวิณ" เชื่อเรื่องพรหมลิขิต" width="100" height="100  "วิล ชวิณ" ได้ยินมั้ย? "แม่ปราณี" พูดออกสื่อชัดเขน ให้หนูไฟเขียว ทำ "เบลล่า ราณี" เขินมาก! อาการชัดเลย
         

https://www.sanook.com/news/9436270/
         

 64 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 21:19:20 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
หวยลาววันนี้ 12 มิถุนายน 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร
         


หวยลาววันนี้ 12 มิถุนายน 2567 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร" width="100" height="100  ลุ้นสด หวยลาววันนี้ 12/6/67 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 12 มิ.ย. 67 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 12 มิถุนายน 2567
         

https://www.sanook.com/news/9435566/
         

 65 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 19:54:30 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



ป้ายอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า - หมู่เกาะเสม็ด

เขาแหลมหญ้า
ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง
 

เขาแหลมหญ้า อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ตำบลบ้านเพ อำเภอเมือง จังหวัดระยอง

ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลแห่งที่ 3 ครอบคลุมพื้นที่บนฝั่งและในทะเล รวมเกาะต่างๆ เช่น หาดแม่รำพึง เขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด สถานที่ที่เป็นจุดเด่น คือ เกาะเสม็ด หรือเกาะแก้วพิสดาร อุทยานฯ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ 3 เส้นทาง คือ เกาะเสม็ด เกาะกุฎี และเขาแหลมหญ้า ในแต่ละเส้นทางมีพันธุ์ไม้นานาชนิด เช่น ต้นมะนาวป่า ต้นไข่เต่า ต้นขันทองพยาบาท ต้นเสม็ดแดง และสัตว์ป่า เช่น อีเห็นเครือ พังพอนเล็ก ลิงแสม กระรอกหลากสี นกนางแอ่นบ้าน และนกฮูก เป็นต้น

อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯ ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท




ถนนที่ยื่นลงไปในทะเล เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปและชมพระอาทิตย์ตกดิน




เส้นทางศึกษาธรรมชาติเขาแหลมหญ้า มีสะพานไม้แข็งแรงสร้างเลาะไปตามแนวเขาให้ชมพันธุ์ไม้นานาชนิดและทิวทัศน์ท้องทะเลที่สวยงาม














ป้ายบอกเตือนพื้นที่อันตราย


ใกล้จะหมดเวลาที่อนุญาตให้เข้าชมเขาแหลมหญ้า  นักท่องเที่ยวเข้าแถวรอรถรับลงจากเขา

*** เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวซึ่งอาจไม่ชินเส้นทางเข้าไปเที่ยวชมอุทยานเขาแหลมหญ้า
อุทยานจึงมีระเบียบให้นักท่องเที่ยวจอดรถยนต์ไว้ที่พื้นที่ซึ่งจัดไว้ให้บริเวณด้านล่างของภูเขา
และขึ้นรถรับ - ส่ง ที่ทางอุทยานฯ จัดไว้ให้บริการ (ฟรี) เท่านั้น


นางยักษ์ แห่งอุทยานเขาแหลมหญ้า อ.เมือง จ.ระยอง
ยักษ์บางตนก็น่าสงสาร บางตนมีรักไม่สมหวัง ยังต้องถูกทำโทษหรือถูกสาป แต่ก็มีอีกหลายตนที่มีหัวใจรักอย่างน่ายกย่อง


นางพันธุรัต เป็นยักษ์ในเรื่องสังข์ทอง ตามเรื่องเมื่อพระสังข์ถูกแม่เลี้ยงจับถ่วงน้ำ พญานาคภุชงค์พบเข้า จึงส่งไปให้นางพันธุรัต
ยักษ์ม่ายที่เป็นเพื่อนช่วยเลี้ยง นางพันธุรัตเห็นเด็กน้อยสังข์ทองน่ารัก ก็แปลงกายเป็นมนุษย์พร้อมบริวาร เลี้ยงพระสังข์จนเติบใหญ่
ต่อมาพระสังข์เกิดกลัวเพราะแอบไปรู้ว่านางเป็นยักษ์ จึงหนีไปพร้อมกับขโมยของวิเศษคือเกือกแก้ว ไม้เท้า และรูปเงาะไปด้วย
นางยักษ์รู้เข้าก็ไม่โกรธ แต่ติดตามไปอ้อนวอนขอร้องให้กลับเมืองเพราะรักดั่งลูก ไม่อาจจะพรากจากลูกได้ พระสังข์ก็ไม่ยอมกลับ
นางจึงร้องไห้เสียใจจนตาย ณ เชิงเขาที่ตามไปเจอ ก่อนตายด้วยความรักลูก ยังได้เขียนมนต์มหาจินดาสำหรับเรียกสัตว์จารึก
ไว้ให้ด้วย เป็นความรักของแม่ที่บริสุทธิ์ใจ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ แม้จะเป็นแม่ที่เป็นยักษ์ก็ตาม


 66 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 18:47:11 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
ยังไม่เคาะ! ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง กกต.ยื่นหลักฐานเพิ่มคดียุบก้าวไกล นัดถกต่อ 18 มิ.ย.
         


ยังไม่เคาะ! ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง กกต.ยื่นหลักฐานเพิ่มคดียุบก้าวไกล นัดถกต่อ 18 มิ.ย." width="100" height="100  ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง กกต.ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมคดียุบพรรคก้าวไกล 17 มิ.ย.นี้ ก่อนนัดพิจารณาต่อวันที่ 18 มิ.ย.นี้
         

https://www.sanook.com/news/9435654/
         

 67 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 18:39:44 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
สถิติหวยลาววันนี้ 12/6/67 สถิติหวยลาวย้อนหลัง หวยลาวย้อนหลัง หวยลาวพัฒนา
         


สถิติหวยลาววันนี้ 12/6/67 สถิติหวยลาวย้อนหลัง หวยลาวย้อนหลัง หวยลาวพัฒนา" width="100" height="100  สถิติหวยลาวย้อนหลัง หวยลาววันนี้ หวยลาวออกอะไร ตรวจหวยลาวพัฒนาย้อนหลัง
         

https://www.sanook.com/news/9256886/
         

 68 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 18:14:19 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
สืบข่าวคมนาคม ถึงขั้วอำนาจท้องถิ่น (EP.1/1) แนวโน้มกระจายอำนาจหลังสลับขั้ว
 


<span>สืบข่าวคมนาคม ถึงขั้วอำนาจท้องถิ่น (EP.1/1) แนวโน้มกระจายอำนาจหลังสลับขั้ว</span>
<span><span>user8</span></span>
<span><time datetime="2024-06-12T16:33:10+07:00" title="Wednesday, June 12, 2024 - 16:33">Wed, 2024-06-12 - 16:33</time>
</span>

            <div class="field field--name-field-byline field--type-text-long field--label-hidden field-item"><p>สมานฉันท์ พุทธจักร รายงาน
กิติยา อรอินทร์ กราฟิก</p></div>
     
