[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
25 เมษายน 2567 16:17:35 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: โยงใยที่ซ่อนเร้น (The Hidden Connections) - ฟริตจอฟ คาปร้า  (อ่าน 5069 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553 09:07:49 »




descriptive review : มกราคม ๒๕๔๙

โดย ยุรี เชาวน์พิพัฒน์ ภาควิชาชีววิทยา
คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล วิชา Biology 466Interdisciplinary Approach to Biodiversity

หนังสือเล่มนี้เป็นผลงานการเขียนของนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียง ฟริตจ๊อฟ คาปร้า โยงใยที่ซ่อนเร้น (The Hidden Connections) เป็นหนังสือเชิงวิชาการ โดยผู้เขียนได้นำแนวคิดจากหลายๆศาสตร์มาบูรณาการเข้าด้วยกันเพื่อทำความเข้าใจภาพรวม ในศาสตร์ที่ผู้เขียนไม่มีความชำนาญก็ได้มีการแบ่งปันความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์นั้นๆ โดยใช้วิธีสุนทรียสนทนาเพื่อความเข้าใจที่ลึกซึ้ง หนังสือเล่มนี้จึงเป็นภูมิความรู้ที่มีการเชื่อมโยงของศาตร์ที่หลากหลาย มีการผสมผสานมิติทางสังคม ศาสตร์แห่งการรับรู้-เรียนรู้ และชีววิทยาของชีวิตเพื่อนำไปสู่วิทยาศาสตร์ที่ยั่งยืน ผู้เขียนได้แบ่งหนังสือออกเป็น ๒ ภาคและยังมีบทส่งท้ายในตอนหลัง ภาคแรกเกี่ยวกับโครงความคิดทางทฤษฎีว่าด้วยชีวิต จิตใจ(สมอง) และสังคม เริ่มดำเนินเรื่องจากการทำความเข้าใจชีวิตบนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ ชีวิตเกิดขึ้นจากอะไร การปรากฏขึ้นของโปรโตเซลล์ก่อนที่จะเป็นเซลล์สิ่งมีชีวิต และวิวัฒนาการเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงโดยใช้แนวทางหลัก ๓ แนวทาง คือ การกลายพันธุ์ การแลกเปลี่ยนพันธุกรรม และกระบวนการซิมไบโอซิส ผู้เขียนได้พาเราออกไปพบกับมิติแห่งการเรียนรู้-รับรู้ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะเป็นเครื่องมือในการทำความรู้จักกับตนเองเพราะจิตหรือการรับรู้-เรียนรู้เป็นหนึ่งเดียวกับชีวิต การเข้าถึงความรู้สึกในความเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้มีประสบการณ์ทางจิตวิญญาณ

ผู้เขียนได้นำเสนอขอบข่ายทางความคิดที่ขยับขยายมาสู่ปริมณฑลทางด้านสังคมเพื่อเข้าใจทั้งทางระบบชีวิตและสังคม ความหมายเป็นสิ่งจำเป็นและเป็นตัวเชื่อมโยงกระบวนการ รูปแบบ และวัตถุ การกระทำของมนุษย์หลั่งไหลออกมาจากความหมาย พลวัตของวัฒนธรรมเป็นตัวประสานพฤติกรรมของสมาชิกในสังคมนั้นอยู่ตลอดเวลา ความเป็นจริงทางสังคมสะท้อนถึงระบบค่านิยมและความเชื่อที่ใช้ร่วมกันในเครือข่าย เป็นพื้นฐานอยู่บนความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน อำนาจที่แท้จริงอันก่อเกิดจากการยอมรับบทบาทของการเป็นผู้ทรงอำนาจจะช่วยคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมได้ ส่วนภาคที่สองของหนังสือเล่มนี้นั้นเป็นเรื่องของความท้าทายที่รอเราอยู่ในศตวรรษที่ ๒๑ ได้มีการเน้นทั้งทางด้านเศรษฐกิจ หายนะภัยของโลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยีชีวภาพ และการออกแบบชุมชนที่ยั่งยืน โดยผู้เขียนได้นำเสนอลักษณะของผู้นำที่ดีขององค์กรที่จะต้องมีความสามารถในการเอื้ออำนวยให้เกิดการโผล่ปรากฏของความแปลกใหม่ องค์กรจะต้องเปิดพื้นที่ให้กับความคิดและความรู้ใหม่ๆ และนอกจากนี้ผู้นำที่ดีต้องเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และทำให้เกิดการน้อมรับจากสมาชิกในองค์กรทั้งหมด องค์กรเป็นองค์กรที่มีชีวิตไม่ใช่องค์กรเครื่องจักร ผู้นำองค์กรต้องให้ความสนใจกับชุมชนแห่งการปฏิบัติ ตลอดจนกระบวนการเรียนรู้ขององค์การ เพราะผู้คนในองค์กรต้องการที่จะทำงานโดยมีส่วนร่วมทางความคิด ไม่ใช่ทำตามคำสั่ง

