[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
15 พฤศจิกายน 2568 04:12:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๑ ลักษณการพระราชพิธี ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล  (อ่าน 52 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 23 ตุลาคม 2568 10:40:42 »




ลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๑

ลักษณการพระราชพิธี ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล

----------------------------

พิมพ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ
นายพลตรี หม่อมเจ้าศรีไสยเฉลิมศักดิ์ ท จ. ท ม ต ช. ร จ ม.
ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบริรักษนรินทรฤทธิ์
เมื่อปีระกา พ.ศ. ๒๔๖๔
---
พิมพ์ที่โรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร




คำนำ


​หม่อมราชวงศ์ชายอนุศักดิ์ หัสดินทร์ ณกรุงเทพ รับฉันท์ของพี่น้องมาแจ้งความณหอพระสมุดวชิรญาณสำหรับพระนครว่า ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายพลตรี หม่อมเจ้าศรีไสยเฉลิมศักดิ์ ในพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นบริรักษ์นรินทรฤทธิ์ หม่อมราชวงศ์ซึ่งเปนบุตรธิดาจะใคร่พิมพ์หนังสือแจกสักเรื่อง ๑ ขอให้กรรมการหอพระสมุดวชิรญาณช่วยเลือกเรื่องหนังสือให้ ข้าพเจ้าจึงเลือกเรื่องพระราชพิธีฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคลให้พิมพ์ แลจัดไว้ในหนังสือจำพวกลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ นับเปนภาคที่ ๑๑

เรื่องพระราชพิธีฝ่ายพระราชวังบวร ฯ ที่พิมพ์ในสมุดเล่มนี้ในต้นฉบับที่มีในหอพระสมุดวชิรญาณไม่ปรากฏว่าผู้ใดแต่ง แต่พิเคราะห์ตามสำนวนเชื่อได้เปนแน่ว่าของพระเจ้าราชวรวงศ์เธอ กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ทรงแต่งประทานหอพระสมุดวชิรญาณ ครั้งทรงรับตำแหน่งกรรมการเมื่อปีชวด พ.ศ. ๒๔๓๑ ที่ทรายได้เพราะกรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ ได้เปนผู้บัญชาการพระราชพิธีในวังน่าครั้งกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ จึงเอาพระไทยใส่ศึกษาเรื่องการพระราชพิธีจนเปนผู้รู้ชำนาญ ดังจะเห็นได้ในสำนวนหนังสือที่ทรงแต่งนั้น

เรื่องที่กรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิ์ทรงแต่ง ตั้งพระไทยจะพรรณาถึงการพระราชพิธีครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนแล้วจึงจะพรรณาถึงการพระราชพิธีในครั้งกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ เพราะลักษณการพระราชพิธีวังน่าแต่เดิมเปนอย่างหนึ่ง ครั้นถึงพระบาทสมเด็จ​พระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระเกียรติยศอย่างพระเจ้าแผ่นดิน จึงถ่ายแบบพระราชพิธีของพระราชวังหลวงครั้งรัชกาลที่ ๓ ไปทำเพิ่มเติมขึ้นอิกหลายอย่าง จะยกตัวอย่างเช่นพิธีสงกรานต์ที่นิมนต์พระเท่าจำนวนพระชัณษานี้ ที่จริงเปนแบบพิธีเฉลิมพระชัณษาในรัชกาลที่ ๓ ด้วยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวประสูตรในเดือน ๕ ทรงทำเนื่องในพิธีสงกรานต์ก็เลยติดเนื่องเปนพิธีสงกรานต์ไป มาถึงครั้งกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ คงได้แก้ไขลดการพระราชพิธีฝ่ายพระราชวังบวรฯ น้อยลงกว่าครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่จะลดลงเพียงไรไม่ปรากฏในหนังสือนี้ เพราะกรมหมื่นสถิตย์ธำรงสวัสดิทรงแต่งว่าด้วยการพระราชพิธีครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยูหัว ตั้งแต่เดือน ๕ ไปจนถึงกลางเดือน ๑๑ แล้วก็ค้างอยู่เพียงนั้น เห็นจะเปนด้วยเหตุที่แต่งค้างนี้เองจึงไม่ปรากฎว่าหนังสือนี้ได้เคยพิมพ์มาแต่ก่อน มีแต่ฉบับเขียนอยู่ในหอพระสมุดวชิรญาณ มาตรวจดูในคราวนี้เห็นว่า หนังสือแต่งดีทั้งในทางสำนวนแลในทางที่ให้ความรู้ สมควรจะพิมพ์ให้แพร่หลายได้ แลเปนเรื่องที่เนื่องในครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเปนสมเด็จพระไอยกาของหม่อมเจ้าศรีไสยเฉลิมศักดิ์ เหมาะแก่การที่จะพิมพ์แจกในงานศพของเธอ ข้าพเจ้าจึงได้เลือกหนังสือเรื่องนี้ให้พิมพ์ แลได้พิมพ์หมายรับสั่งการพระราชพิธีวังน่าครั้งกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญซึ่งมีฉบับอยู่ในหอพระสมุดวชิรญาณ ๒ ฉบับเพิ่มเติมต่อไว้ข้างท้าย เพื่อจะรักษาหนังสือนั้นด้วย

​ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในกุศลบุญราษีทักษิณานุปทาน ซึ่งหม่อมราชวงศ์บุตรธิดา นายพลตรี หม่อมเจ้าศรีไสยเฉลิมศักดิ์ได้บำเพ็ญด้วยความกตัญญูกตะเวที ทั้งได้พิมพ์หนังสือเรื่องลัทธิธรรมเนียมต่าง ๆ ภาคที่ ๑๑ นี้ให้แพร่หลาย หวังใจว่าท่านทั้งหลายที่ได้รับหนังสือนี้ไปคงจะอนุโมทนาด้วยทั่วกัน.



 สภานายก
หอพระสมุดวชิรญาณ
วันที่ ๒๑ มิถุนายน พระพุทธศักราช ๒๔๖๔



ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2568 10:52:40 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๑

พระราชพิธี ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล

---------------------------

​๑ พระราชพิธีสงกรานต์

การที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลประจำปีในพระราชวังบวรฯนี้ กล่าวตามที่ได้เห็นเปนอัตรามาแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่ต่อมาถึงกรมพระราชวังบวรในรัชกาลปัตยุบันนี้ ลดน้อยลงหลายอย่าง จะได้กล่าวต่อภายหลัง ก็การพระราชกุศลในครั้งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ต้นคือนักขัตฤกษ์สงกรานต์ เริ่มตั้งแต่ก่อนน่าสงกรานต์วันหนึ่ง เวลาเย็นมีพระสงฆ์ ๕ รูป สวดพระปริตเศกเครื่องมุรธาภิเศกในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ทั้ง ๓ วัน รุ่งขึ้นวันเถลิงศกเวลาเช้าฉันแล้วถวายไทยทานสบงร่มรองเท้า

อนึ่งในวันจ่ายเวลาเย็นนั้นนิมนต์พระสงฆ์เถรานุเถรตั้งแต่พระองค์เจ้าพระ หม่อมเจ้าพระราชาคณะ สมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะผู้ใหญ่ตามลำดับยศตลอดลงมา เว้นไว้แต่ที่มีราชการในพระบรมมหาราชวังฤๅอาพาธจึงไม่ได้มา แต่พระราชาคณะสามัญนั้นใช้ที่ได้มาในพระราชพิธีสัมพัจฉรฉินท์ปีที่ล่วงมาแล้วนั้นรวมเท่าพระชนม์พรรษาเพิ่มปีละองค์สวดมนต์ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่ รุ่งขึ้นวันมหาสงกรานต์เวลาเช้าทรงประเคนอาหารบิณฑบาตตามธรรมเนียม

​พระสงฆ์รับพระราชทานฉันแล้วทรงประเคนผ้าไตร พระสงฆ์ออกไปคอยสรงน้ำที่ข้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยด้านใต้ปักปรำคาดผ้าขาวตั้งเตียงมีเสา ๔ เสาผูกม่านผ้าขาวเพดานผ้าขาวห้อยพวงดอกไม้สด ข้างหลังเตียงมีถังน้ำสี่เหลี่ยมใหญ่ตั้งบนม้าสูง มีบัวตะกั่วสองบัวเรียกว่าประทุม พระสงฆ์เข้าไปสรงทีละ ๒ รูป ประโคมแตรสังข์พิณพาทย์กลองแขก มีบัวอย่างฝรั่งคันเปนสูบปักในขันเชิงใหญ่ใช้น้ำดอกไม้สด กรมพระแสงหอกดาบถือถวายทรงสูบต่อพระหัดถ์ แล้วมีสุหร่ายอย่างสูบน้ำทางก้นสองอัน มักโปรดให้พระองค์เจ้าเล็ก ๆ เปิดก๊อกโปรยถวายพระ แลมีโถน้ำอบพนักงานภูษามาลาคอยตักถวาย เมื่อพระสงฆ์สรงน้ำแล้วออกไปครองไตร กลับเข้ามาฉันเข้าแช่เวลาเพนอิกครั้งหนึ่ง ไม่มีไทยทานสิ่งใดอิก