            <div class="field field--name-body field--type-text-with-summary field--label-hidden field-item"><p>ในช่วงหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ที่ผ่านมา นโยบายการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ถูกหลากหลายพรรคการเมืองหยิบยกขึ้นมาเป็นนโยบายหลักของพรรค แต่จากการหลังเลือกตั้งที่ทำให้ได้มาซึ่งรัฐบาลผสมหลายพรรค นโยบายเกี่ยวกับการกระจายอำนาจแทบจะหายไป จากการแถลงนโยบายของรัฐบาลผสมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย จึงตามมาด้วยคำถามสำคัญว่าอนาคตการกระจายอำนาจจะเดินไปในทิศทางใด</p><p>การเสวนาออนไลน์ในหัวข้อ หัวข้อ “สืบข่าวคมมาคม ถึงขั้วอำนาจท้องถิ่น” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการอบรมนักข่าวพลเมืองภายใต้โครงการท้องถิ่นสร้างสื่อสอบ โดยประชาไทร่วมกับ We Watch จัดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มีหัวข้อบรรยายประกอบด้วย 1. สืบจากถนน ประเด็นสำคัญในข่าวคมนาคมและการขนส่งสาธารณะ โดย รศ.ดร.ภิญญพันธ์ พจนาลาวัณย์ สาขาวิชาสังคมศึกษา คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง และ 2. ประเมินฐานอำนาจการเมืองท้องถิ่นและแนวโน้มกระจายอำนาจหลังสลับขั้วตั้งรัฐบาล โดย ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และ ผศ.ชาลินี สนพลาย สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p><p class="text-align-center"><iframe width="720" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/ZIvqO31uFYw?si=zIjZkxznN8D18D0Y" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" referrerpolicy="strict-origin-when-cross-origin" allowfullscreen></iframe></p><p class="text-align-center picture-with-caption">ประเมินฐานอำนาจการเมืองท้องถิ่นและแนวโน้มกระจายอำนาจหลังสลับขั้ว นำเสนอโดย ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่&nbsp;</p><p class="text-align-center"><iframe width="720" height="415" src="https://www.youtube.com/embed/X7K4tJm3ZBI?si=I46Wu59qFuGTcHm_" title="YouTube video player" frameborder="0" allow="accelerometer; autoplay; clipboard-write; encrypted-media; gyroscope; picture-in-picture; web-share" referrerpolicy="strict-origin-when-cross-origin" allowfullscreen></iframe></p><p class="picture-with-caption">ประเมินฐานอำนาจการเมืองท้องถิ่นและแนวโน้มกระจายอำนาจหลังสลับขั้ว ผศ.ชาลินี สนพลาย สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์</p><h2>พรรคเพื่อไทยภาคเหนือในยุคที่มีผู้ท้าชิง</h2><p>โดยช่วงหนึ่ง ผศ.ดร.ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ชวนย้อนมองลักษณะทางการเมืองใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนตั้งแต่ยุคก่อน 2540 ที่ภาคเหนือยังไม่มีพรรคประจำภูมิภาค จนกระทั่งการมาของพรรคไทยรักไทยที่ผูกขาดการเลือกตั้งในภาคเหนือตอนบน ก่อนที่หลังประหาร 2557 จะเกิดพรรคอนาคตใหม่/ก้าวไกลเข้ามาสอดแทรก และชนะในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ</p><p>โดยภูมิทัศน์ทางการเมืองใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบนก่อนปี 2540 ยังไม่มีพรรคการเมืองที่ผูกขาดชัยชนะในการเลือกตั้งได้ทั้งภูมิภาค แม้จะมีกลุ่มตระกูลทางเมืองต่างๆ เข้ามามีที่นั่ง สส. อยู่บ้าง แต่ไม่มีกลุ่มที่ใหญ่จนสามารถคุมที่นั่ง สส. ได้ทั้งจังหวัด อย่างที่ในปัจจุบันเรียกว่า “บ้านใหญ่” และยังมีความแตกต่างจากภาคใต้ที่มีพรรคประชาธิปัตย์ผูกขาดมาอย่างยาวนาน</p><p>จนมีจุดเปลี่ยนเมื่อพรรคไทยรักไทยเอาชนะการเลือกตั้งได้ทั้งภูมิภาค โดยไม่ใช้เพียงแค่นโยบายที่ทำให้พรรคได้รับความนิยม แต่ยังมีการรวมกลุ่มของนักการเมืองที่มีฐานความนิยมในพื้นที่เข้ามาอยู่ในพรรค นับตั้งแต่ปี 2544 พรรคไทยรักไทย เริ่มผูกขาดชนะการเลือกตั้งในภาคเหนือตอนบน</p><p>นอกจากนั้นกลุ่มการเมืองในเครือข่ายพรรคไทยรักไทย ก็ยังผูกขาดการเมืองท้องถิ่นในภาคเหนือเช่นเดียวกัน “เป็นยุคที่ผมเรียกว่า ‘แข่งกันแดง’ คือถ้าคุณไม่ประกาศว่าเป็นไทยรักไทย/เพื่อไทย ก็จะไม่ได้รับความนิยมกับชาวบ้าน ” แม้การเลือกตั้งท้องถิ่นในหลายครั้ง พรรคไทยรักไทยจะไม่ได้ส่งผู้สมัครลงอย่างเป็นทางการ แต่จะเห็นผู้สมัครหลายคนก็สวมใส่เสื้อผ้าที่มีโลโก้คล้ายคลึงกับของพรรคไทยรักไทย หรือทำป้ายหาเสียง ที่ผู้สมัครการเลือกตั้งท้องถิ่นต่างใช้พื้นหลังเป็นสีแดง เป็นการบอกเป็นนัยว่าการจะชนะการเมืองท้องถิ่นต้องลงสมัคร หรือแสดงตัวว่าเป็นเครือข่ายกัน จึงจะมีสิทธิ์ได้รับเลือก</p><p>ยกตัวอย่างกรณี กิ่งกาญจน์ ณ เชียงใหม่ ซึ่งมาจากตระกูลใหญ่ในเชียงใหม่ ที่ก่อนหน้าปี 2540 ชนะการเลือกตั้งท้องถิ่นมาตลอด แต่ไม่เคยได้รับเลือกอีกเลยหลังการเข้ามาของพรรคตระกูลไทยรักไทย แม้จะพยายามเปลี่ยนย้ายไปหลายพรรค แต่ไม่เคยสังกัดอยู่พรรคตระกูลไทยรักไทย จึงไม่สามารถชนะเลือกตั้งได้</p><p>จนมาถึงการเลือกตั้งทั่วไป 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา กระแสความนิยมพรรคพรรคเพื่อไทยลดลง จากที่นั่ง สส. 