
ปากถ้ำเล
ภายในถ้ำ เกือบถึงจุดหมายแรกที่เรือต้องหยุดถ่ายคณะท่องเที่ยว
เพราะสิ้นสุดทางน้ำ

เรือแล่นเข้าถ้ำสักครู่ จะถึงส่วนของถ้ำที่เป็นพื้นดิน
เรือลำแรกจะหยุดให้เราเดินชมหินงอกหินย้อยอันงดงามในถ้ำ

มีไฟฟ้าให้แสงสว่างตลอดเส้นทาง (ผู้โพสท์สวมเสื้อเขียว เดินท้ายสุด)

เจ้าถ้ำ เจ้าที่เจ้าทาง ในถ้ำเลเขากอบ

เรียกกันว่า "หินตา-หินยาย" ...
โปรดใช้จินตนาการ




"หินเป็น" ที่กำลังเติบโตตามธรรมชาติ (แลเห็นหยาดน้ำเป็นเงาใสที่ปลายหิน)

หินงอกหินย้อยรูปร่างแปลกๆ ส่วนใหญ่ที่กำลังเจริญเติบโต เรียกว่า “หินเป็น”
(มีหยาดน้ำเป็นเงาใส) ซึ่งต้องใช้เวลาถึง 75 ปี จึงจะได้หินงอกยาวประมาณ 1 เซนติเตร

"หินตาย" เกิดจากความซุกซน หรือความอยากรู้อยากเห็นของนักท่องเที่ยว
โดยใช้มือไปจับบริเวณตาน้ำหรือหยาดน้ำของ "หินเป็น" อันเป็นสาเหตุที่ทำให้หินงอก
หยุดการเติบโตทันที และมีสภาพเป็น "หินตาย" ดังภาพ
(หากเข้าไปภายในถ้ำ จะมีป้ายเขียนบอกไว้หลายแห่ง ว่าห้ามจับหินงอกหินย้อย)

สิ้นสุดทางเที่ยวถ้ำที่เป็นพื้นดิน เราต้องขึ้นเรือที่รอรับภายในถ้ำ
เพื่อผจญภัยในถ้ำที่มืดมิด และต้องเสี่ยงเอาว่าระดับน้ำจะต่ำพอ
ให้เรือแล่นออกนอกถ้ำได้หรือไม่

นอนราบกับพื้นเรือ ก่อนลอดผ่านถ้ำที่มืดสนิทและเพดานต่ำเกือบเฉียดหน้าผาก

คนพายเรือเตรียมนอนราบและใช้ฝ่ามือยันผนังด้านข้างและเพดานถ้ำ
ที่เป็นโพลงขนาดเล็ก กว้างพอเรือลอดผ่านได้ และเป็นช่วงที่น้ำสูงเกือบจรดเพดานถ้ำ
บางวันเรือไม่สามารถแล่นลอดผ่านไปได้เพราะระดับน้ำสูงจรดเพดาน
(ขอบคุณผู้ที่อยู่เรือลำท้ายที่ช่วยถ่ายรูปนี้ และมอบให้นำประกอบกระทู้)

เฮ้อ! เกร็งกลัวจนเรียกเหงื่อเปียกแผ่นหลัง

ผู้ร่วมชะตากรรม กับช่วงประสบการณ์แห่งความหวาดเสียว ที่จะจดจำไม่รู้ลืม