ข้อควรระวังของการปฏิบัติเมื่อญาณอันเป็นเครื่องรู้เกิดขึ้น ถาม : (ไม่ชัด)
ตอบ : ค่อยๆ แยกแยะดูแล้วจะเห็นอย่างชัดเจน ว่าตัวผู้รู้ก็คือตัวผู้รู้ ตัวรับรู้ก็คือตัวรับรู้ บางที
ภาษาบาลีเขาจะแยกชัด เป็น จิต กับ ชวนะ แต่ภาษาไทยบางทีก็สับสนปนเปกัน สรุปว่าของที่ละเอียดเกินไป อย่าเพิ่งไปใส่ใจ
แค่ตัวกูพยายามให้เห็นว่าไม่ใช่กูไว้ก่อน พอตัวกูไม่ใช่กูแล้วคนอื่นย่อมไม่ใช่ของกูเหมือนกัน เดี๋ยวก็จะเห็นกว้างไปเรื่อยๆ ถ้าหากว่ากำลังพอ จิตก็จะยอมรับตรงนั้นว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ควรยึดมั่นถือมั่นจริงๆ
เรื่องของการปฏิบัติ
มีอยู่ระยะหนึ่งที่พึงระวังสุดขีดก็คือ ญาณเครื่องรู้เกิดขึ้น จะเกิดความแตกฉาน ขบคิดอะไรก็เข้าใจไปหมด เห็นความสอดคล้องสัมพันธ์ของทุกสิ่งทุกอย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันหมด ไม่ว่าจะหัวข้อธรรมไหนก็เห็นว่าเกี่ยวโยงกันหมด แต่จุดที่สำคัญจริงๆ ก็คือ สิ่งที่เรารู้มีส่วนในการตัดกิเลสของเราไหม ? ไม่ใช่ว่ารู้ทุกเรื่องแต่เรื่องตัดกิเลสไม่รู้เลย แต่ว่าส่วนใหญ่ก็มักโดนหลอกให้หลงไปในแนวนั้น แนวที่ว่ารู้ทุกเรื่อง ยิ่งคิดยิ่งสนุก ยิ่งคิดยิ่งแตกฉาน จะสร้างยานอวกาศออกไปต่างดาวยังได้เลย แต่เรื่องตัดกิเลสกลับไม่รู้ เป็นเรื่องที่จะต้องระวังให้จงหนัก ถ้าหากว่ายังไม่ถึงตรงระดับนี้ ถึงหลงก็ยังไปไม่ไกล แต่ถ้าโผล่ไปถึงระดับนี้แล้วหลงไกลแน่ เพราะจะถูกพาเตลิดเปิดเปิงไปเรื่อย จนออกทะเลหาฝั่งไม่เจอ
คิดเรื่องอะไรก็เข้าใจไปหมด เป็นส่วนของจินตามยปัญญาคือขบคิดแล้วเข้าใจ ยังไม่ใช่ภาวนามยปัญญา คือปัญญารู้แจ้งเห็นจริงแล้วปล่อยวางได้
ถาม : อย่างนี้ต้องมีสติมากเลยสิครับ ?
ตอบ : ใช่...ถ้าไม่มีสติก็ไปไม่รอดอยู่แล้ว พระพุทธเจ้า ตรัสว่า ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา ต้องไปด้วยกัน ขาดสติเมื่อไรก็ถูกกิเลสพาไปไกลลิบเลย แล้วหลายคนก็อยู่ในอาการเฟื่องไปเลย ก็คือไปพูดเรื่องที่มนุษย์ทั่วๆ ไปไม่รู้ แบบสมัยก่อน คุณกมล ที่มาที่นี่ นั่นถึงขนาดจะไปตั้งอาณานิคมบนดาวอังคาร อาตมาก็เลยช่วยบอกเขาว่า ต้องทำอย่างไรถึงจะอยู่บนดาวอังคารได้จริงๆ สนุกกันใหญ่ ไหนๆ เขาจะไปแล้ว ก็ช่วยบอกให้เขาไปถูกทางหน่อย..!
สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนมกราคม ๒๕๕๕
ที่มา : watthakhanun