พระราชวรากร (สงบ วรเสวี) วัดกะพังสุรินทร์ อ.เมือง จ.ตรัง

พระราชวรากร (สงบ วรเสวี)
วัดกะพังสุรินทร์ อ.เมือง จ.ตรัง

พระราชวรากร (สงบ วรเสวี) พระเถระชั้นผู้ใหญ่รูปหนึ่งของจังหวัดตรัง ที่พุทธศาสนิกชนให้ความเคารพนับถือ อีกทั้งเป็นศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิดพระพรหมจริยาจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนใต้ และเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง ซึ่งถือได้ว่าเป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่ในระดับประเทศ

ปัจจุบัน สิริอายุ 73 ปี พรรษา 53 ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดตรัง และรองเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ อ.เมือง จ.ตรัง

มีนามเดิมว่า สงบ พัดสี เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ก.ค.2489 ที่บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่ 2 ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง บิดา-มารดา ชื่อ นายกลั่นและนางชิ้ง พัดสี มีพี่น้องทั้งหมด 7 คน ครอบครัวประกอบอาชีพทำสวนยางพาราและทำนา ถือว่ามีรายได้อยู่ในระดับปานกลาง

จบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในระดับที่พออ่านออกเขียนได้ จากโรงเรียนวัดไตรสามัคคี ต.บางกุ้ง (ปัจจุบันเป็นตำบลวังคีรี) อ.ห้วยยอด ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวหาเลี้ยงชีพ

อายุ 18 ปี เข้าพิธีบรรพชา ที่วัดไตรสามัคคี ต.บางกุ้ง อ.ห้วยยอด โดยมีพระครูอรรถศาสตร์วิจิตร (ดุก อัตตรักโข) เป็นพระอุปัชฌาย์

ในระหว่างเป็นสามเณร พ.ศ.2510 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท จากสำนักเรียนคณะจังหวัดตรัง สังกัดวัดไตรสามัคคี อ.ห้วยยอด

อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ เข้าพิธีอุปสมบท ที่วัดไตรสามัคคี โดยมี พระครูอรรถศาสตร์วิจิตร (ดุก อัตตรักโข) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูวิบูลธรรมโกศล วัดนาง เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูนิมิตรสังฆคุณ วัดคีรีวิหาร เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ภายหลังอุปสมบท มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรมอย่างจริงจัง พ.ศ.2512 สามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก พ.ศ.2515 สอบได้เปรียญธรรม (ป.ธ.) 1-2 ประโยค ต่อด้วยเปรียญธรรม 3 ประโยค ในปีถัดมา

พ.ศ.2525 สอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยค จากสำนักเรียนคณะจังหวัดตรัง สังกัดวัดกะพังสุรินทร์ (พระอารามหลวง)

งานการศึกษา ท่านเริ่มเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม ประจำสำนักสถานศึกษาวัดกะพังสุรินทร์ (พระอารามหลวง) นับตั้งแต่ พ.ศ.2517 ก่อนที่จะขึ้นเป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแผนกบาลี ประโยค ป.ธ.3-4 ประจำสำนักสถานศึกษาวัดกะพังสุรินทร์ เมื่อปี พ.ศ.2519 และเป็นกรรมการออกข้อสอบนวกภูมิประจำสำนักเรียนคณะจังหวัดตรัง พ.ศ.2525-2539 รวมระยะเวลา 15 ปี

งานการศึกษาสงเคราะห์ มอบทุนการศึกษา ระดับชั้นมัธยมศึกษา ให้แก่นักเรียนโรงเรียนเทศบาล 2 (วัดกะพังสุรินทร์) ปีละ 6-7 ทุน ทุนละ 500-1,000 บาท เป็นประจำทุกปี ซึ่งเป็นไปตามมติของมหาเถรสมาคม ที่จะให้ทุกวัดมอบทุนการศึกษา แห่งละ 3-4 ทุน สำหรับเด็กที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์ โดยเน้นโรงเรียนใกล้วัดเป็นสำคัญ

ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระธรรมทูตประจำจังหวัดตรัง นับตั้งแต่ พ.ศ.2524 เป็นพระธรรมทูตประจำสำนักผู้ตรวจการงานพระธรรมทูตภาคใต้ และเป็นองค์แสดงพระธรรมเทศนาประจำสถานีวิทยุสถานีต่างๆ ในจังหวัดตรัง นับตั้งแต่ พ.ศ.2535 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานที่ท่านให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้พระพุทธศาสนาเกิดความเจริญก้าวหน้ามากที่สุด

นอกจากนี้ ท่านก็ยังมีงานพิเศษอีกมากมายหลายด้าน เช่น เป็นกรรมการฝ่ายกำกับมูลนิธิวัดกะพังสุรินทร์ นับตั้งแต่ พ.ศ.2518 เป็นกรรมการบริหารโรงเรียนมัธยมวัดควนวิเศษมูลนิธิ อ.เมือง จ.ตรัง นับตั้งแต่ พ.ศ.2543 และเป็นกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนอนุบาลตรัง อ.เมือง จ.ตรัง นับตั้งแต่ พ.ศ.2547

ลำดับงานปกครองคณะสงฆ์ พ.ศ.2527 เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง พ.ศ.2540 เป็นเลขานุการรองจ้าคณะภาค 18 ดูแลรับผิดชอบพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ประกอบด้วย สงขลา สตูล ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

พ.ศ.2542 เป็นรองเจ้าอาวาสวัดกะพังสุรินทร์ พระอารามหลวง และเป็นรองเจ้าคณะอำเภอเมืองตรัง รวมทั้ง เป็นพระวินยาธิการประจำอำเภอเมืองตรัง เป็นกรรมการสงฆ์จังหวัดตรัง

พ.ศ.2543 เป็นเจ้าคณะอำเภอย่านตาขาว พ.ศ.2545 เป็นพระอุปัชฌาย์ พ.ศ.2550 เป็นรองเจ้าคณะจังหวัดตรัง และเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดตรัง

พ.ศ.2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะจังหวัดตรัง

ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2545 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระโสภณปริยัตยาทร

พ.ศ.2554 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชวรากร

เกือบชั่วชีวิตที่ครองตนอยู่ในสมณเพศอย่างเคร่งครัด เป็นเบ้าหลอมจิตใจและเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแห่งสาธุชนชาวเมืองตรังสืบไป
ข่าวสดออนไลน์