[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
24 มิถุนายน 2568 20:00:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๐ ถุสชาดก : พระเจ้าพรหมทัตหลงผิด  (อ่าน 761 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6096


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 22 สิงหาคม 2563 16:20:54 »



พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ เรื่องที่ ๓๐ ถุสชาดก
พระเจ้าพรหมทัตหลงผิด

          พระโพธิสัตว์เป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ ตั้งสำนักสอนศิษย์อยู่ในเมืองตักสิลา ราชตระกูลและตระกูลพราหมณ์ส่งบุตรเข้าเรียนเป็นจำนวนมาก รวมทั้งพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัตด้วย
          เนื่องจากเป็นผู้มีความเฉลียวฉลาด สามารถเรียนจบไตรเพทและศิลปศาสตร์ เมื่ออายุได้ ๑๖ พรรษา  ก่อนกลับพระนครพระอาจารย์ได้ตรวจดูชะตาชีวิตตามหลักโหราศาสตร์ และได้ผูกคาถาไว้ ๔ ข้อ เนื่องจากพบว่าพระกุมารจะมีอันตราย เมื่อได้พระโอรสแล้วจึงบอกวิธีใช้ให้
           “ถ้าเจ้าได้ขึ้นครองราชย์ในขณะที่พระโอรสของเจ้ามีอายุได้ ๑๖ พรรษา ก่อนที่จะเสวยพระกระยาหาร จงท่องคาถาบทที่ ๑  เมื่อมีการเฝ้า ก็จงท่องคาถาบทที่ ๒  ตอนขึ้นตำหนักยืนอยู่หัวบันได จงท่องคาถาบทที่ ๓  และก่อนจะเข้าห้องบรรทมอยู่ที่หน้าธรณีประตู ก็จงท่องคาถาบทที่ ๔
          ได้รับคำแนะนำจากอาจารย์แล้ว พระกุมารก็ลาอาจารย์กลับ ได้รับตำแหน่งอุปราช พอบิดาเสด็จสวรรคต ได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบต่อมา ทรงใช้มีพระนามเดียวกันกับพระบิดาว่า พรหมทัต
          ขณะที่พระองค์ครองราชย์นั้นพระโอรสของพระเจ้าพรหมทัตมีพระชนมายุครบ ๑๖ พรรษาพอดี เมื่อเห็นราชสมบัติของพระบิดาก็เกิดความโลภขึ้น คิดอยากครอบครองมาเป็นของตนเอง จึงไปปรึกษากับอำมาตย์คนสนิท อำมาตย์ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ในระหว่างเสวยพระกระยาหารกับพระบิดาก็นำยาพิษมาด้วย เมื่ออาหารพร้อมแล้ว พระบิดาก็ได้ท่องคาถาบทที่ ๑
          “ในที่มืด แม้ฝนดำ แกลบก็แจ่มแจ้งปรากฏว่าเป็นแกลบ ข้าวสารก็แจ่มแจ้งปรากฏว่าเป็นข้าวสารแก่พวกหนู พวกหนูกินแต่ข้าวสารไม่กินแกลบฉันใด การที่เรามานั่งกุมยาพิษร้ายนี้ก็ปรากฏแจ่มแจ้งฉันนั้น”
          ได้ฟังเช่นนั้นแล้ว พระโอรสก็ตกใจกลัวนึกว่าพระบิดารู้แล้ว จึงรีบลุกถวายบังคมแล้วเดินออกไป ได้ปรึกษากับอำมาตย์คนสนิทว่าคงจะหมดโอกาสแล้วหล่ะ ต้องหาทางลอบปลงพระชนม์พระบิดา เลือกเอาตอนที่มีการเข้าเฝ้าครั้งใหญ่จะเหมาะกว่า เมื่อมีการเข้าเฝ้า พระโอรสจึงได้ดำเนินตามแผนที่วางไว้