แลเวลาเย็นวันมหาสงกรานต์นั้น มีสวดมนต์ฉลองพระทรายเตียงยกในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ๒๐ รูป สวดที่เก๋งบอกหนังสือวัดบวรสถานสุทธาวาศ ๑๐ รูป ฉลองพระทรายหลวงแลพระทรายข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อย เช่นพระทรายบันดาศักดิ์ในพระบรมมหาราชวัง รุ่งขึ้นวันเนาเวลาเช้ามารวมฉันในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยเช้า ๓๐ รูป เพนฉันเข้าแช่ ๑๕ รูป ไทยทานสบงร่มรองเท้า

พระทรายเตียงยกนั้นเปนพนักงานกรมพระตำรวจในซ้ายขวา ๒ องค์ ทหารในซ้ายขวา ๒ องค์ กรมฝีพาย ๖ องค์ รวม ๑๐ องค์ กำหนดให้มาก่อรับเสด็จน่าพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยพร้อมกัน ก่อบนม้าสี่เหลี่ยมทาสีขาว มีราชวัตรฉัตรธงกระดาษทองสีต่าง ๆ แล้วยกเข้าไปตั้งฉลองใน​พระที่นั่งอิศราวินิจฉัยตามเฉลียงด้านใต้มีเครื่องบูชากระบะเชิง เวลาเช้ามีพานเข้าบิณฑ์ครบเท่ากับเตียงพระทรายด้วย เมื่อเสด็จขึ้นแล้วตั้งบายศรีทอง เงิน สมโภชเวียนเทียนประพรมน้ำหอมแล้วแห่ไปวัดมหาธาตุ มีกระบวรแห่ธงมังกรน่า ๓๐ คัน หลัง ๒๐ คัน คู่แห่น่า ๓๐ หลัง ๒๐ กลองชนะ ๒๐ จ่าปี่ ๑ จ่ากลอง ๑ แตรงอน ๖ แตรฝรั่ง ๖ สังข์ ๑

พระทรายหลวงที่วัดบวรสถานน่าที่สี่ตำรวจก่อ องค์ใหญ่องค์ ๑ สูง ๘ ศอก สนมตำรวจก่อพระทรายบริวาร ๕๐ องค์สูง ๒ ศอก มีราชวัตรฉัตรธงกระดาษแลเข้าบิณฑ์พาน ๒ ชั้นพาน ๑ เครื่องบูชากระบะมุกเหมือนกัน แต่พระทรายข้าราชการนั้นบางทีโปรดให้ยกไปก่อวัดหงษ์รัตนารามบ้าง

อนึ่งมีเครื่องบูชากระบะมุกเชิงแลผ้าทรงน้ำหอม สรงพระศรีมหาโพธิ์วัดมหาธาตุสำรับ ๑ วัดสุทัศน์เทพวราราม ๒ สำรับ วัดสระเกษสำรับ ๑ ที่พระพุทธสิหิงค์ก็มีสรงน้ำ แลตั้งเครื่องนมัสการทองทิศตั้งบายศรีทองเงินสมโภชเวียนเทียนประโคมแตงสังข์พิณพาทย์กลองแขกทั้ง ๓ วัน แลมีพุ่มดอกไม้เพลิงคืนละ ๕ พุ่มทั้ง ๓ คืน ที่พระพุทธบาทในวัดบวรสถานก็มีสรงน้ำเวียนเทียนด้วย

อนึ่งถ้าปีใดสงกรานต์เปน ๔ วันแล้ว เพิ่มสวดมนต์เย็น ๒๐ รูป ในวันเนาแรกฉันเช้า ๒๐ รูป เพน ๒๐ รูป ในวันเนาที่ ๒ ไทยทานสบงร่มรองเท้าเหมือนกัน

ในเวลาเย็นวันเนานั้นพระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรมสวดมนต์ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ๒๐ รูปในการสรงมุรธาภิเศก พระแท่นสรงตั้งข้าง​พระที่นั่งด้านเหนือ รุ่งขึ้นวันเถลิงศกเวลาเช้าเจ้าพนักงานภูษามาลาเข้าไปเชิญพระโกษฐ พระบรมอัษฐิแลพระอัษฐิลงตั้งบนโต๊ะสลักปิดทองมีเครื่องพระสุคนธ์พร้อมเปิดฝาพระโกษฐไว้ แล้วออกเสียก่อน ต่อเวลา ๒ โมงเศษจึงเสด็จพระราชดำเนินขึ้นหอพระเจ้าสรงน้ำพระบรมธาตุแลพระพุทธรูป แล้วเสด็จขึ้นพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ สรงน้ำพระบรมอัษฐิพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย แลกรมพระราชวังบวรสถานมงคลในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ แล้วจึงเสด็จขึ้นหอพระอัษฐิสรงน้ำพระอัษฐิกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ แลกรมพระศรีสุดารักษ์ แลพระสัมพันธวงศ์เธอ พระชนกในกรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทร์ด้วย แล้วจึงเสด็จออกเลี้ยงพระสงฆ์ฉันเช้าในท้องพระโรง เจ้าพนักงานจึงกลับเข้าไปเชิญพระบรมอัษฐิแลพระอัษฐิออกทางประตูสถลศิวาไลยขึ้นพระราชยาน ขึ้นเสลี่ยงประโคมกลองชนะแตรสังข์ไปตั้งเหนือพระที่นั่งเสวตรฉัตรภายในพระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน

ครั้นเมื่อปีมเสงนพศก ๑๒๑๙ พระเสริมพุทธปฏิมากรซึ่งอยู่ในพระวิหารวัดประทุมวนารามเดี๋ยวนี้ ลงมาจากเมืองหนองคายแห่ประดิษฐานบนพระที่นั่งเสวตรฉัตรใมพระที่นั่งศิวโมกข์ แต่นั้นมาก็ใช้ตั้งพระบรมอัษฐิพระอัษฐิเหนือชั้นแว่นฟ้า ๒ ชั้นปักพระบวรเสวตรฉัตร ชั้นแว่นฟ้านั้นตั้งตรงน่าพระเสริมห่างออกมาห้อง ๑ ตั้งต้นไม้ทองเงิน ๒ คู่มีเครื่องนมัสการทองน้อยสำรับ ๑ เมื่อพระสงฆ์ ๒๐ รูปในท้องพระโรงรับพระราชทานฉันเช้าแล้วนั่งรออยู่จนถึงพระฤกษ์สรงมุรธาภิเศก ถวายชยันโตพราหมณ์เป่าสังข์ กรมพระแสงในขับบัณเฑาะว์ พนักงานประโคม​ฆ้องไชยแตงสังข์พิณฑ์พาทย์กลองแขกพร้อมกัน พระแท่นที่สรงนั้นเปนพระแท่นแว่นฟ้ามีบัวกลุ่มมีพนักทาขาวขอบทองเพดานระบายรอบ เสด็จประทับเหนือตั่งรูปกลมหุ้มผ้าขาวทรงเหยียยใบไม้ ตรงพระภักตร์ตั้งถาดสรงพระภักตร์พระครอบกลีบบัวทองคำ ทรงตักน้ำในขันสรง ๆ แล้วภูษามาลาถวายพระครอบพระกริ่ง พระครอบเนาวโลหะ พระเต้าบั้งกะหรี่ ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระเต้าเบญจครรภมาอิกองค์หนึ่งก็เปนพนักงานภูษามาลาถวาย ชาวที่ใหญ่ถวายพระเต้าห้ากระษัตริย์ บาตรดินพม่าสามบาตรแล้วพระครูอัษฎาจารย์ หลวงศิวาจารย์ หลวงสุริยาเทเวศร์ พราหมณ์โหรดาจารย์จึงถวายน้ำพระมหาสังข์ทักขิณาวัฏ สังข์ทอง, เงิน, นาก, งา, พราหมณ์พฤฒิบาศถวายพระครอบสำริด เสร็จแล้วทรงผลัดพระภูษาตามสีวัน (ธรรมเนียมสรงเช่นนี้มีเมื่อสุริยุปราคา จันทรุปราคาด้วย) เมื่อสรงแล้วเสด็จประทับท้องพระโรง พระสงฆ์ถวายยถาสัพพีถวายอติเรกถวายพระพรลาครั้งหนึ่งแล้ว ออกไปนั่งอาศน์สงฆ์ที่พระที่นั่งศิวโมกข์ เวลาเช้า ๕ โมงเศษ เสด็จพระราชดำเนินออกพระที่นั่งศิวโมกข์พิมานทรงประเคนสำรับเข้าแช่เพนอิกครั้งหนึ่ง พระสงฆ์ฉันแล้วจึงสดัปกรณ์ผ้าขาว ๒๐ พับ ผ้าคู่ ๒๐ คู่ ธูปเทียนขวดน้ำหอมสิ่งละ ๒๐ เท่ากัน พระสงฆ์สำรับนั้นเองสดัปกรณ์ยถาสัพพีถวายอติเรกถวายพระพรลาอิกครั้งหนึ่ง แล้วมีสดัปกรณ์พระอันดับอิก ๔๐๐ รูป แลมีผ้าคู่ธูปเทียนของพระบรมวงศานุวงศ์ในพระบรมมหาราชวัง แลพระราชวังบวรทั้งฝ่ายน่าฝ่ายในถวายด้วย ใช้สดัปกรณ์พระรายร้อยทั้งสิ้น ผ้าคู่ขวดน้ำหอมธูปเทียนที่ทรงพระราช​อุทิศสดัปกรณ์พระบรมอัษฐิ พระอัษฐิณพระที่นั่งอมรินทร์วินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง ๔๐ คู่ สดัปกรณ์พระอันดับ ๒๐๐ รูป ผ้าคู่ขวดน้ำหอมบังสกุลอัษฐิเจ้าคุณสัมพันธวงศ์บ้านสมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่องค์น้อย ๗ คู่ ภายหลังเปน ๙ คู่ จีวร ๑ สบง ๑ ขวดน้ำหอมธูปเทียนสดัปกรณ์พระอัษฐิกรมสมเด็จพระปรมานุชิตณวัดพระเชตุพนด้วย แลมีผ้าขาวเขียนอักษรทรงพระราชอุทิศถวายตามพระนามพระบรมอัษฐิพระอัษฐิ แลอุทิศพระราชทานตามนามอัษฐิ เจ้าพนักงานศุภรัตนำไปทุกแห่ง

