04 กรกฎาคม 2568 18:20:23
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
กระบวนการ NEW AGE
.:::
ความทรงจำนอกมิติ : ดิน มนุษย์ ฟ้า-ศาสนากับจิตจักรวาล
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : ดิน มนุษย์ ฟ้า-ศาสนากับจิตจักรวาล (อ่าน 1780 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 5162
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0
ความทรงจำนอกมิติ : ดิน มนุษย์ ฟ้า-ศาสนากับจิตจักรวาล
«
เมื่อ:
13 มิถุนายน 2553 15:36:08 »
Tweet
เข้ามาใกล้กว่านั้น จนถึงปัจจุบันที่เราแทบจะทุกๆ คนเลยรู้กันดี จึงไม่จำเป็นต้องอ้างอิง ที่สำคัญอย่างยิ่งที่น้อยคนนักจะนึกถึง นั่นคือมนุษยชาตินั้น แม้จะถือว่าเป็นการเกิดในสุคติตามคำสอนของพุทธศาสนา หรือถือว่าเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่สำคัญที่สุดของจักรวาลทางวิทยาศาสตร์ (cosmological anthropic principle) แต่มนุษย์ก็อาจพูดได้ว่าน่าสมเพชเวทนาอย่างที่สุด น่าสมเพชเวทนาอย่างไรรึ? น่าเวทนาตรงที่มนุษย์เป็นสัตว์โลกเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเดี่ยวๆ ที่รู้ว่าตัวเองคือผู้ที่รู้นั้น มนุษย์ถึงรู้ว่าการวิวัฒนาการทางจิตไปตามสเปกตรัมแต่ละระดับ ไม่ใช่ได้มาฟรีๆ แต่ต้องแลกมาด้วยการสูญเสียบางสิ่งบางอย่างของมนุษยชาติและโลกทางด้านกายภาพ ทั้งนี้และทั้งนั้นมนุษย์ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยง เพราะมนุษย์จำเป็นต้องมีวิวัฒนาการทางจิตของจิตรู้ (จิตสำนึก) ตามขั้นตอนหรือระดับ (stages or levels) ของสเปกตรัมที่นักคิดนักจิตวิทยาส่วนมากจะคิดว่ามีทั้งหมด 8 ระดับ (ดู เคน วิลเบอร์ เล่มไหนก็ได้ โดยเฉพาะหนังสือที่ชื่อ Spectrum of Con-sciousness, 1973) ตอนนี้มนุษย์เราส่วนใหญ่จะอยู่ในขั้นที่สี่ (self-egoic rational) คือ มีเหตุผล และเชื่อวิทยาศาสตร์กายวัตถุตามที่ "ตา" มนุษย์มองเห็น ชี้นำหรือชี้วัดเท่านั้น เราได้ผ่านประวัติศาสตร์ของวิวัฒนาการทางจิตมาแล้วสามครั้ง คือธรรมชาติสัตว์ชั้นต่ำ มายากล นิยายบุร่ำบุราณ (reptilian nature magic mythic) มนุษย์ได้ผ่านวิวัฒนาการของจิตเหมือนสัตว์ชั้นต่ำก่อน เช่น งูหรือตะกวดในสมัยปลายของมนุษย์โฮโมอีเรกตัส ตามมาด้วยนีอันเดอร์ธัล ที่จะมีวิวัฒนาการทางจิตต่อไป คือมองธรรมชาติและปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งหมด คือสื่อของความตายที่มนุษย์เป็นสัตว์โลกประเภทเดียวที่รู้ว่าความตายคืออะไร? ซึ่งสัตว์ประเภทอื่นๆ แม้จะวิ่งหนีศัตรู-ก็ไม่รู้ นักจิตวิทยาทุกคนถึงบอกว่า เพราะมนุษย์ปรารถนาความเป็นอมตะ (immortal) จึงต้องหนีความตาย หรือทำให้คนอื่น (ศัตรู) หรือสัตว์อื่นตายแทน ซึ่งอยู่ในสมัยโครมายอง (ยุโรป) นั่นเมื่อ 30,000 ปีมาแล้ว ก่อนการตั้งถิ่นฐานบ้านช่องของมนุษย์ และต่อมาในตอนปลายของก่อนกับเมื่อตอนการตั้งรกรากถิ่นฐานใหม่ๆ หรือระดับจิตที่เรียกว่ามีธิก (mythic) หรือระดับของนิยายบุร่ำบุราณที่มี "แม่" ใหญ่ที่สุด (matriarchal) และมีเจ้าแม่ (Goddess) เป็นพระเจ้า รวมทั้งกำเนิดของวัฒนธรรมมีศิลปกรรมนำหน้า (Joseph Campbell: Mythology, 1959-68 ทั้งสี่เล่ม) ที่ผู้เขียนบอกว่ามนุษย์กับวิวัฒนาการทางจิตทั้งน่าสมเพชและน่าเวทนานั้น ก็เป็นเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นปัจเจก และการปฏิวัติสังคมโดยรวมหรือโลกทัศน์กระบวนทัศน์ อันเกิดจากวิวัฒนาการทางจิตของมนุษยชาติแต่ละครั้ง ไปสู่ระดับที่สูงกว่านั้นทุกครั้งเลย ไม่ได้เปลี่ยนอย่างธรรมดาๆ แต่มนุษย์ต้องจ่ายค่าเปลี่ยนแปลงของสภาพกายภาพของโลกอย่างหนักหน่วงรุนแรงทุกครั้ง ซึ่งนักจิตวิทยาแทบจะทุกคน รวมทั้งโจเซฟ แคมป์เบลล์ หรือเคน วิลเบอร์ ก็กล่าวเช่นนั้น
เรารู้ว่าตอนนี้เรากำลังเปลี่ยนแปลงทางจิต ทั้งของตัวเองเป็นปัจเจก และการเปลี่ยนแปลงของสังคมโดยรวม-จากระดับตัวตนกับเหตุผลที่กล่าวแล้วสู่ระดับจิตวิญญาณ (spirituality) ที่สูงกว่า ซึ่งแน่นอนหากเราพิจารณาอย่างที่ประวัติศาสตร์บอกเรา หรือเชื่อตามนักจิตวิทยาเชื่อ ความล่มสลายของโลกจึงเป็นเรื่องที่น่าจะเกิดขึ้นได้ เพียงแต่เราไม่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงของโลกกายภาพจะเป็นอะไร? เมื่อไหร่? และจะมีความรุนแรงเพียงใด?
และถ้าเราเชื่อนักวิทยาศาสตร์ที่ได้รางวัลโนเบล ไม่ว่าจะเป็น เซอร์จอห์น เอกเคิลส์ หรือโรเจอร์ สเปอร์รี กระทั่งนักวิจัยในปัจจุบันหลายๆ คน เช่น มาริลีน ชลิตซ์ มาริโอ บูเรการ์ด ริชาร์ด เดวิดสัน ฯลฯ ว่าจิตบังคับสมองอีกที ดังที่ผู้เขียนเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ดังนั้น พฤติกรรมทั้งหลายแหล่ที่จะเกิดกับโลกหรือจักรวาล ไม่ว่าจะเกิดจากสภาพอะไรก็ตาม เช่น ยุคน้ำแข็ง ภาวะน้ำท่วมโลก ภาวะโลกร้อน การย้ายขั้วแม่เหล็กโลกและการย้ายแผนที่โลก ดาวหางอุกกาบาตชนหรือโรคระบาด ก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่จิตก่อน (unconsciousness as consciousness) ซึ่งโดยความจริงทางควอนตัมที่แทบไม่มีทางผิด เมื่อเทียบกับคลาสสิคัลฟิสิกส์ของนิวตันไม่รู้กี่ร้อยเท่า ควอนตัมเมกานิกส์นั้นเป็นวิทยาศาสตร์แห่งความน่าเป็นไปได้หลายๆ อย่าง และความน่าเป็นไปได้ที่ว่าจะกลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ หรือความจริงทางโลกให้เรามองเห็นได้รับรู้ได้ จะต้องมีจิตของผู้สังเกตเข้าไปรับรู้เสมอไป เพราะฉะนั้น ดังที่ผู้เขียนพูดและเขียนบ่อยๆ ว่า คำทำนายทายทักหรือคำพยากรณ์ต่างๆ เช่น โอกาสที่จะเกิดภาวะล่มสลายของโลกที่ยิ่งใหญ่ จนแทบว่ามนุษยชาติจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ลงไปนั้น-ผู้เขียนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่มนุษย์จะสูญพันธุ์ไปทั้งหมด เพราะจิตมนุษย์คือเป้าหมายสุดท้ายของวิวัฒนาการของจักรวาล-จะเกิดขึ้นในเร็วๆ วันนี้ หรือแม้ในปี 2012-13 นี้ ซึ่งโอกาสเช่นนั้นขึ้นกับจิต (unconsciousness as consciousness) ของเรา หรือจิตของจักรวาลหรือจิตของพระเจ้าตามชื่อของบทความของวันนี้ นั่นคือสิ่งที่ท่านพุทธทาสเรียกว่า ธรรมชาติ (อันละเอียดยิ่ง) ที่สุดของธรรมชาติ
