[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
13 มิถุนายน 2568 21:37:28 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เจาะลึกถึงเบื้องหลังการถ่ายแบบของดาราชื่อดังไม่ได้เอ่ยชื่อน่ะ  (อ่าน 4190 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1920


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.220 Chrome 13.0.782.220


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 15 กันยายน 2554 16:51:03 »





เจาะลึกทุกประเด็นแก้ข้อสงสัยได้จริง ๆ ทุกปัญหามีทางออก


อสุภกรรมฐานนี้องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้เหมาะกับราคจริต
เพราะว่าเป็นการทำลายความรู้สึกกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความสวยงามสำหรับอสุภกรรมฐานนี้  
ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายพิจารณาเป็นเอกัคตารมณ์หรืออารมณ์เป็นปกติ ก็จะเป็นปัจจัยเข้าถึงพระอนาคามี  
โดยง่าย จะว่าเฉพาะพระอนาคามีก็ไม่ได้เพราะพระอนาคามีแล้วอีกประเดี๋ยวใจก็เดินไปถึงอรหัตผล    
นี่จงจำไว้ให้ดีว่าสำหรับอสุภกรรมฐานนี้ไม่ใช่กรรมฐานเพ่งเป็นกรรมฐานพิจารณาแต่ว่าเราจะเพ่ง    
ก็ได้ แต่ถือว่าไม่สำคัญ  

ก่อนที่จะพิจารณาอสุภกรรมฐานอันดับแรกพยายามจับลมหายใจเข้าออกภาวนาว่า.........พุทโธ
ไว้ก่อนให้จิตสบาย พอจิตสบาย จิตทรงอารมณ์ดี ก็มาพิจารณาอสุภกรรมฐาน{อสุภ} แปลว่า ไม่สวย      
ไม่งามจำไว้ให้ดี นี่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงให้พิจารณาคนตายตายแล้ว วันหนึ่งสองวัน    
สามวันนี่เป็นคนตายขึ้นอืด มีน้ำเหลืองไหลตลอดถึงร่างกายทรุดโทรมเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกแล้ว    

รู้สึกว่าหน้าหายไปเหลือแต่กระดูก กระดูกเป็นท่อน แต่ว่าทรงเป็นรูปอยู่แล้วต่อมากระดูกก็แตกขาดไป
เป็นชิ้นเป็นท่อนเป็นอันแล้วในที่สุดก็แตกเล็กน้อยเรี่ยราดไปในที่สุดก็จมพื้นแผ่นดินก็จะขอกล่าวแต่  
โดยย่อว่า อสุภความจริงมี ๑๐ อย่างเมื่อรวมแล้วก็พิจารณาเรื่องของคนตายตามธรรมดาคนเราถ้ายังไม่  
ตายก็มีความรักกัน  มีความผูกพันกันอยู่ประคับประคองกันได้ไม่มีการรังเกียจรักกันปานจะกลืนกิน    
แต่ทว่าพออีกคนสิ้นลมปราณไปแล้วเท่านั้นบางทีขณะที่เขาตายลงไปใหม่ ๆ เราก็ไม่อยากเข้าไปแตะ    
ต้อง รังเกียจว่า ร่างกายมันเย็นมันมีสภาพเป็นซากศพดีไม่ดีก็เลยกลัว หาว่าเป็นผี    

ต่อไปนี่นั่งนึกถึงความเป็นจริงที่องค์สมเด็จพระจอมไตรเอามาสอนความจริงพระพุทธเจ้า
ท่านไม่ได้เอาอะไรมาสอนเราเอาของจริง ๆ ที่มีอยู่แต่ว่าเราไม่ยอมรับรู้ตามความเป็นจริงทั้งนี้ก็หมาย  
ความว่า ของน่ะมีจริง แต่เราไม่เคยคิดว่ามันเป็นอย่างนั้นคนและสัตว์ที่อยู่กับเราถ้ายังไม่สิ้นลมปราณ    
แล้วเราไม่เคยคิดว่ามันสกปรกแต่ความจริงถ้าเราพิจารณากายคตาสติกรรมฐานมาแล้วมันก็พอแล้วทีนี้  
ถ้าหากว่ามันยังไม่พอกายคตาสติกรรมฐานและอสุภกรรมฐานสองอย่างรวมกันแต่อสุภแยกเป็น ๑๐    

