[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
09 กรกฎาคม 2568 22:33:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า:  1 ... 8 9 [10]
 91 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 17:50:26 
เริ่มโดย Kimleng - กระทู้ล่าสุด โดย Kimleng


พระประโทณเจดีย์

วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร
ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม


วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่หมู่ ๑ ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม อยู่ห่างจากพระปฐมเจดีย์เป็นระยะทางประมาณ ๒ กิโลเมตร จุดเด่นของวัดคือ พระประโทณเจดีย์ เป็นเจดีย์สมัยทวารวดี มีรูปแบบเดิมเป็นทรงโอคว่ำ มีการขุดพบวัตถุโบราณจำนวนมากที่วัดแห่งนี้ เช่น พระพุทธรูป เศียรพระพุทธรูปปูนปั้น พระดินเผา รวมทั้งโลหะสำริดรูปพญาครุฑเหยียบนาค ซึ่งรัชกาลที่ ๖ ทรงใช้เป็นเครื่องหมายราชการของพระองค์

สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติสันนิษฐานว่าสร้างวัดขึ้นราว พ.ศ.๒๓๒๔ วัดตั้งอยู่เหนือองค์พระประโทณเจดีย์ประมาณ ๒๐ เมตร สันนิษฐานว่าย้ายมาจากที่เดิมเมื่อ ๒๐๐ ปีเศษ เนื่องจากพบจารึกตัวหนังสือและตัวเลขด้วยปูนบอกว่าซ่อมเมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖ บริเวณกุฏิ วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อ พ.ศ.๒๓๒๗ จากตำนานพญากง พญาพาน พญาพานสร้างพระประโทนเจดีย์เพื่อไถ่บาปที่ได้ฆ่ายายหอมผู้เลี้ยงดูมา ทั้งพระปฐมเจดีย์และพระประโทนถูกทอดทิ้งไว้ในป่าหลายร้อยปี จนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ขณะพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงผนวชอยู่ ได้ธุดงค์ไปพบเข้า จึงกราบทูลรัชกาลที่ ๓ แต่พระองค์ไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์อะไรหากจะปฏิสังขรณ์ขึ้นมา จนพระองค์ครองราชย์จึงได้บูรณะ





พระประโทณเจดีย์

การก่อสร้างวัดพระประโทณเจดีย์ยังไม่มีหลักฐานเอกสารที่ยืนยันแน่ชัด มีเพียงตำนานเล่าสืบต่อกันมา คือ ตำนานพระประโทณเจดีย์ ฉบับนายอ่อง ไวกำลัง และตำนานพระปฐมเจดีย์และพระประโทณเจดีย์ ฉบับพระยามหาอรรคนิกรและฉบับนายทองคำ กล่าวความไว้คล้ายกัน คือบริเวณที่ตั้งพระประโทณเจดีย์นั้น แต่เดิมเป็นตำบลบ้านพราหมณ์ เรียกว่า “บ้านโทณพราหมณ์” ซึ่งได้นำ “ทะนานทอง” ที่ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ในเรือนหิน เมื่อ พ.ศ.๑๑๓๓ ท้าวศรีสิทธิชัยพรหมเทพ มาสร้างเมืองนครไชยศรีขึ้นเป็นเมืองใหม่ ได้ขอทะนานทองจากพราหมณ์เพื่อจะนำไปแลกเปลี่ยนกับพระบรมสารีริกธาตุจากเจ้าเมืองลังกา แต่ได้รับการปฏิเสธ ทำให้รู้สึกขัดเคืองพระทัย จึงยกรี้พลออกไปตั้งเมืองใหม่ชื่อว่า “ปาวัน” และให้สร้างพระปฐมไสยาสน์องค์หนึ่งใหญ่ยาวมหึมา หลังจากนั้น จึงยกรี้พลมาแย่งทะนานทองไปให้เจ้าเมืองลังกาเพื่อบรรจุไว้ในสุวรรณเจดีย์  ต่อมาเมื่อพระพุทธศักราชล่วงได้ ๑๑๙๙ พรรษา พระเจ้ากากะวรรณดิศราชแห่งเมืองละโว้ ได้มาก่อพระเจดีย์ล้อมเรือนศิลาที่เคยบรรจุทะนานทองไว้แล้วให้นามว่า “พระประโทณเจดีย์”

นอกจากนี้แล้วยังมีนิทานพื้นบ้านเรื่องพระยากงและพระยาพาน เล่าสืบต่อกันมาจนติดปากชาวบ้านว่าพระยาพานเป็นผู้สร้างพระปฐมเจดีย์เพื่อไถ่บาปที่ฆ่าพระยากงผู้เป็นบิดา และสร้างพระประโทณเจดีย์เพื่อไถ่บาปที่ฆ่ายายหอมผู้มีพระคุณ  ที่มาของเรื่องพระยากงและพระยาพานนี้ ปรากฏอยู่ในตำนานพระปฐมเจดีย์ ฉบับพระยาราชสัมภารากร และฉบับตาปะขาวรอด และในพงศาวดารเหนือ แต่มีความแตกต่างกันในรายละเอียด

