* ไฟแห่งทุมโม 1 ในหกวิชา สำคัญของ สายกาคิว (โยคะทั้ง 6 ของ นาโรปะ)
ขั้นต้น สู้อากาศหนาว ขั้นสูงสุด มุ่งสู่ มหามุทรา
บทเรียนที่ ๖ ท่านนโรปะเดินทางต่อจนพบพระราชาผู้ครองนครอันสวยงามแห่งหนึ่งและทรงทราบว่าคุรุติโลปะ อยู่ที่ใด แต่พระองค์ได้ขอให้ท่านนโรปะพำนักอยู่ที่พระราชวังก่อน ซึ่งท่านนโรปะก็ยินยอม และ พำนักอยู่ในพระราชวังแห่งนั้นอย่างสุขสบาย จนเวลาผ่านไปเนิ่นนาน กระทั่งวันหนึ่งพระราชา ขอให้ท่านนโรปะอภิเษกสมรสกับพระธิดา ด้วยความเป็นนักบวช ท่านนโรปะจึงไม่อาจทำได้ เป็น เหตุให้พระราชาไม่พอพระทัยเป็นอย่างมาก ถึงกับสั่งทหารให้ทุบตีท่านนโรปะ ด้วยความโกรธ ท่านนโรปะจึงเริ่มใช้เวทมนต์ดำเพื่อตอบโต้พระราชา ทันใดนั้นเมืองทั้งเมืองก็หายไป เหลือเพียง ผืนทรายว่างเปล่า บทเรียนครั้งนี้คือ " เจ้าต้องขจัดโลภ โกรธ หลงในตัวตนของเจ้าให้ได้ก่อนที่จะมีโอกาสพบคุรุผู้ประเสริฐ และหาก ปราศจากคุรุแล้ว ไฉนเลยเจ้าจะสามารถปลดปล่อยตนเองจากห้วงวัฏสงสารได้ " บทเรียนนี้ได้สอนท่านนโรปะได้รู้ว่า แม้ตนเป็นถึงปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แต่ยังไม่อาจสลัดตนจากความ โลภ ความหลง ในความสุขสบายภายในวังและความโกรธเมื่อถูกทุบตี ท่านยังไม่อาจหยั่งรู้ได้อย่าง ถ่องแท้ว่า สรรพสิ่งล้วนเป็นมายา ที่ถูกสรรสร้างจากโลภ โกรธ หลง ที่ผนึกแน่นอยู่ในดวงจิตมา นานแสนนาน บทเรียนที่ ๗ ท่านนโรปะได้เดินทางมาถึงป่าใหญ่แห่งหนึ่ง และพบว่ามีนายพรานและสุนัขล่าเนื้อกำลังวิ่งไล่กวาง ตัวหนึ่งอยู่ เมื่อท่านนโรปะถามหนทางไปพบคุรุติโลปะ นายพรานก็ตอบว่าจะบอกให้ต่อเมื่อท่าน นโรปะจะช่วยล่ากวางตัวนั้น แต่ท่านนโรปะยังยึดมั่นอยู่ในความเป็นนักบวช และยังมีความเคลือบ แคลงในใจ ทันใดนั้นสุนัขล่าเนื้อและกวางก็หายไป เหลือแต่เพียงนายพรานที่กล่าวต่อท่านนโรปะว่า " อุปสรรคของท่านคือความยึดมั่นในอัตตาตัวตน ซึ่งท่านต้องผ่านให้ได้ดุจดุจดังลูกธนูที่พุ่งผ่าน ร่างของกวางตัวน้อย ความเข้าใจในธรรมของท่าน ต้องนำไปสู่การละอัตตาตัวตนของตนเอง หาก ตราบใดท่านยังมีความเคลือบแคลงสงสัยในความจริงข้อนี้ ท่านย่อมไม่มีวันพบคุรุของตนเอง " บทเรียนที่ ๘ ต่อมาท่านนโรปะได้พบสามีภรรยาคู่หนึ่งที่รู้ว่าคุรุติโลปะอยู่ที่ใด