.พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพ : พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : พระรูปหล่อของจักรพรรดิเนโรประดิษฐาน ณ เมืองอันซีโอ ซึ่งเป็นสถานที่ประสูติของพระองค์ พลิกประวัติจักรพรรดิเนโรStoryภาพลักษณ์ของราชันจอมโหดแห่งโรมกำลังได้รับการกอบกู้ จักรพรรดิเนโร ทรงสังหารมเหสีสององค์ และอาจรวมถึงพระมารดาด้วย และยังอาจทรงรู้เห็นกับการเผากรุงโรมทว่าพระองค์ไม่เคยทรงไวโอลินขณะทอดพระเนตรโรมมอดไหม้ และปัจจุบันนักวิชาการบางคนกล่าวว่า พระองค์ไม่ได้ร้ายกาจไปเสียทุกเรื่อง
“เนโรเป็นประเภทหนังทำเงินครับ” โรแบร์โต แจร์วาโซ บอก ชายวัย 77 ปีผู้นี้เป็นผู้ประพันธ์นวนิยายอิงชีวประวัติเรื่อง เนโรเน (
Nerone) เมื่อปี 1978 “มีคนสร้างหนังเกี่ยวกับเนโรมากมาย และอดไม่ได้ที่จะดึงเอาแต่ด้านวิปริตของพระองค์มาสร้าง ซึ่งไม่จำเป็นเลยครับ เพราะตัวพระองค์เองก็ออกจะพิกลมากพออยู่แล้ว”
เรานั่งกันอยู่ข้างนอกภัตตาคารออสเตเรียดาเนโรเน ห่างจากพระราชวังโดมุสเอาเรอา (
Domus Aurea) หรือพระราชวังทองคำซึ่งเนโรทรงออกแบบและโปรดให้สร้างขึ้นเพียงหนึ่งร้อยเมตร ที่นี่เป็นหนึ่งในอาคารไม่กี่แห่งในกรุงโรมที่ตั้งชื่อตามจักรพรรดิพระองค์นี้ “พระองค์คือจอมวายร้าย แต่นั่นไม่ใช่ทั้งหมด ผู้ปกครองที่มาก่อนหรือหลังพระองค์ก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน แม้กระทั่งทุกวันนี้ ต้องยอมรับว่าพระองค์ทรงมีหัวศิลปะที่ก้าวล้ำเกินยุคสมัยครับ” แจร์วาโซร่ายยาว
“ผมเขียนหนังสือเล่มนี้มาครบ 35 ปีพอดี เพราะต้องการจะกอบกู้ภาพลักษณ์ของพระองค์ ผมว่าบางทีคุณอาจทำอะไรได้มากกว่านี้”
นั่นคงหนักหนาสาหัสเอาการสำหรับคนที่จะมา “กอบกู้ภาพลักษณ์” ของบุรุษผู้ซึ่งประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่ามีพระบัญชาให้สังหารออกตาเวีย มเหสีองค์แรก ทรงเตะปอปไปอา มเหสีองค์ที่สอง จนสิ้นพระชนม์พร้อมทารกในพระครรภ์มีรับสั่งให้ลอบปลงพระชนม์พระมารดา และบางทีอาจทรงลอบสังหารบริตันนิคุส พระอนุชาต่างมารดา ทรงสั่งเซเนกา ผู้เป็นพระอาจารย์ให้กระทำอัตวินิบาตกรรม ทรงจับเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งตอน จากนั้นก็ทรงเสกสมรสกับเด็กหนุ่มคนนี้ทรงรู้เห็นกับการวางเพลิงเผาทั่วกรุงโรมเมื่อปี ค.ศ. 64 แล้วใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นฝีมือของกลุ่มชาวคริสต์ (รวมทั้งนักบุญเปโตรและนักบุญเปาโล) จนนำไปสู่การไล่ล่าและตัดศีรษะ หรือไม่ก็ถูกจับตรึงกางเขนและจุดไฟเผา แต่ทว่า...
