[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
11 มิถุนายน 2568 11:19:32 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์ รู้หรือไม่ แต่ละคำมีความหมายแตกต่างกัน  (อ่าน 2311 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7886


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 10.0.648.204 Chrome 10.0.648.204


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 เมษายน 2554 11:39:10 »

ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์


คำว่า ‘ภิกษุ-สมณะ-พระ-สงฆ์’ ที่ดูเหมือนเป็นคำธรรมดาที่ใช้เรียกนักบวชได้เหมือนๆ กันนั้น
แต่จริงๆ แล้ว แต่ละคำมีที่มาและความหมายต่างกัน ดังที่ รศ.ดนัย ไชยโยธา ได้เขียนไว้ใน
หนังสือพจนานุกรมพุทธศาสน์ ดังนี้


๐ ภิกษุ-ภิกขุ

ภิกษุ เป็นคำภาษาสันสกฤต ส่วนภิกขุ เป็นคำภาษาบาลี เป็นนักบวชชายในพระพุทธศาสนา
แปลตามคำศัพท์ว่า ผู้ขอ คือ สละโลก สละเคหสถาน และสละทรัพย์สมบัติ เพื่ออุทิศตน
ศึกษาปฏิบัติและเผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ดำรงชีวิตอยู่ด้วยปัจจัยที่ผู้อื่นให้
คนจำนวนมากในสมัยพุทธกาลได้ออกบวชถือเพศบรรพชิต มิได้ประกอบอาชีพ อยู่ได้ด้วย
ปัจจัยที่ผู้เลื่อมใสนำมาให้ ก็ถือว่าเป็นผู้ขอเหมือนกัน แต่ไม่เรียกว่าภิกษุ เรียกว่า ดาบส บ้าง
มุนี บ้าง ฤาษี บ้าง ส่วนไทยใช้คำเรียกนักบวชชายในพระพุทธศาสนา เช่น พระภิกษุ
พระสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์


๐ สมณะ

คำว่า สมณะ เป็นคำภาษาบาลี แปลว่า ผู้สงบ ประเทศอินเดียในสมัยพุทธกาล เรียกนักบวช
ในลัทธิหรือศาสนานั้นโดยทั่วไปว่า สมณะ ชาวอินเดียที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนา เรียกพระพุทธเจ้า
ว่า สมณโคดม ซึ่งหมายถึงนักบวชแห่งตระกูลโคตมะ

คำว่า สมณะ ตามความหมายดั้งเดิม หมายถึง ผู้ที่ต้องมีความสงบ น่าเลื่อมใส น่าศรัทธา มีวัตรปฏิบัติ
ควรแก่การนับถือ แต่ความหมายของคำว่า สมณะ ในพระพุทธศาสนามีความลึกซึ้งกว่าความหมายเดิมมาก
เพราะผู้ที่จะได้ชื่อว่าเป็นสมณะนั้น ต้องเป็นพระอริยบุคคล ตัดกิเลสตัณหา ระงับบาปกรรมได้ทั้งสิ้น
ทั้งปวงแล้ว


๐ พระ

คำว่า ‘พระ’ หากไม่มีคำนำหน้าหรือตามหลัง หมายถึง พระภิกษุในพระพุทธศาสนา มาจากคำบาลีว่า
‘วร’ แปลว่า ‘ประเสริฐ’ โดยมีตัวอย่างต่างๆ ในการใช้ ดังนี้

๑. ใช้กับของคำสำคัญ ของสูง ของอันเป็นที่เคารพบูชา เช่น พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

๒. ใช้ประกอบหน้าคำอื่นแสดงความยกย่อง ดังนี้

๒.๑ เทพเจ้าหรือเทวดาผู้เป็นใหญ่ เช่น พระอิศวรหรือพระศิวะ พระนารายณ์หรือพระวิษณุ พระพิรุณ