เรื่องมีอยู่ว่า ท้าวสิกราชครองเมืองศรีวิไชย คือ เมืองนครไชยศรี มีบุตรชื่อพระยากง ต่อมาพระยากงได้ครองเมืองศรีวิไชยต่อจากบิดา และพระมเหสีได้ประสูติพระกุมาร โหรทำนายว่า พระกุมารเป็นผู้มีบุญญาธิการมากแต่จะกระทำปิตุฆาต พระยากงจึงได้รับสั่งให้นำพระกุมารไปทิ้งเสีย ทหารได้นำพระกุมารไปทิ้งไว้ที่ชายป่าไผ่ริมบ้านยายพรหม เมื่อยายพรหมมาพบจึงเก็บไปเลี้ยงไว้โดยไม่รู้ว่าเป็นบุตรของผู้ใด แต่ยายพรหมเป็นคนมีลูกหลานมาก จึงยกพระกุมารให้กับยายหอมไปเลี้ยงไว้แทน ต่อมาเจ้าเมืองราชบุรีได้รับพระกุมารไว้เป็นบุตรบุญธรรม เมื่อพระกุมารเติบใหญ่ได้ทราบว่าเมืองราชบุรีเป็นเมืองขึ้นของเมืองศรีวิไชย ต้องส่งเครื่องราชบรรณาการทุกปี จึงคิดแข็งเมือง ไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการและดอกไม้เงินดอกไม้ทองแก่เมืองนครไชยศรี พระยากงจึงได้ยกทัพมาปราบ และกระทำการยุทธหัตถีกับพระกุมาร พระยากงเสียทีถูกพระกุมารฟันด้วยของ้าวคอขาด สิ้นพระชนม์บนหลังช้าง พระกุมารจึงยกรี้พลเข้ายึดเมืองศรีวิไชย  พระยาราชบุรีจึงแต่งตั้งให้อุปราชพานทองเป็น “พระยาพานทอง” ขึ้นครองเมืองนครไชยศรี  คืนหนึ่งพระยาพานทองเข้าห้องบรรทมพระอัครมเหสีของพระยากงเพื่อเอาทำเมียตามธรรมเนียมผู้ชนะศึก แต่เทพยดาได้แสดงนิมิต จนในที่สุดก็ทราบว่าเป็นแม่ลูกกัน จึงโกรธยายหอมที่ไม่ยอมเล่าความจริงให้ตนทราบ ทำให้ต้องปิตุฆาต จึงไปที่บ้านยายหอมและจับยายหอมฆ่าเสีย คนทั่วไปจึงเรียกพระกุมารว่า “พระยาพาล” ด้วยเหตุที่ฆ่าพ่อและยายหอม ผู้มีพระคุณ เมื่อพระยาพาลได้ครองเมืองนครไชยศรีรู้สึกสำนึกในบาปที่ตนได้กระทำไป จึงคิดไถ่บาปจึงให้อำมาตย์ไปนิมนต์พระสงฆ์และสมณพราหมณ์มาประชุมที่ธรรมศาลาเพื่อหารือและได้รับคำแนะนำว่าให้สร้างพระมหาเจดีย์ใหญ่สูงชั่วนกเขาเหิร จึงสั่งการให้ก่อรากพระเจดีย์สวมแท่นที่พระพุทธเจ้าเสด็จมาบรรทม นำฆ้องใหญ่ซึ่งตีสามโหม่งดังกระหึ่มไปจนถึงค่ำ มาหนุนไว้ใต้แท่นพระบรรทม เจดีย์ที่สร้างเป็นทรงล้อมฟาง สูงชั่วนกเขาเหิร ไม่มีลานประทักษิณ ภายในบรรจุพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้วองค์หนึ่ง แล้วให้มีการฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน ต่อมาพระเจ้าหงษาผู้เป็นใหญ่ในเมืองมอญ ต้องการได้ฆ้องใหญ่ จึงยกรี้พลมาขุดเอาฆ้องแต่เมื่อขุดฆ้องก็ยิ่งจมลงไปทำให้เจดีย์ทรุดพังจึงบูรณะเจดีย์ขึ้นใหม่ โดยก่อเป็นองค์ปรางค์ตั้งบนหลังองค์ระฆังของเจดีย์เดิมที่พังลง มีลานประทักษิณรายรอบก็ยังไม่สูงเท่าเก่า จึงสร้างพระเจดีย์รอบวิหารกับทั้งอุโบสถเพิ่มเติมลงอีก ความสำคัญในตำนานมีเพียงนี้