แต่พวกเขาขอให้ท่านนโรปะไป พักผ่อนที่บ้านของพวกเขาก่อน เมื่อไปถึงฝ่ายภรรยาได้ปรุงอาหารโดยต้มกบและปลาเป็น ๆ ใน น้ำเดือด แล้วเชิญท่านนโรปะให้ทานอาหารมื้อนั้น แต่ท่านนโรปะยังรู้สึกว่าตนเป็นนักบวชคงไม่ อาจทานอาหารเช่นนี้ได้ โดยเพาะในยามเย็นเช่นนี้ ทันใดนั้นฝ่ายชายจึงจับกบและปลาโยนขึ้น ไปในอากาศหายไปกับสายรุ้งบนท้องฟ้า แล้วหันมาพูดกับท่านนโรปะว่า " ท่านเป็นนักบวช เป็นปราชญ์ที่ยิ่งใหญ่ ฝึกฝนปฏิบัติธรรมมานานจนบรรลุธรรมได้ระดับหนึ่ง แต่อุปสรรคความก้าวหน้าทางธรรมของท่านก็คือ ความยึดมั่นในอัตตา ความมีตัวตน และรูป แบบที่เหนี่ยวรั่งตนไว้ " และก่อนที่ทุกอย่างจะหายไป ชายคนนั้นได้บอกท่านนโรปะว่าพรุ่งนี้เขาจะฆ่าพ่อแม่ของเขา ดังนั้นท่านนโรปะจึงคาดว่าหากพบชายผู้นี้อีกในวันพรุ่งนี้ และยอมทำตามที่ชายผู้นั้นร้องขอ คราวนี้ท่านคงจะได้รู้ว่าคุรุติโลปะอยู่ที่ใด บทเรียนที่ ๙ วันรุ่งขึ้นท่านนโรปะได้พบชายผู้หนึ่งกำลังเตรียมฆ่าบิดาของเขาด้วยตรีศูลและฝังมารดาทั้งเป็น เมื่อบิดามารดาของชายผู้นั้นเห็นท่านนโรปะก็เฝ้าร้องขอความช่วยเหลือ แต่ชายคนนั้นกลับบอก ว่า เขารู้ว่าคุรุติโลปะอยู่ที่ใด และจะยอมบอกต่อเมื่อท่านนโรปะจะช่วยฝังร่างมารดาเขาเสียก่อน ซึ่งท่านนโรปะก็เกิดรู้สึกลังเล ทันใดนั้นทุกอย่างก็หายไป เหลือแต่ชายผู้นั้นที่สอนท่านนโรปะว่า " ท่านต้องขจัดความคิดยึดมั่นในรูปธรรมและนามธรรมให้หมดสิ้น " และชายคนนั้นยังบอกอีกว่า พรุ่งนี้เขาจะออกไปขอทาน เมื่อได้ยินเช่นนั้น ท่านนโรปะจึงคิดว่าท่านควรจะค้นหานักบวชที่เที่ยวเร่ร่อนขอทาน ซึ่งคงจะสามารถช่วยท่านตามหาคุรุติโลปะได้ ดังนั้น ท่านจึงเดินทางต่อไปจนถึงวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งมีนักบวชพำ นักอยู่สองสามรูป ซึ่งนักบวชทุกรูปต่างเคยได้ยินชื่อเสียงความเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งนาลันทา ของท่านนโรปะเป็นอย่างดี โดยเฉพาะมีนักบวชรูปหนึ่งเคยพบกับท่านนโรปะมาก่อนจึงต้อนรับ ท่านนโรปะเป็นอย่างดี และเมื่อท่านนโรปะสอบถามถึงคุรุติโลปะว่าอยู่ที่ใด นักบวชเหล่านั้นกลับ ตอบว่าไม่มีใครเลยที่เคยได้ยินชื่อของคุรุติโลปะ พวกเขารู้จักเพียงแต่เฒ่าขอทานที่ชื่อ ติโลปะ เท่านั้น