ประเภทกายคตาสติ ๑ เป็น ๑๑ เป็นตัวตัดราคจริตความเห็นสวยสดงดงามนี่เราที่จะเดินทางไปสู่        
พระนิพพานไม่ได้ทำใจให้ถึงพระอนาคามีไม่ได้ทำลายกามราคะให้สิ้นไปไม่ได้ก็เพราะอารมณ์ฝืน    
ความเป็นจริงกายคตาสติกรรมฐานให้พิจารณาว่ากายมันสกปรกกายเป็นชิ้น เป็นท่อน ผม ขน เล็บ      
ฟัน หนัง เนื้อ กระดูก ตับ ไต ไส้ ปอด มันแต่ละส่วนแยกกันออกไปแล้วก็เต็มไปด้วยความสกปรกแต่  

ว่ามันยังสกปรกน้อยไปส่วนที่มันยังแข็งแกร่ง มีความสะอาดสดชื่นมันยังมีอยู่
ทีนี้เรามานั่งนึกดูถึงคนตายตายแล้วหนึ่งวัน มีสภาพเป็นอย่างไรสิ้นลมปราณตัวแข็ง
ธาตุไฟหายไปธาตุลมหายไปเหลือแต่ธาตุน้ำกับธาตุดินเราไม่อยากจะแตะต้องไม่อยากจะมองทั้งที่    
รักจะขาดใจตาย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2554 18:00:35 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1920


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.220 Chrome 13.0.782.220


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 15 กันยายน 2554 16:54:47 »





ตายแล้ววันที่สองเป็นอย่างไรเริ่มท้องเขียว ๆ ขึ้นมาแล้ว
ตายแล้ววันที่สามดีขึ้นไปหน่อยผิวพรรณชักจะเริ่มเปล่งปลั่งขึ้นชักจะมีความอ้วนพีขึ้น
ตอนนี้ชักมีกลิ่นกลิ่นที่ปรากฏขึ้นเป็นกลิ่นที่เราไม่ต้องการ  
วันที่สี่ - วันที่ห้าดีแล้ว - ขึ้นอืดน้ำเหลืองไหลต่อไปก็มีมันจุกเนี้อหนังปริมันขึ้นอืดเต็มที่
ตอนนี้ดูซิสิ่งสกปรกในร่างกายมันก็หลั่งไหลออกมาดูไม่ไหวเดินไปท้ายลมทนไม่ไหวเดินเข้าไปใกล้  
ก็ไม่อยากจะเข้าไปมันน่าเกลียดน่ากลัวเราก็มานั่งพิจารณากันตอนนี้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่สกปรกนี่มันมี  

อยู่ที่ไหนมันมาจากที่ไหน มันมาทีหลังหรือว่ามาระหว่างที่คน ๆ นั้นมีชีวิตอยู่ถ้าเราพิจารณาจริง ๆ มัน  
ไม่ได้มาจากไหนความจริงขณะที่ท่านมีลมปราณเดินไปไหนมาไหนพูดได้สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มันมี    
อยู่ในตัวครบถ้วนบริบูรณ์ได้อาศัยจิตที่มีการทรงตัวอยู่และมีการบังคับระบบประสาทต่าง ๆ ก็มีกำลังที่  
จะปกปิดความสกปรกไว้ได้เราจึงไม่เห็นสภาพอย่างนั้นหรือว่าไปอีกทีธาตุสี่มีกำลังเสมอกันบาง      
อย่างจะอ่อนไปบ้าง แต่ก็มีกำลังจะปกปิดไว้ได้นี่พอธาตุลมหายไปไม่มีใครปรนปรือจักรกลภายใน      
หยุดทำงาน      