การเปลี่ยนแปลงสู่ยุคโลกาภิวัฒน์ ที่มีระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม การเกิดขึ้นของเครือข่ายการเงินที่อยู่ภายใต้การควบคุมโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ เป็นการดำเนินงานของตลาดโลกที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่ในท้องถิ่นที่ห่างไกลออกไป คือก่อให้เกิดช่องว่างทางสังคมระหว่างคนจนกับคนรวย ทำให้เกิดระบบเศรษฐกิจอาชญากรรมขึ้น อันเป็นผลมาจากภาวะบีบคั้นทางเศรษฐกิจ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบถึงสิ่งแวดล้อม การผลิตในท้องถิ่นปรับไปสู่การผลิตเพื่อการส่งออกเป็นหลัก ทำให้มีการเปิดพื้นที่เพื่อทำการเกษตรอย่างกว้างขวาง จนเป็นเหตุให้ทรัพยากรธรรมชาติถูกทำลายอย่างไม่หยุดยั้ง เพราะระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเป็นระบบเศรษฐกิจที่ให้คุณค่ากับเงินตรา ทรัพยากรจึงถูกเคลื่อนย้ายจากประเทศยากจนไปสู่ประเทศร่ำรวย แต่มลภาวะเคลื่อนย้ายจากประเทศร่ำรวยมาสู่ประเทศยากจน โลกาภิวัฒน์ยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรม การเกิดรูปแบบใหม่ของการสื่อสารที่เรียกว่าไฮเปอร์เท็กซ์ ที่เป็นการนำเอาเสียงและภาพมารวมกับตัวเขียนและคำพูด เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการสื่อสารของมนุษย์เช่นนี้ย่อมนำไปสู่การเปลื่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่จะกลายเป็นวัฒนธรรมเชิงเดี่ยว เมื่อโลกาภิวัฒน์นำไปสู่ความไม่ยั่งยืน สุดท้ายมันก็จะถูกปฏิเสธจากมวลชนไปเอง

