[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 มิถุนายน 2568 04:44:11 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ประวัติแม่ชี แก้ว เสียงล้ำ  (อ่าน 409 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Maintenence
ผู้ดูแลระบบ
นักโพสท์ระดับ 11
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
Thailand Thailand

กระทู้: 1240


[• บำรุงรักษา •]

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 01 เมษายน 2568 13:37:56 »



ประวัติแม่ชี แก้ว เสียงล้ำ

แม่ชี แก้ว เสียงล้ำ  ชาติภูมิ เกิดที่บ้านห้วยทราย ต.คะชี อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร  เกิดเมื่อ วันที่ 5 พฤศจิกายน 2444  บิดา ขุนธรรมรังสีี (ซ้น เสียงล้ำ ยศทางราชการเจ้านายยุคสมัยนั้น)  มารดา ด่อน เสียงล้ำ นามเดิมของท่านคือ นางตาไป่ เสียงล้ำ

สถานภาพ เมื่ออายุ 17 ปี ได้สมรสกับนายบุญมา เสียงล้ำ ครองสมรสอยู่ 19 ปี ไม่มีบุตร ธิดา

ประมาณปี พ.ศ. 2460 หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล และหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พร้อมคณะพระกรรมฐาน อันได้แก่ หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่ขาว อนาลโย และหลวงปู่ฝั้น อาจาโร พร้อมด้วยภิกษุสามเณรจำนวนกว่า 60 รูปได้เดินทางมาถึงบ้านห้วยทราย

คุณแม่ชีแก้วได้กราบนมัสการหลวงปู่มั่นเป็นครั้งแรกที่บ้านห้วยทรายนี้ ในขณะนั้นคุณแม่ชีแก้วมีอายุ 16 ปี ท่านเป็นคนขยันขันแข็ง อยากจะปลูกหม่อนเลี้ยงไหมจึงได้จับจองที่และถากถางป่าเตรียมจะปลูกหม่อน หลวงปู่มั่นได้เห็นพื้นที่บริเวณป่าที่คุณแม่ชีแก้วจับจองและได้ถากถางเพิ่งแล้วเสร็จ เห็นว่าเหมาะที่จะสร้างเป็นที่พำนักสงฆ์ จึงได้ขอที่ตรงนั้นจากคุณแม่ชีแก้ว ท่านก็ตกลงยกถวายหลวงปู่มั่น

หลวงปู่มั่นได้ให้พรเป็นคำกลอนมีใจความว่า “ชาตินี้คุณแม่จะไม่มีวันอดอยาก”

วัดแห่งนี้ชาวบ้านเรียกว่า “วัดหนองน่อง” (น่อง เป็นเถาวัลย์ชนิดหนึ่งซึ่งเป็นยาเบื่อ นำมาต้มเคี่ยวให้ข้นแล้วนำไปติดปลายลูกดอก เมื่อยิงถูกสัตว์จะสลบทันที) อยู่ห่างจากสำนักชีไปทางทิศใต้ ประมาณ 1 กิโลเมตร

ต้นตระกูลของคุณแม่ชีแก้วเป็นชนชาวภูไทที่มีนิสัยรักสงบ รักความยุติธรรม ภาคภูมิใจในความเป็นไท รักญาติพี่น้อง และที่สำคัญยิงคือมีความกตัญญู ดังนั้น ชาวบ้านในละแวกนั้นจึงนับถือผีบรรพบุรุษเป็นที่พึ่ง

เมื่อหลวงปู่มั่นได้มาอยู่ที่วัดหนองน่องท่านได้เทศน์อบรมญาติโยมในบ้านห้วยทรายและชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงที่มากราบนมัสการหลวงปู่และทำบุญที่วัดนี้เสมอๆ จนชาวบ้านเกิดความเลื่อมใสศรัทธาเลิกนับถือผีมานับถือพระ และสอนลูกหลานให้ไหว้พระสวดมนต์แผ่เมตตาก่อนนอน

