[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
04 กรกฎาคม 2568 20:24:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: [ข่าวมาแรง] - ก้าวไกล ติง 'ครม.เศรษฐา' นโยบายค้าคาร์บอนเครดิต ไม่แก้ต้นเหตุโลกร้อน เสี่ยง  (อ่าน 318 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สุขใจ ข่าวสด
I'm Robot
สุขใจ บอทนักข่าว
นักโพสท์ระดับ 15
****

คะแนนความดี: +101/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Italy Italy

กระทู้: มากเกินบรรยาย


บอท @ สุขใจ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 13 กันยายน 2566 09:16:42 »

ก้าวไกล ติง 'ครม.เศรษฐา' นโยบายค้าคาร์บอนเครดิต ไม่แก้ต้นเหตุโลกร้อน เสี่ยงแย่งยึดที่ดินชุมชนในป่า
 


<span class="submitted-by">Submitted on Tue, 2023-09-12 21:52</span><div class="field field-name-field-byline field-type-text-long field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><p>ภาพปก: ศนิวาร บัวบาน</p>
<p>รายงาน: พชร คำชำนาญ</p>
</div></div></div><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>'ศนิวาร' สส.พรรคก้าวไกล ติงนโยบายค้าคาร์บอนเครดิต ครม. เศรษฐา 'ยุติ-ความเป็นธรรม' ชี้ไม่แก้โลกร้อนที่ต้นเหตุ เสี่ยงแย่งยึดที่ดินชุมชนในเขตป่า ย้ำการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องทำเร่งด่วน คิดถึงประชาชน-รุกรับปรับตัว-มีธรรมาภิบาล</p>
<p> </p>
<p>12 ก.ย. 2566 ที่รัฐสภา เกียกกาย มีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 162 เป็นวันที่สอง โดยมี วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม</p>
<p>ศนิวาร บัวบาน สมาชิกสภาผู้แทนราฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้อภิปรายนโยบายของ ครม. เกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยชวนมองภาพใหญ่ก่อนว่าประเด็นโลกร้อนในบริบทโลกนั้นเค้าพูดถึงอะไรกัน การแก้ปัญหาโลกร้อนเป็น 1 ใน 17 เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ที่แต่ละประเทศต้องดำเนินการร่วมกัน การจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องมีทั้ง 3 เสา ได้แก่ การบรรเทาผลกระทบ (Mitigation) โดยการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การพร้อมรับปรับตัวกับผลกระทบ (Adaptation), และการดำเนินการกับความสูญเสียและความเสียหายหลังจากเกิดภัยพิบัติ (Loss &amp; Damage)</p>
<div style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53182018392_5fc3cf96c7_b.jpg" /></div>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#d35400;">ศนิวาร บัวบาน</span></p>
<p>อย่างไรก็ตาม ตัดภาพมาที่ประเทศไทย ขณะที่ทั่วโลกให้ความสำคัญกับทั้ง 3 ด้านไปพร้อมๆ กัน แต่รัฐบาลกลับโฟกัสไปที่เรื่องคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นการบรรเทาผลกระทบมากกว่าการเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัว (Adaptive capacity) ให้กับประชาชน เป็นที่น่ายินดีที่รัฐบาลชุดนี้ตระหนักดีถึงความท้าทายของความแปรปรวนสภาพอากาศ สภาวะอากาศสุดขั้วคือความเสี่ยง แต่ก็เป็นที่ไม่น่ายินดีที่เรื่องการจัดการกับภัยพิบัติอันใหญ่หลวง เช่น วิกฤตภัยแล้งจากเอลณีโญ่กลับเป็นสิ่งที่รัฐบาลไม่บรรจุไว้ในวาระเร่งด่วน กลายเป็นนโยบายระยะกลาง-ยาว โดยนโยบายเร่งด่วนเน้นแต่เพียงการสร้างรายได้ </p>