อนึ่งมีพระราชทานผ้า ๒ สำรับขวดน้ำหอมสรงน้ำพระเจ้าพี่ยาเธอ พระเจ้าพี่นางเธอที่มีพระชนม์มากหลายพระองค์ แลพระราชทานรดน้ำเจ้าจอมมารดาในรัชกาลที่ ๒ สองคน สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่องค์น้อยด้วย แต่พระนมนั้นพระราชทานเงินด้วย เสร็จการพระราชกุศลนักขัตฤกษ์สงกรานต์เท่านี้,


พระราชพิธีวิสาขบูชา
มีสวดนต์ที่พระที่นั่งศิวโมกข์พิมานวันขึ้น ๑๓ ค่ำ ๑๔ ค่ำ ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ เวลาบ่ายทั้ง ๓ วัน ฉันเช้าวันขึ้น ๑๔ ค่ำ แรมค่ำ ๑ คง ๑๕ รูป แต่วันขึ้น ๑๕ ค่ำ พระสวดจัตุเวทมารวมฉันด้วยอิก ๔ รูป เปน ๑๙ รูป ไทยทานสบงร่มรองเท้าใบชา ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่ มีตะเกียงเจือน้ำมันหอม น้ำมันจันทน์ น้ำมันกระดังงา น้ำมันงา น้ำมันมะพร้าว วันละ ๕ ตะเกียง ตั้งที่พระพุทธสิหิงค์ ๑ พระเสริม ๑ วัดบวรสถานสุทธาวาศในพระอุโบสถ ๑ พระพุทธบาทบนเขา ๑ พระพุทธบาทสี่รอย ๑ ​มีเทศนาในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย คืนละกัณฑ์ทั้ง ๓ คืน เครื่องกัณฑ์ไตรพัชนีถาดชาร่มรองเท้าเสื่ออ่อนหมอนอิงตะลุ่มคาวหวาน มีดอกไม้เพลิงพุ่ม ๕ ชั้น น่าวัดบวรสถานสุทธาวาศ ๕ พุ่ม น่าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ พุ่ม ๑๐ กระถาง ๑๐ ระทา ๘ ฝนแสนห่า ๑ สหัสธารา ๑ พ้อม ๑ จอกแก้ว ๑๐ พะเนียง ๑๐ ทั้ง ๓ คืน มีโคมข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยแขวนพระอุโบสถที่วัดบวรสถานสุทธาวาศที่ข้างพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ทั้ง ๒ แห่ง ภายหลังเมื่อพระเสริมมาแล้ว มีประกวดประขันขึ้นที่พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน มีซุ้มตะเกียง ๔ ตำรวจด้วย ๔ ซุ้ม วันแรมค่ำหนึ่งสดัปกรณ์แต่รายร้อย ๔๐๐ พระบรมอัษฐิพระอัษฐิเชิญออกตั้งเหมือนสงกรานต์

อนึ่งมีสดัปกรณ์พระบรมอัษฐิพระอัษฐิด้วยผ้าขาว ๔ เหลี่ยม แล้วถวายสลากภัตร ๑๕๐ รูปที่พระที่นั่งศิวโมกข์พิมานครั้ง ๑ จะเปนปีใดจำไม่ได้ เกณฑ์ข้าราชการฝ่ายในทำกระทง ๑๕๐ กระทง จ่ายเงินหลวงกระทงละสลึงเฟื้อง นอกนั้นเปนของข้างในเพิ่มเติมมีธูปเทียนหมากพลูด้วย จำนวนพระสงฆ์ทีสดัปกรณ์ใช้ตามวัดที่พระอัษฐิทรงปฏิสังขรณ์ คือวัดอุรณราชวราราม ๑๗ วัดหงษ์รัตนาราม ๑๗ วัดมหาธาตุ ๑๗ วัดบวรมงคล ๑๗ วัดไพชยนต์พลเสพ ๑๗ วัดศรีสุดาราม ๑๗ วัดหิรัญรูจี ๑๖ วัดสัมพันธวงศ์ ๑๖ วัดรังษีสุทธาวาศ ๑๖ รวม ๑๕๐ สดัปกรณ์รายร้อยยกไม่มี เสร็จพระราชกุศลวิสาขบูชาเท่านี้



การพระราชกุศลเข้าพรรษา
เวลาบ่ายเสด็จออกหล่อเทียนพรรษาที่เก๋งข้างพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยด้านใต้ ในวันขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ ถ้าปีใดมีอธอกมาศก็หล่อขึ้น ๘ ค่ำ ​เดือน ๘ บูรพาสาธ เทียนเล่ม ๑ สีผึ้งหนัก ๑๕ ชั่งเศษ หล่อปีละ ๕ เล่ม คือวัดพระศรีรัตนศาสดารามเล่ม ๑ พระที่นั่งพุทไธสวรรย์เล่ม ๑ พระที่นั่งศิวโมกข์พิมานเล่ม ๑ วัดบวรสถานเล่ม ๑ วัดหงษ์รัตนารามเล่ม ๑ เทียนนั้นรูปเปน ๖ เหลี่ยมปลายเปนบัวกลมปิดทอง ตัวเทียนปิดทองลายทรงเข้าบิณฑ์ มีฉัตรทองอังกฤษปักยอด แล้วยกมาตั้งถวายตัวในท้องพระโรง วันขึ้น ๑๓ ค่ำ เดือน ๘ เวลาสวดมนต์เย็นรุ่งขึ้นวัน ๑๔ ค่ำพระสงฆ์ฉันแล้วเสด็จขึ้น เจ้าพนักงานจึงนำไปตั้งในตู้ตามที่ทั้ง ๕ แห่ง อนึ่งในวันขึ้น ๑๓, ๑๔, ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ มีสวดมนต์เย็น พระสงฆ์ราชาคณะโดยมาก พระครูเปรียญถานานุกรมพิธีธรรมบางอารามที่ทรงรู้จักรวม ๑๐๐ รูป แบ่งฉันวันขึ้น ๑๔ ค่ำ แรมค่ำ ๑ วันละ ๓๐ รูป ขึ้น ๑๕ ค่ำ ๔๐ รูป มีตะแกรงเครื่องเข้าพรรษาพุ่มย่อม รูปสัตว์สีผึ้ง เทียนร้อย ตะแกรงรองกระทงเมี่ยงเท่าจำนวนพระสงฆ์ ถ้าพระที่ทรงนับถือคุ้นเคยมีต้นไม้กระถางใหญ่ ต้นไม้แก้ว กระถางบัว พุ่มขนาดเขื่องเพิ่มเติมอิกส่วนหนึ่ง

