กสม. เสนอแนะการแก้ปัญหาการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพของแรงงานข้ามชาติเชิงระบบ
<span class="submitted-by">Submitted on Fri, 2023-09-29 14:38</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>กสม. เสนอแนะให้ สธ. หารือความเป็นไปได้ในการถ่ายโอนภารกิจการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว ไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และเสนอต่อ กทม. ให้จัดบริการเชิงรุกครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP)</p>
<p>29 ก.ย. 2566 สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ แจ้งต่อผู้สื่อข่าวว่า สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ได้ส่งมติสมัชชาสุขภาพเฉพาะประเด็นว่าด้วยการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพของกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวันที่ 27 ธ.ค. 2565 มายังคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) โดย กสม. ได้มอบหมายให้สำนักงาน กสม. หารือกับเลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เพื่อร่วมมือกันดำเนินการตามบทบาทหน้าที่ของแต่ละองค์กร นั้น</p>
<p>สำนักงาน กสม. จัดประชุมหารือแนวทางแก้ไขปัญหาเรื่องการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพของกลุ่มแรงงานข้ามชาติร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและภาคประชาสังคมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างเดือน มี.ค. - มิ.ย. 2566 และเมื่อเดือน ส.ค. 2566 </p>
<p>สุภัทรา นาคะผิว กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้หารือร่วมกับผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครถึงแนวทางแก้ไขปัญหาการเข้าถึงบริการสุขภาพกลุ่มแรงงานต่างด้าวและคนต่างด้าวในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยได้รับทราบข้อมูลและสถานการณ์ปัญหา สรุปได้ดังนี้</p>
<p>กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายและการบริหารจัดการการตรวจสุขภาพและประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าวเพื่อให้เข้าถึงหลักประกันสุขภาพในรูปแบบกองทุน โดยส่วนกลาง เป็นการบริการจัดการกองทุนโดยคณะกรรมการกองทุนประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีผู้อำนวยการกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ทำหน้าที่เลขานุการคณะกรรมการกองทุนฯ</p>
<p>ขณะที่ส่วนภูมิภาคและกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นการดำเนินการโดยคณะกรรมการกองทุนฯ จังหวัด ในความรับผิดชอบของกรมการแพทย์ และสำนักการแพทย์กรุงเทพมหานคร โดยคนต่างด้าวที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองทุนดังกล่าว ได้แก่ แรงงานต่างด้าวสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม และผู้ติดตามที่อายุไม่เกิน 18 ปี ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยชั่วคราว และอนุญาตให้ทำงานชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง และกฎหมายว่าด้วยการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว ผู้มีปัญหาสถานะและสิทธิที่รอพิสูจน์และยังไม่ได้เงินอุดหนุนการจัดบริการสาธารณสุข และคนต่างด้าวที่ถูกจำหน่ายออกจากระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ</p>