ครอบครัวของคุณแม่ชีแก้วเป็นผู้อุปัฏฐากดูแลวัดหนองน่อง ท่านจึงได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปทำบุญที่วัดเสมอ ๆ หลวงปู่มั่นได้ให้คุณแม่ชีแก้วรับไตรสรณคมน์ในปีแรกที่หลวงปู่มั่นได้มาอยู่ที่วัดหนองน่องนั่นเอง การรับไตรสรณคมน์ คือการน้อมใจระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย (พระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์) และยึดถือเป็นหลักแห่งความประพฤติปฎิบัติ หรือเป็นเครื่องนำทางในการดำเนินชีวิต

การภาวนานั้นหลวงปู่นั้นสอนให้กำหนดพุทโธ ธัมโม สังโฆพร้อมลมหายใจ หลวงปู่มั่นได้ถามคุณแม่ชีแก้วว่า คำไหนลงลึกที่สุด คุณแม่ตอบว่า พุทโธ ลงถึงท้อง หลวงปู่ว่าถ้าเช่นนั้นให้ภาวนาแต่คำว่า “พุทโธ” คำเดียวก็พอ และบอกว่าให้ภาวนาในคืนวันนั้นเลย คุณแม่ก็รับปาก

เมื่อคุณแม่ชีแก้วรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เข็นฝ้าย (กรอด้าย) ใจจริงอยากจะทำให้ได้ฝ้ายหลาย ๆ หลอด ก็นึกได้ว่าได้รับปากกับหลวงปู่ว่าจะภาวนาจึงหยุดเข็นฝ้าย (กรอด้าย) รีบเข้านั่งภาวนาในที่นอนซึ่งเป็นเวลาประมาณ 21.00 น.

คุณแม่ชีแก้วนั่งภาวนากำหนดบริกรรม “พุทโธ” ไม่นานนัก จิตของท่านก็สงบและปรากฏนิมิตขึ้น เห็นตนเองแก่ลง ๆ และตายในที่สุด แล้วก็มีหนอนชอนไชอยู่ตามอวัยวะ 32 กินร่างของท่านจนหมด เกิดความสลดสังเวชมาก รู้สึกเหมือนตัวท่านออกจากร่างแล้วมองไปที่ศพ​ ในขณะนั้นหลวงปู่มั่นก็เดินมา คุณแม่ชีแก้วจึงก้มกราบและนิมนต์หลวงปู่มั่นขอความเมตตาให้มาติกาบังสุกุลให้ จากนั้นหลวงปู่มั่นได้ใช้ไม้เท้าชี้ลงไปที่ร่างของคุณแม่ชีแล้ว ก็เกิดไฟลุกไหม้จนเป็นเถ้า คุณแม่ก็คิดว่า เราตายแล้วจะได้ไปเกิดที่ไหน พ่อแม่ก็ตายหมดแล้ว เช้านี้ใครจะนึ่งข้าวใส่บาตรครูบาอาจารย์แทนเรา เมื่อคิดอย่างนั้นจิตก็ถอนออกมา

ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 04.00 น. ลืมตาขึ้นมาก็เห็นว่าตนเองกำลังนั่งอยู่ จับเนื้อตัวแขนขาตนเองก็รู้ว่าตนยังไม่ตาย คุณแม่ชีแก้วเข้าใจว่าตนเองนอนหลับฝันไปและที่ตื่นนั้นก็อาจเป็นเพราะแม่เลี้ยงมาตะโกนปลุกให้ลุกขึ้นมานึ่งข้าวจึงตื่นก็เป็นได้

รุ่งเช้าเมื่อหลวงปู่มั่นมาบิณฑบาต คุณแม่ชีแก้วก็มาใส่บาตร แล้วหลวงปู่มั่นได้บอกให้คุณแม่ชีแก้วตามไปที่วัดด้วย แต่คุณแม่ไม่ไปเพราะอายท่านที่ไม่ได้ภาวนาตามที่รับปากไว้ มัวแต่นอนหลับฝันเพลินไป