ปัญหาที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งในยุคสมัยนี้ก็คือเทคโนโลยีชีวภาพ พันธุวิศวกรรมและความพยายามที่จะดัดแปลง เพิ่มจำนวน และเชื่อมต่อหน่วยพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างกัน การอาศัยเวกเตอร์ที่เป็นตัวใช้ในการถ่ายทอดพันธุกรรมจากสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีวันจะผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ ถือเป็นอันตรายที่แฝงอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะถ้ามีการใช้ไวรัสเป็นเวกเตอร์ก็อาจทำให้เกิดไวรัสที่ทำให้เกิดโรคร้ายแรงได้ แนวคิดของนักอณูวิทยาที่เข้าใจว่าหน่วยพันธุกรรมเป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของมนุษย์ เป็นความคิดที่ลดทอนทำให้เกิดการเดินหลงทางของชีววิทยาแห่งชีวิต การขยายความกระบวนทัศน์ทางพันธุศาสตร์อย่างผิดหลักเกณฑ์ จากระดับที่ค่อนข้างพื้นฐานว่าด้วยเรื่องการเข้ารหัสและการถอดรหัสทางพันธุกรรม ไปสู่ระดับที่ซับซ้อนว่าด้วยเรื่องพฤติกรรมชองเซลล์ เป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง สิ่งสำคัญภืออภิพันธุกรรม ข่ายใยที่ทำงานเป็นเครือข่ายภายในเซลล์ นั่นก็คือความซับซ้อนของกระบวนการทางพันธุศาสตร์และกระบวนการเมตาบอลิซึมซึ่งเปรียบเหมือนความหลากหลายทางธรรมชาติของระบบนิเวศนั่นเอง ถ้าพิจารณาดังนี้แล้วจะเห็นว่าชีวิตได้วิวัฒนาการให้เกิดความหลากหลายและความซ้ำซ้อนอย่างเพียงพอในทุกระดับความซับซ้อน ความรู้ทางพันธุศาสตร์ถูกนำไปใช้ทั้งทางด้านการแพทย์และการเกษตร ในเรื่องการแพทย์นั้นมีการศึกษาจีโนมมนุษย์ ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะรู้จีโนมทั้งหมดของมนุษย์แล้วแต่แนวทางในการนำไปใช้ประโยชน์ยังคงตีบตันอยู่ เพราะเกิดการขาดหายของความรู้บางช่วงไป ส่วนเรื่องการเกษตรนั้นไม่มีผลดีใดๆเกิดขึ้นจากการใช้พันธุวิศกรรมเลย บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพส่วนใหญ่ยังคงมุ่งแสวงหาผลประโยชน์ให้กับตนเองเป็นหลัก ดังนั้นจึงถึงเวลาที่เทคโนโลยีชีวภาพจะต้องมาถึงจุดเปลี่ยน เปลี่ยนจากผู้ควบคุมธรรมชาติมาเป็นผู้เรียนรู้ธรรมชาติ

สถานการณ์โลกปัจจุบันเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเสียใหม่เพื่อความอยู่รอด สัญญาณเตือนภัยต่างๆที่เกิดขึ้นในธรรมชาติ ก่อให้เกิดสำนึกรู้ในมวลมนุษย์บางกลุ่มที่อยู่ในระดับรากหญ้า การเคลื่อนไหวที่ทรงพลังของกลุ่มคนเหล่านี้เพื่อเรียกร้องรักษาผลประโยชน์ให้กับประเทศโลกที่สาม ต่อต้านสถาบันองค์กรระหว่างประเทศที่แสวงหาผลประโยชน์และริดรอนสิทธิของประเทศที่กำลังพัฒนา ในหนังสือเล่มนี้ได้ระบุถึงความสำคัญของความเข้าใจระบบนิเวศ เราต้องรูภาษาทางนิเวศ การจัดองค์กรซึ่งพบได้ในสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เป็นหลักการของระบบนิเวศ การออกแบบเชิงนิเวศ เป็นหลักการของความยั่งยืน มีองค์กรความร่วมมือมากมายที่เล็งเห็นแนวคิดเรื่องความยั่งยืนนี้ ส่วนในบทส่งท้ายผู้เขียนได้ทิ้งท้ายว่าการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายในศตวรรษที่ ๒๑ คือการเปลี่ยนแปลงระบบค่านิยมที่อยู่เบื้องหลังเศรษฐกิจโลก แม้ว่าจะยากเพียงใดในการในการเคลื่อนย้ายไปสู่โลกที่ยั่งยืนแต่เราก็ยังมีหวัง ไม่ใช่ความเชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงได้ดี แต่เป็นความมั่นใจว่าบางอย่างดูเข้าที ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร นี่แหละคือความหวังของมนุษยชาติ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553 09:10:25 »