๒.๒ พระเจ้าแผ่นดิน หรือของที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดินและเจ้านายชั้นสูง เช่น พระมหากษัตริย์
พระราชวงศ์ พระเจ้าอยู่หัว

๒.๓ สมณศักดิ์ชั้นราชาคณะ เช่น พระราชเวที พระเทพเมธี พระธรรมปัญญาบดี พระพรหมมุนี

๒.๔ นักบวช เช่น พระแดง พระจันทร์ พระวิมล

๒.๕ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เช่น พระภูมิ พระเครื่อง

๒.๖ อิสสริยยศเจ้านาย เช่น พระรามคำแหง พระนเรศวร พระเทียรราชา


๐ สงฆ์

พระสงฆ์เป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย หมายถึง ผู้ปฏิบัติตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
แล้วสั่งสอนผู้อื่นให้รู้ตาม คุณสมบัติของผู้ที่จะได้ชื่อว่า ‘พระสงฆ์’ ต้องผ่านการบวชโดย
วิธีใดวิธีหนึ่งใน ๓ วิธีดังต่อไปนี้

(๑) การบวชโดยพระพุทธเจ้าประทานให้เอง เรียก เอหิภิกขุอุปสัมปทา

(๒) การบวชโดยการรับไตรสรณคมน์ เรียก ติสรณคมนูปสัมปทา

(๓) การบวชที่คณะสงฆ์ยอมรับเข้าหมู่ โดยมติเอกฉันท์ เรียก ญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสัมปทา

พระสงฆ์ในพระพุทธศาสนามี ๒ ประเภท ดังต่อไปนี้

๑. สมมติสงฆ์ แปลว่า พระสงฆ์โดยสมมติ หมายถึง บุรุษที่มีอายุ ๒๐ ปีครบบริบูรณ์
ผ่านการอุปสมบทถูกต้องตามหลักการญัตติจตุตถกรรมวาจาอุปสัมปทา สมมติสงฆ์แบ่ง
ออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้

๑.๑ สมมติสงฆ์ในแง่พระวินัย หมายเอาพระภิกษุตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป
ต่ำกว่านั้นไม่นับว่าเป็นสงฆ์ การกำหนดจำนวนแบ่งตามกิจกรรมแต่ละอย่าง
ที่สงฆ์จะพึงกระทำ ดังนี้

- พระภิกษุ ๔ รูป เรียกว่า สงฆ์จตุวรรค ทำอุโบสถกรรมได้ คือ การประชุมกัน
ฟังสวดสิกขาบท หรือศีล ๒๒๗ ข้อ เพื่อตรวจสอบความบริสุทธิ์ทุกกึ่งเดือน

- พระภิกษุ ๕ รูป เรียกว่า สงฆ์ปัญจวรรค ทำปวารณาได้ คือ การยอมตน
ให้พระภิกษุอื่นว่ากล่าวตักเตือนได้

- พระภิกษุ ๑๐ รูป เรียกว่า สงฆ์ทสวรรค ทำการอุปสมบทกุลบุตรได้

- พระภิกษุ ๒๐ รูป เรียกว่า สงฆ์วีสติวรรค ทำกิจกรรมได้ทุกชนิด

๑.๒ สมมติสงฆ์ในแง่พระธรรม หมายเอาพระภิกษุ แม้เพียงรูปเดียวที่ผ่านการอุปสมบท
โดยถูกต้อง

๒. อริยสงฆ์ แปลว่า พระสงฆ์ที่เป็นพระอริยบุคคล หมายถึง ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป
จนถึงพระอรหันต์เป็นที่สุด พระอริยสงฆ์นี้กำหนดเอาคุณธรรมเป็นตัวกำหนดคฤหัสถ์ผู้บรรลุธรรม
ตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปก็นับเป็นพระอริยสงฆ์ได้ แต่เดิมเรียกว่าสาวกสงฆ์



Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น: ภิกษุ สมณะ พระ สงฆ์ ความรู้ ความหมาย 
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.908 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 17 มีนาคม 2568 16:27:27