หลวงปู่มั่นฉันข้าวเสร็จแล้วเก็บข้าวก้นบาตรไว้ให้คุณแม่ แต่เรียกหาไม่พบจึงให้คนไปตามมา เมื่อคุณแม่ชีแก้วมาถึงก็ก้มกราบแล้วก้มหน้าเพราะอายที่ไม่ได้ภาวนา หลวงปู่ก็ให้กินข้าวก้นบาตรต่อหน้าท่าน คุณแม่ชีแก้วก็ยิ่งอายเพราะเข้าใจว่าถูกทำโทษ

หลวงปู่มั่นท่านสอบถามเรื่องภาวนา คุณแม่ก็กราบเรียนว่ามัวแต่นั่งหลับจนฝันไป เมื่อเล่าจบหลวงปู่มั่นก็เรียกพระในวัดให้มาที่ศาลาแล้วให้คุณแม่ชี้แก้วเล่าอีกรอบ คุณแม่ชีแก้วก็เข้าใจว่าหลวงปู่มั่นประจานเท่าต่อหน้าพระมาก ๆ เพื่อให้เข็ดหลาบซึ่งเป็นความเข้าใจผิดของคุณแม่ เพราะแท้ที่จริงเป็นการส่งเสริมการภาวนาของคุณแม่ ต่อแต่นั้นมาคุณแม่ชีแก้วก็ปฏิบัติภาวนามาเรื่อย ๆ

ต่อมาหลวงปู่มั่นมีความประสงค์จะพาคณะพระสงฆ์เดินทางไปธุดงค์ถิ่นอื่นต่อ ๆ ไป ก่อนจากไปหลวงปู่มั่นได้ปรารภกับคุณแม่ชีแก้วว่า หากคุณแม่เป็นผู้ชายก็จะให้บวชเณรและติดตามไปด้วย แต่นี่คุณแม่เป็นผู้หญิงจะลำบาก และสั่งว่าให้หยุดภาวนา ตั้งแต่นี้ต่อไปให้ใช้กรรมไปตามประสาโลก เมื่อได้พบครูบาอาจารย์แล้วจึงค่อยภาวนา (หลวงตาพระมหาบัวได้สันนิษฐานว่าที่หลวงปู่มั่นให้คุณแม่ชีแก้วหยุดภาวนานั้นอาจเป็นเพราะคุณแม่ชีแก้วมีจิตที่โลดโผน ถ้ามีผู้แนะนำที่ดีก็จะไปได้ดีแต่ถ้าไม่มีผู้แนะนำอาจทำให้เสียคนได้)

พ.ศ.๒๔๙๗ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ได้จาริกเดินธุดงค์มาถึงบ้านห้วยทราย และได้พาคณะพระภิกษุและสามเณรมาจำพรรษาที่วัดป่าบ้านห้วยทราย แต่ตัวของพระอาจารย์มหาบัว ญาณสมฺปนฺโน กับสามเณรอีก ๑ รูป ได้ขึ้นไปจำพรรษาที่ถ้ำนกแอ่น ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านห้วยทรายไปทางทิศตะวันตกประมาณ ๒ กิโลเมตร ในช่วงที่จำพรรษานั้น คุณแม่ชีขึ้นไปฟังเทศน์จากหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน เป็นครั้งคราว ท่านหลวงตาได้ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม บำเพ็ญเพียรภาวนา ทั้งหมดให้คุณแม่ชีตลอดการจำพรรษาที่วัดป่าบ้านห้วยทราย ตลอด ๔ พรรษาต่อมาหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้ปรารถถึงโยมมารดาที่บ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ว่าเคุณแม่ชีป็นผู้ที่เหมาะสมที่จะอบรมถ่ายทอดความรู้อบรมธรรมะให้มารดาของท่านได้ เพราะเป็นหญิงด้วยกัน ต่อมาคุณแม่ชีพร้อมคณะอีก ๒ ท่านได้เดินไปจังหวัดอุดรธานีตามที่พระอาจารย์มหาบัวต้องการ ประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๘ แล้วท่านก็ได้บวชโยมมารดาของท่านหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน สมความตั้งใจของหลวงปู่จากนั้นหลวงปู่มหาบัวได้พาคณะสงฆ์และแม่ชีไปจำพรรษาที่วัดสถานีทดลอง จังหวัดจันทบุรี เวลาได้ ๑ พรรษาโยมมารดาของหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน อยากกลับภูมิลำเนาเดิม ซึ่งหลวงตาก็ได้อนุญาตและได้พาคณะกลับมาสร้างวัดป่าบ้านตาดอันเป็นภูมิลำเนาเดิมในปี พ.ศ.๒๔๙๙ คุณแม่ชีได้จำพรรษาอยู่ที่วัดป่าบ้านตาดกับโยมมารดาหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เมื่อเป็นเวลาอันสมควรท่านได้กราบลาหลวงตามหาบัวญาณสมฺปนฺโน กลับภูมิลำเนาเดิมที่บ้านห้วยทรายและได้บำเพ็ญเพียรภาวนา อบรมสั่งสอนชาวบ้านตลอดมาและมีสานุศิษย์อย่างกว้างขวางทั้งใกล้และไกลด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

