[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 มิถุนายน 2568 11:19:27 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: “พระสิงห์สานชนะมาร” งามอลังการ...พระสานไม้ไผ่ใหญ่ที่สุดในโลก  (อ่าน 1664 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.273 Chrome 50.0.2661.273


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 01 ตุลาคม 2559 01:19:35 »


“พระสิงห์สานชนะมาร” พระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก

“ไม้ไผ่เหลา 1 ก้าน”
       
       ไม่เหลือบ่ากว่าแรงเกินกว่า 2 มือของเราจะหักสะบั้น(อย่างง่ายดาย)
       
       แต่ถ้าไม้ไผ่เหลานำมามัดรวมกันเป็นกำใหญ่ มนุษย์เรา(คนปกติ)ใช้ 2 มือ หักเท่าไรย่อมไม่สำเร็จ และเป็นที่มาของ(นิทาน)คติธรรมสอนใจในเรื่องการ“รู้รักสามัคคี”
       
       แต่สำหรับที่ “วัดหิรัญญาวาส” อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่นี่ได้นำปรัชญาความรู้รักสามัคคีจากตอกไม้ไผ่ นับหลายร้อยมัด จำนวนนับหมื่นๆเส้น มาบรรจงสานสร้างสรรค์เป็น “พระสิงห์สานชนะมาร” พระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ที่นอกจากจะมีพุทธลักษณะอันงดงามแล้ว เรื่องราวความเป็นมาของการสร้างพระพุทธรูปสานไม้ไผ่องค์นี้ฟังแล้วมันช่างวิจิตรเพริศแพร้ว
       
       และชวนทึ่งกระไรปานนั้น!?!
       
      กำเนิดพระสิงห์สาน


พระสิงห์สานชนะมาร ประดิษฐานอยู่ในวิหารวัดหิรัญญาวาส

      วัดหิรัญญาวาส หรือชื่อเดิม วัดเหมืองแดงน้อย ตั้งอยู่ที่บ้านเหมืองแดงน้อย ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ปัจจุบัน)มีท่าน“พระครูหิรัญอาวาสวัตร” เป็นท่านเจ้าอาวาส
       
       วัดหิรัญญาวาส แม้เดิมจะเป็นวัดเล็กๆในชนบท แต่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชนแบ่งฝักแบ่งฝ่ายจนเกิดสงครามสีเสื้อ วัดเล็กๆแห่งนี้ก็ย่อมหนีไม่พ้น
       
       ท่านพระครูหิรัญฯ เล่าให้ผมฟังว่า ในช่วงแรกๆของสงครามสีเสื้อที่เริ่มขัดแย้งรุนแรง(ประมาณ ปี 50-51) ท่านที่อยู่ตรงกลางอยู่ในโลกแห่งธรรม หากไปพบปะพูดคุย เทศนาแสดงหลักธรรมคำสอนกับฝั่งไหน ก็จะถูกอีกฝ่ายตำหนิกล่าวหา ว่าท่านเลือกข้างอยู่ฝั่งนั้น ขณะที่ชาวบ้านในชุมชนก็แตกความสามัคคีกันมากขึ้นเรื่อยๆ


พระครูหิรัญอาวาสวัตร เจ้าอาวาสวัดหิรัญญาวาส

ท่านพระครูหิรัญฯกลัวว่านับวันยิ่งมา ชาวบ้านในชุมชนยิ่งความขัดแย้งรุนแรง ยิ่งแตกแยกร้าวลึก ท่านจึงมีกุศโลบายให้ชาวชุมชนสมานฉันท์กันด้วยการร่วมกันสร้าง “พระสิงห์สานชนะมาร”ขึ้น เป็นองค์พระที่สานด้วยไม้ไผ่ เพื่อแสดงออกถึงการสานสัมพันธ์ของชาวชุมชน พร้อมทั้งถวายเป็นพุทธบูชา และที่สำคัญก็คือสร้างถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทย
       
       ตัดไม้มุง
       
       พระสิงห์สานชนะมาร หรือที่นิยมเรียกสั้นๆว่า “พระสิงห์สาน” ท่านพระครูหิรัญฯได้แนวคิดในการสร้างมาจาก “พระเจ้าอินทร์สาน” ที่เป็นพระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่ของชาวไทเขินในเมืองเชียงตุง รัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์(พม่า)


