[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
18 มิถุนายน 2568 00:42:42 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำเต้า วัตถุมงคล พืชสวนครัว และสมุนไพรใกล้ตัวมากประโยชน์  (อ่าน 398 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ใบบุญ
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 13
*

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 2633


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Mozilla รองรับ Mozilla รองรับ


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 มีนาคม 2568 07:39:46 »




น้ำเต้า วัตถุมงคล พืชสวนครัว และสมุนไพรใกล้ตัวมากประโยชน์

ที่มา - มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 14 - 20 กุมภาพันธ์ 2568
คอลัมน์    - โครงการสมุนไพรเพื่อการพึ่งพาตนเอง
เผยแพร่ - วันเสาร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2568


นํ้าคู่กับปลา ฟ้าคู่กับนก แล้ว “เซียน” คู่กับอะไร

คำตอบคือ “หูหลู” หรือ “ลูกน้ำเต้า” ซึ่งกลายเป็นผลไม้วิเศษของเหล่าเซียนและเทพเจ้า นับเป็นปกรณัมคลาสสิคในอารยธรรมจีนอันเก่าแก่ถึง 5,000 ปี แต่ก็ยังมีข้อสันนิษฐานว่าน้ำเต้ามีอายุเก่าแก่กว่านั้นก่อนยุคประวัติศาสตร์เสียอีก คือมีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมอยู่ในทวีปแอฟริกาซึ่งเป็นจุดกำเนิดของมนุษย์ดึกดำบรรพ์ น้ำเต้าจึงเป็นพืชผักสวนครัวรั้วกินได้ชนิดแรกๆ ที่มนุษย์นำเมล็ดติดตัวไปขยายพันธุ์ในที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งในอุษาคเนย์ด้วย

เชื่อกันว่าชนชาติไทลาวลุ่มแม่น้ำโขงมีกำเนิดจากน้ำเต้าปุงหรือน้ำเต้ายักษ์มาแต่ครั้งขุนบรมปฐมกาลที่เริ่มมีเผ่าพันธุ์มนุษย์เข้ามาตั้งรกรากในดินแดนโคตรบูร ดังหลักฐานปรากฏในนิทานขุนบรมอันเป็นคติชนวิทยาปรัมปราของชุมชนลุ่มแม่น้ำโขงซึ่งมีบันทึกอยู่ใน “พงศาวดารล้านช้าง” ที่ว่าด้วยน้ำเต้าแหล่งให้กำเนิดมนุษย์ตอนหนึ่งว่า

“คนทั้งหลายฝูงเกิดในผลหมากน้ำเต้า ฝูงนั้นก็ร้องนี่นั่นมากนักในหมากน้ำเต้านั้นแล ยามนั้น ปู่ลางเชิงจึงเผาเหล็กชีแดง (เหล็กแหลมเผาไฟจนร้อนแดง) ชี (เจาะ) หมากน้ำเต้านั้น คนทั้งหลายจึงบุเบียดกันออกมาจากทางฮู (รู) ที่ชี (เจาะ) นั้น ก็บ่เบิ่งคับคั่งกัน ขุนคานจึงเอาสิ่วไปสิ่วฮู (ตอกเจาะรู) ให้เป็นฮูแควนใหญ่ (รูร่องใหญ่) แควนกว้าง (ร่องกว้าง) คนทั้งหลายก็ลุไหลออกมา นานประมาณ 3 วัน 3 คืน จึงหมดหั้นแล…”