วันขึ้น ๑๕ ค่ำพระฉันแล้วเสด็จพระราชดำเนินที่พระพุทธสิหิงค์ พระเสริม ทรงจุดเทียนพรรษาถวายพุ่มอย่างใหญ่คู่ ๑ ต้นไม้ใหญ่คู่ ๑ ต้นไม้แก้วคู่ ๑ กระถางบัวคู่ ๑ รูปสัตว์สีผึ้งปิดทองเงินคู่ ๑ ธูปแพเทียนแพเครื่องเข้าพรรษาพรมเหมือนกันทั้ง ๒ แห่ง แต่เทียนพรรษาวัดบวรสถาน วัดหงษ์นั้น พระราชทานเทียนชะนวนโคมเพลิงพระองค์เจ้าไปจุด มีพุ่มขนาดกลาง ๑ ต้นไม้กระถาง ๑ ต้นไม้แก้ว ๑ กระถางบัว ๑ รูปสัตว์สีผึ้งคู่ ๑ ธูปแพเทียนแพ เครื่องเข้าพรรษาพร้อมเหมือน​กัน แล้วเสด็จพระราชดำเนินมายังพระบรมมหาราชวัง เสด็จในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ทันเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังไม่เสด็จขึ้น ทรงจุดเทียนถวายเครื่องสักการะบูชา พระมณีรัตนปฏิมากร พุ่มขนาดใหญ่คู่ ๑ ต้นไม้กระถางคู่ ๑ ต้นไม้แก้วคู่ ๑ รูปสัตว์สีผึ้งปิดทองเงินคู่ ๑ ธูปแพเทียนแพหมากพลู ไม้ชำระสีฟันขูดลิ้นพร้อม แต่เสด็จพระราชดำเนินอยู่ประมาณ ๗, ๘ ปี ภายหลังมาไม่ทรงสบายก็ไม่ได้เสด็จ เลยพระราชทานให้พระองค์เจ้าจุดต่อไป ที่หอพระเจ้าในพระราชวังก็มีเครื่องเข้าพรรษาอย่างย่อมพร้อม เจ้าพนักงานนำขึ้นไปตั้งทุกปี วันแรมค่ำ ๑ เวลาเช้าเชิญพระบรมอัษฐิ พระอัษฐิ ออกตั้งเหนือแว่นฟ้า ๒ ชั้น ปักเสวตรฉัตรในพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ตั้งเครื่องสูงหักทองขวางฉัตร ๕ ชั้น ๔ บังแทรก ๓ แต่เสด็จออกเลี้ยงพระที่ท้องพระโรงแล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองน้อย มหาดเล็กเชิญไปตั้งที่แล้วสดัปกรณ์พระหัวทาน ๔ รูป มีสบงร่มรองเท้าธูปเทียนพุ่มต้นไม้เครื่องเข้าพรรษาพระอันดับ ๔๐๐ รูป เวลาค่ำมีดอกไม้เพลิงคืนละ ๕ พุ่มทั้ง ๓ คืน การที่เชิญพระอัษฐิขึ้นสดัปกรณ์บนพระที่นั่งพุทไธสวรรย์นั้น เพราะพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เคยเสด็จพระราชดำเนินขึ้นไปทรงจุดเทียนพรรษาที่พระพุทธสิหิงค์ทุกปี มีหัวทานสดัปกรณ์กาลานุกาลด้วยทุกครั้ง

อนึ่งตั้งแต่เข้าพรรษาไปมีเทศนาในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยคืนละกัณฑ์ทั้ง ๓ เดือน นั่งเทศน์บนพระที่นั่งเสวตรฉัตร ตั้งเครื่องนมัสการกระบะถมจงกลฝรั่งปักเทียน ๒ จงกล มีเชิงเทียนใหญ่ปักเทียนดูหนังสือคู่ ๑ เครื่องกัณฑ์สบงธูปเทียนหมากพลูเงินตำลึง ๑ ทุกวัน พระรับสัพพี ๔ รูป มีเทียนพระจุดราวหนึ่ง ๒๐ เล่ม ตำรวจุดราวหนึ่ง ๒๐ เล่ม เสร็จการพระราชกุศลเข้าพรรษาเท่านี้



การพระราชกุศลถวายพระบรมอัฐิ
คือวันแรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๘ เปนวันดิถีคล้ายวันสวรรคต พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย เวลาเช้าเจ้าพนักงานเข้าไปเชิญพระบรมอัฐิรองพานทอง ๒ ชั้นออกตั้งบนม้าสลักปิดทองเหนือพระที่นั่งเสวตรฉัตร ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย เสด็จออกเลี้ยงพระสงฆ์ราชาคณะถานานุกรม ๑๐ รูปรับพระราชทานฉันแล้ว สดัปกรณ์ผ้าขาว ๑๐ พับ ธูปมัดเทียนมัดของอื่นเปลี่ยนไปต่าง ๆ เหมือนบางคราวเช่นที่ชาหีบชาอั้งโล่จับเจี๋ยวเปนต้น มีสดัปกรณ์พระอันดับ ๑๐๐ รูป แล้วมีเทศนากัณฑ์ ๑ เครื่องไทยธรรมไตรบาตรย่ามพัชนีที่บูชา ถาดชาโคมร่มรองเท้าเสื่ออ่อนหมอนอิงกาถ้วยกะโถนถ้วยตะลุ่มคาวหวานเงินติดเทียน ๓ ตำลึง เทศน์จบเสด็จขึ้นแล้วเชิญพระบรมอัฐิกลับ เวลาเย็นพระสงฆ์ที่ฉันเช้ามาสวดมนต์อิกครั้ง ๑ เปนเสร็จในวันเดียวเท่านี้

การพระราชกุศลอย่างนี้ มีในวันพระบรมราชสมภพพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาไลย คือวันขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๔ อิกครั้ง ๑



​บวชนาคหลวง
อนึ่งบางปีมีหม่อมราชวงศ์เข้าไปบวชเปนนาคหลวงเคยมีหลายคราว บวชในเดือน ๘ ทำขวัญที่พระที่นั่งศิวโมกข์พิมาน ตั้งบายศรีทองเงิน ๒ สำรับไตรบาตรบริกขารของหลวงพร้อม รุ่งขึ้นเวลา ๕ โมงเช้าแล้วนาคขึ้นเสลี่ยงกั้นกลดกำมะลอแต่น่าพระที่นั่งศิวโมกข์พิมานออกประตูโอภาษพิมาน ไปลงที่ประตูวัดบวรสถานสุทธาวาศ เข้าไปในพระอุโบสถ มีประโคมพิณพาทย์แตรสังข์ แต่ไม่เคยมีเสด็จออก โปรดให้เจ้านายถวายเครื่องบริกขารพระบวชใหม่ทุกครั้ง พระอุปัชฌาย์ คู่สวดนั่งหัดถบาศรวม ๓๐ รูป ไทยทานของหลวงถวายจีวรธูปเทียนหมากพลู เสร็จพระราชกุศลเดือนแปดเท่านี้,


การพระราชพิธีเฉลิมพระชนม์พรรษา
การที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเฉลิมพระชนม์พรรษานี้ ทรงพระราชดำริห์ขึ้นใหม่ เทียบเคียงกับธรรมเนียมจีนที่เรียกว่าบั้นสิ้วฤๅแซยิด แลอนุโลมตามพุทธศาสน์โหราสาตรประกอบกัน เพื่อให้เปนการสวัสดิมงคลเจริญพระชนมศุขทุกทิวาราตรีกาล กำหนดทำในเดือน ๑๐ แต่เลื่อนไปเหลื่อมตามสุริยโคจรบรรจบรอบคล้ายวันพระราชสมภพ โปรดให้จัดการในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย คือเชิญพระพุทธสิหิงค์ตั้งเหนือพระที่นั่งบุษบก ตั้งพระเสริมบนพระที่นั่งเสวตรฉัตร ตรงน่าพระเสริมตั้งพระไชยวัฒน์ พระมหาจำเริญ ตั้งดวงพระชัณษา พระสุพรรณบัตร พระราชลัญจกร ตั้งพระมหาสังข์ห้า พระครอบ พระเต้าต่างๆ พระเต้า​ห้ากระษัตริย์ บาตรดินพม่า โยงสายสิญจน์ถึงกัน บนพระแท่นที่ประทับออกขุนนางนั้น ตั้งเชิงเทียน โคมกิ่ง พานดอกไม้ ขวดปักดอกไม้ แลมีเทียนสูงเท่าพระองค์วงรอบพระเศียรเล่มเดียวกันขดกลมวางเหนือพานทั้งสองชั้นสวมโคมแก้วบังลมด้วย ที่น่าพระที่นั่งบุษบกตั้งโต๊ะจีนข้างละโต๊ะ ที่หลังลับแลตรงพระทวารด้านน่าตั้งโต๊ะจีนใหญ่ข้างละโต๊ะ หลังโต๊ะแขวนฉากห้อยแพรอั้งติ๋วติดโคมเหลียน ๒ ข้างทั้ง ๒ โต๊ะ ตรงพระแกลเฉลียงด้านน่าก็ตั้งโต๊ะจีนข้างละโต๊ะ พระองค์เจ้าฝ่ายในร้อยดอกไม้แขวนเต็มที่