พระสิงห์สานชนะมาร พระพุทธรูปที่สานจาก“ไม้มุง”ไม้ไผ่ชนิดพิเศษ

        “ชาวไทเขิน เชื่อว่าการทำพระสานถวายเป็นพุทธบูชา ทั้งผู้สร้างพระและผู้ที่คนสร้างพระถวายจะเป็นการสานต่อชะตาอายุให้ยืนเรา พวกเราชาวชุมชนจึงพร้อมใจกันสร้างถวายแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ” ท่านพระครูหิรัญฯกล่าว
       
       พระสิงห์สาน เป็นพระพุทธรูปที่สานขึ้นจาก“ไม้มุง”ไม้ไผ่ชนิดพิเศษที่เป็นไม้(ไผ่)เลื้อยคล้ายกับหวาย และมีคุณสมบัติเหนียวทนทาน สามารถดัดขดงอให้คดโค้ง ขึ้นรูปง่าย


พุทธสรีระอันอ่อนช้อย สานจากไม้มุง

 สำหรับเรื่องราวและกระบวนการในการสร้างพระสิงห์สานองค์นี้ ที่ผมได้ฟังท่านพระครูหิรัญฯเล่าให้ฟังนั้น ถือว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลย
       
       โดยหลังจากที่ท่านพระครูหิรัญฯมีแนวคิดที่จะสร้างพระพุทธรูปสานไม้ไผ่ ท่านก็ได้ลงมือเสาะหาไม้มุง และพบว่าแหล่งไม้มุงแหล่งใหญ่นั้นอยู่บนภูเขาในเมืองโก รัฐฉาน ประเทศเมียนมาร์ ภายใต้พื้นที่การดูแลของชาว“ปะหล่อง”(ดาราอั้ง)ที่ศรัทธาแนบแน่นในพระพุทธศาสนา
       
       “ชาวปะหล่องที่นี่ พวกเขาช่วยกันดูแลรักษาแหล่งไม้มุงตามธรรมชาติไว้เป็นอย่างดี แต่ละปีจะเปิดโอกาสให้คนภายนอกขึ้นไปตัดได้เพียงวันเดียวคือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 เท่านั้น"


พุทธสรีระอันอ่อนช้อย สานจากไม้มุง

เรื่องนี้พระครูหิรัญฯบอกกับผมว่า ท่านมองในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า เดือน 3 (ไทย) เป็นเดือนที่ชาวไทเขินถือว่าเหมาะต่อการตัดไม้ไผ่มากที่สุด เนื่องจากไม่มีมอดแมงมารบกวน ซึ่งพวกเขาได้สืบสานภูมิปัญญาการตัดไม้ไผ่ในเดือนนี้กันมาอย่างช้านาน (สอดรับกับที่ผมถามช่างทำเครื่องเขินชาวไทเขินที่เชียงตุง ได้ความอย่างเดียวกันว่า พวกเขานิยมตัดไม้ไผ่มาทำเครื่องเขินในช่วงเดือน 3 เหมือนกัน เพราะได้ไม้ไผ่ที่มีคุณภาพดี)
       
       “ส่วนที่ต้องตัดคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เนื่องจากในสมัยโบราณไม่มีไฟฟ้าใช้ ผู้ที่จะไปตัดไม้มุง ต้องออกเดินเท้าจากที่พักขึ้นเขากันแต่เช้ามืดประมาณ ตี 4 จึงต้องอาศัยแสงไฟจากคบเพลิงและแสงจันทร์ที่สว่างสุกใสเป็นตัวช่วยนำทางอีกแรง


ลวดลายกลีบบัวสาน ประดับฐานองค์พระ

  ในส่วนของกฎการตัดไม้มุงนั้น ชาวปะหล่องมีข้อกำหนดว่า แต่ละปีสามารถตัดไม้มุงได้เพียงเจ้าเดียวหรือคณะกลุ่มบุคคลเดียว หากปีไหนมีคนต้องการตัดไม้มุงมากกว่า 1 เจ้า ก็จะมีการจับสลากเสี่ยงทาย”
       