ผู้วายชนม์ไม่ได้เขียนประวัติของตนเอง นักเขียนชีวประวัติของเนโรสองคนแรกคือ ซูเอโตนีอุส และตาซีตุส มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสภาขุนนางโรมันผู้สูงศักดิ์ และมักวาดภาพให้คนจดจำรัชสมัยของเนโรด้วยความเกลียดชัง
“ทุกวันนี้เราประณามพฤติกรรมของพระองค์” มารีซา รานีเอรี ปาเนตตา นักวารสารศาสตร์ด้านโบราณคดี กล่าว “แต่ลองมองคอนสแตนติน จักรพรรดิชาวคริสต์ผู้ยิ่งใหญ่ดูสิคะ พระองค์มีพระบัญชาให้ลอบสังหารพระโอรสองค์โต พระมเหสีองค์ที่สอง และพระสัสสุระ (พ่อตา) จะตัดสินว่าคนหนึ่งเป็นนักบุญ อีกคนเป็นปีศาจคงไม่ได้”
พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพ : พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : บรรดาจักรพรรดิผู้ครองราชย์สืบต่อจากเนโรกลบฝังมรดกส่วนใหญ่ของพระองค์ไว้จากสายตา ใต้เนินเขาออปเปียน
(ทางซ้าย) คือซากพระราชวังของพระองค์ที่ไม่เปิดให้สาธารณชนเข้าชม ต่างจากโคลอสเซียมซึ่งต้อนรับนักท่องเที่ยววันละกว่าหมื่นคนรานีเอรี ปาเนตตา เป็นหนึ่งในเสียงเรียกร้องให้มีการประเมินภาพลักษณ์ของเนโรเสียใหม่ แม้เสียงนี้จะดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะเห็นด้วย “การกอบกู้ที่ว่าหรือกระบวนการที่นักประวัติศาสตร์กลุ่มเล็กๆพยายามจะเปลี่ยนเหล่าผู้ปกครองให้กลายเป็นสุภาพบุรุษนี้ ดูเป็นเรื่องไม่เข้าท่าสำหรับผมครับ” อันเดรอา การันดีนี นักโบราณคดีชาวโรมผู้โด่งดังให้ทรรศนะ “ตัวอย่างเช่น นักวิชาการที่เอาจริงเอาจังกลุ่มหนึ่งออกมาบอกว่า ไฟนั่นไม่ใช่ความผิดของเนโร แต่พระองค์จะทรงสร้างโดมุสเอาเรอาได้อย่างไร ถ้าไม่เผาเมือง ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อย ไม่ว่าจะทรงเป็นต้นเพลิงหรือไม่ พระองค์ก็ทรงได้ประโยชน์จากความวอดวายนั้นอย่างแน่นอน”
เหตุผลของการันดีนีนั้นน่าคิด ในเมื่อเนโรทรงได้ประโยชน์จากเพลิงที่เผาผลาญกรุงโรม พระองค์จึงทรงเป็นต้นเพลิงเสียเอง “แต่แม้กระทั่งตาซีตุส ผู้กล่าวโทษเนโรคนสำคัญ ยังบันทึกไว้ว่า ไม่มีใครทราบว่าไฟที่เผากรุงโรมมาจากการวางเพลิงหรือความบังเอิญกันแน่” รานีเอรี ปาเนตตา ยกหลักฐานขึ้นมาคัดค้านและเสริมว่า “ถนนหนทางในกรุงโรมสมัยเนโรนั้นคับแคบมาก” และมีอาคารสูงที่ชั้นบนเป็นไม้ปลูกอยู่หนาแน่น “ไฟเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการให้แสงสว่าง ทำอาหาร และสร้างความอบอุ่น จึงมักเกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ขึ้นในแทบทุกรัชสมัย” และบังเอิญว่าขณะที่มหาอัคคีภัยเปิดฉากขึ้น เนโรไม่ได้ประทับอยู่ในกรุงโรม พระองค์รีบเสด็จกลับสู่กรุงโรม ส่วนเรื่องที่ทรงโปรดการเล่นเครื่องสายซึ่งเรียกว่า คีทารา (
kithara) นั้นน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่การกล่าวหาเป็นครั้งแรกว่า พระองค์ทรงคีทารา ขณะทอดพระเนตรเปลวเพลิงกลืนกินมหานครนั้นเขียนขึ้นโดยคัสซีอุส ดีโอ หลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้ว 150 ปี ตาซีตุส ผู้มีชีวิตอยู่ในสมัยของเนโร กลับบันทึกว่า ทรงโปรดให้จัดหาที่พักแก่ผู้ไร้บ้าน ทรงเสนอเงินรางวัลให้คนที่สามารถสร้างเมืองขึ้นมาใหม่ได้อย่างฉับไว รวมทั้งออกกฎระเบียบและดูแลความปลอดภัยด้านอัคคีภัยอย่างเป็นผล...
