04 มิถุนายน 2567 04:12:50
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
หน้าแรก
เวบบอร์ด
ช่วยเหลือ
ห้องเกม
ปฏิทิน
Tags
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
ห้องสนทนา
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!
[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
นั่งเล่นหลังสวน
สุขใจ ไปรษณีย์
.:::
“จันทน์เทศ” เครื่องเทศอันล้ำค่าและโด่งดังในอดีต
:::.
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: “จันทน์เทศ” เครื่องเทศอันล้ำค่าและโด่งดังในอดีต (อ่าน 229 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 12
คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์
Thailand
กระทู้: 2342
ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 108.0.0.0
“จันทน์เทศ” เครื่องเทศอันล้ำค่าและโด่งดังในอดีต
«
เมื่อ:
11 มกราคม 2566 20:03:34 »
Tweet
“จันทน์เทศ” เครื่องเทศอันล้ำค่าและโด่งดังในอดีต
ผู้เขียน -
XIX
มกรา
เผยแพร่ - ศิลปวัฒนธรรม วันอังคารที่ 10 มกราคม พ.ศ.2566
จันทน์เทศ
(
Nutmeg, Myristica fragrans
) เดิมเป็นพืชพื้นเมืองของหมู่เกาะโมลุกกะ ประเทศอินโดนีเซีย พื้นที่ซึ่งเคยถูกขนานนามว่า “หมู่เกาะเครื่องเทศ” คริสต์ศตวรรษที่ 16 “
บันดา
” หมู่เกาะขนาดเล็กในกลุ่มหมู่เกาะโมลุกกะคือแหล่งผลิตเดียวที่ปลูกจันทน์เทศเพื่อการค้า มีพ่อค้าจากทั้งชาติเอเชียและชาวตะวันตกมารับซื้อไปทำกำไร กระทั่งกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 หลายพื้นที่จึงเริ่มปลูกจันทน์เทศเอง เช่น ปีนัง แคริบเบียน และอินเดีย
การใช้ประโยชน์จากจันทน์เทศได้จากส่วนที่เป็น เมล็ด และดอก ซึ่งทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของผลจันทน์เทศ ชาวบันดาพึ่งพาจันทน์เทศในการเลี้ยงชีพโดยขายมันเป็นเครื่องเทศแล้วนำรายได้ไปซื้อข้าวและสาคู (ไส้ของต้นสาคูคืออาหารหลักของคนท้องถิ่น) บางครั้งพวกเขาจะแล่นเรือที่บรรทุกผลจันทน์เทศไปยังเกาะชวา ขายเครื่องเทศกลิ่นหอมนี้ให้พ่อค้าท้องถิ่นและชาวต่างชาติที่มารอรับซื้อ ก่อนจะกว้านซื้อสินค้าจากเมืองท่าระหว่างทางกลับมายังบ้านเกิด
ในยุคที่ชาวยุโรปแล่นเรือหลายพันไมล์มาถึงหมู่เกาะโมลุกกะเพื่อซื้อจันทน์เทศ เครื่องเทศจากผลจันทน์เทศถูกนำไปแปรรูปเป็นวัตถุดิบสำหรับปรุงแต่งอาหาร หลัก ๆ คือเพื่อดับกลิ่นและความคาวในเนื้อสัตว์
ผลจันทน์เทศมีลักษณะคล้ายมะนาวหรือลูกพลัม ต้นเต็มไปด้วยพุ่มใบแผ่เป็นทรงกรวยเขียวขจีดกหนา ผลสุกที่มีขนาดพอ ๆ กับลูกละมุดจะเปลี่ยนเป็นสีเนื้อจาง ๆ แล้วปริออก ก่อนจะร่วงหล่นลงพื้น เนื้อสีน้ำตาลอ่อนของผลจันทน์เทศก็สามารถบริโภคได้เช่นกัน ถัดจากเนื้อจันทน์เทศที่ปริเป็นร่องลึก เผยให้เห็นใยหุ้มสีแดงเข้มสดใสซึ่งเรียกว่า
ดอกจันทน์เทศ
(
Mace
) ดอกจันทน์เทศ จึงไม่ใช่ดอกไม้ แต่เป็นเยื่อหุ้มเปลือกเมล็ด หรือรก ภายในเยื่อหุ้มนี้จะมีเมล็ดจันทน์เทศที่มีเปลือกสีดำเงาวับ เปลือกนี้แข็งแต่เปราะ ภายในเป็นเนื้อเมล็ดจันทน์เทศสีน้ำตาลอ่อนเรียกว่า
ลูกจันทน์เทศ
(
Nutmeg
)
ใบ ดอก และผลจันทน์เทศ (ภาพจาก
Wikimedia Commons
)
อย่างไรก็ตาม ชื่อเรียกดอกจันทน์เทศในภาษายุโรปหลาย ๆ ภาษา เช่น
Fleur de muscade
ในภาษาฝรั่งเศส หรือ
Muskatblute
ในภาษาเยอรมัน ล้วนบ่งชี้ว่าชาวยุโรปในอดีตเข้าใจผิดคิดว่า ดอกจันทน์เทศ คือ “