ครั้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๐ ท่านได้ป่วยด้วยโรคประจำตัว และมีคุณหมอเจริญและคุณหมอบุญเลี่ยม วัฒนสุชาติ จากกรุงเทพฯ ได้นำคุณแม่ชีไปรักษาที่โรงพยาบาลพร้อมมิตร กรุงเทพฯ ระยะหนึ่ง อาการของคุณแม่ชีหายเป็นปกติจึงได้กลับบ้านห้วยทรายต่ อมาอาการป่วยของท่านก็มีเป็นครั้งคราวได้มีคุณหมอเพ็ญศรีมกรานนท์ซึ่งเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์ โรงพยาบาลรามาธิบดี กรุงเทพฯ ได้ขึ้นมากราบหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน และกราบคุณแม่ชีเป็นครั้งคราว เห็นว่าท่านสมควรได้รับการดูแลและรักษาอย่างใกล้ชิด พร้อมนี้คุณหมอเพ็ญศรี ท่านก็ต้องการปฏิบัติธรรมด้วยจึงได้ลาออกจากราชการมาดูแลและเฝ้ารักษาคุณแม่ชีจนถึงวาระสุดท้ายนับเป็นเวลา ๑๔ ปีจนกระทั่ง วันที่ ๑๘ มิถุนายน ๒๕๓๔ เวลา ๐๙.๒๕ น. ท่านก็ได้จากไปด้วยอาการอย่างสงบ สิริอายุรวมได้ ๙๐ ปีและรวมเวลาที่บวชชีเป็นเวลา ๕๔ พรรษาตลอดเวลา ๕๔ พรรษาที่ท่านได้อยู่ในการบวชเป็นชีนั้น ท่านได้บำเพ็ญเพียรภาวนา ปฏิบัติธรรม โดยสม่ำเสมอตลอดมา มิได้เคยประพฤติผิดในครองชีเพศเลย ด้วยอานิสงส์แห่งการบำเพ็ญเพียร ภาวนา ปฏิบัติธรรมอันแน่วแน่ของคุณแม่ชีนี้ทำให้ท่านเราได้รับความเลื่อมใสศรัทธาจากสาธุชนโดยทั่วไปเป็นจำนวนมากได้มาให้ความเคารพกราบไหว้มิได้ขาดสาย บัดนี้คุณแม่ชีได้จากเราไปแล้ว คงเหลือแต่คุณงามความดีและแนวปฏิบัติที่ท่านเพียรพยายามทำไว้ให้เป็นอนุสรณ์แก่พุทธศาสนิกชนสืบไป


Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

[• สุขใจ บำรุงรักษาระบบ •]
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.223 วินาที กับ 28 คำสั่ง

Google visited last this page 13 ชั่วโมงที่แล้ว