10 มิถุนายน 2568 12:56:48
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
สุขใจในธรรม
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
.:::
ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร} (อ่าน 3731 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1920
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.215
ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
«
เมื่อ:
26 สิงหาคม 2554 10:08:00 »
Tweet
(:LOVE:)ตาลปัตรที่เห็นอยู่นี้ไม่ธรรมดาเป็นของเก่าแก่ถ่ายภาพโดย Sometime สงวนลิขสิทธิ์
ข้อความเตือนสติที่มาจากส่วนสนทนาที่เกี่ยวข้องกับพระสูตร
1.อรรถของศรัทธา
ศรัทธา คือ ความเชื่อ ความเลื่อมใส ในพระรัตนตรัย ในกรรม และผลของกรรม
ในคุณความดี ปรุงแต่ง ให้จิตตุปาท คือ จิต เจตสิกขณะนั้นผ่องใส
2. ลักษณะของศรัทธา
แก้วมณีไล่มลทินฉันใด ศรัทธานั้นข่มนิวรณ์ ระงับกิเลส ทำจิตให้ผ่องใส เมื่อ
ศรัทธาเกิดต้องผ่องใสด้วย{โสภณธรรม}
ขณะที่ให้ของหรือช่วยเหลือ ปราศจากความขุ่นใจในผู้รับ เห็นแก่ประโยชน์คนรับ
ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ติดข้องในสิ่งของหรือผลได้ มีเมตตา กรุณา สภาพของจิตที่
ปราศจากอกุศลนั้น สะอาด ผ่องใส เพราะศรัทธาเจตสิก เกิดร่วมด้วย เป็นธรรม
อย่างหนึ่งเกิดดับ เร็วมาก ไม่ต้องเรียกชื่อ
3. ความเจริญขึ้นของศรัทธา
ศรัทธา ความผ่องใสมีหลายระดับ ถึงความเป็นอินทรีย์ เมื่อรู้ลักษณะธรรมตาม
ความเป็นจริงเพราะกระทบสัมผัสทั้งวัน เข้าใจว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นเรา ไม่ใช่
สัทธินทรีย์ จนถึงขั้นเห็นถูกตามความเป็นจริง ผ่องใสจากความไม่รู้ จนกว่าจะเป็น
โลกุตตรศรัทธา ผ่องใสอย่างยิ่ง เพราะมีธาตุไม่เกิดดับเป็นอารมณ์ ที่ความเห็นผิด
เป็นเรา สงสัยคุณพระรัตนตรัยตลอดสังสารวัฏฏ์จะถึงความหมดเชื้อ สิ้นสุด
4. ความเกี่ยวข้องของ ศรัทธาเป็นเพื่อนสอง และ ความไม่ประมาท
ศรัทธาเป็นเพื่อนสองของคน
ขณะนี้เป็นธรรมมีอะไรเป็นเพื่อนสอง ถ้าโสภณธรรมเกิด ศรัทธาเป็นเพื่อน
สอง มาโลกนี้ก็ด้วยศรัทธา เพราะเป็นผลของกามาวจรกุศล แต่ยากที่จะรู้ว่า
ขณะไหนเป็นศรัทธา เพราะลึกซึ้ง หลายนัย เพราะฉะนั้นฟังธรรมเพื่อละคลาย
ความเป็นเรา โดยรู้ว่าเป็นธรรม และถ้าเพื่อนไม่อยู่ โลภะก็เป็นเพื่อนแทน
อรรถของความไม่ประมาท
ทุกอย่างที่ไม่ดีเกิดจากความประมาททั้งหมด
ไม่ประมาท คือ ฟังแล้ว ฟังอีก ว่าขณะนี้เป็นธรรม ละความไม่เข้าใจ ที่มีแต่
ชื่อปิดบังไว้เข้าใจมั่นคงขึ้นด้วยความละเอียด พิจารณารู้ความจริงของธรรม
ซึ่งเกิดดับ หลากหลาย ทุกนัย ทั้งขันธ์ ธาตุ อายตนะโดยประการทั้งปวงเมื่อ
ปัญญามีกำลัง จึงสามารถละเยื่อใยความติดข้องได้
ความไม่ประมาท
เพื่อให้เข้าใจประโยชน์ของธรรมในขณะนี้ คือ ให้เข้าใจสภาพธรรมที่กำลังมีใน
ขณะนี้................เพราะความประมาท คือ ฟังว่ามีจิต เจตสิก แต่ไม่รู้ว่ามี