free essay โดย ยุรี เชาวน์พิพัฒน์

มองดูทุกสิ่งบนโลกใบนี้เถิด มีใครเคยคิดหรือไม่ว่าทำไมทุกสิ่งที่มีอยู่ในทุกวันนี้ถึงฝ่าด่านการคัดเลือกตามธรรมชาติและภาวะที่เป็นหายนะภัยต่างๆ ของโลกมาได้จนถึงทุกวันนี้ สิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่มาก่อนมนุษย์เป็นล้านปี พวกมันมีวิธีการใดในการหลบเลี่ยงหรือฟื้นตนเองขึ้นมาใหม่ และดำรงอยู่มาถึงปัจจุบัน เคล็ดลับอันใดที่ซุกซ่อนอยู่ในหัวใจของธรรมชาติ และความเชื่อมโยงบรรสานสอดคล้องกันที่ดำเนินอยู่อย่างเป็นพลวัตในทุกสิ่ง หนังสือเล่มนี้ "โยงใยที่ซ่อนเร้น" ซึ่งเป็นผลงานการเขียนเชิงวิชาการของนักคิดที่มีชื่อเสียงอย่าง ฟริตจ๊อฟ คาปร้า นั้นจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังอย่างแน่นอน ถ้าคุณมีหัวใจที่ปรารถนาดีต่อโลกอย่างแท้จริง พวกเรามองข้ามบางสิ่งบางอย่างไปไหม บางสิ่งที่เป็นคำตอบของทุกสิ่ง มีอะไรอยู่ในความเกื้อกูลเอื้ออาทรกันในระบบนิเวศ สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ มนุษย์ได้ดำเนินมาถูกทางหรือไม่ หนทางใดที่จะพอมีความหวังสำหรับมนุษยชาติ ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ควรรู้ว่าตอนนี้เรากำลังก้าวเดินไปทางไหน และไปในทางที่ถูกหรือผิด เพราะเมื่อรู้แล้วจะไม่ได้ถล้ำลึกลงไปที่ก้นเหว รีบปีนกลับขึ้นมาได้ทัน เราเคยสังเกตสายสัมพันธ์และความเป็นมิตรอย่างอ่อนโยนในการพึ่งพาของธรรมชาติไหม คือการเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และไม่ทำร้ายกันและกัน จิตที่เป็นตัวรู้ซึ่งสัมพันธ์กับสมองของเราทำงานดีอยู่หรือ เราได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสิ่งรอบตัวไหม ธรรมชาติกำลังบอกอะไรกับเรา สายเกินไปไหมที่เราจะกลับตัว หนังสือเล่มนี้ล้วนแล้วแต่มีคำตอบที่หัวใจคุณต้องสะดุดและรับรู้ อย่าลังเลที่จะอ่านเลย แต่ก่อนอ่านต้องเปิดใจ และอย่าปิดกั้นการเรียนรู้ มันไม่ใช่สิ่งที่ยากเกินไปเลย เพียงแค่คุณมีเวลาและหัวใจที่เปิดกว้าง ปราศจากอคติเท่านั้น คุณก็จะค้นพบคำตอบในหลายสิ่งที่คุณไม่รู้และกำลังตามหา โดยปรกติแล้วบ้านย่อมได้รับการดูแลจากเจ้าของ แน่นอนว่าโลกก็เป็นเหมือนบ้านหลังใหญ่ของเรา บ้านของทุกสรรพชีวิตที่อาศัยอยู่ร่วมกัน บ้านใครใครก็รักและก็ต้องดูแล ถามใจเราดีๆว่าเรารักและห่วงใยบ้านหลังนี้ดีพอหรือยัง เราพร้อมที่จะส่งมอบบ้านที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้กับลูกหลานของเราหรือไม่ หรือเรากำลังทำลายบ้านของตัวเองกันแน่ แน่นอนว่าบางทีเราก็ทำทุกสิ่งไปด้วยการขาดสติ ขาดการตระหนักตริตรองถึงผลที่จะตามมา แต่ยังไม่สายเกินไปยังคงแก้ไขได้ทัน เพราะถึงเวลาแห่งการปฏิวัติจิตสำนึกของเราแล้ว โดยอาศัยโครงความคิดจากหนังสือเล่มนี้ เราก็จะสามารถเข้าใจ และเปิดใจรับสิ่งที่เรายังไม่คาดคิด การกระทำของเราที่ก่อให้เกิดผลเสียกับธรรมชาติ คงไม่มีใครแก้ตัวได้ในอนาคตอีกว่าไม่เห็นมีใครมาบอกเราเลยว่า หายนะที่ยิ่งใหญ่ที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นการกระทำที่ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องธรรมดาของคนปัจจุบัน พอคุณอ่านหนังสือเล่มนี้แล้วคุณจะเข้าใจว่ามีกลุ่มคนอีกมากมาย พวกเขาน่ารักมากเชียวล่ะ พวกเขาเป็นนักรบกอบกู้โลก ห่วงใยในสิ่งแวดล้อม และสิทธิของประเทศโลกที่สามที่กำลังถูกลดทอนอย่างหนัก ผู้คนมากมายอดอยาก ขาดสารอาหาร ทั้งที่ผลผลิตทางเกษตรกรรมก็มีมากพอที่จะส่งออกเสียด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นกับโลกกลมๆของเราใบนี้ สิ่งมีชีวิตถูกตีค่าเป็นราคา ไม่ใช่ของธรรมชาติอีกต่อไป แต่เป็นของที่บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีการดัดแปลงทางพันธุกรรม แล้วก็ไปจดสิทธิบัตร ทำให้อีกหลายชีวิตต้องเดือดร้อน ถึงเวลาแล้วที่จะร่วมมือกันสร้างข่ายใยที่เข้มแข็ง เข้าใจและมองภาพรวมให้ชัดกว่าภาพเล็กๆที่เราเคยมองกันอยู่ เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

