[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 มิถุนายน 2568 18:40:51 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: กับดักน้ำตาล โดยนิตยสารสารคดี  (อ่าน 1915 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7886


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 42.0.2311.90 Chrome 42.0.2311.90


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 26 เมษายน 2558 12:45:35 »

กับดักน้ำตาล โดยนิตยสารสารคดี



ช่วงนี้มีข่าวน้ำตาลทรายขาวครึกโครมตามสื่อโซเชียลมีเดียและสื่อดั้งเดิมทั้งโทรทัศน์และสิ่งพิมพ์ เพราะบริษัทน้ำตาลผู้นำตลาดประกาศทุ่มงบประมาณ ๓๐ ล้านบาทเพื่อสร้างการรับรู้ใหม่แก่สังคมไทยว่าน้ำตาลทรายขาวไม่ได้ใช้สารฟอกสี และเป็นน้ำตาลธรรมชาติ

นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ในทางธุรกิจ เนื่องจากน้ำตาลเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ราคามีวงจรการขึ้นลง  ปีนี้ผลผลิตน้ำตาลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ราคาจึงตกต่ำ มิหนำซ้ำยังเป็นสินค้าควบคุมราคา ดังนั้นบริษัทน้ำตาลในบ้านเราจึงหาวิธีสร้างความแตกต่างให้สินค้าด้วยการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับน้ำตาลเพื่อเพิ่มมูลค่าและยอดขาย

สารฟอกสีเป็นเพียงส่วนยอดเล็กๆ ของภูเขาน้ำแข็งปัญหาสุขภาพ  ที่ผ่านมาวงการสุขภาพรณรงค์ให้กินน้ำตาลทรายขาวน้อยลง เหตุผลหลักเพราะใช้สารฟอกขาวในกระบวนการผลิต  ปรกติถ้าได้รับสารดังกล่าวในปริมาณไม่มากร่างกายคนเราจะมีเอนไซม์ที่เปลี่ยนสารซัลไฟต์ในสารฟอกขาวเป็นสารซัลเฟตซึ่งไม่มีพิษต่อร่างกายและขับสารออกทางปัสสาวะ แต่ถ้าได้รับปริมาณมากจะก่อให้เกิดอันตราย  กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูงได้รับสารกลุ่มนี้คือผู้เป็นโรคหอบหืด อาการที่พบ เช่น หายใจขัด เจ็บหน้าอก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ความดันเลือดต่ำ เป็นลมพิษ

สิ่งสำคัญกว่าที่เราไม่ควรหลงประเด็น คือ ไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลชนิดใด มาจากธรรมชาติหรือสังเคราะห์ (น้ำตาลส่วนใหญ่ล้วนมาจากธรรมชาติ) น้ำตาลก็ยังเป็นน้ำตาลวันยังค่ำ นั่นคือให้ความหวาน ซึ่งจะหวานมากหรือน้อยอาจมีนัยสำคัญบ้าง ที่แน่ๆ หากกินเกินความต้องการของร่างกายย่อมเป็นอันตรายต่อสุขภาพ



จากการติดตามสถานการณ์การบริโภคน้ำตาลของคนไทยโดยองค์กรสุขภาพทุกสำนัก ล้วนระบุตรงกันว่าคนไทยบริโภคน้ำตาลสูงเกินกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันหลายเท่า และนับวันจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่น กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลเกินกว่ามาตรฐานกำหนดสามเท่า คือ ปริมาณสูงถึงคนละ ๒๙.๖ กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ ๒๐ ช้อนชา  ขณะค่ามาตรฐานกำหนดให้บริโภคได้ไม่เกินคนละ ๑๐ กิโลกรัมต่อปี หรือเฉลี่ยวันละ ๖-๘ ช้อนชา

สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ติดตามสถานการณ์การบริโภคน้ำตาลของคนไทยในระดับประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเด็ก โดยดูจากรายการอาหารที่เลือกรับประทานแต่ละวัน ตั้งแต่ปี ๒๕๔๔-๒๕๕๔ พบว่า ปี ๒๕๔๔ คนไทยบริโภคน้ำตาล ๑๙.๙ ช้อนชาต่อวัน หรือเกือบ ๘๐ กรัม ถือว่ามากกว่าเกณฑ์ปริมาณน้ำตาลที่ควรได้รับ ๖ ช้อนชาต่อวัน หรือ ๒๔ กรัม ส่วนปี ๒๕๕๔ คนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มขึ้นเป็น ๒๕ ช้อนชาต่อวัน คิดเป็น ๑๐๐ กรัม เพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕ ในช่วงเวลา ๑๐ ปี และกว่า ๓๐ ปีที่ผ่านมาคนไทยบริโภคน้ำตาลเพิ่มเป็นสามเท่า  ทั้งนี้จากการเปรียบเทียบกับกลุ่มประเทศอาเซียนห้าประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ประเทศไทยบริโภคน้ำตาลสูงสุดเป็นอันดับ ๑