<p>“นโยบายเร่งด่วนท่านเน้นแต่ สร้างรายได้ รายได้ และรายได้ คือเดี๋ยวก่อน ประชาชนจะสร้างรายได้ได้อย่างไรคะ ถ้าบ้านยังจมน้ำอยู่อย่างนี้ ภัยพิบัติมีแต่จะก่อให้เกิดความสูญเสียนะคะ ย้อนไปดูเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วค่ะ ที่เราเจอกับ 'ปรากฎการณ์ลานีญ่า' ส่งผลให้ฝนตกหนักมากกว่าปกติ ประเมินความเสียหายสูงถึง 5,000-10,000 ล้านบาท ทำให้ GDP ในไตรมาส 4 ปีที่แล้วโตแค่ 1.4% เท่านั้น ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้ที่ 3.2% ต่อปี” ศนิวารกล่าว</p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ติง 'คาร์บอนเครดิต' เกาไม่ถูกที่คัน ไม่แก้ต้นเหตุภาคหลัง</span></h2>
<p>สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีแถลงว่า "จะสานต่อนโยบาย Carbon Neutrality (ความเป็นกลางทางคาร์บอน) เพื่อให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของอาเซียนในด้านการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ" โดยประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับที่ 18 ของโลก แต่เป็นประเทศที่มีดัชนีความเสี่ยงต่อผลกระทบจากโลกร้อนเป็นอันดับที่ 9 ของโลก เพราะฉะนั้น เราไม่ได้ปล่อยในอันดับต้นๆ ของโลก แต่เราจะได้รับผลกระทบในอันดับต้นๆ ของโลก แต่นโยบายของรัฐบาลท่านกลับโฟกัสที่การลดก๊าซเรือนกระจกโดยไม่ดูว่าประชาชนที่เดือดร้อนจากผลกระทบดังกล่าวจะพร้อมรับปรับตัวอย่างไร </p>
<p>ส่วนเรื่องสร้างรายได้ที่รัฐบาลย้ำนักย้ำหนา ท่านบอกว่า "จะส่งเสริมแนวทางที่สร้างรายได้จากผืนดินและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน" หากภาครัฐต้องการส่งเสริมสิ่งแวดล้อมจริง การปลูกป่าอาจไม่ใช่คำตอบเสมอไป ป่าแต่ละที่จะมีนิเวศน์ที่แตกต่างกัน การปลูกก็ต้องระวังพวกไม้ต่างถิ่น อาจไปทำลายระบบนิเวศน์เดิมของป่าได้ ถ้าเป็นไปได้ แทนที่จะให้ความสำคัญแต่การปลูกใหม่ ควรมีการฟื้นฟูควบคู่ไปด้วยค่ะ ตีขอบเขตให้ชัดเจน และปล่อยให้พื้นที่ "เป็นไปตามธรรมชาติ" นอกจากนั้นเรื่องส่งเสริมให้เจ้าของที่ดินหรือชุมชนโดยรอบได้รับประโยชน์จากการเพิ่มพูนของระบบนิเวศ การขายคาร์บอนเครดิตอย่างยุติธรรม ศนิวารยังย้ำว่าไม่แน่ใจว่าความยุติธรรมนั้นจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่</p>
<p>"ประเด็นที่หลายฝ่ายไม่สนับสนุนหรือไม่เห็นด้วยกับแนวทางตลาดคาร์บอนภาคป่าไม้และนโยบาย Carbon Neutrality นั่นคือ 'กลไกการชดเชยและซื้อขายคาร์บอนเครดิตไม่ได้แก้ที่ตันเหตุของปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นั่นคือไม่ได้มุ่งไปที่การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เกือบ 70%ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศมาจากภาคพลังงาน นี่คือ 'การเกาไม่ถูกที่คัน'” ศนิวาร กล่าว</p>
<p><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53183053290_fb805f84c5_b.jpg" /></p>
<h2><span style="color:#2980b9;">คาร์บอนเครดิตเอื้อทุนใหญ่ ยึดทรัพยากรชาวบ้าน</span></h2>
<p>สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ล่าสุดเมื่อปลายปีที่แล้ว กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้จัดสรรพื้นที่ดำเนินโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตให้ 17 กลุ่มทุนใหญ่ รวมเนื้อที่ทังหมด 4 หมื่นกว่าไร่ ซึ่งครอบคลุมหลายพื้นที่ของทุกจังหวัดที่มีการขึ้นทะเบียนป่าชุมชน คือการฟอกเขียวระดับ Mega-projects คือป่าชุมชนเหล่านี้เป็นป่าที่มีความสมบูรณ์อยู่แล้ว แต่เอกชนกำลังเข้าไปแย่งยึดทรัพยากรที่ชาวบ้านได้พึ่งพาดูแลรักษามาอย่างช้านาน</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="https://live.staticflickr.com/65535/53183110338_5dc8c3d0ea_b.jpg" /></p>
