แผนแก้ฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือ ส่อล่าช้า หลังคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ยื่นอุทธรณ์ 'คดีฝุ่นภาคเหนือ'
<span class="submitted-by">Submitted on Wed, 2024-03-13 09:56</span><div class="field field-name-body field-type-text-with-summary field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even" property="content:encoded"><p>“คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ” ยื่นอุทธรณ์คดีฝุ่นภาคเหนือ หลังศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้ประชาชนที่ฟ้องนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ชนะคดีเมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา การอุทธรณ์ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติครั้งนี้จะทำให้การทำแผนแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ภาคเหนือให้เสร็จใน 90 วันตามที่ศาลปกครองมีคำสั่งล่าช้ายิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่สถานการณ์ฝุ่นภาคเหนือในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมามีค่าฝุ่น PM2.5 สูงติดอันดับหนึ่งของโลกหลายวัน</p>
<p> </p>
<p>13 มี.ค. 2567
กรีนพีซ ประเทศไทย อัพเดทความคืบหน้าคดีฝุ่นภาคเหนือเมื่อวันที่ 19 ม.ค. 2567 ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาให้ประชาชนชนะคดีที่ร่วมกันยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ จากเหตุไม่ใช้อำนาจทางกฎหมายแก้ไขวิกฤตฝุ่น PM2.5 ในภาคเหนือ</p>
<p>ศาลปกครองเชียงใหม่พิพากษาว่า รัฐผิดจริงกรณีแก้ฝุ่นล่าช้า โดยสั่งการให้ดำเนินการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนภายใน 90 วัน</p>
<p>ทางเครือข่ายประชาชนผู้ฟ้องวอนรัฐขอไม่อุทธรณ์คดี ซึ่งจะเป็นการยืดระยะเวลาแก้ปัญหาออกไปอีก ผลปรากฏว่ารัฐไม่ได้เดินหน้าจริงจังในการแก้ไขปัญหา PM2.5 แต่กลับอุทธรณ์คำพิพากษานี้ จนกระทั่งในสัปดาห์นี้ภาคเหนือต้องคลุกฝุ่นอย่างรุนแรงติดอันดับหนึ่งของโลกมาหลายวัน</p>
<p>กรีนพีซ ระบุว่า การยื่นอุทธรณ์ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนั้นแสดงถึงความไม่จริงใจต่อการแก้ปัญหาฝุ่นพิษที่คุกคามสุขภาพของคนเหนืออย่างรุนแรง</p>
<div class="more-story">
<ul>
<li>
ประชาชนภาคเหนือรวมตัวฟ้อง ‘นายกฯ’ ต่อศาลปกครอง เหตุไม่แก้วิกฤตฝุ่น PM2.5 ทำปอดพัง</li>
<li>
ศาลเรียกคู่กรณี “คดีฝุ่นภาคเหนือ” แจงเพิ่ม ภาคประชาชนชี้มาตรการแก้ PM2.5 ของรัฐไม่มีประสิทธิภาพ</li>
</ul>
</div>
<p>การแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษจะต้องเป็นการลงมือดำเนินการที่ต้นเหตุของแหล่งกำเนิด PM2.5 ซึ่งจะต้องอาศัยเจตจำนงของภาครัฐในการกำหนดนโยบาย งบประมาณ และยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติฯ ที่ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนและมีประสิทธิภาพ โดยที่คำนึงถึงการมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการจัดการไฟ พืชเศรษฐกิจ และการส่งเสริมอาชีพที่ตรงกับความหลากหลายของชุมชน รวมถึงคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนเหนือกลุ่มทุนอุตสาหกรรม ซึ่งจะเป็นการเคารพสิทธิมนุษยชนพื้นฐานตามกฎหมายทั้งต่อการเข้าถึงอากาศสะอาดและสิทธิในการอยู่อาศัยในสิ่งแวดล้อมที่ดี</p>
<p style="text-align: center;"><img alt="" src="
https://live.staticflickr.com/65535/52806302965_39e2f2f518_b.jpg" /></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">ประชาชนภาคเหนือหลังยื่นฟ้องคดีที่ศาลปกครองเชียงใหม่ </span></p>
<p style="text-align: center;"><span style="color:#e67e22;">เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566</span></p>
<p>กรณีนี้เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 2566 ประชาชนภาคเหนือรวมตัวกันที่ศาลปกครองเชียงใหม่ เพื่อยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ, คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน ต่อมาศาลมีคำสั่งไม่รับฟ้องคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) และคณะกรรมการกำกับตลาดทุน</p>
<p>ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. 2567 ศาลปกครองเชียงใหม่มีคำพิพากษาว่านายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1 และ 2 ละเลยและปฏิบัติหน้าที่ล่าช้าจริง แม้จะมีการปรับปรุงค่ามาตรฐานฝุ่นละออง PM 2.5 ใหม่ เฉลี่ย 24 ชั่วโมง จากเดิม 50 ไมโครกรัมเป็น 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร และมีแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ แต่ค่าฝุ่นภาคเหนือยังคงเกินมาตรฐานในช่วงเดือนธันวาคมถึงเมษายนของทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2566 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นปีที่ภาคประชาชนเริ่มยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเชียงใหม่ โดยที่มีข้อมูลจากคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โรงพยาบาลมหาราช นครเชียงใหม่ และหลักประกันสุขภาพ ระบุว่ามีข้อมูลผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ปี 2561-2566 ศาลจึงตัดสินว่าเป็นการปฏิบัติงานล่าช้า ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ทำให้ประชาชนตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงภัย</p>
<p>เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวศาลจึงให้ความเห็นว่า มีเหตุผลเพียงพอที่จะพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีใช้อำนาจที่มีควบคุมบังคับใช้ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2535 กำหนดมาตรการหรือจัดทำแผนฉุกเฉินที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้หน่วยงานรัฐปฏิบัติการจัดทำแผนแบบบูรณาการกับทุกภาคส่วนเพื่อระงับ และบรรเทาฝุ่น PM2.5 ให้ทันท่วงที ทั้งนี้ให้ทำแผนภายใน 90 วัน</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p> </p>
</div></div></div><div class="field field-name-field-variety field-type-taxonomy-term-reference field-label-hidden"><div class="field-items"><div class="field-item even"><a href="/category/%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7" typeof="skos:Concept" property="rdfs:label skos:prefLabel" datatype="">
https://fb.me/prachatai : ทวิตเตอร์
https://twitter.com/prachatai : LINE ไอดี = @prachatai</div></div></div>
https://prachatai.com/journal/2024/03/108407