[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 มิถุนายน 2567 11:15:17 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ฝึกพลังลมปราณพิชิตโรคร้าย ธรรมชาติบำบัดสู่การฟื้นฟูสุขภาพ ( ปราณบู๊ตึ้ง )  (อ่าน 3413 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5081


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 สิงหาคม 2554 05:46:24 »



แม้จะได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า แพทย์แผนปัจจุบันดูแลแก้ปัญหาสุขภาพของมนุษย์ แต่การแพทย์แผนปัจจุบันก็ยังมีข้ออ่อนอยู่หลายจุด โดยเฉพาะไม่สามารถเอาชนะโรคเรื้อรังหลายชนิดที่สร้างความทุกข์ให้กับผู้ป่วยไปจนตลอดชีวิต อาทิ ภูมิแพ้ หอบหืด เบาหวาน ความดัน นอนกรน ฯลฯ ที่ต้องพกพายาไปทุกแห่งทุกที่ที่ไป ยิ่งอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยอย่างบ้านเราด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อาการของโรคยิ่งกำเริบและหนักขึ้น และแม้ว่าจะสามารถบำบัดได้ด้วยยาที่เห็นผลในระยะสั้น แต่สนนราคาค่ารักษาก็สูงเสียจนผู้ป่วยบางคนไม่สามารถเข้าถึง        
      

การฟื้นฟูสุขภาพด้วยการใช้ธรรมชาติบำบัดจึงเข้ามามีบทบาทอย่างมากในระยะนี้ เพราะได้พิสูจน์จากหลายชั่วอายุคนแล้วว่าได้ผลจริง แม้แต่แพทย์แผนปัจจุบันเองก็ยังยอมรับขนาดว่าเปิดพื้นที่ในโรงพยาบาลให้ผู้ป่วยได้เลือกวิธีรักษาตัวว่าจะเลือกศาสตร์ปัจจุบันหรือศาสตร์ทางเลือกกันเลยทีเดียว
      

       อาจารย์ศุภกิจ นิมมานนรเทพ อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก็เป็นอีกคนที่จัดอยู่ในประเภทขี้โรคและขี้เกียจออกกำลังกาย สารพันโรคร้ายเลยเข้ามารุมเร้าสร้างความทุกข์ทรมานและรำคาญไปในเวลาเดียวกันทั้ง ภูมิแพ้ หอบหืด นอนกรน ลิ้นหัวใจรั่วจนเกือบจะเป็นอัมพฤกษ์ ได้หันเข้าหาธรรมชาติฝึกพลังลมปราณรักษาโรค ซึ่ง อ.ศุภกิจ บอกว่าเหมาะมากสำหรับคนยุคปัจจุบัน
      
       “ผมว่าคนลักษณะอย่างผมคือขี้โรคขี้เกียจออกกำลังกายอย่างมาก จะเป็นคนกลุ่มใหญ่ในบ้านเราอาจจะถึง 90% ด้วยซ้ำ และยิ่งในกรุงเทพทุกคนต้องเร่งรีบกว่าจะออกจากบ้านถึงที่ทำงาน และกว่าจะตะเกียกตะกายออกจากที่ทำงานไปถึงบ้านโอกาสที่จะแวะออกกำลังกายยิ่งน้อย ขณะเดียวกันก็ต้องดูดควันพิษมากกว่าคนจังหวัดอื่น ๆ หลายเท่ายิ่งทำให้โอกาสที่จะกลายเป็นคนอมโรคจึงมากกกว่า การฝึกพลังลมปราณสามารถล้างสารพิษในตัว และใช้เวลาเพียง 30 นาทีต่อครั้งพอได้เหงื่อ และไม่ต้องทำทุกวันแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ก็เพียงพอ” อ.ศุภกิจ เล่า
      