หลวงพ่อโตในพระวิหาร วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร


รอยพระพุทธบาท วัดพระประโทณเจดีย์วรวิหาร








ทะนานทองที่โทณพราหมณ์ใช้ตวงพระบรมสารีริกธาตุ





















               อนุสาวรีย์ยายหอมอุ้มพระยาพาน สร้างในราว พ.ศ.๒๔๗๐  ปั้นโดยนายช่างนามเดิม ประดิษฐานทางด้าน
               ทิศตะวันออกของพระประโทนเจดีย์  ต่อมาได้รับการบูรณะและย้ายมาตั้งใหม่ให้ห่างจากเดิมประมาณ ๒๐
               เมตร เรียกที่นี่ว่า “ศาลยายหอม”   ศาลยายหอมจะมีผู้คนที่ศรัทธานำตุ๊กตารูปปั้นเป็นมาถวายจำนวนมาก
               สาเหตุที่นิยมนำเป็นมาเป็นของถวายไม่มีอะไรซับซ้อนมากกว่าในตำนานที่ว่า “ยายหอมมีอาชีพเลี้ยงเป็ด”
               ทั้งนี้ก็เพื่อความศรัทธาและนำมาแก้บนสำหรับผู้ที่มาขอกับยายหอม  อย่างไรก็ตาม ศาลยายหอมยังมีอีก
               ที่หนึ่งคือที่ “เนินพระ” ตำบลดอนยายหอม  อำเภอเมืองนครปฐม ที่ห่างจากกันประมาณ ๘-๙ กิโลเมตร
               ชาวบ้านเรียกว่า “วัดโคกยายหอม” ที่เชื่อกันว่ายายหอมผู้เลี้ยงพระยาพานตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณนี้
               ตามตำนาน และที่แห่งนี้ก็เป็นแหล่งโบราณสถานสำคัญอีกแห่งหนึ่ง

 92 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 17:41:47 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
“หลวงพ่อมหาน้อย” ยอมรับเป็นรูปตัวเองจริง รอยสักตรงกันกับภาพหวิว แต่ถ่ายไว้นานแล้ว
   


บุรีรัมย์ สำนักพุทธฯ-เจ้าคณะอำเภอ รุดตรวจสอบปมภาพหวิวพระนักเทศน์ชื่อดัง ล่าสุดพบรอยสักที่แผ่นหลังตรงกัน “หลวงพ่อมหาน้อย” ยอมรับเป็นรูปตัวเองจริง แต่ถ่ายไว้นานแล้ว พร้อมยืนยันอยู่รูปเดียว ไม่ได้มีบุคคลอื่นอยู่ด้วย และไม่ได้มีความสัมพันธ์ชายรักชายตามที่เพจดังโพสต์กล่าวอ้าง


   

https://www.thairath.co.th/news/local/2868838
   

 93 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 15:51:28 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
“อิ๊งค์-เศรษฐา” ยินดี “เติ้น ทัศนพล” คนไทยคนแรกคว้าแชมป์ Formula 3
   


“นายกฯ อิ๊งค์” ยินดี “เติ้น ทัศนพล” คนไทยคนแรก สร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ FIA Formula 3 ยัน หนุนเต็มที่ให้ทุกความฝันนักกีฬาเป็นจริง ด้าน “เศรษฐา” ชื่นชม ขอเชียร์ให้ถึงเป้าหมายการเป็นนักแข่ง F1
   

https://www.thairath.co.th/news/politic/2868811
   

 94 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 15:29:00 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
หมอเมืองนอก แนะนำ 5 อาหาร ช่วยเติมน้ำ-เกลือแร่ กินไว้ก่อนร่างพัง ที่ไทยมีครบ!
         


หมอเมืองนอก แนะนำ 5 อาหาร ช่วยเติมน้ำ-เกลือแร่ กินไว้ก่อนร่างพัง ที่ไทยมีครบ!" width="100" height="100  อากาศร้อนจัด! หมอเมืองนอก แนะนำ 5 อาหารเติมน้ำ+เกลือแร่ กินลดความเสี่ยงของภาวะขาดน้ำ ที่ไทยมีครบ หาซื้อง่าย
         

https://www.sanook.com/news/9812014/
         

 95 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 13:57:03 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
ภูมิใจไทย ยัน “อนุทิน” ไม่เคยเสนอตัวชิงนายกฯ สวนเพื่อไทยไม่ต้องระแวงใครจะแย่ง
   


โฆษกภูมิใจไทย ยัน “อนุทิน” ไม่เคยเสนอตัวและแสดงท่าทีชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โต้กลับพรรคเพื่อไทย ไม่ต้องหวาดระแวงว่าจะมีใครไปแย่ง ถ้ารัฐบาลมีผลงานดี ไม่มีใครแย่งได้
   

https://www.thairath.co.th/news/politic/2868779
   

 96 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 12:55:01 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
ช็อกทั้งโรงเรียน! นร.เก่งที่สุดของจังหวัด ผลสอบเข้ามหาลัยสุดแย่ ครูเห็นบ้านถึงเข้าใจ
         


ช็อกทั้งโรงเรียน! นร.เก่งที่สุดของจังหวัด ผลสอบเข้ามหาลัยสุดแย่ ครูเห็นบ้านถึงเข้าใจ" width="100" height="100  นักเรียนชายเก่งที่สุดของจังหวัด ทำทั้งโรงเรียนตกตะลึง หลังคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่ำเกินคาด ครูไปบ้านถึงเข้าใจทุกอย่าง
         

https://www.sanook.com/news/9811778/
         

 97 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 12:39:43 
เริ่มโดย ใบบุญ - กระทู้ล่าสุด โดย ใบบุญ