ครอบครัวตัว ป. ตอนที่ 1
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2554 12:36:39 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1920
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.215
Re: ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
«
ตอบ #1 เมื่อ:
26 สิงหาคม 2554 10:26:42 »
เหตุของศรัทธา
คบสัตบุรุษฟังธรรมด้วยความเคารพ แม้เหตุของการฟังธรรม คือ ไม่
ประมาท เพราะเห็นประโยชน์ของการฟังจึงมีศรัทธาฟังเหตุเสื่อม คือ ไม่
คบสัตบุรุษ ไม่ฟังธรรม
บุคคลอย่าตามประกอบความประมาท และอย่าตามประกอบความสนิทสนมด้วยอำนาจความยินดีในกาม”
กุศลใดไม่ขัดเกลา{อวิชชา}กุศลนั้นไม่อาจออกจากสังสารวัฏฏ์ได้ กุศลขั้นสูง
แม้ทำให้เกิดในสวรรค์ แต่ยังเป็น{สังสารวัฏฏ์ - จุติจากสวรรค์}อุบัติในนรกทันที
แล้วประมาทได้หรือไม่ไม่ใช่พระอริยบุคคล ถึงเวลาใครก็ช่วยไม่ได้ ถ้า
เข้าใจอย่างนี้ ที่ทำความดี เป็นคนดี ไม่ประมาท
5. อรรถของ รักษาความไม่ประมาท เหมือนบุคคลรักษาทรัพย์อันประเสริฐ
คือ เห็นคุณค่าพระธรรม มีศรัทธาฟัง ไตร่ตรองด้วยด้วยความละเอียด รอบคอบ
เพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อทำ ไม่เจาะจงรู้ เป็นผู้รับมรดกของพระธรรม ผู้มีโอกาสได้ยิน
ได้ฟัง ต้องรักษามรดกนี้ไว้ คือ ประพฤติปฏิบัติตาม เพราะยากที่จะเข้าใจธรรมนี้ได้
ต้องฟังมานาน ไม่เฉพาะชาตินี้
6. สติไม่เจาะจงรู้
อบรมความเข้าใจถูก ขณะนี้มีเห็น มีได้ยิน สติสัมปชัญญะเกิดก็รู้สิ่งที่เกิดในขณะนั้น
ไม่ใช่ให้รู้สิ่งที่ยังไม่เกิด หรือเจาะจงรู้ เช่น สัทธินทรีย์ หรือ สัทธาพละ แม้ขณะนี้
เป็นธรรม ยังยากที่จะเข้าใจว่าเป็นธรรม เมื่อกุศลจิตเกิด คิดทำประโยชน์แก่ผู้อื่น ๆ
มี{ศรัทธา}แต่ไม่รู้ว่าศรัทธาเป็นธรรม เพราะฉะนั้นก่อนอื่นต้องรู้ความเป็นธรรมที่มี
ในขณะนี้ไม่ใช่พยายามไปรู้สิ่งที่ไม่ปรากฏ เพราะ{อนัตตา} คือ คาดหวังไม่ได้ว่า
อะไรปรากฏ
7. ตลอดชีวิต เป็นธรรม
ธรรมก็เป็นอย่างนี้ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ จะบอกว่าไม่มี
ไม่ได้แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริงเมื่อมีผู้ที่สามารถแสดงให้เริ่มเข้าใจได้ จะทอดทิ้ง
หรือไม่ เพราะตลอดชีวิตก็คือธรรมทั้งหมดย่อยลงไปแต่ละขณะจะไม่พ้นจาก
{ธรรม}แต่ละประเภทเลย ทรงแสดงความจริงของธรรม เพื่อให้เกิดศรัทธา รู้คุณค่า
และประโยชน์ของการฟังเข้าใจเมื่อเข้าใจจึงสามารถเห็นพระคุณของ พระสัมมา -
สัมพุทธเจ้าได้
8. ชอบเพื่อนคนไหน
ชอบเพื่อนที่เป็นโลภะ เพราะชอบ คือ โลภะ เป็นเพื่อนตามไปตลอด
9. กิเลสเป็นเครื่องข้อง
กิเลสเป็นเครื่องข้อง โดยนัย ๕ คือ ราคะ โทสะ โมหะมานะ ทิฏฐิ(มิจฉาทิฏฐิ)
กิเลสเป็นเครื่องข้อง โดยนัย ๗ รวม กิเลส และ ทุจริต
ความเกี่ยวข้องย่อมมีอยู่เรื่อยๆด้วยความไม่รู้
10. ความหมายของอุปนิชฌาน ๒