       อ.ศุภกิจ บอกอีกว่า ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งทางราชการมีความคร่ำเครียดอย่างหนักกับการทำงานอาการลิ้นหัวใจรั่วก็รุมเร้าขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่โรคภูมิแพ้ก็ยังไม่หายขาด กระทั่งอาการกำเริบหนักแพทย์ที่โรงพยาบาลราชวิถีคือคุณหมอพูลชัย จิตอนันต์ วิทยา ผู้ดูแลได้ไปปรึกษากับ พญ.วิไล พัววิไล เห็นว่าอาการขณะนั้นสมควรต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจ แต่เมื่อไปฉีดสีเข้าไปปรากฏว่าอาการหนักกว่าลิ้นหัวใจรั่ว หมอเกรงว่าอาจจะเกิดหัวใจวายกระทันหัน จึงได้ส่งตัวไปยังโรงพยาบาลทรวงอกเพื่อทำบอลลูน และเสริมใยเหล็กในเส้นเลือดหลังจากนั้นก็ต้องกินยาละลายเลือดต่ออีกหลายเดือน ตอนนั้นสภาพร่างกายเหมือนคนพิการ เดินเซซุนเหมือนคนเมาเหล้าอย่างหนัก บังคับการทรงตัวไม่ได้เลยถ้าใครไม่รู้จักต้องคิดว่าเมาเหล้าแน่นอนตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าต้องเป็นอัมพฤกษ์แน่นอน          
 

 “หมอก็เลยแนะนำให้ผมบริหารแบบง่าย ๆ คือ ก่อนอาบน้ำเช้าและก่อนอาบน้ำตอนเย็นให้ใช้มือ 2 ข้างสอดประสานนิ้วและยกขึ้น ดึงหน้าผากไปข้างหลัง แต่เราต้องเกร็งคอขืนเอาไว้ดึง 10 ครั้งขืนคอไว้ทั้ง 10 ครั้ง แล้วเปลี่ยนไปดึงท้ายทอยให้ไปข้างหน้า พร้อมกันนั้นเราก็ขืนท้ายทอย ให้ตั้งตรงไว้ทั้ง 10 ครั้ง มืออีกข้างหนึ่งเท้าสะเอวไว้ด้านซ้ายกับขวารวม 20 ครั้ง ด้านหน้าผากกับท้ายทอยอีกรวม 4 ด้าน 40 ครั้งวันละ 2 เซ็ท 80 ครั้ง ไม่น่าเชื่อครับว่าจากท่ากายภาพบำบัดง่ายแค่วันละ 2 หน ๆ ละไม่เกิน 10 นาทีจะสามารถบำบัดรักษาคนไข้ที่ใกล้จะเป็นอัมพฤกษ์อยู่รอมร่อให้กลับฟื้นเป็นปกติได้ ”
      
       อ.ศุภกิจ ยังได้เล่าถึงความสนใจและเข้าสู่การฝึกพลังลมปราณว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก ศ.จางฉี แห่งภาควิชาพลศึกษาของมหาวิทยาลัยมณฑลเหลียวหนิง สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มาบรรยายที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และได้สอนท่ากายภาพบำบัดหรือการบริหารง่าย ๆ ให้บางท่าจนแม้ท่านอนหลับ “แบบกบจำศีล” และการถ่ายอุจจาระที่ถูกลักษณะ อีกทั้งผู้บรรยายมีอายุ 63 ปีแล้วยังสปริงตัวแผล็วขึ้นไปสาธิตท่าบริหารกายอยู่บนโต๊ะให้เห็นชัด วินาทีนั้นตัดสินใจกลับไปจะต้องฝึกบ้างจึงได้เริ่มบริหารตามตำรับบู๊ตึ๊งตั้งแต่นั้น



