[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
06 กรกฎาคม 2568 05:39:37 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ความทรงจำนอกมิติ : จิตวิทยาพลังงานคลื่นกับการรักษา  (อ่าน 1823 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5162


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 13 มิถุนายน 2553 15:43:41 »


 

ได้อ่านความก้าวหน้าและการเปลี่ยนแปลงของโลกทัศน์ทางวิชาการ ของฝรั่งชาวตะวันตกของประเทศที่ได้พัฒนามามากๆ แล้วและนานมาแล้ว โดยเฉพาะในด้านวิทยาศาสตร์แถวหน้า (frontier sciences) ของทุกวันนี้ แล้วก็รู้สึกท้อใจในความล้าหลังของประเทศด้อยพัฒนา กำลังพัฒนา แม้แต่ประเทศพัฒนาอุตสาหกรรมมาใหม่ๆ รวมทั้งประเทศที่รวยใหม่เพราะธรรมชาติเอื้ออำนวยให้ในระยะหลังๆ มานี้อย่างบอกไม่ถูก ทำให้ผู้เขียนโดยทั่วๆ ไปหากมองอย่างผิวเผิน แยกออกจากกันยากระหว่างประเทศที่พัฒนากับประเทศที่รวยอย่างเหลือล้น เหมือนกับเห็นคนใส่เสื้อนอกผูกไทและขี่เบนซ์สองคน เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร หรือมีปัญญาหรือรอบรู้แค่ไหน ซึ่งสำหรับผู้เขียนการรวยทรัพย์สินเงินทองไม่ว่าจะมากอย่างไร ก็สู้มีปัญญาโดยเฉพาะมหาปัญญาไม่ได้และไม่ได้อย่างเด็ดขาด ซึ่งที่ผู้เขียนพูดว่ารู้สึกท้อใจในความล้าหลังนั้น ผู้เขียนหมายถึงความลัาหลังทางปัญญาความรอบรู้ ไม่ใช่ความฉลาดแกมโกงเอาแต่ "ตัวกูของกู" ให้อยู่รอดก็แล้วกัน ผู้เขียนรู้มาว่าในพุทธศาสนานั้น ปัญญาความรอบรู้นั้นเป็นบารมีที่สะสมไปทุกภพภูมิได้

สองสามทศวรรษมาแล้ว ที่ทางวิชาการของวิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานของชาวฝรั่งในประเทศทางตะวันตก ได้ยอมรับวิทยาศาสตร์การแพทย์ใหม่ที่เรียกว่า การแพทย์พลังงาน (energy medicine) การแพทย์หรือวิชาแพทย์ที่โรงเรียนแพทย์ทั้ง 18 โรงเรียนไม่ได้ให้ความสนใจจริงๆ เพราะไม่รู้จักหรือไม่ยอมรับการทำงานของมัน มีแต่แพทย์บางคนที่รู้จักและรู้ว่าเป็นการแพทย์ทางเลือกใหม่ที่มีความสำคัญยิ่ง ในที่นี้การแพทย์พลังงานคลื่น-ส่วนใหญ่และส่วนสำคัญ-เป็นพลังงานคสื่นการสั่นสะเทือน (vibration) ซึ่งเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ร่างกายมนุษย์ และสิ่งที่มีชีวิตทุกชนิดและประเภทผลิตออกมาตลอดเวลา ย้ำคำว่า "ร่างกายของมนุษย์ผลิตออกมาตลอดเวลา" จากอะตอม โมเลกุล เซลล์ ทิสชู ฯลฯ ที่โรงเรียนแพทย์และแพทย์ส่วนใหญ่มากๆ ในบ้านเราไม่รู้ไม่สนใจเพราะเหตุผลสามประการ คือหนึ่ง-การแพทย์พลังงานคลื่นนี้ แม้แต่ที่เมืองนอกฝรั่งตะวันตกเองก็เพิ่งยอมรับกันเป็นกิจจะลักษณะ และเป็นวิทยาศาสตร์ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม-แม้ว่าแพทย์ฝรั่งบางคนยัง "งมโข่ง" ไม่รู้เลยไม่ยอมรับ-เมื่อราวๆ สิบกว่าปีมานี้เอง ก่อนหน้านั้นก็ยังถกเถียงกันอยู่ สอง-การแพทย์พลังงานคลื่นนั้นเป็นการแพทย์ทางเลือกหรือการแพทย์เสริม และส่วนหนึ่งใช้การนวด การกดจุด การใช้พลังฝ่ามือหรือพลังจิตพลังจักรวาล แถมยังเรียกพลังคอสมิกอีก ทำให้นักวิทยาศาสตร์และแพทย์มักจะดูถูกว่าไม่ใช่วิทยาศาสตร์ หรือค่อนไปในทางไสยศาสตร์ด้วยซ้ำ และสาม-การแพทย์พลังงานไม่ใช้ยา หรือเวชภัณฑ์ที่แพทย์แผนปัจจุบันใช้และรู้กันดี ใช้มานานจนเป็นนิสัย จึงมักถูกบรรษัทที่ผลิตยาและเวชภัณฑ์ รวมทั้งสื่อบางสื่อต่อต้านอย่างรุนแรง เพราะการแพทย์พลังงานที่ไปทุบหม้อข้าวของพวกเขาและแพทย์ในอาณัติบางคน-เกี่ยวกับเงินและผลประโยชน์-ซึ่งไม่เหมือนกับยา หรือเรื่องของตัวอย่างสเตมเซลล์ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องใหม่ แต่มันมีเงินจำนวนมากเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทำให้บรรษัทยาหรือแพทย์บางคนได้ผลประโยชน์