...และมีพระบัญชาให้ไล่ล่าชาวคริสต์ซึ่งขณะนั้นเป็นที่เกลียดชังมากล่าวโทษและจับตรึงกางเขน แล้วทรงยึดซากที่เหลือเพียงเถ้าถ่านของนครอมตะแห่งนี้เพื่อเป็นที่สร้างพระราชวังทองคำขึ้นในอนาคต
พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : ที่วิสตา คลับใกล้กับเนินเขาออปเปียน นักแสดงนาม “ดอกเตอร์ วินเทจ” กำลังเปิดการแสดงรอบดึก
จักรพรรดิเนโรทรงเป็นนักแสดงเช่นกัน ทรงร้องเพลงและเล่นพิณ มีหลักฐานว่าพระองค์ทรงออกไปสำราญพระทัยยามราตรี
ตามท้องถนนในกรุงโรม ซึ่งเป็นที่สิ่งนักเขียนชีวประวัติร่วมสมัยกับพระองค์ตำหนิติเตียน ในปี 2007 ขณะศึกษาผลกระทบของรถไฟใต้ดินสายใหม่ที่จะแล่นผ่านใจกลางเมือง เฟโดรา ฟีลิปปี นักโบราณคดีชาวโรมกำลังขุดค้นเข้าไปใต้ถนนกอร์โซวิตตอรีโอเอมานูเอเลที่สองอันจอแจ เธอพบฐานของเสาต้นหนึ่ง และเมื่อขุดต่อไปอีก เธอก็พบหน้ามุข และใกล้ๆกันเป็นขอบของบ่อน้ำ เธอได้ค้นพบโรงฝึกกีฬาสาธารณะขนาดมหึมาที่เนโรโปรดให้สร้างขึ้นไม่กี่ปีก่อนหน้ามหาอัคคีภัยเมื่อปี ค.ศ. 64
“โรงฝึกกีฬานี้เป็นส่วนหนึ่งของความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ที่เนโรทรงนำมาสู่กรุงโรมค่ะ” ฟีลิปปีอธิบาย “พระองค์ทรงนำแนวคิดทางวัฒนธรรมของกรีกเข้ามา ซึ่งรวมถึงแนวคิดเรื่องการศึกษาทั้งทางร่างกายและสติปัญญาของคนหนุ่มสาวไม่ช้าแนวคิดดังกล่าวก็แพร่หลายไปทั่วจักรวรรดิ ก่อนหน้านั้น โรงอาบน้ำเช่นนี้มีไว้สำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น แต่โรงฝึกกีฬาได้เปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคม เพราะทำให้ทุกคนเท่าเทียมกัน ตั้งแต่สมาชิกสภาขุนนางไปจนถึงคนเลี้ยงม้า”
นอกจากยิมเนเซียมเนโรนิส (
Gymnasium Neronis) หรือโรงฝึกกีฬาแล้ว สิ่งก่อสร้างสาธารณะอื่นๆที่เป็นผลงานของจักรพรรดิหนุ่มพระองค์นี้ยังรวมถึงสนามกีฬารูปวงกลม ตลาดขายเนื้อ และคลองที่ทรงวางแผนให้ขุดซึ่งจะเชื่อมนครเนเปิลส์กับท่าเรือของโรมที่เมืองออสเตีย เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินเรือผ่านน่านน้ำที่กระแสน้ำไม่อาจคาดเดา และมั่นใจได้ว่ามีเส้นทางขนส่งที่ปลอดภัยสำหรับเสบียงหล่อเลี้ยงกรุงโรม แน่นอนว่าการสร้างสิ่งเหล่านี้ต้องสิ้นเปลืองมาก ปกติจักรพรรดิโรมันจะได้เงินมาจากการปล้นบ้านเมืองอื่น แต่ในรัชสมัยที่ปราศจากสงครามของเนโร นี่ไม่ใช่ทางเลือก พระองค์ทรงใช้วิธีรีดภาษีทรัพย์สินจากคนรวยแทน และยังทรงพยายามยึดที่ดินของคนเหล่านั้นเพื่อขุดคลองสำหรับการเดินเรืออีกด้วย เมื่อสภาขุนนาง ไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนตาม ก็ทรงใช้เพทุบายสารพัดกับสมาชิกสภาขุนนาง “พระองค์ทรงสร้างเรื่องใส่ความเพื่อจับพวกคนมั่งมีมาไต่สวนและปรับอย่างหนัก” ไฮนซ์-เยอร์เกน เบสเต นักโบราณคดี เล่า เนโรทรงสร้างศัตรูอย่างรวดเร็ว หนึ่งในนั้นคืออากริปปีนา พระมารดาผู้ไม่พอพระทัยที่สูญเสียอิทธิพล จึงอาจทรงวางแผนให้บริตันนิคุส พระโอรสเลี้ยง ขึ้นเป็นรัชทายาทสืบราชบัลลังก์แทน อีกคนหนึ่งคือเซเนกา ผู้เป็นพระอาจารย์ และถูกกล่าวหาว่ามีส่วนในการวางแผนลอบปลงพระชนม์เนโร พอถึงปี ค.ศ. 65 ทั้งพระมารดา พระอนุชาต่างมารดา และพระอาจารย์ที่ปรึกษาล้วนถูกสังหารสิ้น
เนโรจึงทรงมีอิสระเต็มที่ที่จะเป็นเนโร และนั่นคือการปิดฉากช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรัชสมัยของพระองค์ ตามมาด้วยขวบปีที่มีเรียม กริฟฟิน นักประวัติศาสตร์จากมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด เขียนไว้ว่า “เนโรทรงหลบลี้เข้าสู่โลกแห่งความเพ้อฝันมากขึ้นทุกที” จนกระทั่งความเป็นจริงทำลายพระองค์
พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
คำบรรยายภาพ : ภาพวาดกรุงโรมในทะเลเพลิงเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม ค.ศ. 64 “THE FIRE OF ROME”
ราวปี 1770-1790 โดยฮิวเบิร์ต โรเบิร์ต, MUSÉE ANDRÉ MALRAUX, เอริช เลสซิง, ART RESOURCEพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : คนงานบูรณะห้องแปดเหลี่ยมในพระราชวังโดมุสเอาเรอาของเนโร
พระองค์อาจทรงใช้ห้องนี้เป็นสถานที่จัดเลี้ยง พระกระยาหารค่ำ พื้นผิวทั้งหมดน่าจะตกแต่งอย่างวิจิตร
ชิ้นกระจกสีน้ำเงิน เขียว และขาวซึ่งพบในบริเวณที่ขุดค้น อาจเป็นส่วนหนึ่งของภาพโมเสกระยิบระยับที่ประดับอยู่รอบโดมพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : วิลลาโอพลอนติสอาจเคยเป็นที่พำนักของปอปไปอี ซึ่งเป็นตระกูลของปอปไปอา ซาบีนา
มเหสีองค์ที่สอง ผู้เป็นรักแท้ของเนโร พระองค์ทรงเตะพระนางจนสิ้นพระชนม์เมื่อ ค.ศ. 65 ขณะกำลังทรงพระครรภ์
อันเป็นการกระทำหนึ่งที่มองว่าเป็นข้อบ่งชี้ถึงความวิกลจริตของพระองพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : วิลลาโอพลอนติสอาจเคยเป็นที่พำนักของปอปไปอี ซึ่งเป็นตระกูลของปอปไปอา ซาบีนา
มเหสีองค์ที่สอง ผู้เป็นรักแท้ของเนโร พระองค์ทรงเตะพระนางจนสิ้นพระชนม์เมื่อ ค.ศ. 65 ขณะกำลังทรงพระครรภ์
อันเป็นการกระทำหนึ่งที่มองว่าเป็นข้อบ่งชี้ถึงความวิกลจริตของพระองค์พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : วิลลาโอพลอนติสอาจเคยเป็นที่พำนักของปอปไปอี ซึ่งเป็นตระกูลของปอปไปอา ซาบีนา
