[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
01 มิถุนายน 2567 13:00:39 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วันออกพรรษา กับปริศนาบั้งไฟพญานาค  (อ่าน 3283 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5517


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 20 ตุลาคม 2556 09:58:15 »

.


ภาพจาก : aritc.yru.ac.th

วันออกพรรษา

วันออกพรรษาเป็นวันสำคัญทางพระพุทธศาสนาวันหนึ่ง สารานุกรมไทย ฉบับราชบัณฑิตยสถาน อธิบายว่า ออกพรรษา ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ เป็นวันแรกที่พระสงฆ์จะได้ออกพรรษา หลังจากที่ได้อยู่จำพรรษามาแล้วตลอดไตรมาส คือ ๓ เดือนแห่งฤดูฝน เมื่อออกพรรษาแล้วพระสงฆ์จะจาริกไปไหนก็ได้  
 
สมัยพุทธกาล พระสาวกจะออกจาริกไปประกาศพระศาสนาตามคามนิคมและชนบทต่าง ๆ วันออกพรรษาเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า วันปวารณา หรือ วันมหาปวารณา  พระพุทธเจ้ามีพระพุทธานุญาตให้พระสงฆ์ที่อยู่จำพรรษาครบ ๓ เดือนแล้ว ทำปวารณากรรมแทนอุโบสถกรรมได้ในวันออกพรรษา   และในวันปวารณานี้พระสงฆ์ไม่ต้องสวดพระปาฏิโมกข์ซึ่งตามปรกติต้องสวดทุกปักษ์ คือ ทุกขึ้น ๑๕ ค่ำ และแรม ๑๔ หรือ ๑๕ ค่ำของเดือน  

คำว่า ปวารณา คือ การเปิดโอกาสยอมให้ใช้ ให้ขอ ให้ว่ากล่าว ให้ตักเตือนสั่งสอน เป็นเรื่องของพระที่ท่านทำปวารณาต่อกัน  โดยต่างรูปต่างกล่าวคำปวารณาต่อกันตามลำดับอาวุโสนับตั้งแต่พระที่มีพรรษามากสุดจนถึงพระนวกะ  การกล่าวคำปวารณาต่อกันนี้ เป็นพิธีของสงฆ์ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตไว้ ให้ว่ากล่าวตักเตือนกันได้ นับว่าเป็นวิธีที่ดีมาก แสดงให้เห็นความมีน้ำพระทัยกว้างของพระพุทธองค์ เพราะตามปรกติคนเรามักจะนึกว่าตัวเองดีเสมอ ฉะนั้นสิ่งใดที่เราคิดว่าดี อาจไม่ดีสำหรับคนอื่นก็ได้   ฝ่ายฆราวาสก็ถือว่าวันออกพรรษาเป็นวันสำคัญวันหนึ่ง จึงนิยมทำบุญตักบาตรมากเป็นพิเศษ เรียกว่าวันตักบาตรเทโว ซึ่งเป็นประเพณีที่นิยมทำกันมาแต่โบราณกาล  นอกจากนี้แล้ว พระมหากษัตริย์ยังได้ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเนื่องในการออกพรรษา คือ นิมนต์พระไปรับบิณฑบาตในพระบรมมหาราชวัง เรียกว่า บิณฑบาตเวร  ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงบาตรด้วยพระองค์เอง พร้อมด้วยเจ้านายฝ่ายใน พระราชพิธีนี้มีเป็นประจำทุกปีสืบมาจนปัจจุบัน.




ไม่เชื่อ! ... อย่าลบหลู่..

http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/241498.jpg
วันออกพรรษา กับปริศนาบั้งไฟพญานาค

ภาพจาก : http://www.dailynews.co.th

ปริศนาบั้งไฟพญานาค

วันนี้ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ นอกจากนี้จะเป็นวันออกพรรษาแล้ว ค่ำคืนนี้บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในพื้นที่ภาคอีสานของไทย ยังเต็มไปด้วยคลื่นมหาชนจากทั่วประเทศที่หลั่งไหลไปเฝ้าชมลูกไฟปริศนาหรือบั้งไฟพญานาค ซึ่งจะโผล่ขึ้นมาจากกลางลำน้ำโขงในคืนนี้
 
ตำนานของบั้งไฟพญานาคจากทั้งในเว็บไซต์การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (www.tatcontactcenter.com) และเว็บไซต์เทศบาลตำบลปากคาด อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย (http://pakkhadcity.com) ได้บอกเล่าใจความสำคัญว่า เมื่อครั้งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ และเสด็จเผยแพรพระศาสนาไปทั่วชมพูทวีป พญานาคเกิดความเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอย่างมาก จึงได้จำแลงกลายเป็นบุรุษเพื่อขอบวชเป็นพระสาวก จนกระทั่งคืนหนึ่งพญานาคเกิดเผลอหลับและคืนร่างเดิม พอพระพุทธเจ้าทรงทราบความจริงจึงขอให้พญานาคลาสิกขาบท เนื่องจากเดรัจฉานไม่สามารถบวชเป็นพระภิกษุได้ พญานาคจึงยอมทำตาม โดยมีเงื่อนไขว่า ขอให้เรียกบุตรชายผู้มีตระกูลที่จะลาสิกขาบทว่า “นาค” ก่อนเข้าโบสถ์ เพื่อเป็นศักดิ์ศรีแก่พญานาค จึงกลายเป็นที่มาของคำว่า “พ่อนาค” ในปัจจุบัน
 