ที่จริงหัวข้อของบทความวันนี้ เป็นเรื่องที่ผู้เขียนได้พูดมานานแล้ว เร็วๆ นี้ก็ยังได้เขียนถึง ดูเฉยๆ ทั้งสองเรื่อง คือส่วนหน้ากับส่วนหลังที่ไม่น่าจะเกี่ยวกัน แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าเกี่ยวกัน และเกี่ยวกันอย่างยิ่งชนิดแยกออกจากกันไม่ได้เสียด้วย นั่นคือเรื่องหนึ่งเป็นเรื่องของความเชื่อ ซึ่งเป็นปรัชญาที่มีมาก่อนตั้งแต่สมัยโบราณ หรือจะเรียกว่ามีมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์เลยก็ว่าได้ และแถมยังมีในทุกๆ อารยธรรมหรือทุกๆ วัฒนธรรมที่ผู้เขียนเรียกว่า ปรัชญาสากลนิรันดร (perennial philosophy) ซึ่งมีอยู่แล้วตั้งแต่ไหนแต่ไร หรือตั้งแต่เรายังเริ่มมีชีววิวัฒนาการเป็นโฮโมซาเปียนล์ใหม่ๆ ร่วมสองแสนปีมาแล้ว หากดูจากภาพวาดตามผนังถ้ำต่างๆ ส่วนอีกเรื่องหนึ่ง ศาสนากับจิตจักรวาล (วิทยา) นั้นเก่าแก่โบราณก็จริง แต่ตามหลังอันแรกหรือปรัชญาที่ว่านั้นนานนักหนา อย่างไรก็ตามก็ต้องถือว่าโบราณเหมือนกัน เพราะว่ามีมาตั้งแต่การตั้งถิ่นฐานบ้านช่องของมนุษย์ใหม่ๆ เมื่อร่วม 15,000 ปีมาแล้ว ที่เอามาจับคู่ไว้ด้วยกัน เนื่องจากว่าทั้งสองเรื่อง (ก่อนหน้านี้ ) เป็นเพียงความเชื่อเหมือนๆ กัน แต่ในปัจจุบันนี้-วันนี้ ทั้งสองเรื่องอาจจะกลายเป็นความรู้หรือความจริงแท้จริงก็ได้
เรื่องแรก ดิน มนุษย์ ฟ้านั้น (สำคัญที่มนุษย์) ในที่นี้ ดินคือพื้นดิน หรือโลก หรือสสารวัตถุ และฟ้าคือสวรรค์ที่มีกษัตริย์ หรือพระเจ้า หรือหัวหน้าเทพปกครองซึ่งดูแลทั้งสามบริเวณ นั่นคือ วิวัฒนาการของโลกและมนุษย์ การให้รางวัลหรือการลงโทษของสวรรค์ ซึ่งหลักการนี้มีมาตั้งแต่ต้น ไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมหรือวัฒนธรรมอะไร หรือที่ใดหรือโดยใคร? โดยที่เราไม่รู้ นั่นคือ "การให้รางวัลคนทำความดีและลงโทษคนทำชั่ว" ซึ่งเหมือนกันทั้งหมด นั่นมีส่วนอย่างสำคัญต่อต้นตอที่มาของลัทธิความเชื่อของมนุษยชาติและศาสนา กับจักรวาลที่เรียกกันในสมัยโบราณ ก่อนจะมีวิทยาศาสตร์ หรือฟิสิกส์ดาราศาสตร์ หรือจักรวาลวิทยา (cosmology) อย่างในทุกวันนี้ ลัทธิความเชื่อและศาสนากับจักรวาล ที่แก่นแกนของทั้งสองคือความเป็นหนึ่งเดียวกัน หรือความเป็นองค์รวมบูรณาการ (integral wholeness) ของทั้งหมด