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน 34 ที่นั่ง ได้มาเพียง 14 ที่นั่ง และโดนเจาะฐานเสียงสำคัญอย่างหนัก อย่างจังหวัดเชียงรายที่ไม่เคยเสียที่นั่งให้พรรคไหนเลยนับตั้งแต่สมัยไทยรักไทย ซึ่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงมีมาตั้งแต่การเลือกตั้งปี 2562 จากที่เพื่อไทยเคยแลนด์สไลด์ และได้ทุกที่นั่งใน 8 จังหวัด ก็เริ่มเสียที่นั่งในบางเขต และหลายเขตก็ชนะด้วยคะแนนสูสีกับคู่แข่ง จนมาถึงการเลือกตั้ง 2566</p><p>สาเหตุหนึ่งมาจากย้ายฝั่งของผู้คุมฐานเสียงในพื้นที่ กรณีจังหวัดพะเยาที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า ซึ่งย้ายออกจากเพื่อไทยมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ ชนะเลือกตั้งได้ 2 จาก 3 เขตของพะเยาในปี 2562 หลังจากนั้นจะเห็นธรรมนัสใช้โมเดลเดียวกับบรรหาร ศิลปอาชา คือใช้สิ่งที่ในทางทฤษฎีเรียกว่า “จังหวัดนิยม” หรือ “Provincial identity” ซึ่งเป็นคำที่ โยชิโนริ นิชิซากิ (Yoshinori Nishizaki) นักวิชาการชาวญี่ปุ่นใช้เรียกโมเดลที่บรรหารใช้กับจังหวัดสุพรรณบุรี พลิกเรื่องเล่าที่ว่าคนสุพรรณบุรีเป็นคนบ้านนอก ถูกทอดทิ้งจากการพัฒนา เพื่อสร้างฮีโรจังหวัดขึ้นมา ซึ่งก็คือนักการเมืองอย่าง บรรหาร ศิลปอาชา หรือ เนวิน ชิดชอบ หรือแบบธรรมนัสเอง ที่มีศักยภาพพอจะเข้าไปดึงงบประมาณจากส่วนกลางมาพัฒนาให้จังหวัดนั้นๆ โดดเด่นไปกว่าจังหวัดอื่นๆ ได้</p><p>ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นชัด คือการที่ในช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาด พะเยาเป็นจังหวัดที่ได่รับการฉีดวัคซีนโควิดสูงเป็นอันดับต้นๆ ของภาคเหนือ เมื่อเทียบกับหลักเกณฑ์ความจำเป็นต่างๆ รวมถึงโครงการต่างๆ ตลอด 4 ปีที่สามารถดึงเข้ามาที่พะเยา ส่งผลให้การเลือกตั้งครั้งล่าสุดธรรมนัสจึงชนะเลือกตั้งในทุกเขต&nbsp;</p><p>ช่วงต่อมา ณัฐกรย้อนมาดูการเลือกตั้งในจังหวัดเชียงใหม่ จะเห็นได้ว่าเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ใช้วิธีคัดสรรผู้สมัครจากการมีฐานความนิยมเดิม ถึงไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ยังมาจากตระกูลที่มีฐานการเมืองเดิมอยู่แล้ว ซึ่งทำให้เพื่อไทยได้มาเพียง 2 จาก10 เขตในเชียงใหม่ &nbsp;ซึ่งต่างจากก้าวไกลที่จะเลือกผู้สมัครอายุน้อย เป็นคนชนชั้นกลาง มีภูมิหลังเป็นนักกิจกรรมเป็นต้น และไม่ค่อยมีภูมิหลังทางการเมืองมาก่อน ชนะไปถึง 7 เขต</p><h2>ส่งสองนคราฯ เข้านอน?</h2><p>เมื่อผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดออกมา มีเสียงที่พยายามเสนอว่าถึงเวลา “ส่งสองนคราฯ เข้านอน” คือทฤษฎี สองนคราประชาธิปไตยของ เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ใช้อธิบายการเมือง-เลือกตั้งไทยไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งเป็นทฤษฎีการเมืองอธิบายว่าพฤติกรรมการเลือกตั้งของคนไทย มี 2 กลุ่ม กลุ่มประชากรที่อยู่ในเมือง ที่จะมีความไวต่อข่าวสาร มีความตื่นตัวทางการเมือง ซึ่งจะเลือกโดยไม่อิงกับความสัมพันธ์ส่วนตัว ส่วนอีกกลุ่มคือประชากรในชนบท ที่จะเลือกโดยผ่านเครือข่ายทางอำนาจ ที่ยึดโยงความสัมพันธ์ส่วนตัว ต้องเป็นคนที่รู้จัก เคยมีการช่วยเหลือเกื้อกูลคนในชุมชนมาก่อน เมื่อผลการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่ออกมาว่า พื้นที่ชนบทจำนวนมาก เลือกผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล ซึ่งไม่มีเครือข่ายทางอำนาจรองรับ ทฤษฎีนี้จึงใช้ไม่ได้กับสถานการณ์ปัจจุบัน</p><p>อย่างไรก็ตามณัฐกร ชวนให้พิจารณาในรายละเอียดจะเห็นว่า เขตชนบทที่ก้าวไกลชนะนั้นเป็นเขตที่มีความเจริญเริ่มเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็นเมือง วิถีชีวิตของคนเป็นแบบเมืองมากขึ้น การตัดสินใจเลือกตั้งจึงเป็นในแบบคนเมืองมากขึ้น อย่างเช่นเขตต่างๆ อำเภอของเชียงใหม่ซึ่งมีความเป็นเมืองสูง และสังเกตได้ว่าเขตพื้นที่ห่างไกลในภาคเหนือ อย่างในแม่ฮ่องสอน ซึ่งยังมีความเป็นชนบทสูง ก้าวไกลยังไม่สามารถชนะได้ ทำให้ทฤษฎีนี้ยังพออธิบายการเลือกตั้งได้อยู่</p><p>ส่วนเหตุผลที่พรรคเพื่อไทยแพ้การเลือกตั้ง 2566 ที่เชียงใหม่ เช่น (1) ที่เชียงใหม่มีการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่ซึ่งมีผล ทำให้พรรคเพื่อไทยเสียเปรียบ (2) มีความมั่นใจในตัวเองสูง แกนนำพรรคเลือกตัวผู้สมัครโดยไม่ดูความเหมาะสม (3) ความไม่ชัดเจนในจุดยืนต่อขั้วอนุรักษ์นิยมของแกนนำพรรคเพื่อไทย บวกกับความนิยมในตัวบุคคลของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่มาพร้อมกระแสโซเชียลมีเดีย&nbsp;</p><p>และส่งท้ายด้วยว่า เมื่อเพื่อไทยเปลี่ยนขั้วจัดตั้งรัฐบาลไปจับกับฝ่ายรัฐบาลเดิม ทำให้นโยบายกระจายอำนาจที่ก้าวไกลชูขึ้นมาไม่ถูกสนองตอบ แม้แต่นโยบายเลือกตั้งผู้ว่าฯ นำร่อง ที่เป็นนโยบายของเพื่อไทยเอง ก็ไม่อยู่ในการแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา สิ่งที่น่าจับตาคือเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จริง อย่างที่เคยหาเสียงไว้หรือไม่</p><h2>พลวัตเมือง-ชนบท มองผ่านผลการเลือกตั้งภาคกลาง ภาคตะวันออก</h2><p>ต่อมาเป็นการบรรยายของ ผศ.ชาลินี สนพลาย สาขาวิชาการเมืองการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในภูมิทัศน์การเมืองท้องถิ่นภาคกลาง และภาคตะวันออก</p><p>โดยเริ่มนำเสนอผ่านแผนที่ประเทศไทยที่แบ่งตามผลการเลือกตั้ง 14 พฤษภาคม 2566 ขึ้นมา เปรียบเทียบระหว่างผลแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ พร้อมหยิบทฤษฎีสองนคราฯ มาชวนคุยต่อ ว่าถ้าพิจารณาดูผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ จะอาจเห็นได้ว่าทฤษฎีสองนคราใช้ไม่ได้แล้วจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นพื้นที่เมืองหรือว่าชนบทต่างก็มีแนวโน้มจะหันมาเลือกพรรคก้าวไกลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ</p><p>แต่เมื่อดูผลการเลือกตั้งในแบบแบ่งเขต จะเห็นว่าพื้นที่ในภาคอีสานและเหนือ ที่ก้าวไกลชนะยังเป็นเขตที่มีความเป็นเมืองสูงอยู่ ทำให้อาจจะพูดทั้งหมดไม่ได้ว่ามิติของความเป็นเมือง หรือความเป็นชนบท ไม่มีผลต่อการเลือกตั้งครั้งนี้เลย จึงชวนเจาะลงไปดูว่าความเป็นเมือง และชนบทนั้นมีอะไรซ่อนอยู่</p><p>โดยในที่นี้จะอภิปรายผ่านผลการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตในภาคกลาง และตะวันออก ซึ่งเป็นพื้นที่การศึกษาหลัก ว่าโดยปกติแล้วที่ผ่านมา ไม่มีพรรคที่ผูกขาดเก้าอี้ผู้แทนได้อย่างเบ็ดเสร็จทั้งภาค โดยในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมามีปรากฎการณ์ทั้ง “ช้างร่วง” และ “ช้างรอด”&nbsp;</p><p>“ช้างร่วง” คือมีทั้งเจ้าของพื้นที่เดิมที่แพ้ และ “ช้างรอด” คือเจ้าของพื้นเดิมที่ยังกลับมาชนะได้ อย่างช้างที่รอดที่ นครปฐม สุพรรณบุรี สุโขทัย ที่นักการเมืองชื่อดังยังรักษาเก้าอี้ไว้ได้ ขณะที่พื้นที่ซึ่งมีความเป็นเมืองมากกว่ากลับมีปรากฎการณ์ ช้างร่วง เช่น นนทบุรี สมุทรปราการ ชลบุรี&nbsp;</p><p>เมื่อเจาะลึกหาเหตุผลว่าทำไม พื้นที่ซึ่งเป็นเขตเมืองหรือเขตอุตสาหกรรม เหตุใดถึงมีเทรนด์ที่พรรคก้าวไกลจะสามารถชนะเลือกตั้งได้เยอะ โดยอาจมีเหตุผลดังนี้</p><p>(1) พลวัตของเมืองและองค์ประกอบทางประชากรสูง เช่น ในเขตอุตสาหกรรมอย่างชลบุรีจะมีคนจากนอกพื้นที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานเป็นจำนวนมาก คนกลุ่มนี้ย้ายมาทำงานนานจนสามารถตั้งรกรากและมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่ได้ หรืออย่างนนทบุรีที่มีโครงการคอนโดมิเนียม บ้านจัดสรร เกิดขึ้นจำนวนมาก และเมื่อองค์ประกอบของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเปลี่ยนไป คนที่เคยชนะเลือกตั้งได้จากใช้ทรัพยากรแบบเดิม อาจจะไม่สามารถไปด้วยกันได้กับองค์ประกอบประชากรแบบใหม่</p><p>(2) จินตนาการทางสังคมและการเมืองของผู้คน เมื่อพื้นที่มีความเป็นเมืองสูงขึ้น การประกอบอาชีพและวิถีชีวิตขอผู้คนก็เปลี่ยนไป ส่งผลต่อจินตนาการของผู้คนเหล่านั้น ที่มีการเข้าถึงข้อมูลที่เปลี่ยนไป จึงมีแนวโน้มที่จะผูกโยงตัวเองเข้ากับคุณค่า หรือกลุ่มคน โดยตัดข้ามมิติเชิงพื้นที่ อย่างคนที่ทำงานโรงงานในชลบุรี อาจจะไม่ได้มีความยึดโยงอยู่กับความเป็นคนชลบุรี แต่อาจไปมีสำนึกร่วมกับคนในบ้านเกิดในเชียงใหม่มากกว่าเป็นต้น</p><p>(3) รูปแบบความสัมพันธ์และวิถีชีวิต และสถานภาพทางอำนาจ ความเป็นเมืองเปลี่ยนวิธีการเข้าถึงทรัพยากรรัฐของผู้คน ทำให้ไม่ต้องพึ่งพาเครือข่ายความสัมพันธ์ไม่ว่าจะกับนักการเมืองหรือระบบราชการที่อยู่ในพื้นที่มากเท่ากับคนที่อยู่ในพื้นที่ชนบท และความเป็นเมืองยังมีการเคลื่อนตัวของประชากรที่สูง เหล่านี้เป็นเหตุลที่ทำให้พรรคก้าวไกลที่มาพร้อมการหาเสียงที่ชูนโยบายระดับชาติ สามารถเจาะพื้นที่เหล่านี้ที่มีสิ่งที่เรียกว่า “บ้านใหญ่” ยึดพื้นที่เดิมอยู่ได้</p><h2>มองอนาคตเลือกตั้งท้องถิ่น</h2><p>เนื่องจากในปี 2567 นี้ จะมีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และสภา อบจ. จึงชวนมองต่อไปยังอนาคตว่าผลการเลือกตั้งในระดับชาติครั้งนี้ จะส่งผลอย่างไรในกับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 นี้ หากย้อนดูการเลือกตั้งที่ผ่านมาอย่างการเลือกตั้ง อบจ. เมื่อปี 2562 หลายพื้นที่ทั่วประเทศจะพบกับปรากฏการณ์ร่วมเดียวกัน ที่ถึงแม้นักการเมืองเจ้าของพื้นที่จะแพ้ในสนามเลือกตั้งระดับชาติ แต่ยังสามารถกลับมาชนะได้ในการเลือกตั้งท้องถิ่น</p><p>ส่วนนิยามคำว่า “บ้านใหญ่” ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่กลุ่มที่ชนะการเลือกตั้งในพื้นที่อย่างต่อเนื่องอย่างที่มักมีการใช้ในปัจจุบัน แต่จริงๆ แล้ว “บ้านใหญ่” หมายถึง กลุ่มคนที่ยึดกุมการเมืองในพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ สามารถกำกับการเมืองระดับชาติ การเมืองท้องถิ่น ระบบราชการในพื้นที่ได้ รวมถึงมีสถานะเหนือกว่าในเชิงเศรษฐกิจ เช่น สามารถกำหนดตัวบุคคลที่จะลงเล่นการเมืองในระดับชาติ และท้องถิ่น อาจรวมถึงอาจมีส่วนในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในพื้นที่ ในเชิงเศรษฐกิจบ้านใหญ่มักจะมีกิจการที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิตของผู้คนในท้องถิ่น เช่น ในพื้นที่เกษตร มักจะเป็นเจ้าของโรงสี หรือขายเครื่องมือการเกษตรเป็นต้น</p><p>ดังนั้นฐานทรัพยากรของบ้านใหญ่ก็คือเครือข่ายทางอำนาจที่เชื่อมโยงการเมืองในทุกระดับ และระบบราชการ รวมไปถึงภาคธุรกิจในพื้นที่ การทำงานจึงเป็นการประสานเชื่อมโยง การดูแลในเชิงพื้นที่ การเมืองแบบบ้านใหญ่จึงไม่ได้แอบอิงไปกับกระแสของพรรค หรือนโยบายของพรรค</p><p>เมื่อถามว่าการผลเลือกตั้งระดับชาติในปี 2566 จะส่งผลต่อการเลือกตั้งท้องถิ่น ที่จะมาถึงในปี 2567 อย่างไร ผศ.ชาลินี ยังเชื่อว่าบ้านใหญ่ยังถือความได้เปรียบในเวทีท้องถิ่น ด้วยเหตุ 3 ข้อด้วยกัน</p><p>(1) ลักษณะเฉพาะของการเลือกตั้งท้องถิ่น มีความแตกต่างจากการเลือกตั้งระดับชาติ ที่เป็นการเลือกคนไปทำงานในรัฐสภาที่อยู่ส่วนกลาง ผู้สมัครมาจากพรรคการเมืองที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วประเทศ การตัดสินใจเลือกจึงเป็นไปเพื่อให้ผู้แทนเข้าไปทำงานในสภา ตามแนวอุดมการณ์ของพรรค การเลือกตั้งท้องถิ่น เป็นการเลือกเพื่อให้ได้คนมาทำงานภายในท้องถิ่น มีความเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นของประเทศน้อยกว่า</p><p>(2) วิธีการตัดสินใจของผู้เลือกตั้ง การเลือกตั้งท้องถิ่น ผู้เลือกที่ไม่ใช่แค่เลือกลักษณะนักการเมืองที่ตรงต่อความต้องการเท่านั้น แต่ยังเลือกจากความเป็นนักบริหาร สามารถทำงานขับเคลื่อนงานในพื้นที่ ในการเชื่อมโยงเครือ ประสานผลประโยชน์กับฝ่ายต่าง ๆได้ดังนั้นความสามารถส่วนตัวของผู้สมัครจึงมีความสำคัญมากกว่าการเลือกตั้งระดับชาติ</p><p>ตัวอย่างการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ในปี 2564 เป็นพื้นที่ซึ่งคณะก้าวหน้ามุ่งมั่นจะเจาะให้ได้ เพราะเป็นพื้นที่มีความเป็นเมืองสูงมากและในการเลือกตั้งระดับชาติในปี 2562 พรรคก้าวไกลก็ได้รับชัยชนะมาแล้ว โดยในการเลือกตั้งนายกเมืองพัทยา ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงอย่างหนัก แต่คนในพื้นที่ก็คิดว่า พอเลือกตั้งเสร็จคุณธนาธรก็จะกลับกรุงเทพ แล้วก็จะเหลือแต่ผู้สมัครคนนั้นทิ้งไว้ในพื้นที่ ซึ่งเอาเข้าจริงไม่รู้ว่าผู้สมัครคนนั้นมีศักยภาพในการทำงานในพื้นที่ขนาดไหน แม้คนพื้นที่จะมีความนิยมในตัวคุณธนาธร และรับรู้ถึงการสนับสนุนของคณะก้าวหน้าต่อผู้สมัคร แต่ยังไม่เชื่อมั่นในฝีมือการบริหาร ผลเลือกตั้งจึงเป็นคนจากเครือข่ายอำนาจเดิมได้รับชัยชนะ&nbsp;</p><p>(3) โอกาส และข้อจำกัดของเจ้าของพื้นที่และผู้เล่นหน้าใหม่ การเลือกตั้ง อบจ. ถ้าเป็นการเลือกตั้งพร้อมกันเกือบทั้งประเทศ จึงเป็นโอกาสให้พรรคการเมืองระดับชาติสามารถทำแคมเปญเลือกตั้งที่เป็นนโยบายระดับชาติ ใช้หาเสียงพร้อมกันทั้งประเทศได้ ผู้เลือกตั้งสามารถเห็นภาพการเปลี่ยนแปลงไปพร้อมพื้นที่อื่นๆ ได้ ดังนั้นผู้เล่นหน้าใหม่ที่สังกัดพรรคการเมืองระดับชาติจะมีสามารถใช้ประโยชน์จากส่วนนี้ได้</p><p>ขณะเดียวกันเจ้าของพื้นที่เดิม มีข้อได้เปรียบจากการที่จะสามารถบริหารดูแลเครือข่ายในพื้นที่ได้ดี ต่างจากเป็นรัฐบาลระดับชาติที่ถูกโจมตีอยู่ตลอด การเป็นนายก อบจ. ทำให้สามารถสร้างผลงานเพิ่มความนิยม และดูแลเครือข่ายทางอำนาจในพื้นที่ได้ไปพร้อมๆ กัน</p><h2>นโยบายกระจายอำนาจภายรัฐบาลเพื่อไทย</h2><p>เมื่อดูจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลเศรษฐา จะเห็นว่าแทบจะไม่มีการพูดถึงการกระจายอำนาจ มีเพียง ผู้ว่าฯ CEO ซึ่งเป็นการกระจายอำนาจให้กับส่วนภูมิภาค ซึ่งไปไม่ได้กับแนวคิดกระจายอำนาจ โดยตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง นโยบายด้านการกระจายอำนาจไม่ใช่นโยบายที่พรรคเพื่อไทยจะผลักดันจริง เพียงแต่เรื่องกระจายอำนาจเป็นเทรนด์มาตั้งแต่ช่วงที่ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ เมื่อ 2565 ทำให้พรรคการเมืองต้องมีแพ็กเกจนโยบายจำนวนมากๆ ครอบคลุมไปในทุกด้านรวมทั้งประเด็นท้องถิ่น</p><p>อีกส่วนหนึ่งหากย้อนดู จุดขายของพรรคเพื่อไทยที่ชูขึ้นมา คือความสามารถที่จะทำนโยบายให้สำเร็จได้จริง ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ยุคพรรคไทยรักไทย/พรรคเพื่อไทย ที่สามารถผลักดันนโยบายสำคัญๆ ให้สำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องใช้อำนาจการบริหารที่เบ็ดเสร็จ ดังนั้นการตั้งรัฐบาลผสมหลายพรรคที่มีต้นทุนสูง ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยเชื่อว่าการสร้างผลงานในสมัยการเป็นรัฐบาลครั้งนี้จะเป็นสิ่งที่ซื้อใจให้คนกลับมาเลือกในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้ ดังนั้น การผลักดันนโยบายกระจายอำนาจในช่วงเวลานี้จึงอาจไม่ใช่หนทางที่ถูก</p><p>อีกทั้งการกระจายอำนาจเป็นนโยบายที่มีแรงเสียดทานสูง จากหลายทั้งระบบราชการ ฝ่ายการเมือง หรือแม้แต่ประชาชนบางส่วนเอง และนโยบายที่มีแรงเสียดทานสูงแบบนี้ต้องอาศัยรัฐบาลที่ความชอบธรรมสูง หรือความสามารถในการนำสูงมาก ผลการเลือกตั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยไม่มีสิ่งนี้ &nbsp;เพื่อไทยจึงน่าจะเลือกผลักดันนโยบายที่เห็นตรงกันในพรรคร่วม หรือนโยบายที่มีแรงเสียดทานน้อยกว่า</p><p>ในแง่ดีก็เป็นการทำให้แคมเปญ “เลือกตั้งผู้ว่าฯ จังหวัดนำร่อง” จางหายไป แล้วจะได้สร้างแคมแปญใหม่ในการเลือกตั้งครั้งหน้า โดยไม่ใช้ชื่อแคมเปญว่า “เลือกตั้งผู้ว่าฯ” อีก ที่สร้างความสับสนและผิดจุดประสงค์หลายด้าน เพราะจริงๆ คู่ขัดแย้งของการกระจายอำนาจ ไม่ใช่ราชการส่วนภูมิภาคไปทั้งหมด แต่คือปัญหาสำคัญคือรัฐบาลส่วนกลาง ซึ่งไม่มีเรื่องเหล่านี้อยู่ในแคมเปญดังกล่าว</p><p>เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ความหวังต่อการกระจายอำนาจ คือเชื่อความเปลี่ยนแปลงจะเริ่มจากค่อยๆ มีการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กทีละน้อย อย่างที่เคยมีหลายท้องถิ่นพยายามศึกษาการเปลี่ยนไปเป็นการปกครองท้องถิ่นแบบพิเศษ เช่น มาบตาพุด อย่างที่ชุมชนอยากได้อำนาจในการเข้าไปจัดการมลพิษที่มาจากโรงงาน หรือท้องถิ่นในภาคเหนืออาจจะอยากได้อำนาจในการจัดการป่าไม้เป็นต้น และเมื่อมีท้องถิ่นเริ่มขออำนาจรูปแบบต่างๆ มาเป็นของตัวมากขึ้น ท้องถิ่นประเทศจะเริ่มค่อยๆ เปลี่ยนไปในแบบเฉพาะของตัวเองได้</p><p class="text-align-center"><img src="https://live.staticflickr.com/65535/53775251234_d5fe937d2b_k.jpg" width="2047" height="1071" loading="lazy">
&nbsp;</p></div>
      <div class="node-taxonomy-container">
    <ul class="taxonomy-terms">
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A9" hreflang="th">รายงานพิเศhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">การเมือhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1" hreflang="th">สังคhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" hreflang="th">คู่มือนักข่าhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2" hreflang="th">เสวนhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%88" hreflang="th">การกระจายอำนาhttp://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87-2566" hreflang="th">เลือกตั้ง 2566[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B8%93%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%81%E0%B8%A3-%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C" hreflang="th">ณัฐกร วิทิตานนทhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5-%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2" hreflang="th">ชาลินี สนพลาhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88" hreflang="th">บ้านใหญhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81" hreflang="th">ภาคตะวันออhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B7%E0%B8%AD" hreflang="th">ภาคเหนืhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87" hreflang="th">ความเป็นเมือhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81-%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%88" hreflang="th">การเลือกตั้งนายก อบจ.[/url]</li>
          <li class="taxonomy-term"><a href="http://prachatai.com/category/%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94" hreflang="th">เลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัhttp://prachatai.com/category/%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2" hreflang="th">มัลติมีเดีhttps://prachataistore.net</div>
     