          พระราชาทรงนึกถึงคำสั่งสอนของพระอาจารย์จึงได้ท่องคาถาบทที่ ๒ ว่า “การที่ปรึกษากันในป่าก็ดี การพูดกระซิบกันในบ้าน หรือแม้แต่คิดที่จะหาโอกาสฆ่าเราในตอนนี้ก็ดี เรารู้หมดแล้ว”
          พระโอรสหมดช่องทาง จึงกลับไปปรึกษากับอำมาตย์ใหม่ นับจากนั้นมาประมาณ ๗-๘ วัน อำมาตย์กราบทูลว่า “คงเป็นการคาดคะเนของพระบิดา แท้จริงแล้วพระองค์คงยังไม่รู้แน่ พระโอรสจงพยายามต่อเถิด”
          เช้ารุ่งขึ้น พระโอรสเหน็บพระขรรค์อันแหลมคมไปยืนดักรอพระบิดาที่หน้าธรณี (ประตูห้อง) ใกล้หัวบันได พอพระราชามาถึงหัวบันได นึกคำของพระอาจารย์ได้จึงท่องคาถาบทที่ ๓ ว่า “ได้ยินมาว่า ลิงตัวผู้ที่เป็นพ่อใช้ฟันกัดพวงสวรรค์ของลูกลิงตอนเป็นหนุ่ม ทำให้ความเป็นตัวผู้สูญเสียไป”
          พระกุมารได้ยินเช่นนั้น ทรงคิดว่าพระบิดาคงรู้แน่แล้ว จึงกลับไปปรึกษากับอำมาตย์
          อำมาตย์ได้ทูลว่า “ถ้าพระบิดาทรงรู้จริงๆ คงไม่วางพระทัยในพระโอรสมาจนป่านนี้ ฉะนั้นจงพยายามต่อไปเถิด”
          วันรุ่งขึ้นพระโอรสได้เหน็บเอาพระขรรค์แล้วซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงที่พระราชาประทับอยู่ 
          ก่อนที่จะเสด็จเข้าห้องบรรทม ทรงประทับยืนหน้าธรณีประตู พระราชาก็ท่องคาถาที่ ๔ “การที่ดิ้นรนเหมือนแพะตาบอดที่อยู่ในไร่ผักกาดก็ดี หรือนอนอยู่ใต้นี้ก็ดี เรารู้หมดแล้ว”
          พระโอรสได้ยินพระบิดาตรัสเช่นนี้ก็ทรงตกพระทัยกลัว รีบคลานออกมาก้มลงกราบแทบพระบาทของพระบิดา แล้วทูลวิงวอนของอภัยโทษให้ยกโทษให้
          พระราชาทรงขู่ไปอีกว่า “สิ่งที่ทำอยู่นี่อย่าคิดว่าจะไม่มีใครรู้นะ”  จากนั้นจึงรับสั่งให้มีการจองจำไว้ในคุก พร้อมอารักขาอย่างหนาแน่น
          พระราชาทรงระลึกถึงว่าที่ตนเองรอดพ้นจากความตายมาได้ ก็เพราะคุณความดีของพระอาจารย์ที่ได้เตือนสติและสั่งสอนมา

 
ธรรมนิทานชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความโลภทำให้คนทำในสิ่งที่ผิด”
“ต้องรู้จักอดทนต่อความอยากได้”


พุทธศาสนสุภาษิตประจำเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สํกิลิสฺสติ
ตนทำบาปเอง ย่อมเศร้าหมองเอง (๒๕/๓๑)
อนฺธตมํ ตทา โหติ ยํ โลโภ สหเต นรํ
เมื่อความโลภเข้าครอบงำคน เวลานั้นมีแต่ความมืดตื้อ (๒๕/๒๖๘)

คัดจาก : หนังสือ พระเจ้า ๕๐๐ ชาติ ฉบับสมบูรณ์ / จัดพิมพ์เพื่อเผยแพร่พระพุทธศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดย สถาบันบันลือธรรม

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.168 วินาที กับ 30 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 05:28:31