โยงใยที่ซ่อนเร้นอยู่ในธรรมชาติคือสิ่งใด มันมีประโยชน์อย่างไรกับเรา และทุกสิ่งบนโลกของเรา มีอะไรซ่อนอยู่ มีอะไรที่เราต้องเรียนรู้อีกในธรรมชาติ ถ้าคุณอ่านหนังสือเล่มคุณจะเข้าใจในความหมายที่เป็นนัยของมัน ความหลากหลายและการดำเนินไปของสรรพสิ่งหนีไม่พ้นหลักของเหตุและผล ไม่มีสิ่งใดดำรงอยู่ตามลำพัง ทุกสิ่งล้วนเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกัน มีสิ่งนี้แล้วอีกสิ่งหนึ่งจึงดำเนินก้าวย่างของมันต่อไป ถ้าจะกล่าวกันก็เปรียบเหมือนสายใยอาหารในระบบนิเวศ ทรัพยากรถูกเพิ่มมูลค่า ไม่มีของเสียในระบบนิเวศ เพราะของเสียของสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งจะกลายเป็นอาหารของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งไปโดยปริยาย การดำเนินไปเช่นนี้เอง ที่ทำให้ทุกสิ่งสามารถที่จะรักษาความบรรสานสอดคล้องของท่วงทำนองที่ธรรมชาติจงใจบรรเลงไว้อย่างไพเราะสวยงามได้อย่างลงตัว แล้วมนุษย์ล่ะ แน่นอนว่าบางทีเราก็สามารถช่วยให้บทเพลงคงความไพเราะไว้ได้เช่นกัน แค่เพียงเราเลิกควบคุบธรรมชาติ แต่หันมาลอกเลียนแบบธรรมชาติ ปล่อยให้ธรรมชาติเป็นครูพี่เลี้ยงเรา ธรรมชาติทรงภูมิปัญญากว่าเรามาก เป็นเวลายาวนานเหลือเกินที่วิวัฒนาการดำเนินอยู่บนหนทางของธรรมชาติ ในธรรมชาติจึงมีเมล็ดพันธุ์แห่งความหวังของมวลมนุษยชาติซ่อนอยู่ ถ้าเราค้นหาเมล็ดพันธุ์นั้นให้พบและปลูกมันลงในจิตใจของทุกคน เราก็สามารถที่จะดำรงอยู่โดยเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติได้อีกยาวนานทีเดียว หนังสือเล่มนี้กำลังจะทำให้เรารู้จักผู้กล้าที่มีเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นอยู่ในมือ เมล็ดพันธุ์ที่พวกเขาค้นพบพร้อมที่จะหยิบยื่นให้กับทุกคน เตรียมพื้นที่ภายในหัวใจตัวเราให้พร้อมสำหรับฤดูเพาะปลูกที่กำลังจะเริ่มขึ้น คุณอาจมีคำถามเช่นเดียวกับฉันว่าพวกเขาไปได้เมล็ดพันธุ์เหล่านี้มาจากไหน คำตอบมันอยู่ใกล้ๆตัวคุณนี้เอง พวกเขาค้นพบมันจากธรรมชาติ บางทีคุณและฉันอาจพยายามมองหามันอยู่บ้างแล้วแต่ก็หาไม่พบ เพราะมันเป็นโยงใยที่ซ่อนเร้นที่จะถูกเปิดเผยให้เข้าใจในการอ่านของคุณอย่างแน่นอน หนังสือเล่มนี้ได้เปิดตัวเราออกสู่ทั้งหมดที่มีอยู่ ทำให้เราเห็นภาพรวม และไม่ตกอยู่ในถ้ำที่จะเห็นได้แค่เพียงเงาของตัวเองและสิ่งอื่นอีกต่อไป ทุกอย่างถูกเปิดออก ถึงเวลาแล้วที่เราจะเข้าใจ และไม่ตกอยู่ในกลลวงอันเป็นเครื่องมือของผู้ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์และละเลยต่อธรรมชาติอีกต่อไป เราควรที่จะลุกขึ้น เดินออกไปจากถ้ำ ทำความรู้จักกับแสงสว่าง แม้ว่าพวกเราจะไม่เคยชินกับมันก็ตาม อาจจะต้องออกจากกรอบความคิดเก่าๆของเราก่อน หนังสือเล่มนี้จะช่วยเป็นโครงความคิดทำให้เราเข้าใจในภาษาของธรรมชาติมากขึ้น บูรณาการแห่งสหวิทยาการความรู้จากหลากหลายสาขาวิชา ทั้งที่รู้จักกันดีตามชื่อวิชาการ และศาสตร์ที่มีการสั่งสมเรียนรู้มาแต่อดีตตามภูมิปัญญาของชาวบ้าน จะถูกนำมาใช้เพื่อเปิดประตูสู่วิทยาศาสตร์ที่ยั่งยืน

