[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 มิถุนายน 2568 15:14:24 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระพุทธนวราชบพิตร  (อ่าน 3525 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2637


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 08 พฤศจิกายน 2559 21:17:33 »




พระพุทธนวราชบพิตร

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเป็นพระอัครศาสนูปถัมภกและทรงเป็นพุทธมามกะ ดำเนินรอยตามสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้าในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาไว้โดยครบถ้วน ...

ในปี พ.ศ.2508 ทรงมีพระราชดำริจัดสร้างพระพุทธรูปเพื่อพระราชทานเป็นพระประจำจังหวัดทั่วราชอาณาจักร โดยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ ศาสตราจารย์ นายไพฑูรย์ เมืองสมบูรณ์ นายช่างกองหัตถศิลป์ กรมศิลปากร ปั้นหุ่นพระพุทธรูป ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน และทรงตรวจพระพุทธลักษณะด้วยพระองค์เองจนพอพระราชหฤทัยแล้ว จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้เททองหล่อพระพุทธรูป เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2509 พระราชทานพระนามว่า "พระพุทธนวราชบพิตร" เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 23 ซ.ม. สูง 40 ซ.ม. ที่บัวฐานด้านหน้าบรรจุพระพิมพ์ "พระสมเด็จจิตรลดา" ไว้องค์หนึ่ง ฐานขององค์พระมีอักขระบาลีจารึกไว้ว่า "ทยฺยชาติยา สามคฺคิยํ สติสญฺชานเนน โภชิสิยํ รกฺขนฺติ" แปลว่า คนชาติไทยจะรักษาความเป็นไทยอยู่ได้ ด้วยมีสติ สำนึกอยู่ในความสามัคคี

จากนั้น ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทาน "พระพุทธนวราชบพิตร" ให้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ประดิษฐาน ณ ศาลากลางจังหวัดของทุกจังหวัด และเป็นพระพุทธรูปประจำหน่วยทหาร ประดิษฐาน ณ กองบัญชาการหน่วยทหาร

สำนักพระราชวัง ประกาศระเบียบปฏิบัติเกี่ยวกับ "พระพุทธนวราชบพิตร" ไว้ดังนี้
     1.เมื่อจังหวัดใดได้รับพระราชทานไปแล้ว ให้ประดิษฐานพระพุทธรูปนั้นไว้ ณ ที่อันควรในศาลากลางจังหวัด
     2.เมื่อทางจังหวัดมีงานพิธีใดๆ ซึ่งต้องตั้งที่บูชาพระรัตนตรัย ก็ให้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรมาประดิษฐานเป็นพระบูชาในพิธีนั้นๆ ทั้งนี้ยกเว้นพิธีที่กระทำในโบสถ์ วิหาร หรือปูชนียสถานใดๆ ซึ่งมีพระประธานหรือมีปูชนียวัตถุอื่นใดเป็นประธานอยู่แล้ว และยกเว้นพิธีซึ่งต้องใช้พระพุทธรูปอื่นเป็นประธานโดยเฉพาะ เช่น พระพุทธคันธารราษฎร์
     3.เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปยังจังหวัด เพื่อทรงเป็นประธานพระราชพิธีหรือพิธีทางจังหวัดก็ดี ก็ให้ทางจังหวัดอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรมาประดิษฐานเป็นพระประธานในพระราชพิธีและพิธีนั้นๆ ทุกครั้ง หากพระราชพิธีหรือพิธีนั้นๆ กระทำในพระอารามหรือในปูชนียสถาน ซึ่งมีพระประธานหรือปูชนียวัตถุอื่นใดเป็นประธานอยู่แล้ว ก็ให้อัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรไปประดิษฐาน ณ ที่บูชาเป็นต่างหากอีกที่หนึ่ง เพื่อทรงนมัสการ
     4.เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพระราชกรณียกิจ ณ จังหวัด ให้ทางจังหวัดอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรไปประดิษฐานไว้ ณ ที่บูชา เพื่อทรงนมัสการในพลับพลาหรือที่ประทับซึ่งได้จัดไว้ ในกรณีนี้ หากท้องที่ที่เสด็จพระราชดำเนินนั้นห่างไกลจากศาลากลางจังหวัด และเป็นที่ทุรกันดารไม่สะดวกแก่การคมนาคม หรือการเสด็จพระราชดำเนินนั้นเป็นการรีบด่วน หรือเพียงเป็นการเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ทางจังหวัดจะพิจารณาให้งดเสียก็ได้ ตามแต่จะเห็นควร
     5.เมื่อเสด็จพระราชดำเนินไปประทับแรม ณ จังหวัด ให้ทางจังหวัดอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรมาประดิษฐานไว้ ณ ที่บูชา ในพลับพลาหรือในที่ประทับ ตลอดเวลาที่ประทับแรมอยู่ และให้อัญเชิญกลับไปยังศาลากลางจังหวัดเมื่อเสด็จพระราชดำเนินกลับแล้ว ในการนี้ให้กองมหาดเล็กปฏิบัติเช่นเดียวกับระเบียบแบบแผนที่มีอยู่แล้วเกี่ยวกับพระชัยนวโลหะประจำรัชกาล
     6.หากทางจังหวัดเห็นสมควรจะอัญเชิญพระพุทธนวราชบพิตรออกให้ประชาชนได้นมัสการบูชาในงานเทศกาลใดๆ ก็ให้กระทำได้ตามแต่จะเห็นควร อนึ่ง การปิดทองที่องค์พระพุทธรูปนั้น อาจทำให้พระพุทธรูปเสียความงามไปบ้าง ถ้าหากทางจังหวัดจะประดิษ ฐานพระพุทธนวราชบพิตรบนฐานซึ่งทำด้วยวัตถุอันอาจปิดทองได้อีกชั้นหนึ่งให้ประชาชนได้ปิดทองได้ ก็จะเป็นการเหมาะสมยิ่งขึ้น