อุปนิชฌาน คือ การเพ่ง การเผา การเข้าไปเผา
อะไรเพ่งอะไร{อะไร - เผาอะไร}
ปัญญาเพ่งเผากิเลส
กุศลฌานเผาธรรมฝ่ายอกุศล
เพ่งคืออะไร เพ่งเมื่อไร เพ่งอย่างไร เพ่งทำไม
เพ่งเพื่อเห็นความจริง อยู่ดีๆคงไม่เพ่ง คงผ่านไป เช่น ภาพเสือขนเหมือนจริง
เป็นภาพปัก หรือ ภาพเขียน ต้องเพ่งจึงรู้ความจริง
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2554 12:34:43 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1920
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.215
Re: ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
«
ตอบ #2 เมื่อ:
26 สิงหาคม 2554 10:32:17 »
อารัมมณูปนิชฌาน
คือ อารมณ์ที่สามารถทำให้ จิตเป็นกุศลไม่ติดข้อง ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย
ใจ ด้วยระดับของปัญญาที่ รู้ว่ากุศลจิตจะเกิดได้เพราะอะไร
ลักขณูปนิชฌาน
คือ พิจารณาเข้าใจลักษณะที่มีจริงในขณะนั้น เป็นการเผา{ปฏิปักษ์ธรรม}โดย
การเห็นถูกว่าเป็นธรรมแต่ละลักษณะ
11. การเจริญอุปนิชฌานที่เผาผลาญธรรมฝ่ายอกุศล
ปัญญาสำเร็จจากการฟังเจริญขึ้น วันหนึ่งจะถึงการประจักษ์แจ้งความจริงตรงตามที่
ได้ฟังทุกอย่างไม่คาดเคลื่อน
ฝ่ายอารัมมณูปนิชฌาน
เผาอกุศลด้วยการรู้อารมณ์ ที่ตรงกันข้ามกับอกุศล เพราะกุศลเกิดเพราะเห็น
บ้างได้ยินบ้างได้กลิ่นบ้าง ลิ้มรสบ้าง รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสบ้างผู้มีปัญญารู้
หนทางที่จะละ หรือเผาความติดข้องที่ทำให้เกิดอกุศลจิต ด้วยโสภณสมาธิมี
กำลังมั่นคง เป็น อุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิจึงเป็นฌานจิต ที่ทำให้ไม่รู้
อารมณ์ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ชั่วคราว ซึ่งเป็นอารมณ์ที่จะทำให้
อกุศลจิตเกิด
ฝ่ายลักขณูปนิชฌาน
{ลักขณูปนิชฌาน}เผากิเลสด้วยความรู้ลักษณะของธรรม ไม่ใช่เพียงแต่อกุศล
ไม่เกิด รู้ความจริงว่าขณะนั้นไม่ใช่ตัวตน เป็น{สติปัฏฐาน}อบรมถึงเฉพาะ
ลักษณะตามความเป็นจริง จนกระทั่งรู้ชัดวิเสสลักษณะ และสามัญลักษณะที่
เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตามลำดับ
เผาทำไม
ทรงสอนให้เผากิเลส กิเลสถ้าไม่ถูกเผา เผาไม่หมด ตัดก็ไม่หมด ก็งอกขึ้นมา
{อวิชชา}ละยากถ้าไม่ถึงการเผาก็ไม่มีทางแค่ระงับ ก็เกิดอีกได้
ไฟที่แท้จริง
ฌานระงับกิเลสชั่วคราวตามกำลัง แต่ปัญญาเห็นถูกตามเป็นจริงเหมือนไฟ
ไฟแม้เล็กน้อยไม่อาจเผาบ้านเมืองได้ แต่อวิชชาที่สั่งสมมาในสังสารวัฏฏ์
ประมาณไม่ได้ หนาแน่นกว่าบ้านเมือง ที่จะหมดด้วยการเผา ต้องเป็นปัญญา
ระดับขั้นรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
เริ่มต้นเผาอย่างไร อุปถัมภ์การเผา
กุศลภาวนา คือ อบรมกุศล มั่นคงที่จะดำเนินชีวิตด้วยคุณความดี เพราะทุก
อย่างที่เกิดสั้นชั่วคราว แต่คุณความดีเท่านั้นตามไปได้ และเป็น{อุปนิสสย} -
