[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 19:59:04 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลัทธิบูชาองคชาติ  (อ่าน 5206 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1240


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 41.0.2272.118 Chrome 41.0.2272.118


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 08 เมษายน 2558 16:03:02 »

.



ความเชื่อ เรื่อง การบูชาองคชาติ

ก่อนพระพุทธศาสนาจะเข้ามาสู่ญี่ปุ่น ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ประกอบพิธีกรรมบูชาเทพเจ้าเพื่อความอุดมสมบูรณ์ในการเพาะปลูกเป็นหลัก เป็นพิธีกรรมความเชื่อที่มาจากการบูชาธรรมชาติของบรรพชน ต่อมาในสมัยยามาโตะ (ค.ศ. 250 - ค.ศ.538) พิธีกรรมความเชื่อเหล่านี้จึงได้พัฒนามาเป็นศาสนาชินโต ซึ่งมีลักษณะสำคัญคือความเชื่อในวิญญาณหรือคามิ (Kami) ที่สิงสถิตอยู่ทั่วไปในโลกทั้งในสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตรวมทั้งการบูชาเทพเจ้าต่างๆ ที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับชาวญี่ปุ่นผู้นับถือศรัทธาเรื่อยมา หนึ่งในพิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์ที่น่าสนใจและโด่งดังไปทั่วโลกคือ เทศกาล Hounen Matsuri หรือ Penis Festival
 
Hōnen Matsuri (豊年祭) คือ เทศกาลแห่งการเก็บเกี่ยว เป็นงานเทศกาลเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของชาวญี่ปุ่นที่จัดขึ้นทุกวันที่ 15 มีนาคมของทุกปีในช่วงแรกเริ่มฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นเทศกาลที่โด่งดังที่สุดของเมืองโคมากิ (Komaki) ทางตอนเหนือของนาโกยา (Nagoya) ประเทศญี่ปุ่น โดยพิธีการสำคัญที่สุดจะอยู่ที่การแห่องคชาติไม้ขนาดใหญ่ (น้ำหนัก 280 กิโลกรัม ยาวประมาณ 2.5 เมตร) จากศาลเจ้า Shinmei Sha ไปสู่ศาลเจ้า Tagata Jinja ซึ่งในขบวนแห่นี้จะมีนักบวชชินโตร้องรำทำเพลงไปตลอดทาง

ย้อนไปถึงที่มาของเทศกาลนี้ จากงานของ ดร.เกนชิ คาโตะ ผู้ริเริ่มการศึกษาลัทธิบูชาองคชาติในเอกสารโบราณของญี่ปุ่น ในหนังสือ Kogoshui (A.D.807) กล่าวถึงความโกรธของเทพ Mitoshi no Kami (เทพแห่งข้าว) ได้ส่งฝูงตั๊กแตนมาทำลายพืชผลให้เสียหาย ผู้คนจึงได้ทำสัญลักษณ์รูปอวัยวะเพศชายถวายในความหมายเพื่อความพอใจของเทพเจ้า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเกษตรกรญี่ปุ่นจึงถือเป็นประเพณีที่ต้องปฏิบัติสืบต่อกันมาในช่วงฤดูใบไม้ผลิของทุกปี สำหรับรูปจำลองอวัยวะเพศชายจะทำจากไม้แกะสลักเป็นอวัยวะเพศขนาดใหญ่ เพื่อเป็นหลักประกันว่าพวกเขาจะได้ผลผลิตที่ดีในฤดูเก็บเกี่ยว กระทั่งปัจจุบัน ในพิธีเก็บเกี่ยวประจำปีของศาลเจ้า Hachiman ที่เมือง Ni-ike ในจังหวัด Mikawa และที่ศาลเจ้า Warei ที่เมือง Uwajima ในจังหวัด Iyo สัญลักษณ์อวัยวะเพศยังคงเป็นส่วนประกอบที่จำเป็นในพิธีดังกล่าว (รวมถึงพิธีในเทศกาลเก็บเกี่ยวที่เมืองโคมากิ)