ดอก
” ของต้นจันทน์เทศจริง ๆ
มาร์โค โปโล นักเดินทางชาวเวนิสผู้เคยได้สำรวจดินแดนหมู่เกาะในทะเลจีนใต้และได้พบดอกจันทน์เทศก็เข้าใจว่าสิ่งนี้คือดอกไม้จริง ๆ เพราะมันเหมือนดอกไม้อื่น ๆ มาก คือเมื่อเริ่มแห้งเยื่อหุ้มเปลือกเมล็ดของผลจันทน์เทศจะให้กลิ่นหอมกว่าผลของมันเองเสียอีก ทั้งเปลี่ยนเป็นสีชมพูแกมส้มงดงาม
อาร์เจนซาโล นักประวัติศาสตร์สายอาณานิคมสเปน บรรยายเกี่ยวกับไม้ยืนต้นในตำนานชนิดนี้ในปี 1609 ทำให้เราเห็นมุมมองและภาพตราตรึงใจของชาวยุโรปต่อเครื่องเทศชนิดนี้ (เป็นฉบับแปลอังกฤษของปี 1708)
“มันเหมือนต้นแพร์ของชาวยุโรป ผลของมันคล้ายลูกแพร์ หรือออกจะกลมคล้ายกับเมโลโคโทน (ลูกพีช) เมื่อจันทน์เทศเริ่มสุก มันจะส่งกลิ่นหอมชื่นใจ ยิ่งสีเขียวดั้งเดิมตามแบบพืชผักจางหายไปมากเท่าใด ก็เริ่มสีฟ้าปะปนกับสีเทา สีแดงและสีทองจาง ๆ เหมือนสีของสายรุ้ง เพียงแต่ไม่ได้แยกสีเป็นแถบ ๆ ทว่ากระจายเป็นหย่อม ๆ เหมือนหินแจสปาร์ นกแก้วจำนวนนับไม่ถ้วน และนกชนิดต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่สวยงามน่าชม จะถูกกลิ่นหอมดึงดูดมาเกาะตามกิ่งก้านของต้นไม้ เมื่อผลจันทน์เทศเริ่มแห้ง มันจะผลัดเปลือกที่หุ้มอยู่ออก และภายในดอกจันทน์เทศจะมีลูกจันทน์เทศสีขาว ที่รสชาติไม่จัดจ้านเท่าเนื้อชั้นนอก
…ส่วนดอกจันทน์เทศซึ่งรสชาติร้อนแรงและแห้งอยู่เป็นอันดับ 2 และอันดับ 3 ก็คือน้ำมันล้ำค่าที่ชาวบันดาทำขึ้นเพื่อใช้รักษาอาการต่าง ๆ เกี่ยวกับเส้นประสาทและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจากอาการไข้…พวกเขาใช้ (จันทน์เทศ) เพื่อระงับกลิ่นปาก ทำให้สายตาแจ่มชัด ช่วยให้กระเพาะ ตับ และม้ามรู้สึกสบายขึ้น และช่วยย่อยเนื้อสัตว์ จันทน์เทศเป็นยารักษาอาการต่าง ๆ ได้มากมายและใช้เพื่อให้ใบหน้าดูเปล่งปลั่ง”
อันที่จริงผลจันทน์เทศมีผลด้านหลอนประสาทจากสารเคมีที่เรียกว่า ไมริสทิซิน (
Myristicin
) หากกินในปริมาณน้อยจะช่วยกล่อมประสาท ช่วยให้หลับง่าย ซึ่งผลกระทบต่อระบบประสาทของเครื่องเทศนี้เป็นที่รับรู้กันอย่างกว้างขวางมาตั้งแต่อดีตแล้ว
ในแซนซิบาร์ หญิงพื้นเมืองเคี้ยวลูกจันทน์เทศแทนการสูบกัญชา เฟรอี เซบาสเตียน มานริเก้ นักสอนศาสนาชาวสเปน บันทึกว่าที่เบงกอลในช่วงต้นทศวรรษ 1600 มีพวกขี้ยาจะใช้ลูก-ดอกจันทน์เทศ และเครื่องเทศอื่น ๆ ผสมกับฝิ่นเพื่อให้มีฤทธิ์รุนแรงยิ่งขึ้น ปฏิกิริยาตอบสนองต่อฤทธิ์ของจันทน์เทศแตกต่างกัน บางคนรู้สึกว่าหลงลืมเวลาและสถานที่ บางคนถึงขั้นเกิดภาพหลอน โดยมีบันทึกในปี 1576 โดยโลบีลิอัส แพทย์ชาวเฟลมมิช เล่าถึงหญิงตั้งครรภ์ชาวอังกฤษที่มึนเมาจนคลุ้มคลั่งหลังจากบริโภคจันทน์เทศไปราว 10-12 ลูก เพราะต้องการให้เกิดการแท้งบุตร
สำหรับตำรายาไทย ลูกจันทน์เทศมีสรรพคุณเกี่ยวกับการบำรุงธาตุ แก้ธาตุพิการ ขับลม แก้ท้องอืด ปวดท้อง ส่วนดอกจันทน์เทศมีสรรพคุณบำรุงโลหิตและบำรุงธาตุเช่นกัน น้ำมันระเหยจากดอกจันทน์เทศยังใช้ทาระงับปวดและช่วยขับประจำเดือนได้อีกด้วย
ลูกจันทน์เทศ (ภาพจาก
Pixabay
)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11 มกราคม 2566 20:09:21 โดย ใบบุญ
»
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
จากใจถึงใจ
-----------------------------
=> หน้าบ้าน สุขใจ
===> สุขใจ ป่าวประกาศ (ข้อความจากทีมงาน)
===> สุขใจ เสนอแนะ (ข้อความจากสมาชิก)