เหตุที่กินน้ำตาลเยอะเป็นอันตรายเพราะร่างกายต้องปรับปริมาณน้ำตาลในเลือดให้สมดุล หากน้ำตาลในเลือดสูง ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินเพื่อควบคุมให้ปริมาณน้ำตาลในเลือดต่ำลง โดยเปลี่ยนกลูโคสเป็นไกลโคเจนเพื่อเก็บสะสมไว้ที่ตับและกล้ามเนื้อ  หากน้ำตาลในเลือดต่ำ ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนกลูคากอน (glucagon) เพื่อสลายไขมัน (หรือไกลโคเจน) ที่ตับและกล้ามเนื้อให้เป็นน้ำตาลกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือด

ดังนั้นการกินน้ำตาลมากและต่อเนื่องจะส่งผลให้มีไขมันเพิ่มขึ้นที่ตับและกล้ามเนื้อ และปริมาณน้ำตาลที่ขึ้นๆ ลงๆ ในเส้นเลือดจากการกินน้ำตาลมากและบ่อยๆ เป็นเวลานานจะทำให้กลไกการปรับน้ำตาลในเลือดผิดเพี้ยนจนเกิดภาวะดื้ออินซูลิน (insulin resistance) และนำไปสู่สาเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคอ้วน เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงมะเร็งบางชนิด

ส่วนการหลีกเลี่ยงโดยกินน้ำตาลเทียมหรือน้ำตาลสังเคราะห์ก็ไม่ใช่ทางเลือกอันชาญฉลาด นักวิจัยจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ มหาวิทยาลัยเทกซัส (UT Health Science Center) สหรัฐอเมริกา เก็บข้อมูลผู้หญิง ๑,๕๕๐ คน อายุระหว่าง ๒๕-๖๔ ปี โดยมี ๖๒๒ คนที่น้ำหนักได้มาตรฐานก่อนเข้าร่วม พบว่า คนที่ดื่มน้ำอัดลมปรกติครึ่งกระป๋องต่อวัน มีโอกาสเป็นโรคอ้วน ๒๖ เปอร์เซ็นต์ ขณะผู้ดื่มน้ำอัดลมแบบ diet มีโอกาสเพิ่มขึ้นเป็น ๓๖.๕ เปอร์เซ็นต์ และถ้าดื่มวันละหนึ่งถึงสองกระป๋องมีโอกาสเป็นโรคอ้วนสูงขึ้น ๕๔.๕ เปอร์เซ็นต์

สรุปว่า การดื่มน้ำอัดลมแบบไดเอตหนึ่งกระป๋องต่อวันมีโอกาสน้ำหนักขึ้น ๖๕ เปอร์เซ็นต์ และมีโอกาสเป็นโรคอ้วน ๔๑ เปอร์เซ็นต์  นักวิจัยเชื่อว่าน้ำตาลเทียมที่มีความหวานมากกว่าน้ำตาลธรรมดาสองเท่าแต่ไร้แคลอรีเหล่านี้ทำให้รู้สึกหิว สมองจึงสั่งการให้หาของกินอื่นเพื่อเพิ่มแคลอรี  นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่าน้ำตาลเทียมเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมะเร็งบางชนิด

ด้วยเหตุนี้เราจึงไม่ควรตกเป็นเหยื่อการโฆษณาเฉพาะจุดหรือติดกับดักคำสวยๆ อย่าง “ธรรมชาติ” “แคลอรีต่ำ”  และตระหนักว่าไม่ว่าจะกินน้ำตาลประเภทใดก็ควรกินแต่พอควร หลีกเลี่ยงอาหารหวานจัด และเติมน้ำตาลในอาหารให้น้อยที่สุด เพราะอาหารส่วนใหญ่ล้วนเติมน้ำตาลหรือมีความหวานตามธรรมชาติอยู่แล้ว .




ตีพิมพ์ใน นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ 357 พฤศจิกายน 2557
เรื่อง : ภัสน์วจี ศรีสุวรรณ์ 
ภาพประกอบ : จัน-เจ้า-ค่ะ
เพิ่มเติมที่: http://www.sarakadee.com/2015/02/13/sugar-trap/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.194 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 26 กุมภาพันธ์ 2567 16:21:05