ท่าฝึกบู๊ตึ๊ง-เสี้ยวลิ้มยี่ ดูเหมือนง่ายแต่ไม่หมู


       อ.ศุภกิจ ได้สาธิตถึงการบริหารร่างกายด้วยกายฝึกพลังลมปราน ตามตำรับบู๊ตึ๊งคือ 1.ยืนตัวตรงแยกเท้าเล็กน้อย มือกำแนบลำตัว หายใจลึก ๆ 3 ครั้ง แล้วค่อย ๆ กางแขนช้า ๆ และกำหนดใจให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังยกตุ้มเหล็กหนัก ๆ ขึ้นมา จนยกกำปั้นขึ้นมาเสมอไหล่แล้วแบมือออกหายใจลึก ๆ 3 ครั้งขณะนั้นฝ่ามือคว่ำลง 2. เกร็งกล้ามเนื้อแขนและค่อย ๆ หงายฝ่ามือขึ้นมาช้า ๆ ให้รู้สึกเหมือนว่ากำลังออกแรงผลักบานประตูหนัก ๆ อยู่ หมุนข้อมือจนกระทั่งฝ่ามือหงายขึ้นเต็มที่เหยียดตรงขนานพื้นตลอดเวลา หายใจลึก ๆ และกางแขนยืดอกเต็มที่ 3 ครั้ง 3.แขนดึงตลอดเวลา และค่อย ๆ ยกฝ่ามือหรุบขึ้นช้า ๆ จนกระทั่งแขนเหยียดตรงสูงขึ้นไปหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง
      
       4.เกร็งกล้ามเนื้อย่อแขนทั้งคู่ลงมาช้า ๆ กำหนดใจให้รู้สึกเหมือนเรากำลังยกสิ่งของหนัก ๆ ค่อย ๆ ชะลอลงมาจนกระทั่งฝ่ามือขนานกันอยู่ตรงระดับใบหน้าของเราค่อย ๆ ย่อตัวลงไปจนนั่งยอง ๆ เท้าราบ หายใจเต็มพุง 3 ครั้ง แต่มือทั้งสองข้างยังคงอยู่ในท่าเดิม ข้อศอกตั้งบนเข่า แล้วค่อย ๆ ยืนขึ้นช้า ๆ จนตัวตรง
      
       5.เกร็งกล้ามเนื้อค่อย ๆ ขยายฝ่ามือออกเหมือนว่ามีสปริงดันฝ่ามือออก แต่มีสปริงอีกชุดกดอยู่หลังมือไม่ให้ขยายออกง่าย ๆ หายใจเฉพาะทางจมูกเร็ว ๆ แรง ๆ เหมือนปล้ำอยู่กับผู้ร้าย 6.แผ่ฝ่ามือขยายออกจนที่สุดฝ่ามือของเรากางออกไปจนสุดแขนเหยียดตรง ฝ่ามือคว่ำลงยืดอกเต็มที่และหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง ค่อยลดแขนทั้งสองลงช้า ๆ จนแนบลำตัว ครบท่าบริหารเพียงแค่นี้ไม่มีอะไรยาก แต่ต้องกลับไปเริ่มที่ขั้นตอนที่ 1 อีกครั้ง ทำกลับไป-มา 10 เที่ยวพอให้ได้เหงื่อ
      
      

อ.ศุภกิจ บอกว่า ครั้งแรกที่ลองทำกายภาพบำบัดรู้สึกดีมาก เพราะเสมหะที่อัดแน่นอยู่ในหลอดลมหลุดออกมาเรื่อย ๆ ต้องหยุดบ้วนลงกระโถนเป็นระยะ รู้สึกโล่งอกหายใจได้เต็มปอดเป็นครั้งแรก จนถึงวันนี้ไม่มีเสมหะอีกเลยและอาการนอนกรน อาการหอบหืด ก็หายไปโดยไม่ต้องพึ่งยา
      
      
แม้ท่าบู๊ตึ๊งจะดูเหมือนง่ายแต่ซินแสเฉินท่านหนึ่งทักว่า เป็นท่าบริหารที่เน้นการเกร็งกำลังมากจึงเหมาะสำหรับคนหนุ่มสาวที่ต้องการแข็งแรงเร็ว แต่อาจไม่เหมาะสำหรับผู้หญิงหรือคนแก่หรือคนที่สุขภาพยังไม่แข็งแรงต้องฟื้นฟูก่อน ท่านจึงแนะท่าบริหารกายอย่างง่ายแบบสำนักเส้าหลิน หรือท่าเสี้ยวลิ้มยี่ ซึ่งมีท่าบริหารดังนี้ คือ 1.ยืนตรงแยกเท้าเล็กน้อย สะบัดมือ 2-3 ที ยืดอกหายใจเข้าลึก ๆ ระบายลมออกทางปาก 3 ครั้ง 2.กางแขนขึ้นช้า ๆ ฝ่ามือคว่ำจนแขนกางตรงระดับไหล่ ยืดอกหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง
      