อนึ่งที่พระที่นั่งสนามจันทร์มีโต๊ะจีนโต๊ะ ๑ ตั้งรูปเทพดานพเคราะห์ หล่อด้วยทองเหลือง ตรงน่าโต๊ะออกมาตั้งบัตรเก้าบัตรยอดบัตรปักเทวรูปนพเคราะห์โหรบูชาเทวดาในเวลาเย็นนั้นด้วย พระสงฆ์ที่สวดมนต์นั้นมากกว่าพระชนม์พรรษารูป ๑ พระธรรมไตรโลก (รอด) วัดโมฬีโลกเปนอธิบดีสงฆ์เลือกคัดพระราชาคณะ พระครู เปรียญ ถานานุกรมที่สวดดีเสียงดังทั้งสิ้น พระปิฎกโกศล (ฉิม) วัดราชบุรณ เปนผู้ขัดตำนานเสมอทุกครั้ง เวลา ๕ โมงเย็นพระสงฆ์เข้านั่งที่ ประโคมพิณพาทย์เครื่องใหญ่ ๒ วง เสด็จออกทรงประเคนไตรแพรสลับผ้า มีผ้ากราบแพรต่วนปักลายพระปิ่นแลอักษรพระบวรราชวังกับย่ามเยียรบับบ้างเข้มขาบบ้าง พระสงฆ์ครองไตรแล้วทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการทองใหญ่ พระสงฆ์เจริญพระปริต เมื่อสวดจบแล้วมีเสภาที่เฉลียงน่าท้องพระโรง หลวงพิศณุเสนี (ทองอยู่) เปนผู้ขับทุกปี รุ่งขึ้นเวลาเช้าเสด็จออก​ทรงประเคนอาหารบิณฑบาต พระสงฆ์เรียพระราชทานฉันแล้ว ทรงถวายเครื่องสมณบริกขารภัณฑ์ต่าง ๆ ของไทยบ้าง จีนบ้าง ฝรั่งบ้าง ยี่ปุ่นข้าง หลายสิ่งพอสมควร พระสงฆ์ถวายอนุโมทนาถวายอติเรกถวายพระพรลา แล้วมีทรงปล่อย ปลา เป็ด ไก่ สุกรด้วย

อนึ่งเมื่อต้น ๆ มีพระฤกษ์สรงมุรธาภิเศกเหมือนสงกรานต์ ภายหลังสรงข้างในทุกปี เสร็จการพระราชกุศลเฉลิมพระชนม์พรรษาเท่านี้



การพระราชพิธีสารท
คือวันเดือน ๑๐ แรม ๑๓,๑๔,๑๕, ค่ำ มีสวดมนต์ที่พระที่นั่งศิวโมกข์พิมานวันละ ๒๐ รูป รุ่งขึ้นวันแรม ๑๔,๑๕, ค่ำเดือน ๑๐ ขึ้นค่ำ ๑ เดือน ๑๑ เวลาเช้าฉัน มีเข้ายาคูโถลายครามต่าง ๆ ของหลวงทุกสำรับ เมื่อพระสงฆ์ฉันแล้ว เจ้านายแลข้าราชการที่ปฏิบัติพระต้องถ่ายของลงในบาตรกับทั้งโถยาคูก็บรรจุไปในบาตรด้วย ไทยทานมีสบง ใบชา ธูปเทียน หมากพลู วันขึ้นค่ำ ๑ เดือน ๑๑ เชิญพระบรมอัษฐิ พระอัษฐิออกตั้ง ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลกาลานุกาลตามเคยเหมือนที่กล่าวมาแล้วข้างต้น มีแต่สดัปกรณ์รายร้อย ๔๐๐ รูป

อนึ่งมีกระทงเข้ากรูของคาวหวานหมากพลูจัดลงในกระทง มีต้นไม้ดอกไม้จีนดอกตะแบกธงจรเข้ประดับพร้อม มีเทียนหนักเล่มละหกสลึงสำหรับทรงจุด ๓ เล่มๆ ละสลึง ๑๐ เล่ม มีสมุดเล็ก ๆ เขียนคาถาบูชาตำราหลั่งน้ำอุทิศกุศลเล่ม ๑ กับพระเต้าษิโณทกตั้งถวายทรงจบพระหัดถ์หลั่งน้ำไปถวายพระสงฆ์ราชาคณะฉันวันละกระทงทั้ง ๓ วัน แล​มีทรงบาตรโถยาคูวันละ ๑๐๐ รูปทั้ง ๓ วัน มัดอกไม้เพลิงน่าพระที่นั่งพุทไธสวรรย์คืนละ ๕ พุ่ม ๓ คืน เสร็จพระราชกุศลสารทเท่านี้.