ถอดความได้ว่า “เมื่อผลน้ำเต้าปุง (น้ำเต้ายักษ์) นั้นแก่จัดเต็มที่แล้ว ก็ได้ปรากฏมีมนุษย์จำนวนมากมายเกิดอยู่ในผลน้ำเต้านั้น ปู่ลางเชิง (มนุษย์ 1 ใน 3 คนของพระยาแถนที่รอดชีวิตจากน้ำท่วมโลก) จึงเผาเหล็กจนร้อนแดงแล้วจี้ทะลุผิวของผลน้ำเต้ายักษ์นั้นให้เป็นรู เหล่ามนุษย์ที่ออกจากรูจึงมีผิวพรรณที่คล้ำเพราะถูกรมด้วยควันที่ถูกเหล็กแดงจี้ ส่วนขุนคาน (มนุษย์ 1 ใน 3 คนของพระยาแถนที่รอดชีวิตจากน้ำท่วมโลก) ก็ได้นำเอาสิ่วมาตอกเจาะผิวของผลน้ำเต้ายักษ์นั้นเป็นร่องจนทะลุ เหล่ามนุษย์ที่ออกมาจึงมีผิวพรรณที่ไม่คล้ำ และเป็นนายของพวกมนุษย์ผิวคล้ำที่ออกมาจากน้ำเต้าลูกแรก มนุษย์ทั้งหลายที่อยู่ในน้ำเต้ายักษ์นั้นก็เบียดเสียดกันออกมานานถึงสามวันสามคืนจึงหมด”

เชื่อกันว่ากลุ่มชนทั้งหลายที่ถือกำเนิดออกจากน้ำเต้ายักษ์เหล่านี้แหละก็คือบรรพบุรุษของกลุ่มชาติพันธุ์ไทลาวนั่นเอง

น่าแปลกที่นิทานคติชนวิทยาของหลายเชื้อชาติก็เชื่อว่าน้ำเต้าเป็นประหนึ่งมดลูกศักดิ์สิทธิ์ที่ให้กำเนิดชาติพันธุ์ของพวกตน โดยที่ลูกน้ำเต้าก็มีรูปลักษณ์คล้ายมดลูกอีกด้วย

นํ้าเต้าจึงเป็นวัตถุบูชาดั้งเดิมของมนุษย์หลายชาติพันธุ์ ในฐานะเป็นสัญลักษณ์ของ “กายแม่” การบูชาน้ำเต้าก็คือการเคารพบูชาแม่ผู้ให้กำเนิด แต่ที่มีความหมายล้ำลึกกว่านั้นก็คือ เมื่อคนเรากำเนิดมาจากน้ำเต้าก็ย่อมกลับคืนสู่น้ำเต้าเมื่อตายแล้ว

ดังนั้น วัฒนธรรมของชนกลุ่มลุ่มแม่น้ำโขงจึงมีเครื่องดนตรีที่เป็นสัญลักษณ์ของน้ำเต้า บรรเลงในพิธีปลงศพ เช่น พิณน้ำเต้า แคนน้ำเต้า ปี่น้ำเต้า กลองมโหระทึก เป็นต้น

ทั้งยังเก็บกระดูกไว้ในภาชนะรูปทรงเลียนแบบน้ำเต้าอีกด้วย เดี๋ยวนี้คนไทยยุคใหม่คงไม่สนใจคตินิทานโบราณเรื่องน้ำเต้ากันแล้ว แต่ยังมีสำนวนเก่าแก่ที่คนไทยจดจำกันได้ในเพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ที่กล่าวถึงน้ำเต้าว่า

“ผู้มีศีลจะเสียซึ่งอำนาจ นักปราชญ์จะตกต่ำต้อย กระเบื้องจะเฟื่องฟูลอย น้ำเต้าอันลอยนั้นจะถอยจม”