นอกจากอวัยวะเพศจะเป็นของศักดิ์สิทธิ์ในหมู่เกษตรกรแล้ว ช่วงหนึ่งในสมัยเอโดะ (Edo period of Japan : 1603-1867) ในหมู่โสเภณีมักจะอธิษฐานต่อองคชาติศักดิ์สิทธิ์ให้มีรายได้ดีและไม่ติดโรคซิฟิลิส ดร.คาโตะ ยังบอกว่า ในช่วงหนึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นก็เคยมีความพยายามที่จะยับยั้งพิธีอันน่ารังเกียจในการบูชาองคชาติเหล่านี้ แต่ก็ไม่เป็นผลเพราะผู้คน(โดยเฉพาะเกษตรกร)ผูกพันกับความเชื่อนี้เป็นอย่างมากและยังคงสืบทอดต่อๆ กันมา กระทั่งปัจจุบันมีทั้งเกษตรกรบูชา(เป็นหลัก) คู่รักที่มีปัญหา รวมถึงครอบครัวที่ไม่มีบุตรก็จะนำองคชาติศักดิ์สิทธิ์ไปแช่น้ำโดยให้หญิงที่ต้องการท้องทำความสะอาดแล้วขึ้นขี่ หรือสั่นกระดิ่งรูปองคชาติในวัดชินโตก็เป็นความเชื่อว่าจะทำให้มีบุตรได้

ปัจจุบันเทศกาล Hounen Matsuri หรือ Penis Festival เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติย่อมตื่นตาตื่นใจกับความแปลกของพิธีนี้ และแม้อาจไม่เข้าใจแก่นแท้ของพิธีนี้ แต่นักท่องเที่ยวก็ยังสามารถร่วมสนุกไปกับพิธีแห่องคชาติได้ นอกจากนี้ของที่ระลึกในงานไม่ว่าจะเป็นของตกแต่งหรือขนมขบเคี้ยวก็ล้วนแล้วแต่เป็นรูปทรงแบบองคชาติทั้งสิ้น ซึ่งปรากฏการณ์เหล่านี้ได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในวัฒนธรรมญี่ปุ่นปัจจุบันอย่างแยกไม่ออก

ลัทธิบูชาองคชาติ (Phallic Worship)
นักมานุษยวิทยาเคยตั้งทฤษฎีเกี่ยวกับแนวคิดการบูชาอวัยวะเพศไว้ว่า เกิดจากการที่มนุษย์ในอดีตได้สังเกตธรรมชาติของฟ้าและดิน คือในเวลาที่ฟ้าส่งอะไรบางอย่างลงมาบนดิน เช่น ฝน หรือแสงแดด เป็นต้น ผืนดินก็จะมีพืชพันธุ์อุดมสมบูรณ์ ออกดอกออกผล เมื่อเทียบกับก่อนที่จะให้กำเนิดมนุษย์ ขณะมีเพศสัมพันธ์อวัยวะเพศชายก็ได้ฉีดอสุจิ (Ejeculation) เข้าสู่มดลูกของเพศหญิงจากนั้นจึงตั้งท้องและมีลูกออกมาเช่นเดียวกับการที่ผืนดินมีพืชพันธุ์เติบโตให้เก็บเกี่ยว เมื่อเห็นดังนั้นมนุษย์โบราณจึงมองว่าท้องฟ้าเป็นฝ่ายรุก (active agent) ได้แก่ เพศชาย ส่วนดิน เป็นฝ่ายรับ (passive agent) ได้แก่เพศหญิง เป็นเหตุให้เทพแห่งท้องฟ้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย และพระแม่ธรณีของแทบทุกวัฒนธรรมเป็นผู้หญิง เพราะมีหน้าที่อุ้มชูพืชผลนั่นเอง ดังนั้น เมื่อมนุษย์พบว่าเพศชายเป็นผู้ “ทำ” ให้เกิดชีวิตได้โดยผ่านองคชาติ จึงเกิดแนวความคิดในการบูชาองคชาติขึ้นภายใต้คติแห่งความอุดมสมบูรณ์ของชีวิตนั่นเอง

แนวความคิดดังกล่าวนี้ยังพบกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก เช่น ในอารยธรรมกรีกโบราณ องคชาติสลักขนาดใหญ่หน้าวิหารไดโอนิซุสผู้เป็นเทพแห่งไวน์และความอุดมสมบูรณ์ (Fertility) บนหมู่เกาะเดลอส (Delos) แสดงถึงสัญลักษณ์แทนเทพเจ้าแห่งความอุดมสมบูรณ์เนื่องในลัทธิบูชาองคชาติ รวมทั้งพริอาพุส (Priapus) ลูกชายของไดโอนิซุสกับอะโฟรไดต์ ได้กลายเป็นเทพแห่งความอุดมสมบูรณ์และเป็นเทพแห่งอวัยวะเพศชายด้วย (ตามตำนานเชื่อว่าพริอาพุสมีอวัยวะเพศขนาดมหึมาและแข็งตัวตลอดเวลา)