แมลงสาบมาดากัสการ์

แมลงสาบมาดากัสการ์ (Giant hissing cockroach, Madagascan giant hissing cockroach, เรียกสั้น ๆ ว่า Hissing cockroach หรือ Hisser) เป็นแมลงชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gromphadorhina portentosa อยู่ในวงศ์แมลงสาบยักษ์ (Blaberidae) อันดับแมลงสาบ (Blattodea)

แมลงสาบมาดากัสการ์เป็นแมลงสาบที่ไม่มีปีก ไม่มีแม้แต่แผ่นปีกเล็กปรากฏให้เห็นในระยะใดระยะหนึ่งของชีวิตหลังจากฟักจากไข่ ตัวเต็มวัยมีลำตัวสีน้ำตาลเข้ม และมีสีส้มอมเหลืองพาดอยู่ด้านบนของส่วนท้อง ตัวเต็มวัยมีขนาดลำตัวยาวได้ถึง 7-10 เซนติเมตร และมีน้ำหนักตัว 20-25 กรัมโดยประมาณ

เป็นแมลงสาบที่เคลื่อนไหวได้ช้า มีกลิ่นฉุนเล็กน้อย และไม่ทำร้ายมนุษย์ จึงมีผู้นิยมนำมาเลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เพราะความแปลก

โดยปกติอาศัยอยู่ใต้ซากใบไม้ที่หล่นปกคลุมผิวดินในป่า อันเป็นแหล่งอาศัยธรรมชาตินอกบ้านที่อยู่อาศัยของมนุษย์ กินซากลูกไม้ ใบไม้ หรือผลไม้ที่หล่นอยู่ในบริเวณป่า อย่างไรก็ตามแมลงสาบชนิดนี้ก็เหมือนแมลงสาบทั่วไป คือ กินอาหารได้เกือบทุกชนิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง กิจกรรมส่วนใหญ่รวมทั้งกิจกรรมออกหาอาหารเกิดขึ้นในเวลากลางคืน ส่วนในเวลากลางวันจะหลบซ่อนตัวตามขอนไม้หรือกองใบไม้ในป่า

มีการกระจายพันธุ์บนเกาะมาดากัสการ์ และตามหมู่เกาะใกล้เคียงกัน คือ แถบชายฝั่งทางทวีปแอฟริกาตะวันออก

มีวงชีวิตแบบไม่สมบูรณ์คือ มีระยะไข่, ระยะตัวอ่อน และระยะตัวเต็มวัย ตัวเมียวางไข่หลายใบในถุงไข่ ถุงไข่จะถูกเก็บไว้ภายในลำตัวนานประมาณ 60 วัน จนกระทั่งไข่ฟักออกมาเป็นตัวภายในลำตัวแม่ จากนั้นตัวอ่อนระยะแรกจะออกมาจากลำตัวแม่ ทำให้ดูคล้ายว่าออกลูกเป็นตัว สามารถให้ลูกได้ครั้งละ 30-60 ตัว มีระยะตั้งท้องประมาณ 60 วัน ตัวอ่อนมีรูปร่างคล้ายตัวเต็มวัย ต่างกันที่ขนาดเล็กกว่าลำตัวของตัวอ่อนจะมีรูปร่างเป็นรูปไข่ยาวรีมากกว่า แมลงสาบที่เพิ่งลอกคราบใหม่ ๆ ลำตัวจะมีสีขาว จากนั้นภายใน 2-3 ชั่วโมง สีลำตัวจะค่อย ๆ เข้มขึ้นจนกลายเป็นสีน้ำตาลเข้มในที่สุด เป็นผลจากการสร้างเม็ดสีเมลานินมาสะสมบนผิว ตัวอ่อนตามปกติลอกคราบ 6 ครั้ง จากนั้นเข้าสู่ตัวเต็มวัย เข้าสู่ตัวเต็มวัยเมื่ออายุได้ 6-7 เดือน สามารถออกลูกได้ 3-4 ครั้งต่อปี มีอายุยืนถึง 2-5 ปี

มีลักษณะพิเศษ คือ ตัวเต็มวัยของและตัวอ่อนในระยะหลังสามารถทำเสียงได้ เสียงนั้นคล้ายเสียงขู่ของงู อันเป็นที่ชื่อเรียกในภาษาอังกฤษ อวัยวะที่ให้กำเนิดเสียงของแมลงสาบชนิดนี้อยู่ที่รูหายใจ ที่อยู่บริเวณด้านข้างของท้องปล้องที่ 4 ทั้งสองข้าง การทำเสียงเพื่อใช้ในการเกี้ยวพาราสีก่อนผสมพันธุ์ ตัวผู้จะส่งเสียงขู่เพื่อไล่ตัวผู้อื่น ๆ เพื่อแย่งตัวเมีย นอกจากนี้เสียงขู่ยังใช้สำหรับป้องกันตัวเองจากศัตรูด้วย

ตำแหน่งที่สังเกต   
ตัวผู้ (เต็มวัย)   