<p>จากการศึกษาสถานการณ์ปัญหา พบว่า ปัจจุบันมีแรงงานข้ามชาติและคนต่างด้าวซื้อบัตรประกันสุขภาพจากกองเศรษฐกิจฯ กว่า 500,000 คน แต่อัตรากำลังบุคลากรของกองเศรษฐกิจฯ มีจำนวนจำกัด ไม่เพียงพอสำหรับดูแลกลุ่มบุคคลดังกล่าว อีกทั้งภารกิจหลักของกองเศรษฐกิจฯ ยังไม่ใช่หน้าที่บริหารจัดการกองทุนโดยตรงจึงอาจทำให้ขาดความชำนาญในการบริหารจัดการ ขณะที่การขายบัตรประกันสุขภาพเป็นเพียงการขอความร่วมมือเท่านั้นไม่ได้เป็นมาตรการบังคับ ดังนั้น การจัดให้มีการขายบัตรประกันสุขภาพให้แก่แรงงานข้ามชาติและคนต่างด้าวโดยสถานพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุข และสถานพยาบาลของรัฐนอกสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่สมัครเข้าร่วมดำเนินการ จึงขึ้นอยู่กับความสมัครใจและนโยบายผู้บริหารของโรงพยาบาลแต่ละแห่ง โดยมีอุปสรรคคือโรงพยาบาลใดขายบัตรประกันสุขภาพได้จำนวนน้อยก็มีโอกาสขาดทุนสูง นอกจากนี้การส่งเบิกค่ารักษาบริการทางการแพทย์จากโรงพยาบาลไปยังกองทุนฯ ยังมีขั้นตอนยุ่งยากหรือใช้ระยะเวลานานกว่าจะได้รับเงินค่ารักษาพยาบาล</p>
<p>สำหรับกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีแรงงานข้ามชาติขึ้นทะเบียนสูงสุดของประเทศ ในทางปฏิบัติพบปัญหาว่า เมื่อประชากรกลุ่มนี้เจ็บป่วยเล็กน้อยมักจะไปใช้บริการที่ศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. แต่ศูนย์บริการดังกล่าวไม่สามารถเบิกค่าบริการได้ เนื่องจากแรงงานข้ามชาติหรือคนต่างด้าวไม่ได้ซื้อบัตรประกันสุขภาพจากโรงพยาบาลสังกัด กทม. หรือมีแต่น้อยมาก โดยส่วนใหญ่ซื้อบัตรประกันสุขภาพกับโรงพยาบาลเอกชนซึ่งทำการตลาดกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติ แต่เมื่อกลุ่มบุคคลดังกล่าวเข้าไปรับบริการกลับมีปัญหาติดขัดหลายอย่าง เช่น ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ไม่รักษาโรคร้ายแรงและแนะนำให้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลรัฐ ทำให้ภาระตกอยู่กับโรงพยาบาลของรัฐ เป็นต้น</p>
<p>เพื่อให้เกิดการเพิ่มการเข้าถึงสิทธิด้านสุขภาพของกลุ่มแรงงานข้ามชาติและคนต่างด้าว รวมถึงให้มีการบริหารจัดการกองทุนฯ อย่างเป็นเอกภาพและสามารถเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 2566 จึงเห็นควรมีข้อเสนอแนะต่อกระทรวงสาธารณสุข กองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ และกรุงเทพมหานคร สรุปดังนี้</p>
<p>ให้กระทรวงสาธารณสุข และกองเศรษฐกิจสุขภาพและหลักประกันสุขภาพ หารือแนวทางหรือความเป็นไปได้ในการถ่ายโอนภารกิจการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพคนต่างด้าวและแรงงานต่างด้าว ไปอยู่ในความดูแลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ซึ่งมีประสบการณ์และมีบุคลากรจำนวนมากที่มีความชำนาญในการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติของคนไทย เพื่อให้มีเอกภาพทางการบริหารจัดการกองทุน</p>
<p>และให้กรุงเทพมหานครขยายการให้บริการผ่านศูนย์บริการสาธารณสุขของ กทม. ที่มีอยู่แล้ว จำนวน 69 แห่ง และจัดบริการเชิงรุกให้ครอบคลุมถึงการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (PP)ให้สอดคล้องกับชุดสิทธิประโยชน์และการจัดสรรงบประมาณของกองทุนหลักประกันสุขภาพที่มีอยู่ในพื้นที่ กทม. รวมทั้งประสานกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เพื่อพัฒนากลไกอาสาสมัครสาธารณสุขต่างด้าว (อสต.) เพื่อเป็นกลไกและเครือข่ายสนับสนุนการจัดบริการเชิงรุกด้านการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นอกจากนี้ให้แต่งตั้งคณะทำงานบูรณาการการบริหารจัดการและจัดระบบบริการสุขภาพของหน่วยงานต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาให้กลุ่มแรงงานข้ามชาติในพื้นที่ กทม. เข้าถึงบริการสุขภาพได้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพมากขึ้นต่อไป</p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">/url]</div></div></div><div class="field field-name-field-promote-end field-type-text field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even">ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่เฟซบุ๊ก
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2023/09/106128