<p>เมื่อมีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิต ชุมชนที่เป็นผู้รักษาป่ามาตั้งแต่ต้นจะได้รับส่วนแบ่งเพียง 20% ซึ่งหากคิดคำนวณออกมาเป็นตัวเงินแล้ว จะประมาณ 400 กว่าล้านบาทใน 30 ปี ในขณะที่เอกชนจะได้ส่วนแบ่งสูงถึง1,500 ล้านบาท </p>
<p>"ท่านคิดว่านี่ยุติธรรมแล้วหรือไม่ ชาวบ้านที่เขาสู้อุตส่าห์ฟื้นฟู ดูแลรักษาป่ามาอย่างยาวนาน แต่อยู่ๆ กลุ่มทุนเหล่านั้นกลับได้ประโยชน์มากว่า นี่คือความเหลื่อมล้ำที่เห็นได้ชัดเจนมากดิฉันจึงตั้งคำถามว่า การขายคาร์บอนเครดิตอย่างยุติธรรม คือ ยุติธรรมสำหรับใครคะ นายทุน หรือชุมชน" ศนิวาร กล่าว</p>
<p>นอกจากนั้น พรรคก้าวไกลยังมองว่า ที่น่าห่วงกังวลมากไปกว่านั้นคือระบบนิเวศธรรมชาติจะถูกลดทอนเป็น "ป่าคาร์บอน" ซึ่งอาจเป็นป่าเชิงเดี่ยว ทำหน้าที่เสมือนถังขยะรองรับก๊าซพิษของภาคอุตสาหกรรม แทนที่จะคงไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพอย่างที่มันควรจะเป็นคุณค่านิเวศบริการด้านอื่นๆ กลายเป็นเพียงผลประโยชน์ร่วมไป โดยชี้ว่าถ้าการได้มาซึ่งพื้นที่เพื่อปลูกป่าแลกคาร์บอนเครดิตมีความยุติธรรมจริง ชาวบ้านคงไม่ออกมาเรียกร้องกันแบบนี้ และย้ำว่าวิธีแก้ปมปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัฐกับประชาชนนั้นคือติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกก่อนโดยการแก้ปัญหาที่ดินที่เป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน </p>
<h2><span style="color:#2980b9;">ย้ำต้องมีมาตรการควบคุมติดตามการซื้อขายคาร์บอนเครดิต</span></h2>
<p>ศนิวาร ทิ้งท้ายว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องมีกฎหมายและมาตรการสำหรับควบคุมและติดตามระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ร่าง พ.ร.บ. .การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยควรให้ความสำคัญกับการพร้อมรับปรับตัว พอๆ กับการบรรเทาผลกระทบ การใช้กลไกการตลาดต้องมีธรรมาภิบาล โปร่งใสตรวจสอบได้ การออกแบบโครงสร้างพื้นฐานต้องมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิธีการประเมิน EIA ควรคำนึงถึงสถานการณ์สภาพอากาศสุดขั้วด้วย และท้ายที่สุดด้วยเรื่องโลกร้อนเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน (ทั้งภาคเมือง ขนส่ง ผลิตไฟฟ้า ป่าไม้ เกษตร อุตสาหกรรม และการจัดการของเสีย) องค์กรที่กำกับดูแลอาจจำเป็นต้องข้ามกระทรวงเพื่อให้การกำกับดูแลมีประสิทธิภาพสูงสุด จึงฝากทิ้งท้ายให้กับรัฐบาลว่า กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งอยู่ระดับเดียวกับกรมอื่นๆ นั้นเพียงพอแล้วหรือไม่</p>
<p>"เมื่อวานท่านนายกฯ มาแถลงนโยบาย แต่วันนี้ดิฉันและเพื่อนสมาชิกฯ กลับมาอภิปรายให้เก้าอี้ฟังนะคะ ทีมสิ่งแวดล้อม พรรคก้าวไกล หวังว่าท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคนใหม่จะได้มานั่งรับฟังยังไงก็ฝากประธานฯ ผ่านไปยังท่านนายกฯ ผ่านไปยังท่านรมต.ต่อไปด้วยนะคะ ท้ายนี้ ดิฉันและพี่น้องประชาชนก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่า ครม.นายกฯ เศรษฐา 1 นี้ จะเป็น ดรม. ที่.. ค-คิดถึงประชาชน ร-รุกรับปรับตัวให้ไว และ ม-มีธรรมาภิบาล" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ทิ้งท้าย</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์ https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
 

https://prachatai.com/journal/2023/09/105877
 

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

นักข่าวหัวเห็ด แห่งเวบสุขใจ
อัพเดตข่าวทันใจ ตลอด 24 ชั่วโมง

>> http://www.SookJai.com <<
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.45 วินาที กับ 26 คำสั่ง

Google visited last this page 31 ตุลาคม 2567 12:18:56