[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
02 กรกฎาคม 2568 10:35:06 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตตปัญญาศึกษา : มนตราแห่งการฟื้นพลัง  (อ่าน 1556 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553 15:33:22 »

http://2.bp.blogspot.com/_QwjBfpkmoEU/Rl7tlnI3TvI/AAAAAAAAAHo/oILWDMXzzX8/s1600-h/Mother+and+Child.jpg
จิตตปัญญาศึกษา : มนตราแห่งการฟื้นพลัง

 
โดย ธนัญธร เปรมใจชื่น
เครือข่ายจิตตปัญญาศึกษา
 
ContemplativeEducation@yahoo.com
คอลัมน์ ณ พรมแดนแห่งความรู้ โพสต์ทูเดย์ ฉบับวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๐
 
-----------------------
 
ยามเช้าท่ามกลางแสงที่ยังอ่อนโยนของดวงตะวัน ฉันชะโงกหน้าไปดูบรรยายกาศรอบๆ บ้านจากหัวเตียงนอน ความสดชื่นของอากาศหลังฝนในค่ำคืนที่ผ่านมาโชยกลิ่นดินที่ชื้นแฉะจากสวนกลางหมู่บ้านเข้ามาปะทะใบหน้า ช่วยผ่อนปรนความหนักอึ้งในจิตใจที่ฉันแบกมาขบคิดอย่างหนักตลอดคืนที่ผ่านมา
 
บ่อยครั้งเหลือเกินที่เราปล่อยให้ความคิดเล่นงานจิตใจเรา ไม่ว่าจากเรื่องราวใด จนพลังชีวิตถดถอย บางทีอาจจะเลยเถิดไปไกลเกินกว่าความเป็นจริงของเรื่องราว
 
แม้เจ้าสติจะคอยเตือนย้ำอยู่ภายในว่า “มันมากไปแล้วนะ” หรือ “หยุดได้แล้วนะ” แต่ในไม่ช้ามันก็จะวนกลับมาอีก ราวกับมันรอท่าเราอยู่ในทุกๆ มุมของบ้าน
 
ความสดชื่นของบรรยากาศที่รายล้อม เอื้อให้เกิดความผ่อนคลายขึ้น ยามที่หยุดมองสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็น ด้วยดวงตาที่ตื่น แล้วเรื่องราวดีๆ จากที่เคยได้รับรู้มาเกี่ยวกับ “ฮิปโปโน โปโน” ก็ผุดพรายขึ้นในความคำนึง
 
ฮิปโปโน โปโน เป็นศาสตร์การรักษาเยียวยาของชาวพื้นเมืองในฮาวาย ซึ่งถูกขยายเผยแพร่มากขึ้นโดยจิตแพทย์ท่านหนึ่ง ผู้เข้าไปทำงานในโรงพยาบาลสำหรับนักโทษที่ป่วยทางจิตในฮาวาย ทั้งๆ ที่รู้ดีว่าโรงพยาบาลแห่งนี้มีผู้ป่วยที่เป็นนักโทษจำนวนมาก และยังสร้างความหวาดผวาแก่เจ้าหน้าที่ที่คอยดูแล จนหลายคนเริ่มป่วยและขอลาออกไป
 
สิ่งที่คุณหมอทำได้สร้างความอัศจรรย์แก่ทั้งเจ้าหน้าที่เพื่อนร่วมงาน และบุคคลภายนอกมาก เพราะคุณหมอจะตรวจผู้ป่วยผ่านแฟ้มรายงานอาการของพวกเขา แต่ละแฟ้มคุณหมอจะดูถึงสาเหตุที่ทำให้นักโทษเหล่านี้ก่ออาชญากรรมร้ายแรงขึ้น จากนั้นก็จะกลับเข้ามาดูภายในของตนเอง และเริ่มเยียวยาภายในของตนเอง ด้วยการเข้าไปรับรู้ด้วยความรักในจุดที่ตนมีคล้ายกับผู้ป่วยคนนั้น ซึ่งอาจซ้อนอยู่โดยเราไม่รู้ตัว
 
