[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
17 มิถุนายน 2568 19:42:32 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เสี้ยวดอกขาว ผักยืนต้น กลิ่นหอม  (อ่าน 457 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2633


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 03 มีนาคม 2568 11:18:51 »





เสี้ยวดอกขาว ผักยืนต้น กลิ่นหอม

ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 7 - 13 กุมภาพันธ์ 2568
คอลัมน์    - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568


มกราคม-กุมภาพันธ์ เป็นเวลาออกดอกงดงามและกลิ่นหอมของต้นเสี้ยวดอกขาว ที่คนทั่วไปรู้จักว่าเป็นไม้ประดับและนิยมนำมาเป็นต้นไม้จัดสวน แต่ประโยชน์ด้านอาหารและยาสมุนไพรนั้น ต้นเสี้ยวดอกขาวมีความโดดเด่นเช่นกัน

เสี้ยวดอกขาว จัดเป็นผักชนิดหนึ่งด้วยนิยมนำมาทำอาหารกินได้ทั้งใบ ดอกและผล จะเรียกว่าเป็น “ผักยืนต้น” ก็ไม่ผิดเพราะเสี้ยวดอกขาวเป็นไม้ยืนต้นสูงถึง 10-25 เมตรทีเดียว ผลัดใบ เป็นใบเดี่ยวออกสลับ กว้าง กลม เป็นสองซีกแบบใบชงโค โคนเว้ารูปหัวใจ ดอกสีชมพูอ่อนหรือสีขาว กลีบตั้งมีเส้นริ้วในสีเหลืองแดงชัดเจน มีกลิ่นหอม กลีบดอก 5 กลีบ ผล (ฝัก) ยาวเมื่อแก่จะแตกออกได้

เสี้ยวดอกขาว มีชื่อท้องถิ่น เช่น เปียงพะโก เสี้ยวดอกขาว (ภาคเหนือ) โพะเพ่ (กะเหรี่ยง) เสี้ยว (ภาคอีสาน) ชื่อสามัญในภาษาอังกฤษ Mountain Ebony หรือ St. Thomas Tree มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Bauhinia variegata L. ถ้าสืบสาวต้นทางก็พบว่าเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดในอัสสัม บังกลาเทศ จีนตอนใต้ แถบหิมลายาตะวันออก อินเดีย ลาว เมียนมา เนปาล ปากีสถาน ปานามา เวียดนาม และก็มีต้นกำเนิดในไทยด้วย ถ้าใครนิยมชมไพรก็จะพบมากตามป่าเบญจพรรณภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงใต้ ภาคอื่นๆ ก็น่าจะพบเช่นกัน

ที่สำคัญช่วงเวลานี้เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์จะออกดอกให้เชยชมและนำมากินได้

ในวัฒนธรรมร่วมทั้งสิบสองปันนา อินเดีย ลาว ไทย ใช้ส่วนของดอกเป็นอาหาร โดยนำดอกไปต้มแล้วเอามาผัดกิน หรือนำมา “ยำดอกเสี้ยว” หรือ “ชุบแป้งทอด” ส่วนยอดอ่อนทำแกง เช่น ใส่ในแกงหน่อไม้ ที่จริงทั้งดอกและใบอ่อนก็นำมาแกงได้ บางคนชอบแนวกินกับน้ำพริกก็จะนำใบอ่อนและฝักอ่อนมาต้มกินเป็นผักเคียงได้อร่อย บางคนก็นำมาทำดองกับเกลือกินได้อีกรสชาติหนึ่ง เมล็ดก็กินได้

ในอินเดียและเนปาล มีเมนูอาหารอย่างหนึ่งที่เรียกว่า “อาชาร์” (achaar) จะนำดอกบานและดอกตูมของต้นเสี้ยวดอกขาวมาต้มรวมกัน (ต้มไม่นาน) แล้วนำไปผสมกับมันฝรั่งต้มบดหยาบ พริกเขียวสับ หัวหอมสับ ถั่วลันเตาสด ใบผักชี และเครื่องเทศ เช่น ทิมมูร์ เกลือ พริกไทย ผงขมิ้น ผงงาคั่ว ผงยี่หร่า และผงผักชี จากนั้นเติมน้ำมันมัสตาร์ดที่อุ่นแล้วและเมล็ดลูกซัด (Fenugreek) ซึ่งเป็นถั่วชนิดหนึ่งมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Trigonella foenum-graecum L. ลงไปในส่วนผสม แล้วเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมะนาวเข้มข้น ปรุงรสตามใจชอบ จากนั้นจึงเสิร์ฟอาชาร์ทันที