น่าแปลก-ที่ความรู้ใหม่ๆ เรื่องของฟิสิกส์และจักรวาลวิทยา-ซึ่งตั้งแต่ที่เรามีวิทยาศาสตร์กายภาพ โดยเฉพาะจักรวาลวิทยาซึ่งอธิบายโดยโคเปอร์นิคัสและเคปเลอร์ และต่อมากาลิเลโอกับนิวตันได้ค้นพบฟิสิกส์กายภาพหรือกายวัตถุ และต่อมาอีกที ซึ่งได้ทำให้วิทยาศาสตร์มีความสมบูรณ์ขึ้น โดยการค้นพบแม่เหล็กไฟฟ้าโดยแมกซ์เวลล์และฟาราเดย์-ในเวลานั้น ซึ่งทำให้มนุษย์เข้าใจในเรื่องของจักรวาลมากขึ้น จนกระทั่งเข้าใจผิดคิดว่ามนุษย์เราและฟิสิกส์ หรือวิทยาศาสตร์ที่ตั้งบนการทำในห้องทดลอง การสังเกตอย่างเป็นระบบ และคณิตศาสตร์ ทั้งสามอย่างสามประการที่ส่งผลทางกายภาพ ที่เราทุกคนสามารถมองเห็นเหมือนๆ กันและตรงกันทุกประการ-สามารถทำให้เราคิดว่า เราเข้าใจโลกและจักรวาลหมดแล้ว และคิดว่าทั้งหมดนั้นคือความจริงของธรรมชาติและธรรมชาติของความจริงที่แท้จริง-ดังที่ ลอร์ดเควิน นักจักรวาลวิทยาที่ใครๆ รู้จักดีของอดีตถึงกับกล่าวว่า "ตอนนี้ในเรื่องของจักรวาลนั้น นอกจากรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เรารู้อย่างหมดสิ้นแล้ว" แต่นั่นเป็นเรื่องของเวลานั้น ถ้าหากในตอนนี้ท่านลอร์ดเควินเกิดหวนกลับมามีชีวิตใหม่ เขาคงตกใจที่จักรวาลที่เขาเชื่อว่าประกอบไปด้วยรูปธรรมกายวัตถุที่ตายซากและแห้งแล้งนั้น กลับเป็นตรงกันข้ามกับที่เขาเชื่อ ทุกวันนี้นักฟิสิกส์ที่มีชื่อเสียงยิ่งนักหลายๆ คนคิดว่า จักรวาลนั้นนอกจากเป็นประหนึ่งสิ่งมีชีวิต เช่นเดียวกันกับโลกแล้ว มันยังมีสติปัญญาความฉลาดที่ล้ำลึกยิ่งกว่ามนุษย์ใดๆ ไม่รู้กี่เท่าเสียอีก (ดู Duane Elgin: The Living Universe, 2009; and Sir Fred Hoyle; The Intelligent Universe, 1984)
บทความวันนี้คือประวัติศาสตร์ของห่วงโซ่ที่ยิ่งใหญ่-ซึ่งทีแรกมีแค่สามห่วง ดิน มนุษย์ ฟ้า แต่ตอนหลังมีห้าและเจ็ดห่วง อย่างเออร์วิง ลาซโล ที่รวมสังคมของมนุษย์และจิตวิญญาณก่อนฟ้าหรือสวรรค์ หรือพระเจ้า "ที่นักปรัชญาเรียกว่าเพอเรนเนียลฟิโลโซฟี (perennial philosophy) ปรัชญาสากลนิรันดร ซึ่งศาสนาและจักรวาลจะมีเป้าหมายอย่างเดียวคือวิวัฒนาการ แต่ไม่มีใครรู้ว่าคำสามคำนั้นมาจากไหน? รู้แต่ว่ามันคือประวัติศาสตร์ที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์เมื่อไรก็ไม่รู้ ที่มีในทุกศาสนาทุกลัทธิความเชื่อในแทบทุกๆ วัฒนธรรม ที่ชี้บ่งความสำคัญและความสัมพันธ์ระหว่างโลก มนุษย์และสวรรค์ ซึ่งความเห็นส่วนตัวในที่นี้ ฟ้าหรือสวรรค์คือจิตจักรวาล หรือจิตเทพ หรือพระเจ้า (Spirit ไม่ใช่ spirit ที่เขียนด้วยตัวเอสเล็ก) ราวกับว่ามนุษย์ที่โผล่ปรากฏขึ้นมาบนโลกนี้ มีความรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์กันระหว่างสสารวัตถุ มนุษย์กับสวรรค์มาตั้งแต่แรกเริ่มเลย และความสัมพันธ์นั้นมีจิตของจักรวาลที่เข้ามาอยู่ในร่างกายของมนุษย์นั้น จะต้องมีวิวัฒนาการทางจิตไปตามขั้นตอนหรือระดับไปตามสเปกตรัม และนั่นคือ-สำหรับผู้เขียน-คือประวัติศาสตร์ที่มนุษย์ทุกคนจะต้องเรียนรู้ พร้อมๆ กับมีวิวัฒนาการของจิตที่อยู่ภายใน และวิวัฒนาการของจักรวาลกับกายที่อยู่ภายนอก มนุษย์ก็เช่นนั้น จักรวาลก็เช่นนั้น จนกว่าวิวัฒนาการจะแล้วเสร็จและสมบูรณ์.
http://www.thaipost.net/sunday/061209/14552
บันทึกการเข้า
ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...