[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 13:31:47 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไมตับไก่จึงมีประโยชน์ต่อคุณ?  (อ่าน 253 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6096


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 16 มีนาคม 2568 18:29:47 »




ทำไมตับไก่จึงมีประโยชน์ต่อคุณ?

ทำไมจึงควรกินตับไก่?

ร่างกายของเราต้องการโปรตีน โปรตีนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนที่ยึดกระดูกและกล้ามเนื้อเข้าด้วยกัน สร้างเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อและช่วยสมานแผล แม้ว่าโปรตีนจะมีอยู่ในอาหารหลายชนิด แต่โปรตีนเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ทั้งหมดเท่าที่มีในตับไก่ ตับไก่มีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะหากเป็นไก่เลี้ยงในบ้านหรือแบบออร์แกนิก

ตับไก่เป็นแหล่งโปรตีนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพได้มากตราบใดที่ไม่ปรุงด้วยไขมันและเกลือมากเกินไป

ตับเป็นหนึ่งในอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการมากที่สุด เนื่องจากมีโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุ  แม้ว่าตับไก่จะมีปริมาณคอเลสเตอรอลสูง แต่ประโยชน์ที่ได้รับนั้นมีมากกว่าผลเสียเมื่อรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

ประโยชน์ต่อสุขภาพบางประการ ได้แก่:

     - แหล่งโปรตีนที่ยอดเยี่ยม
     - มีซีลีเนียมในปริมาณมาก ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
     - มีวิตามินบีสูง เช่น บี 12 ไรโบฟลาวิน (บี 2) และโฟเลต (บี 9)
     - แหล่งวิตามินเออันดับต้นๆ
     - มีโฟเลตซึ่งช่วยป้องกันข้อบกพร่องแต่กำเนิด

ตับไก่ป้องกันโรคโลหิตจางด้วยวิธีธรรมชาติ : คุณค่าทางโภชนาการของตับไก่สามารถช่วยปกป้องจากโรคโลหิตจาง  โรคโลหิตจางเกิดจากการที่มีเม็ดเลือดแดงไม่เพียงพอ เนื่องจากตับไก่มีวิตามินเอและธาตุเหล็กสูง จึงทำให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้นและป้องกันโรคโลหิตจางได้

ตับไก่ยังส่งวิตามินบี 12 ให้กับร่างกายอีกด้วย วิตามินบีชนิดนี้จะช่วยสนับสนุนและสร้างสมดุลให้กับการผลิตเม็ดเลือดแดง ธาตุเหล็ก โฟเลต และวิตามินต่างๆ ร่วมกันช่วยให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงที่แข็งแรง

บำรุงสายตาให้แข็งแรง : ตับไก่มีวิตามินเอในปริมาณสูงถึง 288% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน จึงถือเป็นอาหารบำรุงสายตาชั้นยอด วิตามินเอมีอยู่ในรูปของอัลฟาและเบตาแคโรทีน เรตินอล และไลโคปีน ซึ่งล้วนจำเป็นต่อการมองเห็นที่ดี

ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) สำหรับการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ : เนื้อเยื่อของร่างกายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญต่อสุขภาพ ตับไก่มีไรโบฟลาวินในปริมาณสูง ไรโบฟลาวินช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อ เช่น ริมฝีปากแตกและปัญหาผิวหนังที่เกิดจากการขาดไรโบฟลาวิน การเพิ่มตับไก่ลงในอาหารสามารถทำให้เนื้อเยื่อของร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดี

ช่วยลดความเครียดและเพิ่มการเจริญพันธุ์ : ตับไก่มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อการรักษาสมดุลของฮอร์โมน ซึ่งอาจช่วยจัดการความเครียดและเสริมสร้างความสมบูรณ์พันธุ์ได้  โฟเลต 665 ไมโครกรัมช่วยส่งเสริมการเจริญพันธุ์ ช่วยป้องกันความผิดปกติของท่อประสาท และช่วยให้ทารกในครรภ์เจริญเติบโตอย่างเหมาะสม

การกินตับไก่ให้ปลอดภัย : ผู้ชื่นชอบสัตว์ปีกหลายคนมักสงสัยว่าควรกินตับไก่มากแค่ไหนจึงจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุดโดยไม่ต้องกังวลถึงผลกระทบเชิงลบจากการกินมากเกินไป โชคดีที่เรามีคำตอบ!

การกินตับไก่ 150 กรัมหรือประมาณหนึ่งฝ่ามือสัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งก็เพียงพอที่จะได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพทั้งหมดและหลีกเลี่ยงแคลอรีเกินขนาด อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการกินตับไก่ที่ซื้อจากร้านก็คือ ตับไก่อาจปรุงไม่สุกเต็มที่เนื่องจากการจัดการที่ไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งอาจนำไปสู่โรคที่เกิดจากอาหาร เช่น พิษซัลโมเนลลา หากกินดิบ

การปรุงอาหารด้วยเนื้อสัตว์ต้องเตรียมอย่างระมัดระวังและเอาใจใส่ ในขณะที่สัตว์ปีกดิบอาจมีแบคทีเรียที่เป็นอันตราย รวมถึงอีโคไลและซัลโมเนลลา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดอาหารเป็นพิษ แต่เนื่องจากความร้อนที่สูงกว่า 165°F (74°C) แบคทีเรียเหล่านี้จะตาย จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องปรุงให้สุกดีอยู่เสมอ มิฉะนั้น การกินเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุกอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย เช่น คลื่นไส้หรือตะคริวในกระเพาะอาหารได้

เทคนิคการเก็บรักษาที่ถูกต้องสามารถช่วยป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียบนอาหารเหล่านี้ได้ ทำให้อาหารสดนานขึ้น ดังนั้น หากไม่ได้รับประทานหลังจากซื้อมา ให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 40°F (4°C) ในภาชนะที่ปิดสนิทใส่ในตู้เย็น มิฉะนั้น ให้แช่แข็งทันทีที่อุณหภูมิ -18°C ซึ่งอาหารจะยังคงปลอดภัยและใช้งานได้นานสูงสุดถึงหลายเดือน




source : https://cs-tf.com/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.94 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 24 มีนาคม 2568 01:29:38