อกปล้องแรก ผิวด้านบน pronotum มีโหนกนูนเป็นปุ่มเล็ก 2 ปุ่ม ยื่นออกมา   
หนวด   มีเส้นขนขนาดเล็ก เรียงเป็นแพค่อนข้างหนา ช่วงบริเวณโคนของเส้นหนวด   
ท้อง ปลายท้องแผ่นปิดปล้องท้องอันสุดท้ายด้านล่าง มีลักษณะป้าน

ตัวเมีย (เต็มวัย)
ผิวด้านบนแบนค่อนข้างเรียบไม่เป็นปุ่มโหนก
หนวด   ไม่มีเส้นขนขนาดเล็กเหล่านี้หรือมีน้อยมาก
ท้อง ปลายของแผ่นปิดปล้องท้องอันสุดท้ายด้านล่างมีลักษณะค่อนข้างแคบ

แมลงสาบมาดากัสการ์เคยตกเป็นข่าวตามหน้าสื่อครั้งหนึ่ง เมื่อปรากฏว่าอาจเป็นพาหะนำโรคจากต่างแดนมาสู่ในประเทศไทยได้ จากการมีพบว่าได้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงของผู้ที่มีรสนิยมเลี้ยงสัตว์แปลก ๆ เพราะจากผลรายงานของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข พบว่ามีเชื้อแบคทีเรียถึง 45 ชนิด และยังตรวจพบหนอนพยาธิตัวจี๊ดอีก 22 ชนิด จึงมีการสั่งห้าม และนำตัวที่ยังมีชีวิตอยู่กว่า 500 ตัวไปทำลายโดยการเผา

แมลงสาบมาดากัสการ์มีรายชื่ออยู่ในบัญชีหมายเลข 2 (Appendix II) ตามบัญชีของไซเตส และมีรายชื่อเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535





 98 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 12:13:35 
เริ่มโดย ใบบุญ - กระทู้ล่าสุด โดย ใบบุญ

พระกริ่งพุทธโชติ หลวงปู่ดี

‘พระกริ่งพุทธโชติ’ พระเทพมงคลรังษี วัดเหนือ กาญจนบุรี

“พระเทพมงคลรังษี” หรือ “หลวงปู่ดี พุทธโชติ” อดีตเจ้าอาวาสวัดเหนือ (วัดเทวสังฆาราม) ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี พระเกจิที่ได้รับความเลื่อมใสศรัทธา

อีกทั้งยังเป็นพระอุปัชฌาย์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร (เจริญ สุวัฑฒโน) วัดบวรนิเวศวิหาร เมื่อครั้งทรงกลับมาอุปสมบทที่วัดเหนือและจำพรรษาอยู่ 1 พรรษา

จากนั้น กลับสู่วัดบวรนิเวศวิหาร ทรงอุปสมบทซ้ำญัตติเป็นธรรมยุต โดยสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์ ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์

วัตถุมงคลที่สร้างล้วนเป็นที่นิยมและเสาะแสวงหา มีทั้งพระบูชา ภปร, รูปหล่อ, พระกริ่ง, เหรียญรูปเหมือน และเครื่องรางของขลังต่างๆ

โดยเฉพาะ “พระกริ่งพุทธโชติ” หลวงปู่ดี วัดเทวสังฆาราม

ในช่วงปี พ.ศ.2484 ไทยเกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส กลิ่นอายแห่งสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มปะทุ ครั้งนั้น พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) ศิษย์ใกล้ชิดและเลื่อมใสศรัทธา ได้ขออนุญาตสร้างวัตถุมงคลเพื่อบำรุงขวัญให้กับทหารที่ไปราชการสงคราม รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อไว้ปกปักรักษาคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากภัยสงคราม

วัตถุมงคลที่จัดสร้างครั้งนั้น อาทิ พระพุทธชินราช, พระขุนแผน, พระคงเนื้อดินเผา, พระลืออุดกริ่ง, พระท่ากระดานหล่อโบราณ เป็นต้น

สำหรับ พระกริ่งพุทธโชติ จัดสร้างเป็นเนื้อทองผสมกลับแดง และเนื้อทองแดง (สำริด) แต่เนื้อทองแดงอุดกริ่งแบบเจาะสะโพก

นอกจากนี้ ยังมีเนื้อดินเผาละเอียด มีปีก หลังอูม โดดเด่นด้านแคล้วคลาด คงกระพันชาตรี

ลักษณะเป็นพระกริ่งศิลปะแบบเขมร ฐานบัวฟันปลา 3 คู่ พระหัตถ์ซ้ายอุ้มบาตร พระหัตถ์ขวาถือดอกบัว

ด้านหลัง มีกลีบบัวฟันปลา 2 คู่ ใต้ฐานก้นถ้วยมีเลขหนึ่งไทยและกากบาท อุดกริ่งแบบฝาเชื่อม

เป็นพระกริ่งที่หายากมากอีกรุ่น



พระเทพมงคลรังษี (หลวงปู่ดี พุทธโชติ)

อัตโนประวัติ เกิดที่บ้านทุ่งสมอ อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2416 บิดา-มารดาชื่อ นายเทศ-นางจันทร์ เอกฉันท์