ต่อมาความอบอุ่น คือ ธาตุไฟหายไปเหลือแต่น้ำกับดินเมื่อเหลือแต่น้ำกับดินน้ำมีสภาพ
ซึมซับ มันก็จะละลายดินดินทนไม่ไหวก็พังยุ่ยไป ทีนี้สิ่งสกปรกที่อยู่ภายในก็ปรากฏหาอะไรดีไม่ได้    
เมื่อพิจารณานึกถึงซากศพทั้งหลายแล้วก็นึกถึงตัวเราว่ามันมีสภาพอย่างนั้นถ้านึกถึงคนอื่นบุคคลอื่น    
สัตว์อื่นมันก็มีสภาพอย่างนี้เมื่อเห็นหน้าคนเมื่อไรเห็นหน้าสัตว์เมื่อไรก็นึกถึงภาพว่าคนนี้คือศพ มี  
สภาพขึ้นอืดมีน้ำเหลือไหลร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกน่าเกลียดโสโครกแล้วมานึกถึงตัวเรา      
ร่างกายที่เราอาศัยอยู่นี่ก็เหมือนกันก็มีสภาพแบบนั้นไม่มีอะไรจะน่ารัก      

การพิจารณาอสุภกรรมฐานถ้าจิตเข้าถึงจริง ๆ พิจารณาทีละเล็กทีละน้อยต่อไปเมื่อจิต
เข้าถึงเอกัคตารมณ์มีอารมณ์เป็นหนึ่งเป็นอะไรก็ตามมันเป็นซากศพไปหมดเราก็มีความรังเกียจใน      
ร่างกายของเราในร่างกายของบุคคลอื่นและสัตว์อื่นเมื่อความรังเกียจมีขึ้นกามราคะคือความพอใจใน    
ผิวพรรณวรรณะ หรือการสัมผัสมันก็ไม่มีเพราะขณะใดมองเห็นทีไรมันเป็นศพไปทุกทีเห็นความเน่า  
เห็นความอืดเห็นความสกปรกมันจับอยู่ที่ขั้วหัวใจ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2554 17:59:45 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1920


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.220 Chrome 13.0.782.220


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 15 กันยายน 2554 16:59:00 »







แล้วผลแห่งการพิจารณาอย่างนี้จะเป็นผลอย่างไรถ้ากำลังใจของเราเข้มแข็งแล้ว มานั่งนึก
ในใจว่าโอหนอร่างกายของคน ของเราก็ดีของบุคคลอื่นก็ดี สัตว์ก็ดีมีความสกปรกอย่างนี้แต่เนื้อแท้ที่  
จริงเรามันหลงว่าร่างกายนี้มันเป็นเราเป็นของเราเรามีในร่างกายร่างกายมีในเราแต่ความจริงร่างกาย  
มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา - เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเราเพราะร่างกายมันเป็นเพียงธาตุสี่เข้ามา  
ประชุมกัน ทรงสภาวะชั่วคราวเราคือจิตหรืออทิสมานกายที่มาอาศัยอยู่ในร่างนี้ เราไปหลงใหลใฝ่ฝันว่า
มันเป็นเรา เป็นของเราแล้วนอกจากนั้นเราก็หลงใหลใฝ่ฝันว่ามันมีสภาพน่ารักน่าชื่นชม ดีไม่ดีเราก็ไป  
นิยมในร่างกายของบุคคลอื่นเข้าอีกเนื้อแท้ที่จริงที่เรามีอารมณ์คิดอย่างนี้เพราะอาศัยความโง่เป็นปัจจัย  
ไม่มองหาความเป็นจริง  