เทศนามหาชาติแลจัตุราริยสัจ
กำหนดเดือน ๑๑ วันขึ้น ๑๔ ค่ำ มีเทศนาอริยสัจ ๒ กัณฑ์ วันแรมค่ำ ๑ อิก ๒ กัณฑ์ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เทศนามหาชาติ ๑๓ กัณฑ์ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย การตกแต่ง คือ บนพระที่นั่งเสวตรฉัตรเปนที่พระสงฆ์นั่งเทศนาที่บนพระแท่นประทับออกขุนนางตั้งเครื่องแก้วโคมกิ่งรายไปเต็มที่ กลางพระแท่นตั้งโต๊ะกลมกลางโต๊ะวางพาน ๒ ชั้นรองพุ่มประดับด้วยรวงเข้า ขอบโต๊ะวางพานทองประดับพุ่มดอกไม้สด ๕ พาน พานเครื่องบูชาเลิศ ๕ พานสลับกัน สองข้างพระแท่นตั้งเครื่องนมัสการข้างละสำรับ ต่อน่าพระแท่นออกมาตั้งโต๊ะหมู่อย่างใหญ่ ประดับเครื่องแก้วต่าง ๆ เต็มโต๊ะ ที่มุมโต๊ะหมู่ด้านน่าตั้งหมากพนมรองพานแว่นฟ้า ๒ ชั้นตั้งบนม้าข้างละพาน หลังโต๊ะหมู่ มีโต๊ะจีนตั้งเครื่องเล่นของจีนต่าง ๆ ต่อออกไปแถวกลางตั้งต้นไม้ทองเงินกับโคมกิ่งระย้าแก้วคั่นกัน ที่สุดตั้งอ่างแก้วเลี้ยงปลาทองปลาเงิน ถัดออกมาตั้งขวดลายครามปักดอกไม้กิ่ง ถัดออกมาอิกถึงฉัตร ๕ ชั้นดอกไม้สด บังแทรกประดับเครื่องสดสลับกันตั้งข้างละแถว ถัดถึงแนวมุมหลังโต๊ะหมู่ตั้งกระถางลายครามปลูกต้นไม้ดัดบ้าง ก่อเขามอบ้าง มีดอกไม้จีนผูกแลรูปสัตว์ต่าง ๆ ปั้นด้วยสีผึ้งประสมชันตัวเล็ก ๆ วางประดับด้วยทุกกระถางตั้งสลับกัน โคมรูปเหมือนตะโพนข้างละแถว ​ข้างพระที่นั่งเสวตรฉัตรด้านใต้ทอดที่ประทับ ตั้งเครื่องนมัสการทองใหญ่ แถวเสาด้านใต้ถัดที่ประทับออกมาเสา ๑ ตั้งโต๊ะกลมวางเครื่องนอระมาดเขาโคเขาต่าง ๆ หลังโต๊ะผูกงาพลายปราบดัษกรสวมปลอกทองคำ ต่อลงมาปูอาศน์สงฆ์ แถวเสาด้านเหนือตั้งโต๊ะย่อม ๆ วางขวดปักดอกไม้คู่ ๑ พานดอกไม้พาน ๑ เชิงเทียนคู่ ๑ ทุกเสา หลังเสาตั้งหีบเพลง ๒ หีบใช้หมุนด้วยมือเมื่อเวลาประโคม ที่เชิงเสาทั้งสองแถวตั้งขวดปักดอกบัวหลวงบัวขม บัวเผื่อน ดอกสามหาวเสาละ ๔ ขวดทุกเสา ที่หลังลับแลพระทวารด้านน่าตั้งโต๊ะจีนเครื่องพร้อมข้างละโต๊ะ ตรงพระทวารกลางตั้งขันน้ำใหญ่ติดเทียนคาถากระถางธูปใหญ่กระถาง ๑ ราวเทียนราว ๑ ที่พระสงฆ์นั่งอิกราว ๑ น่าเสาหลังเสาทั้งสองแถวเบื้องบนผูกเชือกแดงข้างละ ๒ สายแขวนฉากเขียนเรื่องเวสสันดรชาฎก ๑๓ กัณฑ์ แลพวงดอกไม้ภู่กลิ่นต่าง ๆ เกณฑ์ข้าราชการฝ่ายน่าร้อยมาแขวนเต็มทั้ง ๔ สาย ที่แขวนใต้โคมหวดโคมระย้าเปนส่วนเกณฑ์ข้างในร้อยทั่วไป ที่เฉลียงตรงที่ประทับออกมาห้องหนึ่งกั้นเฟี้ยมกระจก ที่ในฉากตั้งโต๊ะหมู่อย่างย่อมหมู่ ๑ ทอดที่ประทับอิกแห่ง ๑ ที่ข้างนอกท้องพระโรงด้านใต้ปักปรำ ผูกห้อยพวงดอกไม้ผลไม้ต่าง ๆ ตามเสาผูกธงคาถาพันแขวนยันต์มหาชาติ กระดาษไทยปรุรูปภาพเรื่องพระเวสสันดร ในปรำตั้งสิ่งของคาวหวานขนมผลไม้เครื่องกัณฑ์ บนเฉลียงน่าท้องพระโรงตั้งพิณพาทย์เครื่องใหญ่แตรสังข์กลองแขกมโหรี ที่ลานน่าตั้งซุ้มตะเกียง ๔ ซุ้มซุ้มละ ๒๕๐ ดวง ที่ประตูชั้นนอกปักราชวัตรฉัตรกระดาษผูกต้นกล้วย​ต้นอ้อย พระสงฆ์ที่ถวายเทศนาอริยสัจ ๔ กัณฑ์ มหาชาติกัณฑ์ทศพรนครกัณฑ์ กำหนดต้องพระราชาคณะผู้ใหญ่ กัณฑ์อื่นๆก็เปนพระองค์เจ้าพระ พระองค์เจ้าเณรที่ทรงผนวชใหม่บ้างเก่าบ้าง บางปีหม่อมเจ้าสามเณรก็มีบ้าง พระราชาคณะสามัญถานานุกรมที่เทศน์ดีฤๅที่ทรงคุ้นเคยโปรดปรานบ้าง พระสงฆ์อนุจรที่เทศน์ดีจริงๆ บ้าง พระรับสัพพี วันขึ้น ๑๔ ค่ำแรม ๑ ค่ำวันละ ๔ รูป วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ๔ ผลัด ๑๖ รูป เครื่องกัณฑ์เทศน์ไตรมีผ้ากราบลายพระปิ่นตีพิมพ์ บาตรถลกอัดตลัด ย่ามอัดตลัด พัดโหมด ที่บูชา ที่ชา กระบะหมากยี่ปุ่น กระบะยาแก้โรคต่างๆ รุ่มชุบสีผึ้ง รองเท้า โคมหิ้ว กาถ้วย กะโถนถ้วย เสื่ออ่อน หมอนอิง ขวดน้ำผึ้ง น้ำมัน อั้งโล่ กาทองแดง ตะลุ่มมีฝาคาวหวาน ธูปเทียนมัดละ ๕๐ เล่ม ปัจจัยมูลติดเทียนกัณฑ์ละ ๕ ตำลึง พระรับสัพพีมีสบงธูปเทียนหมากพลู ๓ วัน ๒๕ รูป มีสำรับพระเทศน์ พระรับสัพพี ๒ เวลาเช้าเพน เลี้ยงบนพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ วันขึ้น ๑๔ ค่ำ ๑๑ สำรับ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ ๑๔ สำรับ วันแรมค่ำ ๑๑ สำรับ เครื่องกัณฑ์เทศน์ของคาวหวานขนมผลไม้ต่างๆ เกณฑ์พระบวรวงศ์ฝ่ายในท้าวนางเปนผู้ทำ ของหลวงจ่ายเข้าสารกัณฑ์ละกระบุง เงินกัณฑ์ละ ๘ บาททั้ง ๑๗ กัณฑ์

อนึ่งฉัตรร้อยดอกมลิจำปาตั้งวันละ ๑๒ ฉัตร ๓ วัน ๓๖ ฉัตร เกณฑ์ข้าราชการตำแหน่ง พระยาแลเจ้ากรมพระตำรวจ ๘ กรม หัวหมื่นมหาดเล็ก ๔ บังแทรกประดับดอกไม้สดผลฟักเหลืองมะละกอตั้งวันละ ๑๐ สามวัน ๓๐ เกณฑ์ข้าราชการตำแหน่งพระ ที่หลวงขุนนอกนั้นเกณฑ์ ​พวงดอกไม้ภู่กลิ่นระย้าต่าง ๆ แขวนตั้งตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้น ดอกบัวต่าง ๆ ดอกสามหาวเกณฑ์หัวเมือง พวงผลไม้ต่าง ๆ กรมพระคลังสวน ดอกไม้ต่าง ๆ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยถวาย

ในการมีเทศน์มหาชาตินี้ เสด็จพระราชดำเนินออกทางพระทวารเฉลียงด้านใต้ในฉาก พระบวรวงศ์เธอแลข้าราชการฝ่ายในออกทางพระทวารเฉลียงด้านเหนือฟังในพระสูตรนอกฉาก

วันขึ้น ๑๕ ค่ำ แรมค่ำ ๑ เวลาเที่ยงเศษ เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการเทียนประจำกัณฑ์แลตะเกียงสำหรับซุ้ม ๔ ตะเกียง โปรดให้พระองค์เจ้าเล็ก ๆ จุดเทียนเครื่องนมัสการที่ตั้งข้างพระแท่น ๒ สำรับ เจ้าพนักงานจุดเทียนโต๊ะหมู่โต๊ะทั้งปวงทั่วไป ทรงศีลแล้วประทับทรงฟังในฉาก เทศน์จบแล้วเสด็จทรงประเคนเครื่องไทยธรรมเหมือนกันทั้ง ๒ กัณฑ์ เสด็จขึ้นบ่าย ๓ โมงเศษทั้ง ๒ วัน วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เวลาเช้าโมง ๑ เสด็จออกทรงจุดเทียนเครื่องนมัสการแลเทียนในที่ทั้งปวงเหมือนวันก่อน แปลกแต่วันนี้มีเทียนคาถาด้วย ทรงศีลแล้วประทับในฉาก เมื่อปีแรก ๆ ประทับทรงฟังอยู่จนจบ ๑๓ กัณฑ์ ภายหลังทรงอยู่เพียงกัณฑ์หิมพานต์จบ ทรงประเคนเครื่องไทยธรรมแล้วเสด็จขึ้นเสียคราว ๑ ถ้าปีใดมีพระองค์เจ้าทรงผนวชถวายเทศน์กัณฑ์ไรก็เสด็จออกในกัณฑ์นั้น ไปเสด็จตอนค่ำก็เมื่อถึงกัณฑ์มหาราชที่เปนกัณฑ์โปรดมากเพราะเคยทรงเทศน์เมื่อทรงผนวช พระราชทานรางวัล​บ้างทรงติเตียนบ้างเปนการครึกครื้นเสมอ แล้วทรงฟังต่อไปจนจบ (นครกัณฑ์) พระสงฆ์ถวายอติเรกถวายพระพรลาแล้ว เวลา ๒ ยามเศษเสด็จพระราชดำเนินลงลอยพระประทีป เสร็จการพระราชกุศลเทศนามหาชาติเท่านี้,

อนึ่งในวันแรมค่ำ ๑ มีการเชิญพระบรมอัษฐิพระอัษฐิออกตั้งสดัปกรณ์กาลานุกาลตามเคยเหมือนที่กล่าวมาแล้ว แลมีดอกไม้เพลิงบูชาพระพุทธสิหิงค์คนละ ๕ พุ่มทั้ง ๓ คืน,