อาชาร์เป็นส่วนสำคัญของอาหารที่เสิร์ฟในช่วงเทศกาลโกเด จาตรา (Ghode Jatra festival) หรือเทศกาลม้า (Horses Festival) ของเนปาล

ในด้านประโยชน์สมุนไพรกล่าวถึงสรรพคุณทางยาว่า ดอกใช้เป็นยาดับพิษไข้ ฝักแก่มีรสหวาน ใช้เป็นยาถ่าย ยาระบาย จึงเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการท้องผูกเป็นประจำ เปลือกมีสารฝาดแทนนิน (tannin)

สำหรับทางการแพทย์พื้นบ้านโดยเฉพาะที่อินเดีย มีการนำเปลือกปรุงในยาหลายชนิด เช่น บำรุงร่างกาย ขับพยาธิ สมานแผล โดยนำเปลือกมาทุบให้แหลกใช้พอกแผลสด และยังใช้รักษาโรคผิวหนังรวมทั้งโรคเรื้อนด้วย นอกจากนี้ น้ำคั้นจากเปลือกใช้เป็นยาแก้อาการท้องร่วงที่เกิดจากเชื้ออะมีบา และบรรเทาโรคอาการกระเพาะอาหารที่ทำงานผิดปกติ หรือจะใช้ส่วนของตาอ่อนหรือรากนำมาต้มน้ำแก้อาการอาหารไม่ย่อย ใช้เป็นยาบำรุงธาตุ โรคหืดและฝี ดอกแห้งใช้รักษาโรคริดสีดวงทวาร บิด ท้องเสีย พยาธิ และโรคกระเพาะอื่นๆ รากยังใช้แก้พิษงู

ในตำราอายุรเวทกล่าวไว้ว่า ยาต้มจากเสี้ยวดอกขาวช่วยในการทำความสะอาดและรักษาบาดแผล รักษาโรคผิวหนังและอาการอักเสบ เปลือกต้นนำมาบดเป็นยาพอกสามารถใช้รักษาโรคต่อมน้ำเหลืองอักเสบได้ ยาต้มที่ทำจากเปลือกเสี้ยวดอกขาวร่วมกับฝักของต้นหมากฝรั่งอาหรับหรือกระถินหนาม (มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Vachellia nilotica (L.) P.J.H.Hurter & Mabb.) และดอกทับทิม ใช้กลั้วคอสำหรับรักษาโรคในช่องปาก

และในตำรายาอายุรเวทมีการกล่าวถึงยาต้มเสี้ยวดอกขาวนำมาใช้ในอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศด้วย

ทางการแพทย์พื้นบ้านของเนปาลมีการใช้คล้ายๆ กับการแพทย์พื้นบ้านอินเดีย แต่ที่อินเดียมีการศึกษาวิจัย เมื่อปี ค.ศ.2013 พบว่าสารสกัดด้วยอะซีโตนและเมทานอลจากเปลือกไม้ของเสี้ยวดอกขาว สามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้หลายชนิด และพบว่าการศึกษาในระดับสัตว์ทดลองมีฤทธิ์ยับยั้งการอักเสบ มีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็ง ป้องกันการเกิดมะเร็งตับในหนูทดลอง ในปัจจุบันเริ่มมีการศึกษาเพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากใบเสี้ยวดอกขาว มีสารไฟโตเคมีคัลหลายชนิดที่มีฤทธิ์ต้านแบคทีเรีย และความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับพืชอื่นๆ อีกหลายชนิด จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็ง

เสี้ยวดอกขาวปลูกสวยงามแล้วยังเป็นผักยืนต้นกินได้ยาวๆ เป็นอาหารเพื่อสุขภาพ เป็นสมุนไพร และเป็นต้นไม้ส่งเสริมระบบนิเวศเนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกแล้วจะดึงดูดแมลง เช่น ในไทยจะมีผีเสื้อชนิดหนึ่ง ที่คล้ายๆ นกฮัมมิ่งเบิร์ด (ไม่มีในไทยเป็นนกขนาดเล็กมาก) หรือนกตัวเล็กในไทย เช่น นกกินปลี ก็จะมากินน้ำหวาน จึงช่วยรักษาสมดุลในระบบนิเวศ คิดจะเพิ่มพื้นที่สีเขียว ให้นึกถึงเสี้ยวดอกขาวกันด้วย


... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichonweekly.com/column/article_826232

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 3.248 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 22 เมษายน 2568 14:00:25