มเหสีองค์ที่สอง ผู้เป็นรักแท้ของเนโร พระองค์ทรงเตะพระนางจนสิ้นพระชนม์เมื่อ ค.ศ. 65
ขณะกำลังทรงพระครรภ์ อันเป็นการกระทำหนึ่งที่มองว่าเป็นข้อบ่งชี้ถึงความวิกลจริตของพระองค์ พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : ริชาร์ด บาร์นส์
คำบรรยายภาพ : เนโรทรงว่าจ้างให้สร้างรูปหล่อสำริดขนาดยักษ์ซึ่งน่าจะมีลักษณะคล้ายสุริยเทพ
และพระพักตร์ละม้ายพระองค์ พระหัตถ์ ถือหางเสือเรือปักอยู่บนลูกโลก เป็นสัญลักษณ์ของพระราชอำนาจ
เหนือผืนแผ่นดินและท้องทะเล รูปหล่อนี้มีชื่อว่า โคลอสซุสเนโรนิส (Colossus Neronis)
โดยทรงต้องการให้ต้อนรับผู้มาเยือน และให้ชาวเมืองมองเห็นได้ผ่านเสาที่เรียงราย เนื่องจากไม่มีรูปจำลองใดๆ
หลงเหลืออยู่ในปัจจุบัน รูปวาดนี้เกิดจากการตีความของศิลปินพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : การใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเป็นอุปนิสัยหนึ่งของเนโร - รวมทั้งของโรมทุกวันนี้
บรรดาเศรษฐีชาวโรมมาร่วมงานเลี้ยงฉลองวันเกิดแบบไฮโซพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : ดาราหญิงแซนดรา มิโล วัย 81 ปี กำลังโพสท่าให้ปาปารัสซีถ่ายภาพ
(ขวาล่างสุด) บนถนนเดียวกับที่กล่าวกันว่าเนโร ทรงแต่งองค์งดงามมาสนุกสนานกับชาวเมืองพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : เนโรทรงเป็นนักนิยมประชาชนผู้โปรดปรานสิ่งงดงามแปลกตา
สิ่งนี้ยังคงอยู่ในตัวนักมวยอเลสซิโอ “ลีเจนารีอุส” ซาการา ที่สักสัญลักษณ์ของอาณาจักรโรมันไว้อย่างละเอียดสวยงาม พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : สนามกีฬาสตาดิโอ เดอี มาร์มิ ที่สร้างขึ้นในสมัยมุสโสลีนีใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันเทนนิสพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : นักรบผู้สร้างความพึงพอใจให้นักท่องเที่ยวสะบัดเสื้อคลุมของเขาที่บริเวณสวนสาธารณะของโคลอสเซียม
สนามกีฬาเลื่องชื่อแห่งนี้สร้างขึ้นแทนที่ทะเลสาบเทียมของพระราชวังโดมุส ซึ่งเป็นผลงานชิ้นเอกของจักรพรรดิเนโรพลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : นักท่องเที่ยวและชาวเมืองมาชุมนุมกันที่จัตุรัสปีอาซซา เดล โปโปโลซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของจักรพรรดิเนโร พลิกประวัติจักรพรรดิเนโร
ภาพโดย : อเล็กซ์ มาโยลี
คำบรรยายภาพ : ผู้อพยพเข้าเมืองตกปลาอยู่ท่ามกลางแสงสว่างจากสุสานจักรพรรดิโรมันเฮเดรียน
ปัจจุบันเรียกว่าปราสาทซันตันเจโล บนฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ ณ อมตะนครแห่งนี้ ประวัติศาสตร์ก็คือปัจจุบันตลอดกาลขอขอบคุณ ngthai.com