หมดฉบับเพียงเท่านี้

--------------------------------

ความตรงนี้ไม่ชัด เข้าใจว่าเห็นจะหมายความว่า มีเครื่องเข้าพรรษาอย่างย่อมของวังน่า เจ้าพนักงานฝ่ายในนำมาบูชา (พระพุทธบุษยรัตน) ในหอพระเจ้าในพระราชวังหลวง มิใช่เจ้าพนักงานในพระราชวังหลวงเชิญเครื่องเข้าพรรษาไปบูชาในหอพระวังน่า



ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 6231


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 23 ตุลาคม 2568 10:55:17 »



เรื่องลัทธิธรรมเนียมต่างๆ ภาคที่ ๑๑

พระราชพิธี ฝ่ายพระราชวังบวรสถานมงคล

---------------------------

หมายรับสั่งวังน่า อาราธนาพระสงฆ์มาสวดพุทธมนต์และรับพระราชทานฉัน
ณพระที่นั่งฝ่ายในพระราชวังบวร​

ด้วยพระยาทิพมณเฑียรรับพระราชบัณฑูรใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ สั่งว่า ทรงพระราชศรัทธาทำบุญที่พระที่นั่งในพระราชวังบวรฝ่ายใน แต่ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ ปีเถาะเอกศก (พ.ศ. ๒๔๒๒) เวลาบ่าย ๒ โมง พระสงฆ์ราชาคณะ ๕ รูปสวดพระพุทธมนต์ รุ่งขึ้นณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาเช้าพระสงฆ์รับพระราชทานฉัน นั้นให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะ ๕ รูป เข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ สวดพระพุทธมนต์รับพระราชทานฉัน รับเภสัชอังคาตถวายพระสงฆ์ให้พร้อมทั้ง ๒ เวลา แล้วให้เบิกบาตรดิน ๔ บาตร ด้ายดิบหนัก ๕ ตำลึง ต่อชาวพระคลังในซ้าย ตั้งน้ำพระพุทธมนต์จับสายสิญจน์พระสงฆ์ถือสวดให้พอเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ชาวพระคลังศุภรัตจัดอาศนเข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ลาดบนเก้าอี้ผ้าลายวิลาดบุให้พอทั้ง ๒ เวลา แล้วให้รับเทียน ๕ มัด ธูป ๕ มัด หมากพลู ๕ ซองต่อท่านพนักงานฝ่ายใน ถวายพระสงฆ์ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เวลาเช้า อนึ่งให้ชาวพระคลังมหาสมบัติจัดกะโถนขันน้ำจอกลอย ๕ สำรับเข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ให้ทันกำหนดทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้ชาวพระคลังพิมานอากาศจัดพรมฝรั่ง โต๊ะจีนเครื่องบูชา ๑ โต๊ะ เข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ปู​ลาดในพระที่นั่งให้พอ ตั้งโต๊ะจีนเครื่องบูชาพระพุทธรูปพระไชยเงินให้พร้อมทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้ชาวพระคลังในซ้ายจ่ายบาตรดิน ๔ บาตร ด้ายดิบหนัก ๕ ตำลึง ให้สังฆการีตั้งน้ำพุทธมนต์จับสายสิญจน์วงพระที่นั่ง แลพระสงฆ์ถือสวด แลจ่ายสีผึ้งหนัก ๒ ชั่ง ๓ ตำลึง ๒ บาท ด้ายดิบหนัก ๒ ตำลึง ให้ทันพนักงานฝ่ายในฟั่นเทียนถวายพระสงฆ์ แลจ่ายน้ำตาลทรายหนัก ๑๐ ตำลึง ให้วิเสศต้มน้ำชุบาน แต่ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาเช้า อนึ่งให้กรมราชบัณฑิตเชิญพระพุทธรูปพระไชยเงินขึ้นพระราชยานเข้าไปทางประตูสถานมณเฑียร เชิญประดิษฐานไว้บนโต๊ะจีนในพระที่นั่งให้พร้อมทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้เเจ้าพนักงานจัด พิณพาทย์ กลองแขกแตรสังข์ เข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ ตีประโคมเมื่อพระสงฆ์สวดฉันให้พร้อมทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้กรมนาจ่ายเข้าสารซ้อมนาสวนที่ขาวดี ๑๕ ทนาน ให้วิเสศฉ้อทานหุงถวายพระสงฆ์ฉันตั้งแต่ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เร่งจ่ายให้แต่ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ อนึ่งให้ชาวที่ใหญ่จัดบาตรพม่า ๒ บาตร เข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ ตั้งน้ำพระพุทธมนต์ในพระที่นั่งรับเทียนต่อพนักงานฝ่ายในจุดตั้งเมื่อพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ด้วยให้ทันเวลา อนึ่งให้นายสินมหาดเล็กจัดดอกไม้สดเข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ ปักขวดใส่โถจานแก้วประดับบนโต๊ะจีนพระพุทธรูปพระไชยเงินเมื่อพระสงฆ์สวดนั้นทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้สนมพลเรือนรับเครื่องนมัสการทองใหญ่ให้มีพุ่มเข้าตอก พุ่มดอกไม้ ธูปเทียน ๕ สำรับสำหรับเครื่องให้พร้อมต่อท่านพนักงานฝ่ายในเชิญเข้าไปทาง​ประตูอลงการโอฬาร์ตั้งถวายทรงจุดบูชาเมื่อพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ฉันตามกำหนดวันทั้ง ๒ เวลา แล้วพวงดอกไม้สดห้อยในพระที่นั่งด้วย ๓๐ พวง อนึ่งให้รองงานสี่ตำรวจจัดเก้าอี้ผ้าลายวิลาดบุกับพระแท่นถวายทรงประเคนเข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ตั้งในพระที่นั่ง ๑ สำรับ สำหรับพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ฉันให้ทันทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้ชาวพระคลังราชการจัดเสื่อราว เสื่อห้อง เข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ปูในพระที่นั่งให้พอ แล้วจ่ายฟืนแสมรอนขนาดกลางให้หมื่นนายประตูซ้ายขวา ๑๕๐ ดุ้นขนส่งณโรงสำรับคาวหวานแลวิเสศฉ้อทาน ๒๐ ดุ้นหุงเข้าถวายพระสงฆ์ เร่งจ่ายให้ทันแต่ณวันเดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ เวลาบ่าย อนึ่งให้ตำรวจวังทนายเลือกหอกเข้าไปทางประตูสถานมณเฑียรยกสำรับคาว ๖ สำรับ หวาน ๖ สำรับ ตั้งในพระที่นั่งถวายพระสงฆ์ฉันให้ทันเวลา อนึ่งให้กรมท่าซ้ายจัดน้ำร้อนน้ำชาใส่ถาดเข้าทางประตูอลงการโอฬาร์ ถวายพระสงฆ์เมื่อสวด ๕ ที่เมื่อฉัน ๕ ที่ทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้ข้าทูลลออง ฯ ผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหารพลเรือนที่มีตำแหน่งเผ้าเข้าไปปรนนิบัติพระสงฆ์สวดฉันในพระที่นั่งทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้หมื่นนายประตูซ้ายขวาทำฎีกาไปเบิกฟืนแสมรอนขนาดกลาง ๑๕๐ ดุ้น ต่อชาวพระคลังราชการขนส่งณโรงสำรับคาวหวานแต่ณวัน เดือน ๖ ขึ้น ๑๑ ค่ำ อนึ่งให้ชาวพระอภิรมย์ ชาวพระราชยาน จัดสัปทน ๑ เสลี่ยง ๑ ไปรับเลขต่อพันนรนิกร พันเทพ ๔ คนสวมกางเกง ไปรับพระพุทธรูป พระไชยเงินณพระที่นั่งพุทไธสวรรย์ เชิญเข้าไปทางประตูสถานมณเฑียร เข้าในพระที่นั่งเมื่อพระสงฆ์สวด ๑ เวลาฉัน ๑ เวลาทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้​พันนรนิกร พันเทพ จ่ายเลข ๔ คนให้กับชาวพระราชยานหามเสลี่ยงพระพุทธรูป ๑ เสลี่ยง ให้จ่ายวันพระสงฆ์สวด ๑ เวลาฉัน ๑ เวลาทั้ง ๒ เวลา อนึ่งให้ท่านพนักงานฝ่ายในจัดเครื่องนมัสการทองใหญ่ให้มี พุ่มเข้าตอก ๕ พุ่ม ดอกไม้ ๕ เทียน ๕ ธูป ๕ สำรับเครื่องให้พร้อม ส่งให้สนมพลเรือนเชิญเข้าไปทางประตูอลงการโอฬาร์ตั้งในพระที่นั่ง เมื่อพระสงฆ์สวด ๑ สำรับฉัน ๑ สำรับทั้ง ๒ เวลา แล้วให้จัดเทียนน่าโต๊ะจีนหนักเล่มละ ๒ ตำลึง ๔ เล่ม เทียนตั้งพระสงฆ์สวดหนักเล่มละ ๑ ตำลึง ๓ เล่ม เทียนหนักเล่มละ ๑ บาทมัดละ ๒๐ เล่ม ๔ มัด ธูปมัดละ ๒๐ ดอก ๕ มัดส่งให้ตามพนักงาน อนึ่งให้ท่านพนักงานฝ่ายในร้อยพวงดอกไม้สด ระย้า ๖ ภู่กลิ่น ๘ ว่าว ๗ อุบะ ๗ พวง ส่งให้สนมพลเรือนแขวนในพระที่นั่งวันพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ด้วยให้ทันเวลา อนึ่งให้ท่านพนักงานฝ่ายในชาวพระเครื่องต้นจัดสำรับคาว ๖ หวาน ๖ สำรับส่งให้ตำรวจวัง ทนายเลือกหอก ยกเข้าไปตั้งให้ทันเวลา อนึ่งให้วิเสศหมากพลูจัดเภสัชอังคาตส่งให้สังฆการีเข้าไปถวายพระสงฆ์เมื่อสวดตั้งพาน ๕ พาน อังคาตซองละ ๕๐ จีบ ๕ ซอง เมื่อฉันตั้งพาน ๕ พาน อังคาตซองละ ๕๐ จีบ ๕ ซอง แล้วให้จัดน้ำชุบาน ๕ โถ ส่งให้สนมพลเรือนถวายพระสงฆ์สวดพระพุทธมนต์ด้วยให้ทันเวลา อย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง.