จังหวัดแรกที่ได้รับพระมหากรุณาฯพระราชทาน "พระพุทธนวราชบพิตร" คือ จังหวัดหนองคาย เมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ.2510 ในโอกาสนั้น ทรงมีพระราชดำรัสแก่ชาวจังหวัดหนองคาย มีความสำคัญที่ขอเชิญมาเฉพาะบางตอน ดังนี้ "...ข้าพเจ้ามาเยี่ยมท่านคราวนี้ ได้นำพระพุทธนวราชบพิตรมามอบให้ด้วย พระพุทธรูปองค์นี้ข้าพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อมอบไว้เป็นพระพุทธรูปประจำจังหวัด ที่ฐานบัวหงายข้าพเจ้าได้บรรจุพระพิมพ์องค์หนึ่ง ซึ่งทำขึ้นด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ อันได้มาจากจังหวัดต่างๆ ทั่วราชอาณาจักร ...

...พระพุทธนวราชบพิตรองค์นี้ นอกจากจะถือว่าเป็นนิมิตหมายแห่งคุณพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพสูงสุดแล้ว ข้าพเจ้ายังถือเสมือนเป็นเครื่องหมายแห่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศไทย และความสามัคคีกลมเกลียวกันของประชาชนชาวไทยอีกด้วย ข้าพเจ้าจึงได้บรรจุพระพิมพ์ที่ทำขึ้นด้วยผงศักดิ์สิทธิ์ทั่วราชอาณาจักรดังกล่าว และนำมามอบให้แก่ท่านด้วยตนเอง...

ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุกๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดี มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพ และมีความสมัครสมานกันในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป"

พระพุทธนวราชบพิตร นอกจากจะเป็นนิมิตหมายแห่งคุณพระรัตนตรัย อันเป็นที่เคารพบูชาสูงสุดของพุทธศาสนิกชนแล้ว ยังเป็นนิมิตหมายแห่งความผูกพัน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ระหว่างพระมหากษัตราธิราชกับบรรดาพสกนิกรของพระองค์ ในทุกจังหวัดทั่วพระราชอาณาจักรอีกด้วย



พระพุทธนวราชบพิตร พระประธานในพระอุโบสถวัดตรีทศเทพ

เมื่อกล่าวถึง "พระพุทธนวราชบพิตร" ทุกคนจะนึกไปถึงพระพุทธรูปองค์สำคัญที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่มีพระพุทธรูปองค์หนึ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" เพื่อเป็นพระประธานในพระอุโบสถ ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร และพระราชทานพระนามว่า พระพุทธนวราชบพิตร เช่นกัน

วัดตรีทศเทพ พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ทรงดำริสร้างโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร (ต้นราชสกุล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาน้อย เจ้าจอมมารดาพระองค์แรก เพื่ออุทิศแด่พระมารดา โดยบริจาคทรัพย์และกำหนดเขตสร้างใกล้วังของพระองค์ แต่ไม่ทันได้เริ่มก่อสร้างก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้านพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส (ต้นราชสกุล นพวงศ์ ณ อยุธยา) พระเชษฐาร่วมพระมารดาทรงรับทำการก่อสร้างวัดต่อมา แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จก็สิ้นพระชนม์อีก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 จึงทรงรับมาดำเนินการต่อจนสำเร็จ ในปี พ.ศ.2410 โดยโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม เป็นผู้อำนวยการสร้าง