       3.ค่อย ๆ พลิกฝ่ามือช้า ๆ จนหงายขึ้นเต็มที่ (แขนตรง) แล้วยกแขนทั้งสองหุบขึ้นไปช้า ๆ จนฝ่ามือทั้งสองขนานกันอยู่เหนือศีรษะ แขนเหยียดตรงยืดอกหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง 4.ค่อย ๆ งอข้อศอกให้ปลายมือจรดกันอยู่เกือบแตะศรีษะแบะอกเต็มที่ข้อศอกกางในแนวตรงกับลำตัวหายใจลึก ๆ 3 ครั้ง 5.ค่อย ๆ พลิกเฉพาะฝ่ามือให้หงายขึ้นช้า ๆ จนหงายขึ้นเต็มที่แล้วจึงค่อย ๆ ยกฝ่ามือดันขึ้นฟ้าอย่างช้า ๆ (ถ้าโคนแขน เทอะทะก็เกร็งกล้ามในช่วงนี้ด้วย) จนฝ่ามือชูสูงสุด (คล้ายคนยอมแพ้)
      
       6.ค่อย ๆ กวักฝ่ามือลงมาช้า ๆ แขนตรงตลอดเวลา ครั้นฝ่ามือลงมาถึงระดับไหล่ให้เราค่อย ๆ ก้มตัวลงช้า ๆ ตามจังหวะฝ่ามือที่กวักลงมาถึงระดับไหล่ขาตรงไม่งอเข่า (ปลายมือแตะปลายเท้ายิ่งดี) ฝ่ามือผ่านลำตัวม้วนขึ้นโผล่กลางลำตัว 7.เมื่อก้มสุดเท่าที่เราจะทำได้แล้ว ให้ค่อย ๆ ยืนขึ้นจนตัวตรงหายใจลึก ๆ 3 ครั้งแล้วค่อย ๆ ย่อตัวลง นั่งยอง ๆ เท้าราบ เอื้อมมือโอบเข่า หงายฝ่ามือจรดปลายนิ้วเข้าหากันหายใจเต็มพุง 3 ครั้ง 8. คลายมือออกแล้วค่อย ๆ ทรงตัวขึ้นยืนโดยหงายฝ่ามือปลายนิ้วเข้าหากันหายใจเต็มพุง 3 ครั้ง
      
       9.คลายมือออกแล้วค่อย ๆ ทรงตัวขึ้นยืนโดยหงายฝ่ามือปลายนิ้วจรดกันค่อยยกฝ่ามือขึ้นตามจังหวะการทรงตัวขึ้นจนตัวตรงและฝ่ามือขึ้นมาถึงระดับอก ค่อยพลิกฝ่ามือคว่ำลงปลายนิ้วจรดกันอยู่ค่อย ๆ ลดลงไปจนฝ่ามือสุดแล้ววกมาแนบข้างลำตัว จบ 1 รอบให้กลับไปเริ่มรอบใหม่ที่จังหวะ 9.2 วนกลับมาถึง 9.8 กลับไปกลับมาอย่างต่ำ 5 รอบ หรือจนกว่าเหงื่อจะออกวันเวลใดก็ได้ที่สะดวก
      