ในเอเชีย พบความแพร่หลายของการบูชาศิวลึงค์เนื่องในศาสนาฮินดูในอินเดียที่มักจะมาคู่กับฐานโยนี ก็เป็นสัญลักษณ์แทนความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ที่ภูฏาน ก็มีการเขียนรูปองคชาติไว้หน้าบ้าน เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของบ้านและเชื่อว่าสามารถป้องกันสิ่งชั่วร้ายได้ ในขณะที่ญี่ปุ่นเองก็มีเทศกาลแห่งความอุดมสมบูรณ์ (Honen Matsuri) ที่พัฒนามาเป็น Penis Festival อันโด่งดังในปัจจุบัน


จาก “ลัทธิบูชาองคชาติ” สู่ “พิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์” ในประเทศไทย
นอกจากที่ญี่ปุ่นและอารยธรรมอื่นๆทั่วโลกจะมีแนวความคิดเรื่องการบูชาองคชาติเพื่อความอุดมสมบูรณ์แล้ว ในประเทศไทยเองก็พบร่องรอยของแนวคิดทางเพศที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์เช่นเดียวกัน

มีการค้นพบตุ๊กตาสำริดรูป "บุคคลเปลือย" ชูแขนสองข้าง อวดอวัยวะเพศชาย สูงราวหนึ่งฟุต จากแหล่งโบราณคดีบ้านเขาบ่อพลับ ต.ม่วงหัก อ. พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ การหล่อขึ้นจาก "สำริด" ซึ่งเป็นโลหะมีค่า อาจมีความเป็นไปได้ว่าไม่น่าจะผลิตขึ้นเพื่อเป็นแค่เพียงของเล่นธรรมดาเท่านั้น แต่คงจะถูกใช้ในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในศาสนาผีพื้นเมือง เมื่อราว 2,500-1,500 ปีที่แล้ว ก่อนที่บรรพบุรุษของคนอุษาคเนย์จะยอมรับวัฒนธรรมศาสนาพราหมณ์และพุทธจากชมพูทวีปซึ่งตรงกับยุคสมัยที่หลักฐานทางตะวันตกเรียกพื้นที่บริเวณนี้ว่า "สุวรรณภูมิ"

ในหนังสือ พระราชพิธี 12 เดือน(ทวาทศมาส) ได้กล่าวถึง "พระราชพิธีพรุณศาสตร์" เดือนเก้า อันเป็นพิธีกรรมขอฝนอย่างพราหมณ์ และที่น่าสนใจคือในพิธีอย่างพราหมณ์ (ชมพูทวีป) ที่ว่านี้ กลับมีการตั้งโต๊ะบูชา เอารูปตุ๊กตาคนเปลือยทั้งชายหญิง ปั้น "เมฆ" ขึ้นจาก "ดินเหนียว" ดังพระราชนิพนธ์ว่า
"...ตรงหน้าสระ (ที่ขุดขึ้นเฉพาะในพระราชพิธีพรุณศาสตร์) ออกไปปั้นเป็นรูปเมฆสองรูป คือปั้นเป็นรูปบุรุษสตรีเปลือยกายแล้วทาปูนขาว"

รวมทั้งพระยาอนุมานราชธน ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่กล่าวถึงตุ๊กตารูปบุคคลเปลือยที่พบที่อุษาคเนย์ว่า ได้สอบถามจากบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ที่อาศัยอยู่ในเขตจังหวัดต่างๆ ในภาคกลางมาแต่เล็ก พบว่ารูปปั้นด้วยดินเหนียวอย่างนี้มีอยู่ทุกจังหวัด ขนาดเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ยืนบ้าง นอนบ้าง แล้วแต่ผู้ปั้นสมัครใจ ปีใดถ้าแล้งจัดฝนมาล่าช้าจะพบรูปปั้นอย่างนี้อยู่ตามข้างทางเดินและหัวคันนา บางแห่งก็ปั้นหลายรูปวางเป็นระยะๆ ไป แต่ส่วนใหญ่นั้นผู้ปั้นมักจะไม่ทราบว่ารูปปั้นอย่างนี้เรียกชื่อว่าอะไร ในที่สุดจึงไปได้ความจากชาวอ่างทองผู้หนึ่งว่าเรียก "ปั้นเมฆ"