 

http://prachatai.com/journal/2024/06/109523
 

 69 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 16:09:06 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
"แจ็ค แฟนฉัน" แซวน้องคากิ ภาพอัลตราซาวด์ลูกชายเอาเท้าก่ายหน้าผาก
         


&quot;แจ็ค แฟนฉัน&quot; แซวน้องคากิ ภาพอัลตราซาวด์ลูกชายเอาเท้าก่ายหน้าผาก" width="100" height="100&nbsp;&nbsp;"แจ็ค แฟนฉัน" แซวน้องคากิ ภาพอัลตราซาวด์ลูกชายเอาเท้าก่ายหน้าผาก
         

https://www.sanook.com/news/9435586/
         

 70 
 เมื่อ: 12 มิถุนายน 2567 14:23:52 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๑๙๓ ปรันตปชาดก
ลางบอกความชั่ว

          ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ถือกำเนิดในพระครรภ์ของพระอัครมเหสีของพระองค์ เมื่อเจริญวัยแล้วทรงศึกษาศิลปะทุกชนิดที่นครตักสิลา ทรงเรียนมนต์รู้เสียงทุกอย่าง พระกุมารซักถามอาจารย์เพื่อสอบทานความรู้ จนเกิดความมั่นใจ แล้วเสด็จกลับนครพาราณสี
          พระชนกทรงตั้งพระองค์ไว้ในตำแหน่งอุปราช ถึงจะทรงตั้งไว้ในตำแหน่งอุปราชก็จริงอยู่ แต่ก็ทรงมีความประสงค์จะปลงพระชนม์พระโพธิสัตว์อยู่ ไม่ทรงปรารถนาจะให้ท่านเข้าเฝ้า
          อยู่มาวันหนึ่ง แม่สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งพาเอาลูกน้อย ๒ ตัวเข้าไปทางช่องระบายน้ำ ในยามราตรีเมื่อมนุษย์ทั้งหลายกำลังพักผ่อน ที่ข้างห้องบรรทมบนปราสาทของพระโพธิสัตว์มีศาลาหลังหนึ่ง บนศาลาหลังนั้นมีคนเข็ญใจคนหนึ่งถอดรองเท้าหนังวางไว้ที่พื้นดินใกล้ๆ ตัว นอนอยู่บนกระดานแผ่นเดียว แต่ยังไม่หลับ
          ครั้งนั้นลูกน้อย ๒ ตัวของแม่สุนัขจิ้งจอกหิวร้องขึ้น แม่ของมันได้พูดกับลูกทั้ง ๒ ตัวนั้นว่าอย่าทำเสียงดัง คนคนหนึ่งถอดรองเท้าวางไว้ที่พื้นบนศาลาหลังนี้ นอนบนแผ่นกระดานแต่ยังไม่หลับ เมื่อเขาหลับแล้ว แม่จักไปคาบเอารองเท้านั่นมาให้พวกเจ้ากิน   
          พระโพธิสัตว์ทรงรู้ภาษาของมันด้วยอานุภาพของมนต์ จึงเสด็จออกจากห้องบรรทมไป ทรงเปิดพระแกลแล้วตรัสว่า “0ใครอยู่ที่นี่”
          คนเข็ญใจทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้า คนเข็ญใจพระเจ้าข้า”
          พระโพธิสัตว์ตรัสถาม “รองเท้าของเจ้าอยู่ที่ไหน?”
          คนเข็ญใจตอบ “อยู่ที่พื้นดิน พระเจ้าข้า”
          “จงยกขึ้นมาแขวนไว้เดี๋ยวนี้”
          แม่สุนัขจิ้งจอกครั้นได้ยินคำนั้นแล้ว ก็โกรธพระโพธิสัตว์
          ในวันรุ่งขึ้นชายเข็ญใจตั้งใจว่าจะดื่มน้ำ เมื่อลงไปในสระน้ำก็ตกลงไปจมน้ำตาย แต่เขามีผ้านุ่งห่ม ๒ ผืน และมีแหวนสวมนิ้วราคาพันกหาปณะที่ผ้านุ่ง
          ฝ่ายแม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็พูดกะลูกน้อยของมันที่กำลังร้องด้วยความหิวว่า “ลูกเอ๋ยอย่าส่งเสียงดัง มีคนตายอยู่ในสระนั้น เขามีของสิ่งนี้และสิ่งนี้ แม่จักให้พวกเจ้ากินคนคนนั้น”  พระโพธิสัตว์ทรงสดับคำนั้นแล้ว ทรงเปิดพระแกล แล้วตรัสว่า “บนศาลามีใครไหม”
          เมื่อชายคนหนึ่งลุกขึ้นแล้วทูลว่า “ข้าพระองค์พระเจ้าข้า” จึงตรัสว่า “เจ้าจงลุกขึ้นไปเอาผ้าและแหวนของชายที่ตายอยู่ในสระนั่น แล้วปล่อยร่างของมันให้จมอยู่ในน้ำ อย่าให้ลอยขึ้นมา” เขาได้ทำอย่างนั้นแล้ว แม่สุนัขจิ้งจอกนั้นก็โกรธอีก แล้วร้องขู่พระโพธิสัตว์ว่า “ในวันก่อนก็ไม่ได้ให้ลูกข้ากินรองเท้า วันนี้ไม่ให้กินคนตาย ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชองค์หนึ่งจักมาล้อมพระนครไว้ ครั้งนั้นพระราชบิดาจักส่งเจ้าไปออกรบ  พระเจ้าสมันตราชจักตัดศีรษะของเจ้า ณ ที่นั้น เมื่อเป็นเช่นนั้นเราจักดื่มเลือดในลำคอของแก” ดังนี้แล้วพาลูกออกไป
          ในวันที่ ๓ พระเจ้าสมันตราชเสด็จมาล้อมพระนครไว้ พระราชาตรัสกะพระโพธิสัตว์ว่า “ไปเถิดลูกเอ๋ย! จงต่อสู้กับพระเจ้ามันตราชนั่น”
          พระโพธิสัตว์ทูลว่า “ข้าแต่สมมติเทพ! มีเหตุอย่างหนึ่งที่ข้าพระองค์เห็นแล้ว ข้าพระองค์ไม่สามารถไปได้ ข้าพระองค์กลัวอันตรายแห่งชีวิต”
          พระราชาตรัสว่า “เมื่อเจ้าตายหรือไม่ตายก็ตาม จะมีประโยชน์อะไรสำหรับฉัน เจ้าจงไปเถิด”
