[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
10 มิถุนายน 2568 13:36:36 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความรู้เรื่องยาดอง-ยาสมุนไพร-ยาแผนโบราณ  (อ่าน 15226 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6075


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 17 ธันวาคม 2557 13:28:07 »

.

http://photo.wongnai.com/photos/2014/05/23/fb046b3a418843fa9a8ca7978dc94f72.jpg
ความรู้เรื่องยาดอง-ยาสมุนไพร-ยาแผนโบราณ


ความรู้เรื่องยาดอง

รศ.ดร.พรพิมล ม่วงไทย ภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ทำงานวิจัยและอธิบายไว้ว่า ยาดองเป็นยาไทยโบราณชนิดหนึ่ง ปัจจุบันจำหน่ายยาดองกันทั่วไป ทั้งนี้ ยาดองสูตรภูมิปัญญาไทยดั้งเดิมทำจากพืชสมุนไพรหลายชนิด นำไปแช่ด้วยสุราขาวทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง (อาจเพียง ๑ เดือนก็เริ่มนำมาบริโภค) โดยพืชสมุนไพรที่นำมาดองเป็นไปตามท้องถิ่น นอกจากนี้ยังพบการนำสารอื่นมาเป็นสารใช้ดอง เช่น น้ำมะกรูด น้าส้มสายชู น้ำมูตร น้ำผึ้ง

สำหรับการศึกษาวิจัย ได้ศึกษายาดองตามสูตรภูมิปัญญาของหมอพื้นเมืองท้องถิ่นจังหวัดน่าน ตัวอย่างที่นำมาทดลองเป็นยาดองจากพืชสมุนไพร ๑๐ ชนิด ได้แก่ ม้ากระทืบโรง มีสรรพคุณด้านยา ช่วยบำรุงกำลัง บำรุงความกำหนัด ช่วยขับน้ำย่อย แก้ปวดหลัง ปวดหัว นิยมนำลำต้นมาทำยาดองดื่ม ช่วยบำรุงกำลัง แก้เลือดเสีย เลือดค้าง, ม้าแม่กล่า ใช้ทั้งต้นต้มน้ำดื่ม ขับปัสสาวะ บำรุงโลหิต อาจใช้ต้นเดี่ยวหรือผสมลำต้น มีรายงานการวิจัยพบสารสกัดน้ำจากทั้งต้น มีฤทธิ์ต้านการเจริญของเนื้องอกในหนู และเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ทั้งต้นของมันใช้ดองเหล้าดื่มแก้ปวดหลัง ปวดเอว

เปลือกต้นพญาเสือโคร่ง ช่วยชำระล้างไตให้สะอาด บำรุงกองธาตุให้เป็นปกติ ขับลมในลำไส้ ใช้บำบัดอาการผู้ป่วยเป็นโรคเกี่ยวกับมดลูก บำรุงกำลัง แก้ปวดเมื่อย, ฮ่อสะพายควาย เนื้อไม้ใช้แก้ลมพิษ แก้กามโรค ส่วนเปลือกต้นใช้เป็นยาแก้โรคผิวหนัง กลากเกลื้อน ยาบำรุงเหงือกและฟัน ใช้เป็นยาถ่ายฆ่าพยาธิ รักษาโรคปวดไขข้อ, กาจับหลัก ช่วยบำรุงน้ำดี แก้ไข้ แก้บิด ยับยั้งการเจริญของมาลาเรียชนิดฟัลซิพารัม, ชะเอม ใช้รักษาโรคในคอ รักษาลม รักษาเลือดออกตามไรฟัน บำรุงกล้ามเนื้อ บำรุงธาตุและกำลัง ขับเสมหะ รักษาน้ำลายเหนียว

อบเชย ทำให้ท้องเป็นปกติ แก้อาการจุกเสียด แน่นท้อง ขับลม ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร แก้ท้องร่วง ขับปัสสาวะ กระตุ้นการสร้างน้ำย่อยที่ใช้ย่อยไขมัน ทำให้สดชื่น แก้อ่อนเพลีย มีสารต้านแบคทีเรีย และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดผู้ป่วยเบาหวาน, สะค้านหน้าผา แก้ลม ขับลมในลำไส้ แก้แน่นจุกเสียด แก้ธาตุพิการ แก้ลมอัมพฤกษ์ แก้ลมปัตคาดเนื่องจากพรรดึก แก้ลมแน่นในทรวงอก บำรุงธาตุ, ฝางเสน แก้ท้องร่วง แก้ร้อนใน กระหายน้ำ แก้เสมหะ ขับระดู ในส่วนแก่นฝาง ใช้บำรุงธาตุในสตรี ขับหนอง แก้ท้องร่วง ท้องเสีย, โด่ไม่รู้ล้ม แก้ปัสสาวะขัด และบำรุงความกำหนัด บำรุงกำลัง ทั้งต้นต้มรับประทานต่างน้ำ แก้ไข้จับสั่นหรือไข้มาลาเรีย

จากสรรพคุณของพืชทั้ง ๑๐ ชนิด เมื่อนำมารวมกัน ทำการดองด้วยสุราขาว ผลการวิจัยพบว่า นอกจากยาดองจะมีสรรพคุณตามพืชสมุนไพรที่นำมาทดลองแล้ว ยังพบสรรพคุณอีกด้าน คือ การมีสารฟีนอลลิกรวม และการต้านสารอนุมูลอิสระ คุณประโยชน์ด้านนี้ มีผลช่วยชะลอวัยนั่นเอง