       พระครูหิรัญฯเล่าต่อว่า ในช่วงก่อนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ปี พ.ศ. 2552 ที่ท่านเดินทางไปขอตัดไม้มุงนั้น มีผู้มาแสดงเจตจำนงขอตัดไม้มุงอยู่ 3 เจ้าด้วยกัน เมื่อทำการจับสลากเสี่ยงทาย ซึ่งท่านโชคดีเสี่ยงทายได้รับสิทธิ์
       
       พอถึงวันขึ้น 15 ค่ำ ท่านกับคณะต้องตื่นตั้งแต่เช้ามืด เพื่อเดินเท้าหลายชั่วโมงจากหมู่บ้านขึ้นภูเขาไปตัดไม้มุง โดยมีผู้ร่วมเสี่ยงทายทั้งสองกับทีมงานได้ร่วมเดินทางไปช่วยตัดไม้มุงด้วย


ประตูวิหารด้านหน้าประดับลวดลายด้วยไม้ไผ่

 นอกจากนี้ระหว่างทางที่เดินผ่านชาวปะหล่องจะพากันตีเกราะเคาะไม้เป็นสัญญาณบอกให้ชาวบ้านรับรู้ว่าจะมีการตัดไม้มุง ให้ไปช่วยกันตัด ซึ่งพวกเขาถือว่านี่เป็นเรื่องดีมีมงคล เพราะได้ช่วยกันตัดไม้เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา
       
       อย่างไรก็ดี พระครูหิรัญเล่าว่า ชาวปะหล่องที่นี่มีกฎอยู่ว่า ผู้ที่ตัดไม้มุงสามารถขนกลับไปได้คนละ 1 มัด มัดละ 100 เส้น ยาวประมาณ 1 วา
       
       “วันนั้นมีคนมาช่วยอาตมาตัดไม้กันเป็นจำนวนมาก เมื่อนำไม้มุงขนกลับมาถึงที่วัด นับรวมกันได้มากถึง 676 มัด นั้นหมายความว่ามีคนไปช่วยอาตมาตัดไม้มุงมากถึงกว่า 676 คน”(บางคนช่วยตัดแต่ไม่ได้ช่วยขนมา)ท่านพระครูเล่าให้ฟัง
       
      พระสิงห์สาน


พระพุทธรูปสานไม้ไผ่องค์เล็ก ต้นแบบจากพม่า

        หลังได้ไม้มุงมา ขั้นตอนต่อไปก็คือการหาหัวหน้าช่างทำองค์พระสาน ซึ่งต้องควาญหาช่างผู้เชี่ยวชาญ ได้“สล่า”หรือช่างชาวไทเขิน จากพม่ามาเป็นหัวหน้าช่าง พร้อมกับมีชาวบ้านในชุมชนที่ได้สืบสานภูมิปัญญาด้านงานจักสานมาช้านานมาเป็นลูกมืออีกแรง โดยทางวัดได้อัญเชิญ พระพุทธรูปสานไม้ไผ่องค์เล็กจากพม่ามาเป็นต้นแบบ(ปัจจุบันประดิษฐานอยู่หน้าองค์พระสิงห์สาน)
       
       จากนั้นทางวัดได้ประกอบพิธีสร้างองค์พระ แล้วจึงลงมือสร้างฐานและโครงด้วยเหล็กเพื่อความมั่นคงแข็งแรง ก่อนที่จะให้สล่าดำเนินการลงมือสานองค์พระที่ทำจากตอกไม้มุงจำนวนหลายหมื่นเส้นที่ไปตัดมาด้วยความยากลำบาก
       
       ทั้งนี้ระหว่างที่สล่าชาวไทเขิน ทำการสานองค์พระนั้น พวกเขาต่างนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล กินมังสวิรัติ ดำเนินการสานพระเรื่อยไปด้วยจิตมุ่งมั่นตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.ค. 2552 จนกระทั่งแล้วเสร็จ ในวันที่ 7 พ.ย. 2552 ใช้เวลาก่อสร้างพระรวมทั้งหมด 99 วัน