===> สุขใจ ให้ละเลง (มุมทดสอบบอร์ด)
-----------------------------
สุขใจในธรรม
-----------------------------
=> พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
===> พุทธประวัติ แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
===> ประวิติพระอรหันต์ พระสาวก ในสมัยพุทธกาล
===> ประวัติพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ในยุคปัจจุบัน
===> นิทาน - ชาดก
=====> ชาดก พระเจ้า 500 ชาติ
=> ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
===> ธรรมะจากพระอาจารย์
===> เกร็ดครูบาอาจารย์
=> ห้องวิปัสสนา - มหาสติปัฏฐาน 4
=> สมถภาวนา - อภิญญาจิต
=> จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
=> เสียงธรรมเทศนา - เอกสารธรรม - วีดีโอ
===> เอกสารธรรม
===> เสียงธรรมเทศนา
=====> ธรรมะจาก สมเด็จโต
=====> ธรรมะจาก หลวงปู่มั่น
=====> เสียงบทสวดมนต์
=====> เพลงสวดมนต์
=====> เพลงเพื่อจิตสำนึก แด่บุพการี
=====> ธรรมะ มิวสิค (เพลงธรรมทั่วไป)
===> ห้อง วีดีโอ
=> เกร็ดศาสนา
=> กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
=> ไขปัญหาโลก ธรรม และความรัก
=> บทสวด - คัมภีร์ คาถา - วิชา อาคม
=> พุทธวัจนะ - ภาษิตธรรม
===> พุทธวัจนะ ในธรรมบท
===> พุทธศาสนสุภาษิต
===> คำทำนายภัยพิบัติที่จะเกิด
===> รวมข่าวภัยพิบัติ ทั้งในอดีต และปัจจุบัน
===> รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
=> ห้องประชาสัมพันธ์ ทั้งทางโลก และทางธรรม
===> ฐานข้อมูล มูลนิธิต่าง ๆ ในประเทศไทย (Donation Exchange Center)
-----------------------------
วิทยาศาสตร์ทางจิต เรื่องลี้ลับ
-----------------------------
=> วิทยาศาสตร์ - จักรวาล - การค้นพบ
===> เรื่องราว จากนอกโลก
=====> ประสบการณ์เกี่ยวกับ UFO
=====> หลักฐาน และ การพิสูจน์ยูเอฟโอ
=====> คลิปวีดีโอ ยูเอฟโอ
=> ไขตำนาน - ประวัติศาสตร์ - การค้นพบ อารยธรรม
=> เรื่องแปลก - ประสบการณ์ทางจิต - เรื่องลึกลับ
===> ร้อยภูติ พันวิญญาณ
=====> ประสบการณ์ ผี ๆ
=======> เรื่องเล่าในรั้วมหาลัย
=====> ประวัติ ต้นกำเนิด ตำนานผี
===> ดูดวง ทำนายทายทัก
===> ไดอะล็อก คือ ดอกอะไร - พลังไดอะล็อก (Dialogue)
===> กระบวนการ NEW AGE
=> เครื่องราง ของขลัง พุทธคุณ
-----------------------------
นั่งเล่นหลังสวน
-----------------------------
=> สุขใจ จิบกาแฟ
=> สุขใจ ร้านน้ำชา
=> สุขใจ ห้องสมุด
===> สุขใจ หนังสือแนะนำ
===> สุขใจ คลังความรู้ลวงโลก
===> สยาม ในอดีต
=> สุขใจ ใต้เงาไม้
=> สุขใจ ตลาดสด
=> สุขใจ อนามัย
=> สุขใจ ไปเที่ยว
=> สุขใจ ในครัว
===> เกร็ดความรู้ งานบ้าน งานครัว
=> สุขใจ ไปรษณีย์
=> สุขใจ สวนสนุก
===> ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
===> เวที จำอวด (จำอวดหน้าม่าน)
===> หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
===> หน้าเวที (มุมฟังเพลง)
=====> เพลงไทยเดิม
===> แผงลอยริมทาง (รวมคลิปโฆษณาโดน ๆ)
คุณ
ไม่สามารถ
ตั้งกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
ตอบกระทู้ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แนบไฟล์ได้
คุณ
ไม่สามารถ
แก้ไขข้อความได้
BBCode
เปิดใช้งาน
Smilies
เปิดใช้งาน
[img]
เปิดใช้งาน
HTML
เปิดใช้งาน
กำลังโหลด...