ก่อนอื่นผู้เขียนเองที่เป็นทั้งแพทย์ และได้เรียนมาทางวิทยาศาสตร์ที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์พื้นฐานทางการแพทย์ แต่ได้มาศึกษาฟิสิกส์แห่งยุคใหม่ทั้งสองทฤษฎี-ทฤษฎีสัมพัทธภาพของไอน์สไตน์กับทฤษฎีควอนตัมเมคานิกส์อย่างจริงๆ จังๆ ในทางทฤษฎีมากว่า 25 ปี แต่ไม่ได้แตะคณิตศาสตร์เลยแม้แต่น้อยเพราะชอบ การที่ชอบเพราะว่า-สำหรับผู้เขียนกับนักควอนตัมฟิสิกส์มีชื่อเสียงระดับโลกทุกคนที่รู้จัก มีความเห็นตรงกันว่าควอนตัมฟิสิกส์สนับสนุน (validate) ความรู้เร้นลับ (mystics) ของทุกๆ ศาสนาที่อุบัติขึ้นที่เอเชียใต้หรือทางทิศตะวันออกของโลก จริงๆ แล้วควอนตัมเมคานิกส์นั่นก็ยังไม่ใช่วิทยาศาสตร์แถวหน้า (frontier science) เลย แต่กระนั้นนักวิทยาศาสตร์เก่าๆ จำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะนักวิทยาศาสตร์ที่ถูกสอนมาว่า ฟิสิกส์แห่งยุคใหม่เป็นเพียงทฤษฎีที่แปลก ถึงจริงก็เอามาใช้ไม่ได้ มันจึงเป็นแค่ทฤษฎีที่สวยงามแต่ว่าไม่มีประโยชน์ ยิ่งกว่านั้นถึงไดัเลิกอ่านเลิกติดตาม ดีไม่ดียังหัวเราะเยาะนักฟิสิกส์ควอนตัมอีก นักวิทยาศาสตร์เก๋าเก่าเหล่านี้จะต้องไม่ชอบผู้เขียน หรือใครก็ตามที่เห็นต่างไปจากพวกเขา แต่มันอยู่ที่ว่าพวกนักวิทยาศาสตร์เก่าๆ เหล่านั้นจะรู้สึกตัวหรือไม่รู้เลยว่า ตัวเองเป็นผู้ล้าหลังและล้าสมัยอย่างไร? ยกตัวอย่าง มีบทความของนักจิตวิทยาที่เป็นนักชีววิทยายุคใหม่ มีชื่อว่า ดอว์สัน เชิร์ช ผู้เขียนหนังสือที่ขายดีที่สุด (Dawson Church: Genie in Your Gene, 2009) เชิร์ชเป็นนักจิตวิทยาพลังงานที่ทำงานและสอนเรื่องของการปล่อยอารมณ์ให้เป็นอิสระที่มีวิธีการใช้ "ทางเดิน" (meridian) ของ "ชี่" หรือ "ปราณ" ซึ่งใช้ในการฝังเข็ม กดจุด ที่สำคัญคือ เชิร์ชบอกว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกในจักรวาลติดต่อเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ ผู้ที่แสวงหาจิตวิญญาณก่อนใครทั้งหมดกลับเป็นนักวิทยาศาสตร์สายหลัก "สายแข็ง" เสียด้วย ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์สายอ่อน เช่นจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์สังคมยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่ ผลของการสำรวจโพลในปี 2005 ที่ทำกับนักวิทยาศาสตร์มากกว่า 1,600 คนจาก 21` สถาบัน พบว่านักวิทยาศาสตร์สายแข็งร่วม 80% มีวิวัฒนาการสู่จิตวิญญาณ (พิจารณาจากการสวดมนต์ ท่องพระคัมภีร์ ทำโยคะหรือนั่งสมาธิ) ที่น่าแปลกใจคือ การเปลี่ยนแปลงสู่จิตวิญญาณ (spirituality) นั้นเป็นไปอย่างรวดเร็วมากๆ โดยเฉพาะสถาบันใหญ่ๆ และมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ส่วนการสำรวจโพลอีกอันหนึ่งบอกว่า แพทย์จำนวนมากกว่าสองในสามเชื่อเรื่องปาฏิหาริย์ และสองในสามของจำนวนนั้นเชื่อว่าการสวดมนต์ขอพรจากพระเจ้ามีความสำคัญอย่างใหญ่หลวง-แพทย์ไทยมีเท่าไร? น่าจะลองสำรวจดู-(Light of consciousness vol.21 2009)