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่มุ่งเน้นให้เข้าใจความเป็นไปของโลกและจักรวาลเพียงเท่านั้น แต่ยังทำให้เราสื่อนัยที่สำคัญว่าคุณและฉันเป็นใคร มาจากไหน เข้าใจความหมายของชีวิตทั้งความหมายที่ซ่อนอยู่ภายในและภายนอกของตัวเอง มันเป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องมองเข้าไปในตัวเองบ้าง ทำความรู้จักกับตัวเอง วิทยาศาสตร์แห่งการรับรู้-เรียนรู้จะสามารถทำให้เราเข้าใจตัวเราอย่างลึกซึ้ง จิตเป็นสิ่งที่แฝงฝังอยู่ภายในตัวเรา และทุกอย่างที่เราพูด คิดและทำก็ออกมาจากภายในของเรา หนังสือเล่มนี้จะทำให้เรารู้ตำแหน่งแห่งที่ของเรามากขึ้น เราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล ทุกสิ่งที่มารวมเป็นตัวเรามีอยู่แล้ว และเมื่อเราตายไปตัวเราก็จะกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล และบางส่วนของเราก็ไปรวมกันเพื่อก่อร่างเค้าโครงแห่งชีวิตขึ้นมาใหม่เราจึงไม่ตาย และหายไปไหน เราจะกลับมีชีวิตอีกครั้ง เป็นส่วนหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง เป็นอย่างนี้อยู่เรื่อยไป และเมื่อเรารับรู้เช่นนี้แล้วก็ไม่ควรเลยที่เราจะทำร้ายกันและกันอีกต่อไป เพราะเราเป็นหนึ่งเดียวกัน
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553 09:11:37 »

http://i192.photobucket.com/albums/z273/victordavid000/9780385494724.jpg
โยงใยที่ซ่อนเร้น (The Hidden Connections) - ฟริตจอฟ คาปร้า



free essay โดย สุมาลี บุญยัง
ภาควิชาชีววิทยา
คณะวิทยาศาสตร์ ม.มหิดล
วิชา Biology 466 Interdisciplinary Approach to Biodiversity