ความจริงแล้วร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกมันเต็มไปด้วยความทุกข์สกปรกไม่พอมันก็
ทุกข์อีกเพราะอะไร ทุกข์เพราะมันไม่เที่ยงมันเปลี่ยนแปลงไปตามปกติในที่สุดมันก็มีการสลายตัว    
นี่ถ้ามันเป็นเราจริงเป็นของเราจริงเราก็บังคับมันไม่ได้ มันจงอย่าสกปรกน่ะจงสะอาดจงพยายามอาบ  
น้ำขัดสีฉวีวรรณทุกวันแต่มันก็เป็นเพียงแต่ภายนอกเท่านั้นแค่หนังกำพร้าในความจริงเราทำความ    

สะอาดได้ชั่วหนึ่งในล้านคือหนังกำพร้านิดเดียวแต่มันก็สะอาดไม่จริงทุกวันมันเต็มไปด้วยความ        
สกปรกและต้องชำระล้างมันตลอดวันแต่เราไม่ได้ใช้ปัญญามองลงไปว่าสิ่งที่เราซึมซาบออกมาจาก    
ภายในร่างกายมันเป็นของสกปรกนี่ส่วนข้างในจริง ๆ เลอะเทอะดูอะไรไม่ได้เมื่อมันดูอะไรไม่ได้      

เราก็หลงมันเป็นเราเป็นของเราเสียอีกทีนี้เมื่อมันเป็นเราจริงเป็นของเราจริง เราก็บังคับมันอย่าแก่นะ  
มันก็ไม่ยอมมันต้องแก่จงอย่าป่วยนะมันก็ไม่ยอมมันจะป่วยอวัยวะบางส่วนบอกอย่าเพ่อเสื่อมซิผม      
อย่าเพิ่งหงอกมันยอมหรือมันก็ไม่ยอมตาอย่าเพ่อฝ้าฟาง มันก็ไม่ยอม ฟันอย่าเพ่อหัก มันก็ไม่ยอม      

เป็นอันว่าร่างกาย กำลัง จงอย่าสลายไปเราจะทำงานมันก็ไม่ยอมนี่แสดงว่านอกจากความสกปรก        
โสโครกแล้วมันก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเรามันพังไปตามสภาพแล้วเราจะมานั่งยึดถือว่ามันเป็นเราเป็น  
ของเราแล้วจะมาหลงใหลใฝ่ฝันว่าเป็นของสะอาด น่ารัก น่าชม น่านิยม น่าประคับประคองเพื่อ
ประโยชน์อะไร


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2554 17:41:24 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1920


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.220 Chrome 13.0.782.220


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 15 กันยายน 2554 17:04:42 »





นี่พยามยามคิดนึกถึงสภาพซากศพที่ตายแล้วใหม่ ๆจนกระทั่งตายแล้วขึ้นอืดแล้วก็ร่วงโรย
ลงไปถึงหนังหุ้มกระดูกถึงกระดูก- กระดูกยังทรงร่างอยู่และต่อมากระดูกก็หลุดเป็นชิ้น ๆ เป็นท่อนเป็น
อันมันสวยตรงไหนบ้างเริ่มตายใหม่ ๆ เราก็รังเกียจแล้วนี่นั่งพิจารณาแบบนี้ทุก ๆ วันเวลาพิจารณา    
ไปใจมันเริ่มส่ายไปสู่อารมณ์ ก็ทิ้งอารมณ์นี้เสียจับลมหายใจเข้าออกเพื่อให้จิตมันทรงตัวเวลาที่จับ    
ลมหายใจเข้าออกเราจะภาวนาว่าอย่างไรก็ได้ว่า พุทโธ ธัมโม สังโฆ ก็ได้อย่างไรก็ช่าง