          พระโพธิสัตว์รับกระแสพระบรมราชโองการแล้วพาบริษัทไป ไม่ได้ออกทางประตูด้านที่พระเจ้าสมันตราชทรงตั้งทัพ ทรงเปิดประตูด้านอื่นเสด็จออกไป เมื่อพระโพธิสัตว์นั้นเสด็จออกไป พระนครได้ว่างเปล่า คนทั้งหลายได้ออกไปกับพระโพธิสัตว์หมดทีเดียว พระโพธิสัตว์ทรงให้พักค่ายอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง
          พระราชาทรงดำริว่า “อุปราชทำพระนครให้ว่างเปล่า พากำลังหนีไปแล้ว”
          ฝ่ายพระเจ้าสมันตราชก็ล้อมพระนครตรึงไว้ บัดนี้ชีวิตของเราจะไม่มี
          พระองค์ทรงดำริว่า “เราจักรักษาชีวิตไว้ แล้วทรงพาเอาพระราชเทวี ปุโรหิตและคนรับใช้คนหนึ่ง ชื่อปรันตปะปลอมพระองค์หนีเข้าป่าไป”
          พระโพธิสัตว์ทรงทราบการเสด็จหนีไปของพระราชาแล้ว จึงเสด็จเข้าพระนคร ทรงทำการรบขับไล่พระเจ้าสมันตราชให้หนีไป แล้วทรงยึดราชสมบัติไว้ได้ ฝ่ายพระราชบิดาของพระองค์ได้ทรงสร้างบรรณศาลาใกล้ฝั่งแม่น้ำแห่งหนึ่ง ทรงดำรงพระชนม์ชีพอยู่ได้ด้วยผลไม้น้อยใหญ่ พระราชเทวีได้ทรงพระครรภ์แม้ในสถานที่นั้น พระราชากับปุโรหิตไปหาผลไม้น้อยใหญ่ ที่บรรณศาลานั่นเองมีแต่ทาสชื่อปรันตปะกับพระราชเทวีและพระนางได้ประพฤตินอกใจพระราชากับทาสปรันตะปะนั่น ด้วยอำนาจแห่งความคุ้นเคยกัน
          วันหนึ่งพระนางรับสั่งทาสปรันตปะว่า “เมื่อพระราชาทรงทราบเรื่องแล้ว ชีวิตของเจ้าก็จะไม่มี ชีวิตของฉันก็จะหามีไม่ เพราะฉะนั้น เจ้าจงปลงพระชนม์พระราชานั้นเสีย”
          ทาสปรันตปะทูลว่า “ข้าพระองค์จะปลงอย่างไร”
          พระราชเทวีรับสั่งว่า “พระราชานี่จะให้เจ้าถือพระขรรค์นั้นและภูษาชุบสรงแล้วไปสรงสนาน เจ้าจงคอยดูความเผลอของพระราชานั้นในที่สรงสนานนั้น ใช้พระขรรค์ตัดพระเศียร แล้วสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ ฝังไว้ในพื้นดิน” เขารับพระเสาวนีย์ว่า “พระเจ้าข้า”
          อยู่มาวันหนึ่งปุโรหิตนั่นเอง เดินไปเพื่อต้องการผลไม้น้อยใหญ่ขึ้นต้นไม้ต้นหนึ่ง ใกล้ท่าที่พระราชาทรงสรงสนานเก็บผลไม้น้อยใหญ่อยู่ พระราชาทรงดำริว่า “เราจักอาบน้ำ” แล้วทรงให้ทาสปรันตปะ ถือพระขรรค์และภูษาชุบสรง แล้วได้เสด็จไปสู่ฝั่งแม่น้ำ
          ทาสปรันตปะทูลพระองค์ผู้ทรงประสบความประมาท ในเวลาสรงสนานแม้ ณ ที่นั้นว่า “ข้าพระองค์จักฆ่าละ แล้วจับพระศอพระองค์เงื้อพระขรรค์ขึ้น”
          พระราชาทรงร้องเพราะทรงกลัวความตาย ปุโรหิตได้ยินเสียงนั้นแล้วมองดู เห็นทาสปรันตปะกำลังปลงพระชนม์พระราชาก็สะดุ้งกลัว จึงเขย่ากิ่งไม้แล้วลงจากต้นไม้เข้าไปนั่งที่พุ่มไม้พุ่มหนึ่ง ทาสปรันตปะได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ของปุโรหิตนั้นแล้วปลงพระชนม์พระราชา ฝังไว้ในพื้นดิน แล้วพิจารณาดูว่าได้มีเสียงเขย่ากิ่งไม้ในที่นี้ ใครหนออยู่ในที่นี้ เมื่อไม่เห็นใคร จึงอาบน้ำแล้วกลับบรรณศาลา
          หลังจากทาสปรันตปะไปแล้ว ปุโรหิตก็ออกจากพุ่มไม้นั้น รู้ว่าพระราชาถูกสับพระสรีระออกเป็นท่อนๆ แล้วฝังไว้ในหลุม จึงอาบน้ำแล้วปลอมตัวเป็นคนตาบอด แล้วได้ไปบรรณศาลา เพราะกลัวเขาฆ่าตน
          ปรันตปะเห็นเขาแล้วพูดว่า “พราหมณ์! ท่านได้ทำอะไร” เขาทำเป็นเหมือนไม่รู้พูดว่า “ข้าแต่สมมติเทพ ข้าพระองค์นัยน์ตาทั้ง ๒ เสีย จึงได้มาที่นี่ ข้าพระองค์ได้ยืนอยู่ที่ข้างจอมปลวกแห่งหนึ่งในป่าที่มีอสรพิษชุกชุม อสรพิษตัวหนึ่งจักพ่นพิษใส่”
          ปรันตปะคิดว่าเขาไม่รู้จักเราเขาจึงพูดว่า “ข้าแต่สมมติเทพ” เราจักปลอบใจเขา แล้วได้ปลอบใจเขาว่า “พราหมณ์! ท่านอย่าคิดอะไร เราจักปฏิบัติท่าน แล้วได้ให้ผลไม้น้อยใหญ่ ให้กินอิ่มหนำสำราญ”
          ต่อแต่นั้นมา ทาสปรันตปะก็นำผลไม้น้อยใหญ่มาให้ พระราชเทวีประสูติพระราชโอรสแล้ว เมื่อพระราชโอรสทรงเจริญขึ้นพระนางก็บรรทมนอนได้อย่างสบาย