บรรพชาในปี พ.ศ.2434 ณ วัดทุ่งสมอ มีพระอธิการรอด วัดทุ่งสมอ ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่เป็นพระอุปัชฌาย์

อยู่ได้ 6 เดือน ก็ลาสิกขาออกมาช่วยงานครอบครัว จนอายุครบบวช จึงอุปสมบท ณ วัดทุ่งสมอ มีพระครูวิสุทธิรังษี (หลวงปู่ช้าง) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการรอด และพระใบฏีกาเปลี่ยน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้รับฉายา “พุทธโชติ”

จำพรรษาที่วัดทุ่งสมอ ใฝ่ใจศึกษาเล่าเรียนทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ โดยมีความชอบเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับการสวดปาติโมกข์ จึงมีความมานะพยายาม จนที่สุด สามารถท่องได้จบบริบูรณ์ในพรรษาที่ 2

ช่วงออกพรรษามักธุดงค์ไปตามที่ต่างๆ ศึกษาวิปัสสนาและวิทยาคมเพิ่มเติมกับพระเกจิหลายรูป อาทิ พระอาจารย์เกิด วัดกกตาล นครชัยศรี, หลวงปู่เปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี, หลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว ฯลฯ

ชะตาผกผัน ในพรรษาที่ 12 ที่มาจำพรรษาที่วัดรังษี ครั้งที่ 2 นั้น พบพระครูสิงคิบุราคณาจารย์ (หลวงพ่อสุด) เจ้าอาวาสวัดเหนือ ซึ่งรู้จักกันมาก่อนในครั้งที่รับนิมนต์ให้ไปสวดที่วัดใต้

หลวงพ่อสุดทำหนังสือขอเดินทางเพื่อไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากอง เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า จึงขออนุญาตเดินทางไปด้วย ตลอดทางทั้งไปและกลับ หลวงพ่อสุดเกิดอาพาธ ซึ่งหลวงปู่ดีคอยปรนนิบัติดูแลจนกลับถึงวัดเหนือ

หลวงพ่อสุดยังปรารภว่า “ถ้าไม่ได้หลวงปู่ดีไปด้วยกัน ก็คงมรณภาพเสียที่กลางทางเป็นแน่”

จากนั้น กลับมาอยู่กรุงเทพฯ ดังเดิม แต่ก็มีจดหมายไต่ถามทุกข์สุขกันเสมอมา บางครั้ง หลวงพ่อสุดลงมากรุงเทพฯ จะมาแวะพักพูดคุย จนช่วงหลังๆ อาพาธหนัก เดินทางไปไหนไม่ได้ จึงมีจดหมายถึง ขอให้ไปเยี่ยม

จึงหาโอกาสขึ้นไปเยี่ยมที่วัดเหนือ หลวงพ่อสุดให้ศิษย์นิมนต์หลวงปู่ดีอยู่จำพรรษาที่วัดแห่งนี้ แต่ก็ไม่ได้รับปาก แต่ช่วยดูแลกิจการต่างๆ เช่น สวดปาติโมกข์ หรือเทศน์แทน เป็นต้น

คราหนึ่งให้หลายคนมาขอร้องให้เป็นสมภาร แต่ก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

จนเมื่อหลวงพ่อสุดมรณภาพลง กรรมการ ศิษย์วัดและชาวบ้านทั้งหลาย จึงนิมนต์ขอให้เป็นสมภารอีกครั้ง ซึ่งไม่สามารถปฏิเสธได้ จึงต้องรับเป็นเจ้าอาวาสวัดเหนืออย่างเต็มตัว

เป็นพระเถราจารย์ผู้เปี่ยมล้นด้วยเมตตาจิต ปรับปรุงและพัฒนาทุกอย่างในวัด ทั้งขนบธรรมเนียม ระเบียบพิธีการ และถาวรวัตถุต่างๆ ภายในวัด พระทุกรูปมีวัตรปฏิบัติเรียบร้อย เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน นับได้ว่า วัดเหนือได้รับการพัฒนาในด้านต่างๆ จนเจริญรุ่งเรือง เป็นที่ชื่นชมศรัทธาของเหล่าสาธุชน แม้สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระวชิรญาณวโรรส ยังทรงยกย่องให้เป็นตัวอย่างของวัดทั้งหลาย

ในปี พ.ศ.2506 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินต้นที่วัดเหนือ

ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้อัญเชิญพระปรมาภิไธย ภปร จารึกไว้เหนือผ้าทิพย์ของ “พระพุทธรูปปางประทานพร” ที่วัดจัดสร้างเพื่อนำปัจจัยมาบำรุงวัด ทั้งพระราชทานแผ่นทอง เงิน และนาก ลงในเบ้าหลอมพระพุทธรูปทุกเบ้า อันเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่ง

ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์เรื่อยมา สุดท้ายเป็นพระราชาคณะชั้นเทพ ในราชทินนามที่ พระเทพมงคลรังษี และเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี

มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2510 สิริอายุ 94 ปี พรรษา 73