เรามาพิจารณาตอนนี้ว่าถ้าหากว่าจิตเราเห็นว่าร่างกายของคนและสัตว์เต็มไปด้วยความ
สกปรกเหมือนกับผีเดินได้เราจับภาพไหนก็ตามถ้าชัดถ้าชอบร่างกระดูกเราก็พิจารณานึกถึงภาพกระดูก
อยู่ตลอดเวลา และก็มองมาในร่างกายของเรา เห็นว่าเป็นโครงกระดูกอยู่ตลอดเวลา  เห็นร่างกายของ      
บุคคลอื่นเห็นเป็นโครงกระดูกโครงกระดูกเดินได้ แล้วมองดูเฉพาะโครงกระดูก มันสวยตรงไหน ตาโบ๋
ฟันซี่โต ไม่มีเนื้อ ไม่มีหนังหุ้มมีแต่ซี่โครงระยั้วระเยี้ยไปหมดร่างกายเต็มไปด้วยความน่าเกลียดนี่      
ภาพกระดูกน่ะบางคนพอใจในจุดนี้บางคนก็พอใจในสภาพคนตายใหม่ ๆ ชอบพิจารณาตรงนั้นเห็น  
ชัดบางคนก็ชอบร่างกายมีสีเขียวบ้างขึ้นอืดบ้างเป็นชิ้น เป็นท่อน เป็นตอนบ้างเห็นสภาพของแร้งกา  

กัดกินบ้างอันนี้ก็ตามอัธยาศัยว่าชอบตรงไหนก็พิจารณาจุดนั้นให้มันเห็นชัดเมื่อมันเห็นชัดแล้วก็      
พิจารณาว่ามันไม่ใช่เรามันไม่ใช่ของเรามันมีสภาพเป็นทุกข์ไม่เที่ยงเป็นอนัตตาไม่ช้าเราก็ได้        
อนาคามิผล เมื่อทำลายกามราคะเสียได้ถ้าไม่ได้ชาตินี้ทำอย่างไรถ้าไม่ได้ในชาตินี้เกิดไปชาติหน้าไป    
เป็นเทวดาหรือพรหมสุดแท้แต่กำลังของสมาธิถ้าสมาธิอ่อนก็เป็นเทวดาแน่กลับมาเกิดเป็นคนอีกทีถ้า  
พบพระอรหันต์หรือพบพระพุทธเจ้าฟังเทศน์ในเรื่องราวของอสุภกรรมฐานหรืออนุปุพพิกถาอย่าง    
ท่านพระยศฟังครั้งแรกเป็นพระโสดาบันฟังซ้ำอีกครั้งชั่วระยะเวลาใกล้ ๆ เป็นพระอรหัตผล  

นี่เป็นผลที่เราเจริญอสุภกรรมฐานจงพยายามทำใจให้เข้าถึงคือ มีอารมณ์ดึงสภาวะให้เห็น
เป็นปกติแล้วก็แสดงความรังเกียจไม่ใช่ว่าเห็นว่าเป็นอสุภแล้วไม่เป็นไรต่างคนต่างสกปรกมันจะ      
ปะทะกันอย่างไรก็ช่างอย่างนี้ใช้ไม่ได้ต้องพิจารณาให้เห็นสภาพเป็นที่น่ารังเกียจน่าโสโครกนึกขึ้น  
มาทีไรนึกสะอิดสะเอียนเมื่อนั้นนี่สภาพบุคคลและสัตว์เห็นหน้าคนและสัตว์จะแต่งตัวสวยสดงดงาม  

จะมีร่างกายทรวดทรงเป็นอย่างไรก็ตามเห็นปับเห็นผ้าทะลุเข้าไปถึงหนังทะลุหนังเข้าไปหาเนื้อทะลุ  
เนื้อเข้าไปภายในเห็นว่าร่างกายเต็มไปด้วยความสกปรกเป็นกายคตาสติมองไปอีกทีที่ไหนได้เจ้านี่    
เป็นศพขึ้นอืดเห็นเป็นโครงกระดูกเดินได้รังเกียจใหญ่เลยตอนนี้นี่อย่างนี้จึงจะเรียกว่าการเจริญอสุภ  

