อานิสงส์วิหารทานในอดีตชาติพระอานนท์เถระยอดพุทธอุปัฏฐาก
ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูป การถวายวิหารเป็นสังฆาราม เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล ซึ่งพระบรม
ศาสดาทรง มีพุทธานุญาต ตามคำกราบทูลขอของท่าน ราชคหเศรษฐี เนื่องจาก
ทรงเล็งเห็นประโยชน์ว่า เป็นสิ่งที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้สงฆ์ได้บำเพ็ญ
สมณธรรม ขจัดขัดเกลากิเลสอาสวะในใจให้หมดสิ้นไป ดังนั้นวิหารทาน
จึงเป็นมหาทานที่มีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ ส่งผลทำให้มีความสุขในทุกที่ ทุกสถาน
และสมบูรณ์ด้วยมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ กระทั่งนิพพานสมบัติ
ดังเรื่องราวในอดีตชาติของพระอานนท์เถระ ยอดพุทธอุปัฏฐาก ที่ได้เคยสร้างมหาวิหารถวายเป็นสังฆทานแด่คณะสงฆ์นับแสนรูปทำให้ท่านได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่ไม่มีประมาณ ส่งผลให้ความปรารถนาของท่านเต็มเปี่ยมในภพชาติสุดท้ายจนมาเป็นบุคคลผู้ใกล้ชิดกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากที่สุด มีโอกาสได้ฟังธรรมและสอบถามธรรมะ ในสำนักของพระบรมศาสดา จนกระทั่งได้รับการยกย่องว่าเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพุทธอุปัฏฐาก" และเป็น "ยอดของภิกษุผู้เป็นพหูสูต"อีกด้วย ดังเรื่องราวในอดีตชาติดังต่อไปนี้
ในแสนกัปนับแต่ภัทรกัปนี้ พระบรมศาสดา ทรงพระนามว่า "ปทุมุตตระ"ได้อุบัติขึ้นแล้วในโลก แต่เดิมพระองค์ทรงมีพระนามว่า"อุตตรกุมาร" เป็นพระราชโอรสของพระเจ้าอานันทะ แห่งนครหังสวดี ด้วยบุญบารมีที่ได้ทรงสั่งสมมาจนเต็มเปี่ยมแล้ว ทำให้ทุกครั้งที่ทรงยกพระบาทเพื่อจะเหยียบลงบนแผ่นดินดอกบัวหลวงดอกใหญ่ก็ชำแรกแผ่นดิน ขึ้นมา กลีบดอกบัว วัดได้ ๙๐ ศอก เกสร ๓๐ ศอก ฝัก ๑๒ ศอก มีละอองเกสรประมาณ ๙ หม้อ ส่วนพระบรมศาสดา ทรงมีความสูง ๕๘ ศอก ระหว่างพระพาหาทั้งสองวัดได้ ๑๘ ศอก พระนลาต ๕ ศอก พระหัตถ์และพระบาทยาว ๑๑ ศอก เมื่อพระองค์ทรงเหยียบดอกบัว ละอองเกสรที่มีประมาณ ๙ หม้อ ก็ฟุ้งขึ้น กลิ่นหอมกระจายไปทั่วทุกสารทิศ จึงทำให้พระองค์ทรงมีพระนามเช่นนั้น