          ในเช้ามืดวันหนึ่งได้ตรัสกับทาสปรันตปะเบาๆ ว่า “เมื่อเจ้าปลงพระชนม์พระราชา ไม่มีใครรู้หรือ เขาตอบกลับพระนางว่า “ใครๆ มิได้เห็นข้าพระองค์ แต่ว่าได้ยินเสียงเขย่ากิ่งไม้ แต่ไม่ทราบว่ากิ่งไม้นั้นมนุษย์หรือสัตว์เดียรฉานเขย่า ไม่คราวใดก็คราวหนึ่งภัยจะมาถึงข้าพระองค์ และจักมาจากผู้เขย่ากิ่งไม้” แล้วจึงกล่าวว่า “บาปจักมาถึงข้าพระองค์ ภัยจักมาถึงข้าพระองค์ เพราะมนุษย์หรือมฤคก็ไม่รู้ เขย่ากิ่งไม้ในครั้งนั้น”    “ความใคร่ของเราในภรรยาผู้หวาดกลัวที่อยู่ไม่ไกลจักทำให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำให้นายปรันตปะผมเหลืองไป ฉะนั้น”
          ลำดับนั้น พระราชเทวีจึงกล่าวกะปุโรหิตนั้นว่า “พราหมณ์ ท่านพูดอะไร”
          ฝ่ายปุโรหิตพูดว่า “ข้าพระองค์กำหนดรู้แล้วแหละ” ในวันรุ่งขึ้นก็กล่าวว่า “ภริยาผู้น่ารักใคร่ไม่มีที่ติอยู่ในบ้าน จักเศร้าโศกถึงเรา ความเศร้าโศกจักทำให้เธอผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำนายปรันตปะให้ผอมเหลือง ฉะนั้น”
          ในวันรุ่งขึ้นปุโรหิตได้กล่าวว่า “หางตาที่หล่อนชำเลืองมาหาฉันก็ดี การยิ้มของหล่อนก็ดี ถ้อยคำที่หล่อนเปล่งออกมาก็ดี มันจักทำให้เราผอมเหลือง เหมือนกิ่งไม้ทำให้นายปรันตปะผอมเหลือง ฉะนั้น”
          ในกาลต่อมา พระราชกุมารได้ทรงเจริญวัยขึ้นมีพระชนมายุได้ ๑๖ ชันษา พราหมณ์ได้ให้พระองค์ทรงจับปลายไม้เท้าจูงไปถึงท่าอาบน้ำแล้ว ได้ลืมตาขึ้นมองดู
          พระราชกุมารตรัสว่า “พราหมณ์ ท่านเป็นคนตาบอดไม่ใช่หรือ”
          เขาทูลว่า “ข้าพเจ้าไม่ใช่คนตาบอด แต่ใช้อุบายนี้รักษาชีวิตไว้” แล้วทูลว่า “ท่านรู้จักบิดาของท่านไหม” เมื่อพระราชกุมารตรัสบอกว่า “เรารู้คนคนนั้นเป็นบิดาของเรา” พราหมณ์กล่าวตอบ “คนคนนี้ไม่ใช่บิดาของท่าน แต่บิดาของท่านได้แก่พระเจ้าพราหมณ์ คนคนนี้เป็นทาสของท่าน เขาปฏิบัติผิดในมารดาของท่านแล้วฝังไว้ตรงนี้” จากนั้นพราหมณ์จึงนำเอากระดูกมาให้ดู พระราขกุมารได้ทรงเกิดความกริ้วขึ้นเป็นกำลัง  ลำดับนั้น เมื่อพระราชกุมารตรัสถามปุโรหิตนั้นว่า “เราจะทำอย่างไร” ปุโรหิตจึงทูลว่า “สิ่งใดที่เขาทำแก่พระบิดาของพระองค์ที่ท่าน้ำนี้นั่นเอง พระองค์จงทรงกระทำสิ่งนั้นเถิด”  แล้วได้ทูลบอกความเป็นไปได้ทั้งหมดให้ทรงทราบ แล้วจึงให้พระราชกุมารทรงศึกษาการตีกระบี่กระบองอยู่ ๒-๓ วัน
          อยู่มาวันหนึ่ง พระราชกุมารทรงถือพระขรรค์กับพระภูษาชุบสรงแล้วกล่าวว่า “ไปอาบน้ำเถิดพ่อครับ”  ปรันตปะตอบว่า “ดีละ” แล้วก็ไปกับพระราชกุมาร ขณะที่เขาลงอาบน้ำ พระราชกุมารจึงใช้พระหัตถ์ขวาทรงถือดาบ พระหัตถ์ซ้ายทรงจับมวยผมแล้วตรัสว่า “ได้ทราบว่าเจ้าจับพระจุฬาของเสด็จพ่อของฉันแล้วลงประชนม์ของพระองค์ผู้ทรงร้องอยู่ที่ท่าน้ำนี้นั่นเอง ฝ่ายฉันก็จักทำอย่างนั้นเหมือนกัน”
          เขากลัวภัยคือความตาย โอดครวญไปพลางกล่าวไปพลางว่า “เสียงกิ่งไม้ได้มาประจักษ์แน่นอนแล้ว เสียงนั้นเห็นจะมาแจ้งเหตุให้ตัวเจ้าทราบแน่นอนแล้ว ผู้ที่สั่นกิ่งไม้นั้นได้บอกเรื่องนั้นอย่างแน่นอน เรื่องนี้เจ้าแลที่ตัวคนโง่คิดว่ากิ่งไม้ที่มนุษย์หรือมฤคก็ไม่ทราบ เขย่าแล้วในครั้งนั้นได้มาถึงเจ้าแล้ว”
          ต่อจากนั้น พระราชกุมารก็ได้ตรัสว่า “เจ้าได้รู้อย่างนั้นแล้ว เจ้ายังลวงเสด็จพ่อของฉันไปฆ่าแล้วเอากิ่งไม้ปิดไว้ บัดนี้ภัยจักมาถึงเจ้าบ้าง”
          พระราชกุมารครั้นตรัสดังที่กล่าวมาแล้วนี้ แล้วก็ให้ทาสปรันตปะถึงความสิ้นชีวิตฝังไว้แล้ว เอากิ่งไม้คลุมไว้ ทรงล้างพระขรรค์ สรงสนานแล้วเสด็จไปสู่บรรณศาลา ตรัสบอกปุโรหิตนั้นถึงภาวะที่ตนได้ฆ่าแล้ว จึงทรงต่อว่าพระมารดา ทั้ง ๓ คนหารือกันว่าพวกเราจักอยู่ทำไมที่ตรงนี้ แล้วจึงได้พากันไปนครพาราณสีนั่นเอง พระโพธิสัตว์ทรงประทานตำแหน่งอุปราชแก่พระกนิษฐา ทรงแล้วบำเพ็ญบุญมีทานเป็นต้น ทรงสร้างทางสวรรค์ให้เต็มที่
   

นิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงรู้จักระแวงระวังความชั่วและภัยอย่าให้มาถึงตัวได้”

พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
รกฺเขยยฺานคตํ ภยํ
พึงป้องกันภัยที่ยังมาไม่ถึง (๒๗/๕๔๕)

ที่มา : นิทานชาดกจากพระไตรปิฎก : พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ จัดพิมพ์เผยแพร่ธรรมโดยธรรมสภา สถาบันบันลือธรรม

หน้า:  1 ... 5 6 [7] 8 9 10
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.251 วินาที กับ 24 คำสั่ง