กรรมฐานเข้าถึงจุดเข้าถึงที่ของอสุภกรรมฐานในขณะที่เจริญไปแบบนี้แล้วต้องนั่งดู พิจารณาดูเห็น    
ด้วยปัญญาว่าเออ.....ร่างกายนี่มันสกปรกอย่างนี้หนอแต่ความจริงมันก็ไม่ใช่เราไม่ใช่ของเราเราจะมา    
นั่งมัวเมามันเพื่อประโยชน์อะไรในทั้งร่างกายเราและกายคนอื่นเป็นของที่เราควรครอบครองนี่เราโง่  
จัด แล้วองค์สมเด็จพระทรงสวัสดิโสภาคย์พระองค์ไม่โง่ มีความฉลาดสมเด็จพระบรมโลกนาถจึงเข้าสู่  
พระนิพพานได้ มีความสุข


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2554 17:48:58 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

時々๛कभी कभी๛
สมาชิกถูกดำเนินคดี
นักโพสท์ระดับ 12
*

คะแนนความดี: +9/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Nepal Nepal

กระทู้: 1920


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 13.0.782.220 Chrome 13.0.782.220


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 15 กันยายน 2554 17:05:59 »





สำหรับเรายังพอใจอยู่ในความทุกข์นี่มันน่าสลดใจอย่างยิ่งนี่คิดย้อนไปย้อนมา - ย้อนมา
ย้อนไปจนจิตมันซ่านก็ตั้งอารมณ์ใหม่ในอานาปานสติกรรมฐานถ้าทำอย่างนี้จริง ๆ ไม่นานใช้เวลา    
เท่าไรอย่าไปคิดแต่เฉพาะกลางคืน และก็อย่ามานั่งนึกเฉพาะเวลาเจริญกรรมฐานกรรมฐานกองใดก็    
ตามถ้าจับขึ้นมาเป็นอารมณ์แล้วว่ามันตลอดไปไม่ใช่ไปนั่งท่องอสุภะ - อัฏฐิกัง ๆ ปฏิกุลัง ๆ อะไรพรรค์  
นี้ไม่เอา

แล้วอสุภกรรมฐานไม่ใช่กรรมฐานมานั่งภาวนากันเป็นตัวใช้ปัญญามามองหาความจริง
อันดับแรกเรียกใช้สัญญาความจำ - จำสภาพของคนตายแต่ละจุดว่ามันเป็นอย่างไรแล้วก็ใช้ปัญญาล้วงเข้า
ไปดูสิ่งที่โสโครกว่ามันมาจากไหน มันมีทรงอยู่ก่อนหรือว่าตายแล้วมันถึงจะมาย้อนไปย้อนมาล้วงหา  
ความจริงให้ปรากฏอย่างนี้แหละขึ้นชื่อว่าเราเป็นพระสาวกขององค์สมเด็จพระบรมสุคตถ้าทราบแล้วนี่
ถ้าชาตินี้เราไม่ได้แต่จิตใจมันทรงอยู่ในความสุขมันเกิดกับใจมากเพราะความหลงใหลใฝ่ฝันในร่าง    
กายของเราของบุคคลอื่นไม่มีถ้าความรักความติดใจในความสวยสดงดงามไม่มีมันเป็นความสุขใจ        

อย่างบอกไม่ถูกเพราะหมดห่วงเมื่อรักตัวเราว่าสวยรักในคนอี่นว่าสวยติดในของสวยทั้งคนก็ดีทั้งวัตถุ  
ก็ดี มันยุ่งใจบอกไม่ถูกถ้าอะไรสกปรกนิดรู้สึกว่าสมองหมุนนี่แค่วัตถุเห็นคนที่เรารัก เราปรารถนาไป  
คุยกับคนอื่นชักไม่ชอบใจเสียแล้วดีไม่ดีคนนั้นป่วยไข้ไม่สบายหมุนคว้างเลยทั้งเหน็ดทั้งเหนื่อย ทั้ง    
มีความสุขทุกข์กาย ทุกข์ใจ เสียทรัพย์สิน ถ้าไปโดนคนที่รักตายเข้าดีไม่ดีจะตายตามเขาเลยทำอะไรต่อ  
อะไรไม่ถูก อย่างนี้เป็นเพราะอะไรเป็นเพราะความโง่ถ้าคนมันสกปรกเรารู้ว่ามันสกปรก คนมันต้อง  