ผลปรากฏว่า เจ้าหน้าที่ที่ทำงานร่วม มีสุขภาพจิตดีขึ้น มีอัตราการลาออกน้อยลงมาก และที่สำคัญ นักโทษเหล่านั้นอาการดีขึ้น จนมีนักโทษที่สามารถออกจากโรงพยาบาลไปใช้ชีวิตตามปกติได้ และโรงพยาบาลก็มีผู้ป่วยน้อยลง
 
เวลาเราเผชิญหน้ากับความผิดปกติของผู้คน เรามักจะมองเขาหรือเธอด้วยความเป็นอื่น ไม่ว่าจะสายตาของความรักหรือความเกลียดชังก็ตามที แต่เขาไม่ใช่เรา
 
ยิ่งหากเขาหรือเธอทำให้เราทุกข์ ด้วยความโกรธเคือง เสียใจ และบางครั้งรุนแรงจนกลายเป็นอคติของความชิงชัง ที่แทบไร้เหตุผลต่อการประทุทางอารมณ์ของเรา
 
ฉันใคร่ครวญอยู่เพียงครู่ ก็พลิกตัวนอนหงายในท่าศพอาสนะ ผ่อนคลายส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แล้วนำพาตนเองเข้าไปค้นหาพฤติกรรมของเขาที่ฉันไม่ชอบใจที่ภายในตนเอง ครั้นเมื่อพบ ฉันกลับรู้สึกว่ายากเหลือเกินที่จะรักความน่าชังนั้นได้อย่างลึกซึ้ง และจริงแท้ แม้จะเป็นสิ่งที่อยู่ภายในตัวฉันเองนี้ มิใช่ที่เขาหรือใครอื่น อาจเพราะหมักหมมมันมานาน จากการย้ำคิดในช่วงที่ผ่านมา จนมันแข็งตัว ทำให้พลังชีวิตที่มีถูกลดทอน นี่ยิ่งแสดงให้แลเห็นว่า อารมณ์ลบนั้นบั่นทอนพลังชีวิจของเราไปมากเพียงใด
 
ฉันมีมนตราที่คิดขึ้นเองอยู่บทหนึ่ง ที่ใช้ได้ผลดีเสมอยามพลังชีวิตตก เป็นสัญญาต่อเซลล์ และหน่วยต่าง ๆ ของร่างกายที่ฉันเคยฝึกทำมันขึ้น มนตราในมิติที่เราใช้ศรัทธาจากจิตของเราเข้ามาดูแลตัวเรา ซึ่งแต่ละคนก็จะมีสิ่งนำพายึดเหนี่ยวพลังของตนแตกต่างกันไป บ้างอาจเป็นบทสวดของศาสนาที่ตนนับถือ หรือเครื่องรางที่ตนเคารพ แต่สำหรับฉันมันเป็นคาถาสั้นๆ ที่สร้างจากสิ่งที่มีอิทธิพลต่อตัวฉันเองทางด้านจิตใจ
 
[INDENT]... กังสดาลเสียงใส
เปลือกไม้ต่างกัน
ดอกหญ้าบ้านฉัน
ผืนดินอันอุดม ...
[/INDENT]เพราะเสียงของกังสดาลนั้นช่วยให้ฉันสงบ และยังเป็นเสียงที่ฉันระลึกถึงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าอยู่ในที่ใด แม้ขณะกำลังเขียนอยู่นี้ ฉันก็ยังสามารถรับรู้เสียงของกังสดาลได้อย่างชัดเจน ในจิตไร้สำนึกที่ถูกเรียกดึงขึ้นมา เปลือกไม้ที่แตกต่างกันนั้นก็เป็นความหลงใหลของตัวฉันเองตั่งแต่ยังอ่อนวัย เปลือกผิวของไม้แต่ละต้นสวยงามในความรู้สึกเสมอ และเมื่อเติบโต เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น ฉันก็พบว่าคนเรานั้นก็แตกต่างกันไปด้วยเช่นกัน มันช่วยย้ำให้ตระหนักและน้อมรับในความแตกต่างของผู้คนได้เป็นอย่างดี ส่วนดอกหญ้าหน้าบ้านฉันเองนั้น มันก็เป็นตัวแทนของความสดชื่นร่าเริง ดอกหญ้าที่มีกลีบสีขาวบอบบางน่ารักเหล่านี้ มีดอกใหญ่กว่าดอกหญ้าที่เราอาจคุ้นชิน แต่ในเชียงรายดอกหญ้าแบบนี้ขึ้นอยู่ทั่วไปหลายที่ ฉันไม่รู้หรอกว่า จริงๆ แล้วมันเป็นสายพันธุ์อะไร แต่ฉันก็เรียนมันอย่างเก๋ไก๋ว่า “Wind flowers of love”
 