จากนั้นทรงสร้างพระพุทธปฏิมากร ปางสมาธิ ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ หล่อด้วยโลหะผสม ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 29 นิ้ว ถวายเป็นประธานในพระอุโบสถ และโปรดฯ ให้สร้างพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร 2 พระองค์ เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธรและกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เพื่ออุทิศแด่พระราชโอรส ประดิษฐานไว้สองข้างพระพุทธปฏิมาประธาน พระราชทานวิสุงคามสีมา และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า "วัดตรีเทพ" อันหมายถึง วัดที่เทพ 3 องค์สร้างขึ้น ต่อมาเป็น "วัดตรีทศเทพ"

ต่อมาในปี พ.ศ.2448 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏหลักฐานระบุว่าพระสังกิจคุณ (ขำ อินฺทวํโส) เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพในขณะนั้น เห็นว่าพระวิหารชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปฏิสังขรณ์ตามรูปเดิม เพียงแต่เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเป็นกระเบื้องปูนแผ่นใหญ่ เพื่อความคงทนถาวรดังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน

ในราวปี พ.ศ.2528-2529 พระเทพวัชรธรรมาภรณ์ (สุรพงส์ ฐานวโร) อดีตเจ้าอาวาสรูปที่ 8 ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ทรงตรีมุขขึ้นแทนหลังเดิม แต่ยังไม่มีพระประธาน จนปี พ.ศ.2530 อันเป็นโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ (60 พรรษา) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางวัดจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตหล่อ "พระประธาน" สำหรับประดิษฐานในพระอุโบสถเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในมหามงคลสมัย โดยจำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" ที่พระองค์ทรงสร้างเมื่อปี พ.ศ.2508 ประดิษฐาน "พระสมเด็จจิตรลดา" ที่ฐานบัวหงาย และพระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ ด้วยพระองค์เอง พร้อมทรงมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกร ความว่า "ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุกๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดี มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพและมีความสมัครสมานกันในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป"

พระพุทธนวราชบพิตร พระประธานในพระอุโบสถวัดตรีทศเทพ จึงนับเป็น "พระพุทธรูปองค์แรกและองค์เดียว" ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" โดยมีขนาดหน้าพระเพลา 61.9 นิ้ว สูง 89 นิ้ว พระรัศมี 14 นิ้ว ฐานถึงบัว 19 นิ้ว ส่วนกว้าง 32 นิ้วพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระปฏิมาประธานด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2530 และทรงเททอง "พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ พุทธนวราชบพิตร" ที่ทางวัดได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างเป็นที่ระลึกอีกด้วย

ความงดงามและศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระปฏิมาประธาน เมื่อกล่าวถึง "พระพุทธนวราชบพิตร" ทุกคนจะนึกไปถึงพระพุทธรูปองค์สำคัญ ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ แต่มีพระพุทธรูป องค์หนึ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" เพื่อเป็น พระประธานในพระอุโบสถ ณ วัดตรีทศเทพวรวิหาร และพระราชทานพระนามว่า พระพุทธนวราชบพิตร เช่นกัน

วัดตรีทศเทพ พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ทรงดำริสร้างโดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสุประดิษฐ์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธร (ต้นราชสกุล สุประดิษฐ์ ณ อยุธยา) พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเจ้าจอมมารดาน้อย เจ้าจอมมารดาพระองค์แรก เพื่ออุทิศแด่พระมารดา โดยบริจาคทรัพย์และกำหนดเขตสร้างใกล้วังของพระองค์ แต่ไม่ทันได้เริ่มก่อสร้างก็สิ้นพระชนม์เสียก่อน

พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้า นพวงศ์ กรมหมื่นมเหศวรศิววิลาส (ต้นราชสกุล นพวงศ์ ณ อยุธยา) พระเชษฐาร่วมพระมารดา ทรงรับทำการก่อสร้างวัดต่อมา แต่ยังไม่ทันแล้วเสร็จก็สิ้นพระชนม์อีก ล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 4 จึงทรงรับมาดำเนินการต่อจนสำเร็จ ในปี พ.ศ.2410 โดยโปรดฯ ให้พระยาราชสงคราม เป็น ผู้อำนวยการสร้าง

จากนั้น ทรงสร้างพระพุทธปฏิมากร ปางสมาธิ ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ หล่อด้วยโลหะผสม ขนาดหน้าตักกว้าง 2 ศอก 29 นิ้ว ถวายเป็นประธานในพระอุโบสถ และโปรดฯ ให้สร้างพระพุทธรูปยืนปางอุ้มบาตร 2 พระองค์ เป็นพระพุทธรูปฉลองพระองค์ กรมหมื่นวิษณุนาถนิภาธรและกรมหมื่นมเหศวรศิววิลาศ เพื่ออุทิศแด่พระราชโอรส ประดิษฐานไว้สองข้างพระพุทธปฏิมาประธาน พระราชทานวิสุงคามสีมา และสถาปนาเป็นพระอารามหลวง พระราชทานนามว่า "วัดตรีเทพ" อันหมายถึงวัดที่เทพ 3 องค์สร้างขึ้น ต่อมาเป็น "วัดตรีทศเทพ"