แก่เราก็รู้ว่าแก่คนมันต้องตายเราก็รู้ว่าตาย - ตายแล้วไปห่วงทำไมในเมื่อป่วยไข้ไม่สบายก็รักษาพยาบาล  
เป็นการสงเคราะห์ เป็นการระงับบรรเทาเวทนา เป็นเรื่องธรรมดาอยู่ ก็สงเคราะห์ซึ่งกันและกันคิดไว้    
เสมอว่าคนนี้ก็คือซากศพนั่นเองแล้วเราก็ซากศพต่างคนต่างสกปรกมันผูกพันอะไรกันนักนี่จิตใจถ้า  
เราวางได้อย่างนี้มันก็สบาย  ความสุขมันก็มี มันไม่มีความหนักใจใครจะตายก็ตาย พลัดพรากจากกันไป    
ก็เป็นของธรรมดา วางเสียได้มันก็มีความสุขไม่มีอะไรดึงใจ  

เอาละ.........บรรดาท่านพุทธบริษัททั้งหลายเรื่องอสุภกรรมฐานพูดไปพูดมามันก็วนอยู่กับตัว
สกปรกแต่เมื่อวนก็ให้วน แต่ใจของตนให้เป็นอารมณ์ปกติวันทั้งวัน คืนทั้งคืนมองดูหน้าใคร นึกถึง    
ใครขึ้นมา เห็นมันขึ้นอืด เน่าอืดสกปรก หรือจิตคิดอยู่ในร่างกายในกระดูกก็เห็นเป็นร่างกระดูก นอนก็            
เห็นเป็นร่างกระดูกเหยียดนั่งก็เป็นร่างกระดูกนั่งมันสวยไหมร่างกระดูกว่าง ๆ ก็ไปเอามาดูจะเดินก็  

เป็นร่างกระดูกเดินถ้าติดใจในร่างกระดูกถ้าติดใจถ้าพอใจในการพิจารณาในการขึ้นอืดน้ำเหลืองไหล
เฟะตาโปน แลบลิ้นปลิ้นตา มีผิวกายแตกน้ำเหลืองไหลโซม ดูมันน่าเกลียดบอกไม่ถูก นี่ใจมันติดแบบ            
นี้เห็นหน้าคนปับมันมีความรู้สึกเป็นอย่างนั้นเห็นหน้าสัตว์นั้นมีความรู้สึกเป็นอย่างนั้น นึกถึงใครขึ้น            
มามีความรู้สึกเป็นอย่างนั้นถ้าจิตมันติดอย่างนี้จริง ๆ ละก็บรรดาท่านพุทธบริษัทชายหญิงแล้วควบกับ

วิปัสสนาญาณตามที่กล่าวแล้วว่ามันไม่ใช่ร่างของเรามันเป็นเรือนร่างที่เราอาศัยชั่วคราวไม่ช้ามันพังมัน
ก็สลายตัวนี่ความเป็นพระอนาคามีจะปรากฏแก่ท่านภายในระยะเวลาไม่ช้า                                                                
เวลาการพูดมันก็ย้อนไปย้อนมาต่อไปนี้ขอทุกท่านตั้งกายให้ตรงดำรงจิตให้มั่นกำหนดรู้        
ลมหายใจเข้าออก ใช้คำภาวนาและพิจารณาตามอัธยาศัยจนกว่าจะได้ยินสัญญาณบอกหมดเวลา


<a href="http://audio.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=18072" target="_blank">http://audio.palungjit.com/attachment.php?attachmentid=18072</a>

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15 กันยายน 2554 18:03:22 โดย 時々Sometime » บันทึกการเข้า

โลกเรานี้หนอช่างเหมือนความฝันเสียนี่กระไร ?

เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 6.0.2 Firefox 6.0.2


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 15 กันยายน 2554 20:05:54 »








บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.478 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 20 ธันวาคม 2567 03:41:56