พระผงพิมพ์เล็บมือ หลวงพ่อคง


พระผงพิมพ์โคนสมอ หลวงพ่อคง

พระผงเล็บมือ-โคนสมอ หลวงพ่อคง ธัมมโชโต วัดบางกะพ้อม อัมพวา

“พระอุปัชฌาย์คง” หรือ “หลวงพ่อคง ธัมมโชโต” อดีตเจ้าอาวาสวัดบางกะพ้อม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม

เป็นพระเกจิอาจารย์ลุ่มแม่น้ำแม่กลองอีกรูป ที่มีวัตรปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาไม่แพ้หลวงพ่อแก้ว พรหมสโร วัดพวงมาลัย

วัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังทุกรุ่นได้รับความนิยม เป็นที่ต้องการอย่างมาก โดยเฉพาะเหรียญรุ่นแรก พ.ศ.2484

ที่นับว่าโดดเด่นและเป็นที่รู้จักกันอย่างดี ไม่แพ้เหรียญรุ่นแรก คือ “พระผงพิมพ์เล็บมือ”

สร้างก่อนปี พ.ศ.2484 เนื้อผงผสมดินเผาตามตำรับการลบผงของหลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง, หลวงพ่อหรุน วัดช้างเผือก และพระอธิการด้วง-พระอธิการทิม วัดเหมืองใหม่ องค์พระมีลักษณะเป็นรูปเล็บมือ

ด้านหน้า เป็นรูปจำลองพระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่ง ปางสมาธิ บนฐานชุกชี 3 ชั้น รอบองค์พระมีเส้นซุ้มทรงระฆังบังคับพิมพ์ล้อไปกับองค์พระ

ด้านหลัง อูมนูน มีอักขระยันต์ขอมอ่านได้ว่า อะ อุ

ยังมีอีกพระผงอีกรุ่น ก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน คือ “พระผงพิมพ์โคนสมอ”

สร้างก่อนปี พ.ศ.2484 เช่นกัน องค์พระมีลักษณะเป็นรูปจำลองของพระประธานในภายโบสถ ชาวบ้านมักเรียกกันว่าพระโคนสมอ

ด้านหน้า เป็นรูปจำลององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทับนั่ง ปารมารวิชัย หรือบางพิมพ์จะเป็นปางสมาธิ บนฐานชุกชีพาดด้วยผ้าทิพย์ รอบองค์พระมีเส้นซุ้มทรงระฆังครอบบังคับพิมพ์ล้อไปกับองค์พระ องค์พระอวบอิ่มลึกและคมชัด

ด้านหลัง เรียบ ในบางองค์มีรอยจาร

หลังจัดสร้างแล้วเสร็จได้รับความนิยมอย่างสูง


หลวงพ่อคง ธัมมโชโต

เกิดในสกุล จันทร์ประเสิรฐ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2407 ณ ต.บางสำโรง อ.บางคนที จ.สุมทรสงคราม

บิดา-มารดา ชื่อ นายเกตุ และนางทองอยู่ จันทร์ประเสิรฐ

เล่ากันว่าเกิดในเรือนแพ ซึ่งมีความเชื่อกันว่า ถ้าใครถือกำเนิดในห้องเล็กที่ใต้เรือนแพ จะต้องเป็นผู้ชายและครองสมณเพศตลอดชีวิต โดยบิดา-มารดาซื้อเรือนแพนี้มาอีกทอดหนึ่ง

พออายุได้ 12 ปี บรรพชาที่วัดเหมืองใหม่ อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรม มีความสนใจในวิชาเมตตามหานิยม

กระทั่งอายุได้ 19 ปี ลาสิกขาเพื่อไปช่วยครอบครัวประกอบอาชีพ

ครั้นเมื่อมีอายุครบ 20 ปี เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดเหมืองใหม่ เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือนสิงหาคม 2427 มีพระอาจารย์ด้วง เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอธิการจุ้ย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการทิม วัดเหมืองใหม่ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ได้รับฉายาว่า ธัมมโชโต แปลว่า ผู้รุ่งเรืองในธรรม

จําพรรษาอยู่ที่วัดเหมืองใหม่ คอยอุปัฏฐากรับใช้พระอุปัชฌาย์ ด้วยอุปนิสัยที่รักการศึกษาเล่าเรียน ศึกษาเล่าเรียนทั้งทางคันถธุระ วิปัสสนาธุระ กับพระอุปัชฌาย์เป็นพื้นฐาน ต่อมาได้ไปศึกษากับพระเถระชื่อดังในยุคนั้นอีกหลายรูป

ได้ศึกษาคัมภีร์มูลกัจจายน์ ซึ่งเป็นตำราเรียนบาลีไวยากรณ์ในสมัยโบราณ กับอาจารย์นก ซึ่งเป็นอุบาสกในละแวกนั้นเป็นเวลา 13 ปี จนมีความคล่องแคล่วสามารถแปลธรรมบทตลอดจนคัมภีร์ต่างๆ ได้