มีข้อสังเกตหนึ่งในเรื่องลักษณะของรูปบุคคลเปลือยที่พบ เนื่องจากสร้างขึ้นด้วยวัตถุมีค่าคือ สำริด จึงน่าจะถูกนำมาใช้เป็นถาวรวัตถุในฐานะสมบัติของชุมชน ต่างจากเดิมที่น่าจะเป็นดินปั้นที่ฝนแล้งทีก็ปั้นใหม่กันทีหนึ่ง ดังนั้น ตุ๊กตาปั้นเมฆอย่างที่รู้จักกันในปัจจุบัน จึงน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับรูปบุคคลเปลือยจากบ้านเขาบ่อพลับ ในฐานะที่เป็นหลักฐานของพิธีกรรมปั้นเมฆ(ขอฝนเพื่อความอุดมสมบูรณ์)ที่เก่าแก่ที่สุดที่พบในขณะนี้

จวบจนปัจจุบัน ตุ๊กตารูปชายหญิงเปลือยกายก็ยังพบอยู่ในท่าทางสังวาส รวมถึงรูปปั้นหรือรูปสลักอวัยวะเพศ (ที่ส่วนมากมักเป็นของเพศชาย ที่ภาคกลางเรียก "ขุนเพ็ด" หรือที่อีสานเรียกว่า "บักแบ้น") ก็ยังคงมีประกอบอยู่ในพิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์อยู่

ในประเพณีบุญบั้งไฟและประเพณีผีตาโขนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย รวมทั้งประเพณีแห่นางแมวทางภาคกลาง "บักแบ้น" หรือ “ปลัดขิก” หรือ “ขุนเพ็ด”และตุ๊กตาเชิงสังวาส รวมถึงอากัปกิริยาสนุกสนานที่ดูทะลึ่งตึงตังต่างๆ ในกระบวนแห่ของประเพณีดังกล่าว ทั้งยังมีการร้องเซิ้งด้วยเนื้อหาที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศและเพศสัมพันธ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวความคิดและความเชื่อในความสัมพันธ์ระหว่างฟ้ากับดิน หญิงกับชาย ที่เป็นพลังก่อกำเนิดชีวิตและเป็นพลังแห่งความอุดมสมบูรณ์ ที่นำไปสู่แบบแผนประเพณีเช่นการขอฝนด้วยการใช้สัญลักษณ์ทางเพศ (อวัยวะเพศ) เป็นสื่อเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ธัญญาหารนั่นเอง

สรุป
เราพบว่าในเกือบทุกวัฒนธรรมทั่วโลกล้วนมีแนวคิดเรื่อง "เพศ" และใช้ "อวัยวะเพศ" เป็นสัญลักษณ์ของ "การก่อกำเนิด" และ "ความอุดมสมบูรณ์" ภายใต้มุมมองต่อธรรมชาติ น้ำฝนที่หยดลงมาจากฟ้าก็เหมือนกับน้ำเชื้อ (semen) ของพ่อที่ทำให้แม่ตั้งครรภ์ แล้วออกลูกหลานเป็นผลผลิตทางการเกษตรนานาชนิดให้ทุกชีวิตได้เก็บกิน

โดยสรุปแล้ว แนวความคิดบูชาองคชาติได้สะท้อนให้เห็นถึงปรากฏการณ์ทางความเชื่อของมนุษย์ที่สัมพันธ์กับธรรมชาติแห่งการเจริญพันธุ์ และความงอกงามของชีวิต นำไปสู่แบบแผนของพิธีกรรมเพื่อความอุดมสมบูรณ์ซึ่งปรากฏอยู่แทบทุกพื้นที่ทั่วโลก โดยเฉพาะการแสดงออกในสังคมญี่ปุ่นตั้งแต่สมัยโบราณกว่าพันปีผ่านเทศกาล Hounen Matsuri ที่แม้เทศกาลนี้อาจจะดูตลกในสายตาคนนอกที่มอง (เช่นเดียวกับประเพณีการแห่ขอฝนของไทย) แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า นี่คือร่องรอยของความเชื่อที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษนับพันปีสู่ลูกหลานในปัจจุบัน อันแสดงถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับธรรมชาติในสังคมเกษตรกรรมที่ได้ตกผลึกจนกลายมาเป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญชิ้นหนึ่งของมนุษย์ในที่สุด



-tuaytoon.com

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 เมษายน 2558 16:06:12 โดย Maintenence » บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.338 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 22 มิถุนายน 2568 12:04:41