ขณะที่การซื้อตัวอย่างยาดองที่มีจำหน่ายในบริเวณต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดบางแห่งมาตรวจสอบ ผลพบว่า ยาดองที่จำหน่ายมักจะทำจากพืชสมุนไพรเพียง ๑ ชนิด เช่น ม้ากระทืบโรง พญาเสือโคร่ง โด่ไม่รู้ล้ม และค่อนข้างมีกลิ่นสุราขาวรุนแรงมาก ตัวยาดองค่อนข้างจะเจือจาง และพบว่ามีปริมาณสารฟีนอลลิกรวมต่ำกว่าการผสมยาดองตามสูตรภูมิปัญญาไทยค่อนข้างมากปริมาณเป็น ๑๐ เท่า ทั้งนี้อาจเป็นเพราะยาดองตามสูตรภูมิปัญญาไทยที่ทดลอง ทำจากพืชสมุนไพรจำนวนมากถึง ๑๐ ชนิด จึงทำให้สุราขาวสามารถสกัดสารออกมาได้จากพืชทุกชนิด ส่วนผลการตรวจคุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระพบว่ายังมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระตั้งแต่ร้อยละ ๓๐-๗๐

สรุป ถ้าเป็นยาดองตามสูตรภูมิปัญญาไทยจะมีสรรพคุณสูงมาก ทั้งด้านบำรุงร่างกาย รักษาโรค และช่วยเสริมสารต้านอนุมูลอิสระ



ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 ธันวาคม 2557 13:13:07 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออนไลน์ ออนไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6075


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 26 ธันวาคม 2557 13:19:56 »

.



ยาสมุนไพรกับยาแผนโบราณต่างกันอย่างไร

ภก.ทรงศักดิ์ วิมลกิตติพงศ์ เภสัชกรชำนาญการ สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่า "ยาสมุนไพร" หมายความถึงยาที่ได้จากพฤกษชาติ สัตว์ หรือแร่ ซึ่งมิได้ผสม ปรุง หรือแปรสภาพ ตั้งแต่โบราณก็ทราบกันดีว่ามีคุณค่าทางยามากมาย ซึ่งเชื่อกันอีกด้วยว่า ต้นพืชต่างๆ เป็นพืชที่มีสารที่เป็นตัวยาด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่าพืชชนิดไหนจะมีคุณค่าทางยามากน้อยกว่ากันเท่านั้น

ทั้งนี้ ยาสมุนไพรได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขายยา และไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนตำรับยา แต่หากนำยาสมุนไพรมาบรรจุถุงปิดฉลาก ก็อาจเข้านิยามและถูกตีความเป็น"ยาแผนโบราณ" ได้ ดังนั้นการขายยาสมุนไพรที่ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตขาย และไม่ต้องขอขึ้นทะเบียนตำรับยา จึงต้องขายในสภาพธรรมชาติ ไม่มีการแปรสภาพ หรือปิดฉลากระบุซึ่งสรรพคุณใดๆ

"ยาแผนโบราณ" หมายความถึงยาที่มุ่งหมายสำหรับใช้ในการประกอบโรคศิลปะแผนโบราณ หรือการบำบัดโรคซึ่งอยู่ในตำรายาแผนโบราณที่รัฐมนตรีประกาศ หรือรัฐมนตรีประกาศเป็นยาแผนโบราณ หรือยาที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นยาแผนโบราณ เช่น ใบแป๊ะก๊วย หากมีลักษณะเป็นใบไม้ตามธรรมชาติจะจัดเป็นยาสมุนไพร แต่หากแปรสภาพโดยนำมาบดเป็นผงและบรรจุในแคปซูล จะจัดเป็นยาแผนโบราณ ซึ่งต้องขอขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณก่อนจึงจะจัดจำหน่ายได้


  ยาแผนโบราณก่อนจะขายต้องขอขึ้นทะเบียนตำรับยาแผนโบราณก่อน และเมื่อได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาแล้วจะมีเลขทะเบียนยา หรือทะเบียนยาเลขที่ หรือ Reg. No. ตามด้วยอักษรภาษาอังกฤษ และตัวเลข เช่น เลขทะเบียนยาที่ G 108/40 หรือทะเบียนยาเลขที่ G 108/40 หรือ Reg. No. 108/40 (ไม่มีกรอบ อย. เหมือนที่พบในผลิตภัณฑ์อาหาร)

ตัวอักษรภาษาอังกฤษที่ปรากฏมีความหมายดังนี้ G หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับมนุษย์ ที่ผลิตในประเทศ, H หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับมนุษย์ที่แบ่งบรรจุ, K หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับมนุษย์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ, L หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับสัตว์ที่ผลิตในประเทศ, M หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับสัตว์ที่แบ่งบรรจุ และ N หมายถึงยาแผนโบราณสำหรับสัตว์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ

การขึ้นทะเบียนตำรับยาเป็นมาตรการควบคุมกำกับตาม พระราชบัญญัติยา พ.ศ.๒๕๑๐ เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้บริโภค ยาที่จะได้รับการขึ้นทะเบียนจะต้องผ่านเกณฑ์ด้านความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ซึ่งเหล่านี้ผู้บริโภคสังเกตได้จากการสังเกตการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ โดยยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับ นอกจากจะเสี่ยงต่อการรักษาที่ไม่ได้ผลแล้ว ยังอาจพบการลักลอบใส่สารสเตียรอยด์ หรือยาแผนปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ จึงพึงจำไว้ว่า อ่านฉลากยาทุกครั้ง สังเกตเลขทะเบียนยา ไม่หลงเชื่อคำโฆษณา



ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.17 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 05 มิถุนายน 2568 16:34:06