ต่อมาในปี พ.ศ.2448 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ปรากฏหลักฐานระบุว่าพระสังกิจคุณ (ขำ อินฺทวํโส) เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพในขณะนั้น เห็นว่าพระวิหารชำรุดทรุดโทรมลงมาก จึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตปฏิสังขรณ์ตามรูปเดิม เพียงแต่เปลี่ยนกระเบื้องมุงหลังคาเป็นกระเบื้องปูนแผ่นใหญ่เพื่อความคงทนถาวรดังปรากฏให้เห็นในปัจจุบัน

ในราวปี พ.ศ.2528-2529 พระเทพวัชรธรรมาภรณ์ (สุรพงส์ ฐานวโร) อดีตเจ้าอาวาส รูปที่ 8 ได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ทรงตรีมุขขึ้นแทนหลังเดิม แต่ยังไม่มีพระประธาน จนปี พ.ศ.2530 อันเป็นโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 5 รอบ (60 พรรษา) พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทางวัดจึงขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตหล่อ "พระประธาน" สำหรับประดิษฐานในพระอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในมหามงคลสมัย โดยจำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" ที่พระองค์ทรงสร้างเมื่อปี พ.ศ.2508 ประดิษฐาน "พระสมเด็จจิตรลดา" ที่ฐานบัวหงาย และพระราชทานไปยังจังหวัดต่างๆ ด้วยพระองค์เอง พร้อมทรงมีพระราชดำรัสต่อพสกนิกร ความว่า "ขออานุภาพแห่งพระพุทธนวราชบพิตร จงปกปักรักษาท่านให้พ้นจากทุกข์ภัยทุกๆ ประการ บันดาลให้เกิดความสุขสวัสดี มีความก้าวหน้ารุ่งเรืองในการประกอบอาชีพและมีความสมัครสมานกันในอันที่จะร่วมกันสร้างเสริมความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าให้แก่บ้านเมืองของเราสืบไป"

พระพุทธนวราชบพิตร พระประธานในพระอุโบสถวัดตรีทศเทพ จึงนับเป็น "พระพุทธรูปองค์แรกและองค์เดียว" ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้จำลองแบบ "พระพุทธนวราชบพิตร" โดยมีขนาดหน้าพระเพลา 61.9 นิ้ว สูง 89 นิ้ว พระรัศมี 14 นิ้ว ฐานถึงบัว 19 นิ้ว ส่วนกว้าง 32 นิ้วพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเททองหล่อพระปฏิมาประธานด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในวันพุธที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2530 และทรงเททอง "พระกริ่งและพระชัยวัฒน์ พุทธนวราชบพิตร" ที่ทางวัดได้ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตจัดสร้างเป็นที่ระลึกอีกด้วย

ความงดงามและศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระปฏิมาประธาน "พระพุทธนวราชบพิตร" โดยเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า "ขออะไรท่านก็ให้สมความปรารถนา ถ้าเป็นสิ่งที่ชอบและประกอบด้วยธรรม" สมดังพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ทุกประการ กอปรกับความงดงามอลังการของภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยฝีมือ การออกแบบของท่านอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (วิจิตรศิลป์) ดึงดูดให้พุทธศาสนิกชนรวมทั้งชาวต่างชาติ แวะเวียนมากราบสักการะขอพรและชื่นชมความงดงามอยู่เป็น เนืองนิตย์

" โดยเป็นที่กล่าวขวัญกันว่า "ขออะไรท่านก็ให้สมความปรารถนา ถ้าเป็นสิ่งที่ชอบและประกอบด้วยธรรม" สมดังพระราชดำรัสที่พระราชทานไว้ทุกประการ กอปรกับความงดงามอลังการของภาพจิตรกรรมฝาผนัง โดยฝีมือการออกแบบของท่านอาจารย์จักรพันธุ์ โปษยกฤต ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (วิจิตรศิลป์) ดึงดูดให้พุทธศาสนิกชนรวมทั้งชาวต่างชาติแวะเวียนมากราบสักการะขอพรและชื่นชมความงดงามอยู่เป็นเนืองนิตย์


     พันธุ์แท้พระเครื่อง
     ราม วัชรประดิษฐ์

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.321 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page วานนี้