ปัจจัยอุปการะที่จะเผากิเลส ซึ่งยิ่งกิเลสมากยิ่งเผายาก เริ่มแต่ตอนนี้คือเผา
และจากโลกนี้ไปเป็นคนดี มีค่าที่สุด
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2554 12:33:38 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1920
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.215
Re: ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
«
ตอบ #3 เมื่อ:
26 สิงหาคม 2554 10:37:10 »
12. ความเกี่ยวข้องของชีวิต และ ปัญญา
ใครไปเกิดในสวรรค์การพ้นสภาพบุคคลนี้
ไม่ใช่เราที่อยู่ตรงนี้ ไม่มีทาง เพราะสิ้นสุดจากบุคคลนี้ไม่เหลือเลยหายไป
เลยถ้าเกิดอีกก็ไม่ใช่คนนี้ แต่{กัมมชรูป}และวิบากจิตเกิดเป็นบุคคลใหม่
เป็นบุคคลนี้ได้เพียงเท่าที่กรรมยังทำให้เป็นบุคคลนี้อยู่ แล้วก็จะหายไปจาก
โลกนี้ รวมทั้งเกียรติยศ ชื่อเสียง ทรัพย์สมบัติ ทุกข์ สุข ญาติพี่น้อง วงศา-
คณาญาติไม่เหลือเลย
ความเล็กน้อยของความสุข
ความรู้สึกสุขที่ได้มาสั้นเล็กน้อยมาก เมื่อเปรียบกับทุกข์ อุปมาเหมือนเห็น
การร่ายรำด้วยแสงฟ้าแลบสั้นแสนสั้น อกุศลจิตที่เกิดดับร่ายรำไปถึงไหน
สารพัดทิศ สารพัดเรื่อง แสนสั้น จากโลกนี้ ลืมทุกอย่าง ไม่เป็นคนนี้อีกเลย
ประโยชน์ของความรู้
มีศรัทธาเห็นประโยชน์ คือ คุณค่าของการที่ชีวิตอยู่เพียงชั่วคราว ถ้าจากไป
โดยไม่รู้อะไร ก็เหมือนหลงในความมืด
13. อรรถของวัฏฏะของสัตว์ผู้ประมาทแล้วกำหนดไม่ได้ แล้วก็วัฏฏะของผู้ไม่ประมาท
กำหนดได้
ตั้งแต่เกิดจนตายเต็มไปด้วยคำที่ไม่รู้ เช่น จิต คนใช้พูดกันทั้งวัน แต่ไม่รู้ว่าคือ
อะไร มาและไปด้วยความประมาท
ผู้ไม่ประมาทคือฟังคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่คิดเองความเข้าใจถูก
เหมือนเชื้อไฟ ทำให้เกิดไฟกองใหญ่เผาผลาญอวิชชาที่มีในสังสารวัฏฏ์ได้
14. ตอนนี้เกิดใหม่หรือยัง
จิตเกิด ดับ ใหม่หมด ไม่มีจิตเก่ากลับมาเกิดเลย จิตเก่า ๆ ที่เต็มไปด้วยความไม่รู้
และติดข้องจิตใหม่ฟังธรรมแล้วเข้าใจขึ้น เกิดใหม่โดยนัยของบรรพชา
อุปสมบท ละเพศคฤหัสถ์ สู่เพศ{บรรพชิต} ในฐานะที่ไม่ใช่บรรพชิต คือ จาก
อวิชชา เริ่มเกิดเป็นวิชชา จนกว่าจะเติบโตขึ้นละเยื่อใยความไม่รู้
15. วิบากที่มีศรัทธาเกิดร่วมด้วย
วิบาก คือ นามธาตุเป็นผลที่สุกงอมแล้ว เกิดเพราะนานักขณิกกัมมปัจจัย ซึ่งสัทธา
เจตสิกจะเกิดกับวิบากที่ดีเท่านั้น
วิบากที่ดี
คือ โสภณวิบาก เพราะชนกกรรม ทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิ พร้อมด้วยโสภณ -
เจตสิก มีภวังคจิตดำรงภพชาติ จนกว่าจะถึงจุติจิตในภพนั้น ซึ่งประกอบด้วย
เจตสิกประเภทเดียวกัน
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2554 12:32:50 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์
Nepal
กระทู้: 1920
ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.215
Re: ยารักษาใจ{ศรัทธาสูตร}
«
ตอบ #4 เมื่อ:
26 สิงหาคม 2554 10:47:38 »
วิบากที่ไม่ดี