ต่อมาครั้งที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากโปรดพุทธมารดาที่สวรรค์ชั้นดาวดึงเป็นเวลา ๓ เดือน สู่โลกมนุษย์  เหล่าบรรดาพญานาค นาคเทวี และบริวารจัดทำเครื่องบูชา รวมถึงพ่นไฟถวายแก่พระพุทธเจ้า ซึ่งต่อมาในทุกปีจะมีลูกไฟขนาดเท่าไข่ไก่ผุดขึ้นตามลำน้ำโขงบริเวณหน้าวัดไทย ทั้งแนวตั้งและแนวเฉียง ประมาณ ๕-๑๐ ลูก ทำให้ชาวบ้านเชื่อว่า พญานาคจุดบั้งไฟเพื่อเป็นการสักการะถวายเป็นพุทธบูชา
 
ทั้งนี้ บั้งไฟพญานาคมีลักษณะเป็นลูกไฟหลากสี เช่น สีส้ม ชมพู ม่วง ไม่มีกลิ่น ไม่มีควั่น ไม่มีเสียง โผล่ขึ้นจากลำน้ำโขงพุ่งขึ้นในอากาศ สูงประมาณ ๕๐-๑๕๐ เมตร มักพุ่งขึ้น ๕-๑๐ ลูกติดต่อกันภายในเวลากว่า ๕ วินาที แต่ละปีจะมีบั้งไฟพญานาคปรากฎให้เห็นราว ๓-๗ วัน ใกล้ๆ วันออกพรรษา ซึ่งส่วนใหญ่จะพบที่หน้าวัดไทย อำเภอโพนพิสัย และวัดอาฮง อำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสะดือของแม่น้ำโขง และเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงของเมืองบาดาล
 
อย่างไรก็ตาม มีผู้พยายามศึกษาปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค เพื่อหาที่มาด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ เช่น มีการคาดว่าอาจเกิดจากการย่อยสลายของซากพืชซากสัตว์ใต้น้ำ จนกลายเป็นก๊าซมีเทน ไนโตรเจน หรือฟอสฟอรัส
 
โดยเมื่อปี ๒๕๕๖ มีการจัดเวทีเสวนา ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี เรื่อง บั้งไฟพญานาค” เป็นวิถีกระสุน หรือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ซึ่ง นพ.มนัส กนกศิลป์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ หนึ่งในผู้ร่วมเสวนาครั้งนั้นกล่าวไว้ว่า จากการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนแปลงของออกซิเจน โอโซน ความชื้นสัมพัทธ์และรังสียูวีซีในช่วงเวลาที่มีบั้งไฟพญานาค พบว่าช่วงที่เกิดบั้งไฟจะมีปริมาณออกซิเจนและความชื้นสัมพัทธ์สูง โอโซนต่ำ  และมีรังสียูวีซีส่องลงมาถึง ซึ่งในบั้งไฟพญานาคนั้นมีส่วนประกอบของฟองก๊าซฟอสซิน และมีเทนในสัดส่วนที่เหมาะสม จึงทำปฏิกิริยากับอากาศโดยรอบได้อย่างรวดเร็วและไม่ฟุ้งกระจาย
 
ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ภาคชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้กล่าวไว้ในเวทีเดียวกันว่า ตำนานพ่นไฟรับพระพุทธเจ้าไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก ซึ่งในอดีตก็ปรากฏให้เห็นน้อยมาก แต่พอกลายเป็นอันซีนไทยแลนด์ก็เพิ่มจำนวนเป็นร้อยๆ ลูก รวมถึงได้ตั้งคำถามไว้ว่า ทำไมเป็นปรากฏการณ์เกิดขึ้นตรงกับวันออกพรรษาของลาวเท่านั้น
 
อย่างไรก็ตาม นพ.มนัส และดร.เจษฎา มีแนวคิดที่สอดคล้องกันว่า ควรหยุดการทำบั้งไฟพญานาคเทียม เพื่อเพิ่มโอกาสที่จะเห็นของจริงที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก
 
นอกจากนี้ เคยรายงานว่า รายการทีวีเคยตั้งกล้องถ่ายภาพที่ฝั่งลาว เมื่อปี ๒๕๕๔ เห็นการยิงปืนที่เป็นประเพณีที่ฝั่งลาวจัดขึ้นทุกปี ซึ่งหลังยิงประมาณ ๓ วินาที จะได้ยินเสียงเฮจากฝั่งไทยตามมา โดยแม่น้ำโขงมีความกว้าง ๑ กิโลเมตร ดังนั้นการเดินทางออกเสียงจะใช้เวลาประมาณ ๒-๓ วินาที ในขณะที่แสงจะเดินทางได้เร็วกว่า
 
ไม่ว่าบั้งไฟพญานาคจะเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือฝีมือมนุษย์ ในช่วงวันออกพรรษา ลูกไฟปริศนาก็ยังคงผุดขึ้นเหนือลำน้ำโขงให้ได้เห็นกันทุกปี.
ปริศนาบั้งไฟพญานาค...จาก เว็บไซต์ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์


แม่น้ำโขง มีความกว้างกว่า ๑ กิโลเมตร  
ถ่ายจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ฝั่งจังหวัดหนองคาย

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20 ตุลาคม 2556 10:00:31 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
วันนี้เป็นวันมหาสัมมาทิฐิ พระศาสดาทรงเปิดโลกธาตุ ( วันออกพรรษา )
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
มดเอ๊ก 0 1502 กระทู้ล่าสุด 24 พฤศจิกายน 2553 16:58:39
โดย มดเอ๊ก
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.384 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 25 พฤษภาคม 2567 04:41:11