แถมยังมีสร้อยเติมอีกว่า “ผู้ดีจะเดินตรอก ขี้ครอกจะเดินถนน” ซึ่งนอกจากจะเปรียบน้ำเต้าเป็นฝ่ายผู้ดีแล้ว ยังบ่งบอกคุณสมบัติพิเศษของน้ำเต้าว่าเป็นภาชนะกลวงเบา ซึ่งคนไทยสมัยโบราณคุ้นเคยกับการใช้ผลน้ำเต้าแห้งทำเป็นทุ่นประกอบเครื่องมือการจับปลา เช่น เบ็ดน้ำเต้าหรืออวนล้อมผูกทุ่นน้ำเต้า เป็นต้น ดังนั้น ถ้าน้ำเต้าน้อยถอยจมก็ถือเป็นเรื่องผิดธรรมชาติเอามากๆ ตรงนี้เองที่ทำให้ผลน้ำเต้าแตกต่างจากผลของพืชเถาล้มลุกจำพวกฟักแฟงแตงที่อยู่ในวงศ์ Cucurbitaceae ด้วยกัน

กล่าวคือ ผลผักจำพวกฟักแฟงแตงทั้งหลายเมื่อแก่จัดแล้วเปลือกและเนื้อในจะแห้งเหี่ยวจนลีบ ในขณะที่ผลน้ำเต้าแก่จัดเมื่อตากแห้งแล้วเปลือกจะแข็งโป๊กคงรูปลักษณ์เดิม แต่เนื้อในจะแห้งฟ่อกลายเป็นโพลงกลวงคงเหลือแต่เมล็ดแห้งมากมายอยู่ภายใน เขย่าเสียงดังกรอกแกรกเหมือนสั่นลูกแซก (มาราคัส) เครื่องดนตรีเก่าแก่ที่เคยทำจากผลน้ำเต้า ที่เป็นเช่นนี้เพราะผลน้ำเต้าสดมีน้ำเป็นองค์ประกอบถึง 95% (ผลน้ำเต้าหนักหนัก 100 กรัม มีน้ำเป็นส่วนประกอบ 95.5 มิลลิลิตร) ดังนั้น เมื่อน้ำในผลน้ำเต้าแห้งเหือดไป ภายในจึงกลวงเหลือแต่เปลือก เป็นภาชนะรูปทรงแจกันหรือขวด ตามชื่อเรียกสกุลทางพฤกษศาสตร์ว่า Largenaria (ภาษากรีก lagenos แปลว่า “แจกัน”) และยังมีชื่อสามัญภาษาอังกฤษว่า Bottle Gourd หรือฟักทรงขวด

เชื่อว่าน้ำเต้าเป็นภาชนะแรกที่มนุษย์นิยมใช้ใส่น้ำพกพา และเป็นต้นแบบของน้ำต้นดินเผาและน้ำขวดพลาสติกในยุคต่อมา

นํ้าเต้าเป็นพืชจำพวกผักโบราณที่ให้ผลและใบกินได้ ปลูกง่ายขยายพันธุ์เร็ว ไม่มีแมลงรบกวน ทนทานต่อศัตรูพืช ไม่ต้องลงทุนดูแลมาก กระทั่งมีคำกล่าวเก่าแก่ว่า ครอบครัวใดมีลูกหลานมากและฐานะยากจนให้ปลูกน้ำเต้า เพราะนอกจากไม่ต้องลงทุนดูแลมากแล้ว ยังจะได้ผลน้ำเต้ามากมายเพียงพอสำหรับเลี้ยงเด็กๆ อย่างแน่นอน น้ำเต้าน่าจะเป็นพืชสวนครัวที่ป๊อปปูลาร์พอควร ขนาดฝรั่งนักบันทึกอย่างหมอบรัดเลย์ยังบัญญัติศัพท์ไว้ในหนังสือ “อักขราภิธานศรับท์” พ.ศ.2416 ของท่านโดยให้คำจำกัดความไว้ว่า

“น้ำเต้า : คือผักอย่างหนึ่ง ลูกกลมๆ คอคอด ต้มแกงกินได้ เช่น น้ำเต้าที่แกงเลียงกิน” นอกจากผลน้ำเต้าอ่อนแล้ว ใบและยอดน้ำเต้ายังใช้ปรุงอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก คืออุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุอีกหลากหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 สังกะสี ทองแดง แมงกานีส ที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย

อาหารพื้นบ้านที่นิยมใช้น้ำเต้าอ่อนปรุงเป็นผักก็คือ แกงเลียง แกงส้ม ผัดน้ำมัน และต้มเป็นผักจิ้ม เป็นต้น

ปัจจุบันยังมีการคิดค้นสูตรอาหารน้ำเต้าและขนมน้ำเต้าเมนูเด็ดใหม่ๆ อีกนับร้อยเมนู

แต่ที่น่าสนใจในที่นี้คือ สรรพคุณสามัญทางยาที่ไม่ธรรมดาของน้ำเต้าพืชผักสวนครัวใกล้ตัว เอาเฉพาะในตำรายาหลวงทั้งแพทยศาสตร์สงเคราะห์และตำราพระโอสถพระนารายณ์ มีตำรับยาที่ใช้ส่วนต่างๆ ของน้ำเต้า เช่น ใบ ผล เปลือกผล ราก หรือแม้กระทั่งส่วนที่เรียกว่ามือน้ำเต้า (คือหนวดจากเถาที่ใช้จับเกาะเกี่ยว) เพื่อประกอบยาถึง 24 ตำรับ ส่วนใหญ่เป็นยาเย็นดับพิษทรางเจ้าเรือน ทรางจรในเด็ก ยาแก้อาโปธาตุพิการและยาแก้ตรีโทษ เป็นต้น แต่หากใช้น้ำเต้าอย่างเดียวทำยาตามภูมิปัญญาโบราณมีสรรพคุณรักษาอาการโรคต่างๆ คือ

น้ำต้มรากน้ำเต้าแก้อาการบวมน้ำตามร่างกาย

ใบอ่อนลวกกินเป็นยาระบายอ่อนๆ

น้ำต้มใบกับน้ำตาลกรวดดื่มแก้โรคดีซ่าน

ใบสดผสมสุราและขี้วัวสดหรือแห้งตำคั้นเอาน้ำพอกทาแก้เริม ไฟลามทุ่ง งูสวัด ลมพิษพุพอง ฟกบวม และถอนพิษได้

ผลและเปลือกต้มเป็นยาเย็นดับพิษไข้ ขับปัสสาวะ ขับนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ใช้สระผมหรือสุมหัวเด็กทารกแก้ไข้ได้

โคนขั้วผลกินเป็นยาแก้อาการปวดท้อง

เมล็ดแก่บดกินเป็นยาขับพยาธิและแก้อาการบวมน้ำ

น้ำมันจากเมล็ดใช้นวดศีรษะแก้อาการผิดปกติทางประสาท

ปัจจุบันมีงานวิจัยศึกษาเรื่อง ความสามารถในการลดไขมันและต้านอนุมูลอิสระในผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูงของสารสกัดจากผลน้ำเต้า พบว่าสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ในผลน้ำเต้าช่วยควบคุมไขมันในเลือด โดยสารฟลาโวนอยด์ที่กินเข้าไปจะถูกย่อยสลายเป็นกรดฟีนอลิก (Phenolic acid) ที่สามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับหัวใจ และช่วยควบคุมโรคเบาหวานได้ผลดี

ผ่านปีใหม่ฝรั่ง เข้าปีใหม่จีนแล้ว นอกจากจะใช้น้ำเต้าเป็นวัตถุมงคลเพื่อดูดทรัพย์และสร้างพลังบวกตามความเชื่อโบราณแล้ว

น้ำเต้ายังเป็นพืชผักสวนครัวใกล้ตัวใช้ปรุงอาหารสุขภาพและเป็นยาเย็นดับพิษร้อนถอนพิษไข้ ช่วยขับปัสสาวะในเด็กและผู้ใหญ่อย่างปลอดภัยและได้ผลดี •




... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichonweekly.com/column/article_827376

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 2.318 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 17 มีนาคม 2568 12:37:45