ตามหารักแท้


วิหารวัดหิรัญญาวาส

แม้พระสานจะสร้างแล้วเสร็จเป็นองค์พระพุทธรูปสานไม้ไผ่องค์ใหญ่อันสวยงามอลังการ แต่ในเรื่องของการประดับตกแต่งพระวรกายนั้นก็เป็นอีกหนึ่งกระบวนการที่ถือว่ายากลำบากไม่น้อย โดยเฉพาะการลงรักปิดทอง ซึ่งท่านพระครูหิรัญฯ ต้องดั้นด้นไปซื้อที่เมืองพุกาม พม่า เพราะรักที่เมืองไทยเท่าที่ท่านเจอ ส่วนใหญ่เป็นรักผสมและมีคุณภาพสู้รักแท้จากพม่าไม่ได้
       
       ท่านพระครูพูดติดตลกกับผมว่า นี่เป็นการไปตามหารักแท้ที่พม่า
       
       “รักแท้จะมียางรักที่มีพิษ ใครแพ้รักเมื่อถูกจะมีอาการพุพอง ต้องหลีกลี้หนีห่าง ยางรักแท้จะมีสรรพคุณช่วยป้องกันมอดแมลงไม่ให้มากล้ำกราย พระสิงห์สานจึงไม่มีมอดแมงมารบกวน” ท่านพระครูกล่าว


พระพักตร์พระสิงห์สาน ลงรักปิดทองสวยงาม

 มาถึงในส่วนของพระพักตร์ ซึ่งเมื่อลงรักเสร็จแล้ว พร้อมทำการปิดทอง แต่ปรากฏว่าแผ่นทองคำที่บ้านเรา ไม่สามารถปิดทองให้ติดเป็นเนื้อเดียวกันได้ ท่านจึงต้องไปหาซื้อแผ่นทองคำจากพม่า ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษ เมื่อลงรักแล้วปิดทอง แผ่นทองจะซึมเป็นเนื้อเดียวกับน้ำยางรัก ดูเนื้อเนียนกลมกลืน ทำให้พระพุทธรูปองค์นี้มีพระพักตร์ที่งดงาม สีเหลืองอร่ามมลังเมลือง ดูขลึมขลังเปี่ยมศรัทธา
       
       อุทยานเวฬุวัน


หน้าบันวิหาร ประดับลวดลายส่วนใหญ่ด้วยงานไม้ไผ่

 พระสิงห์สานชนะมาร มีหน้าตักกว้าง 9.9 ศอก สูง 19 ศอก หนักกว่า 2 ตัน ปัจจุบันถือเป็นพระพุทธรูปสานด้วยไม้ไผ่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
       
       พระสิงห์สานชนะมาร สร้างขึ้นตามแบบศิลปะสิงห์หนึ่งเชียงแสน ในปางชนะมารหรือปางมารวิชัย องค์พระมีโครงสร้างเป็นเหล็ก ส่วนพระวรกายและองค์ประกอบอื่นๆขององค์พระล้วนทำจากไม้ไผ่สาน ที่สร้างขึ้นอย่างประณีตสวยงาม โดยมีพระวรกายสีทอง จีวรเป็นสีแดงจากสีของชาด


ใต้ฐานองค์พระ เปิดให้เห็นโครงสร้างเหล็ก สามารถมุดลอดไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ได้

ใต้ฐานองค์พระ สร้างเป็นช่องเปิดอุโมงค์เล็กๆให้มุดลอดเข้าไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ พร้อมดูงานโครงสร้างและรายละเอียดการเก็บงาน ซึ่งช่างสามารถซ่อนเก็บขมวดปมต่างๆไว้ด้านในโครงองค์พระได้เป็นอย่างดี
       
       นอกจากการสร้างพระสิงห์สานแล้ว ทางวัดหิรัญฯยังได้ก่อสร้างเจดีย์โครงสร้างเหล็กสานหุ้มด้วยไม้ไผ่(สามารถเข้าไปไหว้สิ่งศักดิ์ด้านใน)ไว้ที่ด้านหลังขององค์พระ(วันนี้ยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์)