เมื่อเร็วๆ นี้เองได้มีจิตวิทยาสาขาใหม่เกิดขึ้นที่เมืองนอก และเกี่ยวข้องโดยตรงต่อการแพทย์พลังงานชื่อ จิตวิทยาพลังงานคลื่น (energy psychology) ดังชื่อเรื่องของบทความของวันนี้ ทำให้ช่องว่างทางวิชาการระหว่างประเทศกำลังพัฒนา เช่น ที่บ้านเรากับประเทศพัฒนามากๆ แล้วของฝรั่งตะวันตก-ห่างขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตาม บทความของวันนี้เป็นบทความเกี่ยวกับการแพทย์ทางเลือกและการรักษาโรคเพื่อให้หายขาด (healing) โดยทำให้ร่างกายของผู้ป่วยมีความสมดุลตามธรรมชาติด้วยการปรับเปลี่ยนคลื่นความคิด (คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) ที่จิตใจ ซึ่งความจริงก็เป็นเรื่องทำนองจิตวิทยาด้านบวก (positive psychology) แต่สามารถอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ทั้งหมด คือว่าความเจ็บป่วยนั้นเกิดจากอารมณ์ที่ถูดกดบีบเอาไว้จากความเจ็บปวด หรือความบีบคั้นทั้งทางร่างกาย (เช่น PTSD หรือ post traumatic stress disorder) หรือจิตใจ (เช่นความจำถึงความเจ็บปวดในอดีตที่ฝังใจจริงๆ เช่นในวัยเด็กที่ขาดความอบอุ่นอย่างเรื้อรัง หรือทหารในสงครามที่ผ่านภาพของความทุกข์ทรมานที่เห็นอย่างซ้ำๆ ซากๆ) พูดทางวิชาการได้ว่า คือความผิดปกติที่เกิดจากการจำที่นอนแนบเนื่องกับจิตใต้สำนึก ทำให้สุดแสนจะดื้อด้านต่อการกำจัดยิ่งนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่เหนือยีนหรือกรรมพันธุ์ (epigenetic) อีกที มัน (epigenetic) คือ "ผู้สั่ง" ผู้อยู่นอกเซลล์ (รวมทั้งสิ่งแวดล้อมนอกร่างกาย) ที่สั่งให้ยีน (genes) ที่อยู่ภายในเซลล์ (ในนิวคลีโอลัส หรือไมโตคอนเดรีย) ให้ทำงาน คือให้ภาพนั้นๆ กลับคืนมาให้เห็นหรือให้สั่งให้จิตใจ (ความจำ ความคิด อารมณ์ ฯลฯ) ทำงานด้วยการกระตุ้นให้ฮอร์โมนส์ความเครียด (stress hormones) ต่างๆ ออกมา เช่น คอร์ติซอล อะดรีนาลีน ซีโรโตนิน ฯลฯ ซึ่งการทำงานทั้งหมดล้วนเป็นไปโดยพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นภายในร่างกาย (bioelectromagnetic-BEM)