คือ อกุศลวิบาก เพราะชนกกรรม ทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิ ไม่มีโสภณเจตสิก
เกิดร่วมด้วย และ วิบากอื่น ๆ ที่เป็น ทวิปัญจวิญญาณสัมปฏิจฉันนจิต สัน-
{ตีรณจิตตทาลัมพณจิต}
ประโยชน์ของการรู้อย่างนี้ คือ ความจริงเป็นอนัตตา ไม่ต้องทำอะไร ธรรมก็
เป็นธรรม เป็นอย่างนี้ตถลักษณะ
ข้อความเตือนสติจากบทสนทนาอื่นที่ได้รับประโยชน์ในชั่วโมงพระสูตร
16. ความทึกทัก สรุปว่ารู้ตรงลักษณะสภาพธรรม
ตรงคืออะไร
ทำไมต้องทึกทักในเมื่อขณะนี้มีสิ่งที่ปรากฏ เข้าใจแค่ไหนก็แค่นั้น แสดงให้
เห็นว่าเพื่อนสองมาแล้ว เข้าใจก็คือเข้าใจไม่เข้าใจก็คือไม่เข้าใจ
ตัวตนหรือสติปัฏฐาน
ฟังแล้วก็มีสิ่งที่ปรากฏให้เห็น เริ่มที่จะเข้าใจว่าเป็นเพียงสิ่งที่มีจริงเป็นรูปธรรม
เดียวที่ปรากฏให้เห็นได้ธรรมอื่นแม้ทั้งหมดไม่สามารถปรากฏให้เห็นได้ สิ่งที่
ปรากฏต้องเกิดดับแล้ว ทันทีที่เห็นจำสิ่งที่ปรากฏอย่างเร็ว เข้าใจเป็นสิ่งหนึ่ง
สิ่งใดที่เที่ยง จนรู้ว่าเป็นคน ความต่างของคน ชื่อ เร็วแค่ไหน ถ้าเป็นปัญญา
สามารถรู้จริงโดยไม่ทึกทัก แทนที่จะเป็นดินสอ เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฎทาง
ตา แข็ง และความคิดนึก
ปัญญาที่เจริญขึ้น
เมื่อปัญญาคมประจักษ์แจ้งลักษณะเฉพาะสิ่งที่ปรากฏ ถอนการยึดติดความ
เป็นเรา หรือ สิ่งหนึ่งสิ่งใด คือความต่างกันของวิชชา และ อวิชชา จากอัตต
สัญญา ก็เป็น อนัตต - สัญญา จนกระทั่งปัญญามีกำลังยิ่งถึงขั้นประจักษ์แจ้ง
การเกิดดับ ตรงตามวาระจิตที่ทรงแสดง
17. ความต่างระหว่างมีสติ และไม่มี{สติ}
เดี๋ยวนี้จับสิ่งใดสิ่งหนึ่งตลอดเวลา หรือว่า แข็งกำลังปรากฏ
ความจริง คือ แข็งปรากฏแล้วไม่กลับมาอีก
18. เหตุปัจจัยให้เลิกหวัง
เลิกหวังเป็นคำพูดง่าย ต้องรู้ก่อนว่าหวังอะไร รู้ว่าหวังคืออะไร ถ้าหวังไม่มีกิเลส
กำลังพูด กำลังทำ เป็นกิเลสหรือไม่ ทุกอย่างต้องรู้ด้วยประการทั้งปวง
เข้าใจกับอยากรู้มาก ๆ ต่างกันหรือไม่ค่อย ๆ เข้าใจเป็นหนทางเดียวที่ละความหวัง
19. ความต่างของ{สุตมยปัญญาจินตามยปัญญาภาวนามยปัญญา}
เพราะกำลังฟังจึงสามารถเข้าใจสิ่งที่ได้ฟังเป็นปัญญาสำเร็จจากการฟัง ไม่ใช่คิดเอง
เมื่อพูดถึงสิ่งที่ถูกต้อง เพราะเข้าใจ เช่น จิต เป็นนามธรรมเป็นธาตุที่มีจริง
ไม่ใช่ตัวตนเป็น{ธรรม} ต้องอาศัยการคิดเวลาพูด เป็น{จินตามยปัญญา}
ขณะที่กำลังเข้าใจขึ้น เข้าใจขึ้น อบรมทีละเล็ก ทีละน้อย เป็น ภาวนามยปัญญา
เกื้อกูลกันถึงมีภาวนามยปัญญาก็ต้องอาศัยการฟัง แม้พระอรหันต์ดับกิเลสแล้ว
ยังฟังพระธรรม.....................................
ที่มาของบทความ
จากการบารยายธรรมของท่าน อาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยกร ณ.มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26 สิงหาคม 2554 12:32:08 โดย 時々Sometime
»
บันทึกการเข้า
โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...