และสิ่งสุดท้ายที่ฉันเลือกมาสร้างพลังชีวิตของตนคือ ผืนแผ่นดินอันอุดม ก็จะมีดวงจิตใดเปี่ยมไปด้วยเมตตาเทียบเท่าผืนแผ่นดิน และฉันปรารถนาให้ความเป็นผืนดินดำรงอยู่ในจิตตน เพื่อจะสามารถหล่อเลี้ยงชีวิตอื่นๆ ได้ เพราะคราใดที่เราหล่อเลี้ยงชีวิตอื่นด้วยพลังมากมายเท่าใด ฉันก็พบว่า เราได้รับไม่น้อยไปกว่านั้นเลย
 
เพื่อนรักคนหนึ่ง เธอมีมนตราฟื้นพลังชีวิตของเธอเช่นกัน คือ “แสดสดใส ปลาแหวกว่ายที่ใจกลางโลก” ฉันไม่รู้หรอกว่ามันหมายถึงอะไร แต่มีครั้งหนึ่งที่เธอป่วยหนักมาก และเธอเป็นลมหมดสติไป ฉันไม่ได้ทำอะไรนอกจากท่องบทพลังชีวิตของเธอซ้ำๆ ข้างๆ เธอ และเธอก็หัวเราะทันทีที่ฟื้นขึ้นมา บอกขอบคุณฉัน และบอกว่าเธอได้ยินเสียงท่องมนต์ของฉันอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สามารถพูดหรือตอบโต้ได้
 
แล้วในยามนี้ ฉันก็กำลังท่องบทพลังชีวิตของฉันเองในใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างสงบ จนรู้สึกเหมือนกับว่าทั้งร่างกายมันท่องไปด้วยกันทั้งหมด ฉันระลึกถึงความน่าชังในตนเองนั้นอีกครั้ง เสียงนุ่มๆ ที่แสนอบอุ่นเคลื่อนออกมาอย่างแผ่วเบา ซ้ำๆ
 
“ขอโทษ ขอโทษนะ ฉันรักเธอเหลือเกิน ฉันขอโทษจริงๆ”
 
ในขณะนั้น ฉันเองไม่แน่ใจนักว่า เขา ผู้ที่ฉันเคยขุ่นเคืองนั้นจะรู้สึกอย่างไร เขาจะออกจากความทุกข์เช่นเดียวกับฉันหรือไม่ เพราะในยามที่ความโกรธ หรือความขุ่นเคืองใจเข้าครอบงำ เจ้าตัวทุกข์ก็ออกมาโลดเต้นอย่างไร้ท่วงทำนอง จะอย่างไรก็ตาม ในขณะที่ท่องมนตราอยู่นั้น ฉันเริ่มรู้สึกดีกับตนเอง และสัมผัสได้ ถึงพลังดีๆ ที่ขับเคลื่อนอยู่ภายในของตนเอง ฉันยังคงเข้าไปดูแลภายในตนเอง ไปบอกรักความน่าชังของตน ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา
 
มันช่างน่าอัศจรรย์เหลือเกิน ที่ดูเหมือนสิ่งต่างๆ ก็จะคลี่คลายไปในทางที่ดี ฉันและผู้ที่ฉันขุ่นเคืองนั้นเริ่มพูดคุยกันได้มากขึ้น แม้จะยังไม่สนิทสนมนัก แต่ราวกับระหว่างเราไม่เหลือความชิงชังอยู่เลย เป็นแต่เพียงว่า เราจะเริ่มอย่างไรดี ในการสานความสัมพันธ์
 
 
 
Sunday, May 27, 2007
 
 
Posted by knoom at 10:38 PM| 0 commentsLabels: ธนัญธร เปรมใจชื่น

:yociexp42:http://jittapanya.blogspot.com/2007/05/contemplativeeducationyahoo_27.html

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.754 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 24 พฤศจิกายน 2567 02:30:52