       อ.ศุภกิจ ยังได้โชว์จดหมายขอบคุณจากผู้ที่ได้ลองฝึกพลังลมปราณหลังจากได้รับคำแนะนำจากอ.ศุภกิจไป อาทิ คุณกฤติกา รุจิรวิริญภิญโญ จากแคลิฟอร์เนีย บอกว่าสามีเคยนอนกรนและบางครั้งหยุดหายใจเป็นพัก ๆ ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเวลานอน หลังจากฝึกลมปราณ ไปได้ 2 อาทิตย์อาการดีขึ้น อาการกรนน้อยลงไปเรื่อย ๆ รายที่ 2 คือ คุณสมพร ทัดดอกไม้ บอกว่าพบคำแนะนำจากหนังสือคู่มือฝึกพลังลมปราณพิชิตโรค ได้ลองทำดู อาการไซนัส ภูมิแพ้ หายเป็นปลิดทิ้ง
      
       คุณบรรจง ศรีเจริญ เขียนมาจากสหรัฐอเมริกา บอกว่า เป็นโรคภูมิแพ้แต่หลังจากปฏิบัติอาการดีขึ้นจากนั้นได้แนะนำเพื่อนอีกหลาย ๆ คนให้ทำตาม คุณทัศนีย์ จากลาดพร้าวเป็นโรคหอบหืดเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยมาก ได้ฝึกพลังลมปราณตามคำแนะนำของอ.ศุภกิจ ตอนนี้สบายดีแล้วไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลอีก และบอกว่าดีจนต้องบอกต่อ คุณ อภิชัย ป่วยด้วยโรคไตวายเรื้อรัง หลังฝึกพลังลมปราณแล้วอาการดีเกือบเป็นปกติ ฟอกไตมีของเสียเพียง 400-500 กรัมเท่านั้น คุณระวิวรรณ ชลสิทธิ์ จากพังงา ป่วยเป็นอัมพฤกษ์แขนและขาข้างขวา ฝึกพลังลมปราณ อยู่ 15 วัน ตอนนี้อาการเกือบเป็นปกติแล้วสามารถเดินเหินได้
      
       นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ที่อ.ศุภกิจบอกว่า ต้องหลุดพ้นจากโรคร้ายด้วยปรัชญาตะวันออก ที่ใครก็สามารถฝึกได้ และฝากบอกถึงคุณผู้หญิงที่ชอบไปตบนม เสริมเต้า นวดเคล้าคลึงทั้งหลาย แค่เพียงฝึกหายใจให้ถูกต้อง หน้าอกก็จะพองขึ้นมาได้เอง
      
       สำหรับศาสตร์ตะวันออกนี้ ผศ.นพ.วิศาล คันทธารัตนกุล ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทำการวิจัยแล้วว่าได้ผลจริง หลังจากฝึกพลังลมปราณทั้งจากสำนักบู๊ตึ๊งและเส้าหลินพบว่า เส้นรอบวงต้นแขนสองด้านกระชับขึ้น ความหนาของชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่ท้องแขนลดลง กำลังขาเพิ่มขึ้น ความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อขาเพิ่มขึ้น การเต้นของหัวใจดีขึ้น สมรรถภาพระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ฯลฯ ซึ่งเป็นเก็บข้อมูลในช่วง 3 เดือน และหลังจากนี้อีก 3 เดือนจะเก็บข้อมูลในผู้ป่วยเบาหวานที่ฝึกพลังลมปราณ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=FGcQHbC9fVs" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=FGcQHbC9fVs</a>



<a href="http://www.youtube.com/watch?v=YvJdePLD8Y0" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=YvJdePLD8Y0</a>




<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vU8Y6mdBktU" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=vU8Y6mdBktU</a>



อ.ศุภกิจ ฝึกลมปราณ ภูมิแพ้




<a href="http://www.youtube.com/watch?v=vQX7l4pUWrs" target="_blank" class="aeva_link bbc_link new_win">http://www.youtube.com/watch?v=vQX7l4pUWrs</a>


เฟซบุค องค์ความรู้ สู้โรค ท่าน อาจารย์ ขอรับ  * พลังลมปราณ บำบัดโรค Palunglompran https://www.facebook.com/supakitnim

https://www.facebook.com/supakitnim/notes


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 สิงหาคม 2555 14:51:10 โดย มดเอ๊ก » บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.643 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 11 มกราคม 2567 23:18:24