พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย สุตตนิบาต เล่ม 1 ภาค 6 - หน้าที่ 285
อุฏฐานสูตรที่ ๑๐
ว่าด้วยตื่นจากความหลับ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเตือนภิกษุทั้งหลายว่า
[๓๒๗] เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด
เธอทั้งหลายจะได้ประโยชน์อะไร ด้วยความหลับ
เพราะความหลับจะเป็น ประโยชน์อะไรแก่เธอทั้งหลาย ผู้เร่าร้อน
เพราะโรค คือ กิเลสมีประการต่าง ๆ ถูก ลูกศร คือ ราคะเป็นต้นแทงแล้ว
ย่อยยับอยู่ เธอทั้งหลายจงลุกขึ้นเถิด จงนั่งเถิด จง หมั่นศึกษาเพื่อสันติเถิด.
มัจจุราชอย่ารู้ว่าเธอทั้งหลายประมาท แล้ว อย่ายังเธอทั้งหลาย
ผู้ตกอยู่ในอำนาจ ให้ลุ่มหลงเลย เธอทั้งหลายจงข้ามตัณหา
อันซ่านไปในอารมณ์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้ เทวดาและมนุษย์
ผู้มีความต้องการอาศัยรูป เป็นต้น ดำรงอยู่. ขณะอย่าได้ล่วงเธอทั้งหลายไปเสีย
เพราะว่าผู้ล่วงขณะเสียแล้ว เป็นผู้ยัดเยียด กันในนรก เศร้าโศกอยู่.
ความประมาทเป็นดุจธุลี ตกต้อง แล้วเพราะความมัวเมาในปฐมวัย
นอกนี้ ความประมาทเป็นดุจธุลี ตกต้องแล้วเพราะ ความมัวเมาในวัย
เพราะฉะนั้น กุลบุตรผู้ เป็นบัณฑิต พึงถอนลูกศร คือ กิเลสมีราคะ เป็นต้น
ของตนเสีย ด้วยความไม่ประมาท และด้วยวิชชา.
ฤกษ์ดีเวลาดี อย่างไรจึงเป็นเวลาดี สภาพธรรมอะไรคือเวลา ถ้าไม่มี สิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้นเลย (จิต เจตสิก รูป) จะมีเวลาไหม มี
เพราะคิดเท่านั้น ถ้าไม่ มีจิต เจตสิก รูป ก็ไม่มีอะไรที่จะคิดสมมติขึ้นว่าเป็นเวลา เป็นดวงดาว เป็นภูเขา ถ้า ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น โลกก็ไม่มี เวลาไม่มี คน สัตว์ไม่มี ความเห็นของชาวโลก
ขณะที่เห็น ได้ยินเหมือนได้อะไรดี ๆ ทั้งวัน
แต่ความจริงแล้วได้ขยะสะสมไว้ทุกวัน ๆ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม แค่เห็นแต่ละครั้ง ได้ยินแต่ละครั้งอกุศลก็เกิดแล้วมากมาย ไม่ เคยรู้เลย มีเพียงพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงให้เห็นให้เข้าใจ ว่าแต่ละขณะในชีวิตนั้นเต็มไปด้วยอกุศล เห็นโทษของอกุศลที่พอกพูนมากขึ้นอยู่ เกือบทุกขณะ ทุกวัน ทุกเดือน ทุกชาติ
แท้จริงแล้วขณะที่ทำความดีเป็นฤกษ์ดี ขณะใดกาย วาจา ใจดี ขณะนั้นเป็นเวลาดี ไม่ใช่เวลาเป็นเครื่องกำหนด แต่ขณะที่
กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเป็นเวลาดี ฤกษ์ดี
ทุกอย่างสำคัญที่จิต ถ้าไม่มีจิต
อะไร ๆ ก็ไม่ เกิด ขณะที่จิตเกิดขึ้นดีขณะนั้นตื่นจากความหลับ เป็นเวลาที่ดี จะเห็นได้ว่าใน แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป
จิตที่เกิดขึ้นเป็นอกุศลนั้นมีมากกว่าจิตที่เป็นกุศลตามการสะสม แต่เมื่อได้ทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดให้เห็นว่า ขณะที่ดีก็คือขณะของความดี ซึ่ง แต่ละขณะของความดี จะเกิดขึ้นได้ก็จากความเข้าใจพระธรรม สะสมความดีเพิ่มขึ้น
หากไม่ได้ฟังพระธรรมก็จะไม่มีทางรู้เลยว่า แต่ละขณะเป็นธรรม แต่ละอย่างที่เกิดขึ้น เพราะเหตุปัจจัย ไม่มีเราที่จะไปทำความดี แต่ความดีนั้นเกิดจากการอบรมให้มีขึ้น อบรมให้กุศลต่างๆ เจริญขึ้นตามลำดับขั้นได้ด้วยความเข้าใจธรรม จนกว่ากุศลขั้นสูง สุดคือ
อรหัตตมรรค เกิดขึ้นดับกิเลสหมดสิ้น เมื่อนั้นแต่ละขณะที่เกิดขึ้นไม่ว่า เช้า กลางวัน กลางคืน
ก็เป็นวันดี คืนดี แต่กว่า
จะถึงขณะนั้นได้ก็ต้องมี
ขณะนี้ที่ค่อย ๆ สะสมความดีเพิ่มขึ้น
ขณะที่ดีก็เป็นเวลาดี เป็นฤกษ์ที่ดีมูลนิธิศึกษาและเผยแพร่อภิธรรม*http://p o w e r life.fx.gs/index.php?topic=1834.msg4173#new 07993 เราอยู่ในโลกของ "ความคิด" ๑-๒
01025 จิตที่เกิดแล้วดับไป มีกำลังหรือไม่ (dhammahome)
ความสงัด ปวิเวกกถาคลิ๊กเพื่ออ่านต่อค่ะ :
http://www.tairomdham.net/index.php/topic,6357.msg32434/topicseen.html#msg32434