เจดีย์หลังองค์พระสิงห์สาน ที่ยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง

ต่อจากนั้นได้สร้างพระวิหารขึ้นครอบองค์พระสานและเจดีย์ เป็นวิหารคอนกรีตเสริมเหล็ก ประดับตกแต่งองค์ประกอบต่างๆด้วยไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็น เสา หลังคา ผนัง เพดาน เรียกได้ว่าแทบทุกอณูของวัดแห่งนี้ล้วนเต็มไปด้วยงานไม้ไผ่ฝีมือประณีตสวยงาม
       
       สำหรับไม้ไผ่ที่ใช้สร้างเจดีย์และตกแต่งพระวิหารนั้น ทางวัดใช้ไผ่ไร่ลอของบ้านเรา ซึ่งแม้จะมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับไม้มุง แต่ว่าคุณภาพยังสู้ไม้มุงไม่ได้ ซึ่งท่านพระครูหิรัญฯก็ได้เลือกวัดตัดไม้ไผ่ให้ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3 ด้วยเช่นกัน


ประติมากรรมพระอินทร์ทรงสร้างเอราวัณ หน้าวิหารวัดหิรัญญาวาส

ขณะที่ในส่วนของทางเข้าด้านหน้าพระวิหาร ที่เป็นทางข้ามคลองเล็กๆทางวัดได้สร้างประติมากรรมพระอินทร์ทรงสร้างเอราวัณอันสวยงามตั้งโดดเด่นอยู่ด้านหน้า สื่อความหมายถึงองค์พระอินทร์สาน พร้อมทั้งตั้งชื่อสถานที่แห่งนี้ว่า “อุทยานเวฬุวัน พระเจ้าสาน วัดหิรัญญาวาส” ซึ่งวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดน่าสนใจและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในจังหวัดเชียงรายที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง


เสาแต่ละต้นในวิหาร ประดับด้วยไผ่ไร่ลอ

        ที่สำคัญคือท่านพระครูหิรัญฯ ได้บอกกับผมว่า การสร้างพระสิงห์สานชนะมารนั้น ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชุมชนแห่งนี้ โดยจากชุมชนที่แตกแยกจากสงครามสีเสื้อที่เกิดความต่างทางการเมือง เมื่อชาวบ้านได้หันหน้าเข้าหากัน มาร่วมมือกัน ชวยเหลือกัน ได้เห็นอกเห็นใจกัน โดยมีความมุ่งมั่นอยู่ที่การสร้างพระถวายพ่อหลวง ความเห็นต่างทางการเมืองของชาวบ้านส่วนใหญ่จึงค่อยๆมลายหายไป ความสมัครสมานสามัคคีในชุมชนจึงค่อยๆกลับคืนมาเหมือนเดิม
       
       นับเป็นเรื่องราวอันดีงามที่เกิดจากพลังแห่งศรัทธาที่น่าทึ่งไม่น้อยเลย
       
       ***************************************


หัวใจเงินที่จะทำพิธีบรรจุหัวใจพระพุทธรูปในวันที่ 31 ธ.ค. 59

 วันที่ 31 ธ.ค. 59 ทางวัดหิรัญญาวาส จะทำพิธีบรรจุหัวใจพระพุทธรูป ทำจากเงินบริสุทธิ์ 7.5 กก. ซึ่งชาวล้านนาเชื่อว่าถ้าใครได้ร่วมบรรจุหัวใจพระพุทธรูปจะได้บุญสูงล้น โดยทางวัดได้ขอเชิญผู้สนใจร่วมพิธีบรรจุหัวใจพระพุทธรูปได้ตามแต่จิตศรัทธา
       
       ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย (ดูแลพื้นที่เชียงราย,พะเยา) 0-5371-7433

        *****************************************
       
       สามารถส่งข้อมูลข่าวสารด้านการท่องเที่ยว-อาหารมาได้ที่ กอง บก.ข่าวท่องเที่ยว แฟกซ์ 0-2629-4467 อีเมล์ travel_astvmgr@hotmail.com

จาก http://astv.mobi/ALGEC6l

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.435 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มิถุนายน 2568 06:14:59