หมาย ฝ่ายใน เครื่องนมัสการ ๑ ภู่กลิ่น ๑ สำรับคาวหวาน ๑ วิเสศฉ้อทาน ๑ วิเสศหมากพลู ๑ รวม ๕ ฉบับ.


​หมายรับสั่งวังน่า อาราธนาพระสงฆ์ราชาคณะเข้ามาถวายพระธรรมเทศนา
ด้วยพระยาทิพมณเฑียรรับพระราชบัณฑูรใส่เกล้า ฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สั่งว่าทรงพระราชศรัทธาให้อาราธนาพระสงฆ์ราชาคณะ เข้ามาถวายพระธรรมเทศนาวันละกัณฑ์ในพระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ตั้งแต่ณวันเดือน ๘ แรม ๑ ค่ำเวลาค่ำปีระกาสัปตศก (พ.ศ. ๒๔๒๘) เสมอทุกวัน ไปกว่าจะถ้วนไตรมาศ ๓ เดือน นั้นให้สังฆการีนิมนต์พระสงฆ์ราชาคณะเข้ามาถวายพระธรรมเทศนาวันละกัณฑ์ กับพระสงฆ์ ๔ รูปรับสัพพีด้วยเสมอทุกวัน รับเภสัชอังคาตต่อวิเสศหมากพลูถวายพระสงฆ์ทั้งเทศนา รับสัพพี เหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ชาวที่ใหญ่จัดราวเทียนตั้งที่พระสงฆ์ฟังเทศนา ข้าราชการฟังเทศนาทั้ง ๒ ราว แล้วให้เอาเชิงเทียนมาติดเทียนตั้ง รับ ส่ง พระสงฆ์เสมอทุกวันเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้มหาดไทย กลาโหม หมายบอกข้าทูลลอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยฝ่ายทหาร พลเรือน ที่มีตำแหน่งเฝ้า เข้ามาฟังพระธรรมเทศนาวันละกัณฑ์เสมอทุกวันไปเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้มหาดเล็กรับเครื่องนมัสการเครื่องทรงธรรมต่อท่านฝ่ายในวันละสำรับ ให้มีดอกไม้ธูปเทียนสำหรับให้พร้อม แล้วให้รับเทียนดูหนังสือหนักเล่มละ ๑ ตำลึง ๒ บาทวันละ ๒ เล่ม เทียนมัดหนักเล่มละ ๑ บาท ๑๐ เล่มวันละ ๑ มัด เทียนพระสงฆ์ฟังเทศน์ ตำรวจน่าฟังเทศน์หนักเล่มละ ๒ สลึงวันละ ๔๐ เล่ม ​ผ้าสบงวันละผืน ธูปดอกวันละมัด ธูปจีนวันละ ๕๐ ดอกคอยถวายพระสงฆ์ แต่เทียนวันละ ๒๐ เล่มส่งให้ตำรวจน่า จุดติดราวเทียนเสมอทุกวันไปเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ตำรวจน่าผู้อยู่เวรในรับเทียนวันละ ๒๐ เล่มต่อมหาดเล็ก จุดติดราวเทียนบูชาพระธรรมเทศนาเสมอทุกวันไปเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ชาวพระคลังศุภรัตจัดอาศนไปแต่งถวายพระสงฆ์เทศนา ฟังเทศน์ ให้พอ อนึ่งให้ชาวพระคลังมหาสมบัติจัดเงินวันละ ๑ ตำลึงติดกัณฑ์เทศน์เสมอทุกวัน แล้วให้รับเทียนหนักเล่มละ ๑ ตำลึงต่อท่านฝ่ายใน แล้วให้จัดกะโถนขันน้ำมีจอกลอยไปตั้งถวายพระสงฆ์เทศนา ฟังเทศน์ให้พอเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ชาวพระคลังในซ้ายจ่ายสีผึ้งด้าย จำนวนเดือน ๘ สิบห้าวันสีผึ้งหนัก ๑๑ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ บาท ด้ายหนัก ๑๒ ตำลึง เดือน ๙ สีผึ้งหนัก ๒๒ ชั่ง ๑๐ ตำลึง ด้ายหนัก ๑ ชั่ง ๑ ตำลึง เดือน ๑๐ สีผึ้งหนัก ๒๓ ชั่ง ๕ ตำลึงด้ายหนัก ๑ ชั่ง ๓ ตำลึง เดือน ๑๑ สิบห้าวันสีผึ้งหนัก ๑๑ ชั่ง ๑๒ ตำลึง ๒ บาท ด้ายหนัก ๑๒ ตำลึง รวมทั้งสิ้นสีผึ้งหนัก ๖๙ ชั่งด้ายหนัก ๓ ชั่ง ๙ ตำลึง ให้ท่านพนักงานฝ่ายในฟั่นเทียนใช้ในการมีพระธรรมเทศนา เสมอทุกวันไปเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้พนักงานฝ่ายในจัดเครื่องนนัสการเครื่องทรงธรรมวันละสำรับ ให้มีดอกไม้ธูปเทียนสำหรับเครื่องให้พร้อม กับเทียนดูหนังสือหนักเล่มละ ๑ ตำลึง ๒ บาท วันละ ๒ เล่ม เทียนติดเงินหนักเล่มละ ๑ ตำลึง วันละ ๑ เล่ม เทียนมัดหนักเล่มละ ๑ บาท มัดละ ๑๐ เล่ม วันละมัด เทียนนำพระหนักเล่มละ ๑ ตำลึง วันละ ๒ เล่ม ​เทียนพระสงฆ์ฟังเทศน์ ข้าราชการฟังเทศน์หนักเล่มละ ๒ สลึง วันละ ๔๐ เล่ม เทียนจงกลหนักเล่มละ ๑ บาท วันละ ๑๐ เล่ม ธูปมัดละ ๑๐ ดอกวันละมัด ธูปจีนวันละ ๕๐ ดอก ส่งให้มหาดเล็กเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้ท่านเจ้าพนักงานพระคลังฝ่ายในจัดผ้าสบงประกอบเท้าวันละ ๑ ผืน ส่งให้มหาดเล็กเหมือนอย่างทุกครั้ง อนึ่งให้วิเสศหมากพลูจัดเภสัชอังคาตซองใหญ่ ๑ ซอง ๆ เล็ก ๑๕ จีบ ๕ ซอง ส่งให้กรมวังมหาดเล็กเสมอทุกวันไปเหมือนอย่างทุกครั้ง อย่าให้ขาดได้ตามรับสั่ง.

หมายพนักงานฝ่ายในพระคลัง ๑ เครื่องทรงธรรม ๑ วิเสศหมากพลู ๑ รวม ๓ ฉบับ.


------------------------------





ขอขอบคุณที่มา : ห้องสมุด ดิจิทัล วัชรญาณ
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.806 วินาที กับ 27 คำสั่ง