นอกจากนี้ ยังสนใจการศึกษาวิทยาคม โดยร่ำเรียนกับพระเกจิชื่อดัง เริ่มแรกศึกษาคัมภีร์นี้กับพระอาจารย์ด้วง ซึ่งท่านเชี่ยวชาญการลบผงวิเศษ เป็นที่นับถือในสมัยนั้น ต่อมาเล่าเรียนกับหลวงพ่อตาด วัดบางวันทอง พระเถระผู้ที่มีวิทยาคมอันแก่กล้า โดยเฉพาะวิชานะปัดตลอด

อีกทั้งยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก ผู้เชี่ยวชาญในพระกัมมัฏฐาน

ในพรรษา 19 มีอาการอาพาธ จึงหยุดพักผ่อน หันมาสอนสมถะกัมมัฏฐานและวิปัสสนากัมมัฏฐานให้กับลูกศิษย์ลูกหา

เอาใจใส่การดูแลก่อสร้างเสนาสนะ เนื่องจากมีฝีมือในเชิงช่าง ในเบื้องต้นซ่อมแซมหอไตรที่มีสภาพชำรุดทรุดโทรมให้มีสภาพที่ดีขึ้น พร้อมกันนั้นก็ปั้นพระป่าเลไลยก์ด้วยฝีมือตัวเอง

จนกระทั่งพรรษาที่ 21 ในปี พ.ศ.2448 ชาวบ้านใน ต.บางกะพ้อม อาราธนามาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งในขณะนั้นวัดบางกะพ้อมไม่มีสมภารปกครองวัด และวัดก็อยู่ในสภาพที่ชำรุดทรุดโทรม

ฟื้นฟูบูรณปฏิสังขรณ์ถาวรวัตถุภายในวัด ซึ่งชำรุดทรุดโทรม ด้วยท่านมีฝีมือในการพัฒนาเป็นทุนเดิม จึงทำให้การสร้างความเจริญให้แก่วัดสำเร็จลุล่วงในเวลาอันสั้น

พ.ศ.2464 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลบางกะพ้อม และแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์

แม้จะมีภาระงานปกครองวัด แต่ในเดือน 4 ของทุกปี จะไปปักกลดในป่าช้าข้างวัดเป็นเวลาราว 1 เดือน เรียกกันว่า รุกขมูลข้างวัด ชำระจิตใจให้สะอาด หลังจากยุ่งกับเรื่องราวทางโลกเกือบตลอดทั้งปี

ช่วงบั้นปลายชีวิตอาพาธด้วยโรคชรา เนื่องจากมีงานอยู่หลายอย่างต้องทำ ด้วยเป็นกิจของสงฆ์ ทั้งานการสร้างพระพุทธรูป การสร้างวัตถุมงคล ทำให้ไม่มีเวลาพักผ่อน

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2486 ขณะนั่งร้านเพื่อตกแต่งพระขนงพระพุทธรูปประธานองค์ใหม่ เมื่อสวมพระเกตุพระประธานแล้วเสร็จ ก็เกิดอาการหน้ามืด คล้ายจะเป็นลม แต่มีสติดี เอามือประสานในอิริยาบถนั่งสมาธิจนหมดลมถึงแก่มรณภาพในอาการอันสงบ

คณะศิษย์เห็นท่านนั่งอยู่นาน จึงประคองร่างลงมาจากนั่งร้าน จึงรู้ว่ามรณภาพไปแล้ว

สิริอายุ 78 ปี พรรษา 58




ที่มา มติชนสุดสัปดาห์

 99 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 12:04:55 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
เพื่อไทยยัน ครม.ชุดใหม่พร้อมลุยงาน ซัดปมนับองค์ประชุมสภาฯ วันแรก ตีรวนมากไป
   


พรรคเพื่อไทย ยัน ครม.ชุดใหม่ พร้อมทำงานขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ซัดปมเสนอนับองค์ประชุมสภาฯ ในวันแรก ตีรวนมากเกินไป ย้ำ ไม่มียุบสภา รัฐบาลอำนาจบริหารต่อได้ ไม่สะดุด แม้นายกฯ ถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว
   

https://www.thairath.co.th/news/politic/2868767
   

 100 
 เมื่อ: 06 กรกฎาคม 2568 10:19:09 
เริ่มโดย สุขใจ ข่าวสด - กระทู้ล่าสุด โดย สุขใจ ข่าวสด
"แพร ชนันท์ภัสส์" แฟนเก่า "ตั้ม จารุจินดา" เคลื่อนไหวแล้ว ประโยคสั้นๆ แต่แซ่บมาก
         


"แพร ชนันท์ภัสส์" แฟนเก่า "ตั้ม จารุจินดา" เคลื่อนไหวแล้ว ประโยคสั้นๆ แต่แซ่บมาก" width="100" height="100  "แพร ชนันท์ภัสส์" แฟนเก่า "ตั้ม จารุจินดา" เคลื่อนไหวแล้ว ประโยคสั้นๆ แต่แซ่บมาก
         

https://www.sanook.com/news/9811830/
         

หน้า:  1 ... 8 9 [10]
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.176 วินาที กับ 22 คำสั่ง