จิตวิทยาพลังงานคลื่น (แม่เหล็กไฟฟ้า) คือการจัดการให้ร่างกายของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายทำงาน-ตามสรีรวิทยาของมัน-ได้ตามปกติ โดยมีหลักการกับเหตุผลว่าสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลายทั้งปวงของโลกและจักรวาลสามมิติ (บวกหนึ่ง) ของเรานี้ จำเป็นต้องพึ่งอาหาร น้ำ แสงแดด (พลังงานคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากดวงอาทิตย์) และอากาศ (ออกซิเจน) หรือดิน น้ำ ไฟ ลม ซึ่งจะต้องสมภาคสมดุลพอเพียงพอดี (homeostasis) ขาดหรือเกินไม่ได้เพราะว่านั่นคือความเป็นโรค (pathology) จิตวิทยาพลังงานคลื่นคืออะไร? ตอบว่าคือกลุ่มของการรักษาโรค (healing) ให้หายขาดจากสถานภาพหรือความเชื่อ ทำให้ผู้ป่วยที่ดื้อด้านต่อการหายจากความทุกข์ทรมาน (ความทุกข์ทางกายภาพที่เกิดจากจิตใจ หรือจากความจำที่นอนแนบเนื่องกับจิตใต้สำนึก) สามารถกลับคืนสู่สภาพปกติตามธรรมชาติได้อย่างรวดเร็ว ส่วนมากภายในเวลาไม่ถึงวัน แต่ต้องทำใจให้มั่นคงที่จะเปลี่ยนตัวเอง ถามต่อไปว่า มันเกี่ยวข้องกับจิตใจหรือจิตวิทยาอย่างไร? ตอบว่า เพราะสาเหตุของความทุกข์ทรมานที่บางคนทนทุกข์เป็นเวลานานๆ ถึงสิบๆ ปีจากความเจ็บปวดหรือบีบคั้นซ้ำๆ ซากๆ ในอดีตนั้นๆ ส่วนหนึ่งที่ไม่น้อยเลย หรืออาจจะมากกว่าสองในสามของทั้งหมดด้วยซ้ำ ไม่ได้เป็นเรื่องทางกายภาพ (organic) แต่เป็นเรื่องทางจิตหรือทางอารมณ์ที่มองไม่เห็น เป็นเรื่องของความคิดความจำที่นอนแนบเนื่องกับจิตใต้สำนึก เช่น PTSD ที่ว่าครอบครัวขาดความอบอุ่นซ้ำซากในเด็ก หรือโรคที่เป็นกับทหารอเมริกัน หลังปลดประจำการที่ไปทำสงครามที่อิรักและอัฟกานิสถานมา ซึ่งเป็นกับทหารถึงหนึ่งในห้าคน ซึ่งมีอาการทางจิตที่รุนแรงมาก พวกทหารเหล่านี้หลังจากกลับไปบ้านก็มักจะหย่ากับเมีย และสุดท้ายก็นอนไม่หลับและติดเหล้า และมักจะลงเอยด้วยการฆ่าตัวตาย ซึ่งว่าไปแล้วมีจำนวนมากยิ่งกว่าการตายในสงครามเสียอีก ดังหนังสือเรื่องจริงของทหารอเมริกันที่มีผู้แปลเป็นภาษาไทย (Claude Thomas's At Hell's Gate) ความทุกข์ทรมานทั้งหมดเป็นผลของการกระตุ้นของฮอร์โมนส์ความเครียดธรรมดาๆ จากครอบครัว เพื่อนที่ทำงาน แม้แต่ความจำเจของพฤติกรรมของตนเองหรือคนอื่นๆ ในบ้านหรือที่ทำงาน ต่างล้วนเป็นสิ่งกระตุ้นทั้งนั้น ทำให้ทนไม่ได้ทั้งที่คนปกติทนได้

การรักษานั้น หากรู้สาเหตุแล้วสามารถรักษาให้หายขาดดังปลิดทิ้ง ด้วยวิธีการปลดปล่อยอารมณ์หรือความคิดที่นอนแนบเนื่องกับจิตใต้สำนึกนั้นๆ ให้เป็นอิสระ (emotional or thought freedom) ซึ่งจะเป็นการกำจัดสิ่งที่ทำให้ทางเดินของสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่อุดตันออกไป ซึ่งปัจจุบันนี้เริ่มมีสอนกันในโรงเรียนแพทย์บ้างแล้ว หรือที่กระทรวงสาธารณสุขที่อังกฤษ แต่เราต้องเรียน "ทางเดิน" (meridian) ของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า และการนวดหรือกดจุดเสียก่อน.
 
http://www.thaipost.net/sunday/240110/16858

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.538 วินาที กับ 29 คำสั่ง

Google visited last this page 03 กรกฎาคม 2568 07:52:24