จาก เต๋าแห่งฟิสิกส์ (The Tao of Physics) ผ่าน จุดเปลี่ยนแห่งศตวรรษ (The Turning Point) ด้วย ปัญญาอันไม่ธรรมดา (Uncommon Wisdom) และ ข่ายใยแห่งชีวิต (The Web of Life) จนมาถึง โยงใยที่ซ่อนเร้น (The Hidden Connection) กว่า 30 ปี ที่ผ่านมา ผู้เขียนหรือผู้สำเร็จด้วยการปฏิวัติทางจิตสำนึก อาจมีคำถามอยู่ในใจว่า แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับผู้อ่านหลังจากนี้ การรอคอยหนังสือเล่มต่อไป หรือ เป็นการเริ่มต้นของการผิบานแห่งจิตสำนึกใหม่ ของผู้ที่อ่านจบแล้ว

คำบอกเล่าดีๆจากหนังสือเล่มนี้มีมากมาย หนึ่งในนั้นที่ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เห็นคุณค่าของพลังแห่งตัวตนและความสำคัญต่อความหมายของชีวิตคือ “เมื่อมองดูโลกรอบๆตัว เราจะพบว่า เราไม่ได้ถูกโยนเข้าไปในความไร้ระเบียบอย่างสะเปะสะปะ แต่เราเป็นส่วนหนึ่งของระเบียบอันยิ่งใหญ่ เป็นเพลงซิมโฟนีของชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ทุกๆโมเลกุลของร่างกายเรา ครั้งหนึ่งเคยเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอื่นๆ ที่มีมาก่อนหน้านี้ ทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิต และจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายอื่นๆในอนาคตต่อไป ในแง่นี้ร่างกายของเราจะไม่ตาย แต่จะมีชีวิตต่อไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งนี้เพราะว่าชีวิตจะดำรงอยู่ต่อไป...เราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล เราอยู่กับจักรวาลเช่นเดียวกับอยู่บ้าน ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งนี้ทำให้ชีวิตของเรามีความหมายอันลึกซึ้ง” การรู้สึกถึงว่าเราเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาล มันมีความหมายมากมายเกินกว่า แค่การที่เราเป็นเพียงส่วนหนึ่งในนั้น แต่มันคือการเป็นเจ้าของร่วมกันกับสรรพสิ่งบนโลก ที่ต้องที่มีพันธะผูกพันมาพร้อมกับหน้าที่อันสำคัญที่ต้องร่วมรับผิดชอบ ทั้งผลประโยชน์ที่ได้รับอย่างมากมาย และความผิดบาปจากการกระทำต่อโลกและอนาคตอันยั่งยืนของมนุษย์ชาติด้วยกัน

การขยายกรอบโครงทางความคิด ความเข้าใจใหม่ ที่เชื่อมโยงมิติทางชีวภาพ การรับรู้-เรียนรู้ที่ผุดบังเกิดมาจากทฤษฏีแห่งความซับซ้อนไปสู่ขอบเขตมิติทางสังคมซึ่งเกี่ยวโยงกับชีวิตเป็นสำคัญกรอบโครงนี้ช่วยให้เรานำวิธีการเชิงระบบมาใช้กับประเด็นต่างๆ ที่เป็นวิกฤตการณ์แห่งยุคสมัยโลกาภิวัตน์นี้ได้ การวิเคราะห์ระบบชีวิตด้วยมุมมองทั้งสี่ที่เชื่อมโยงกันอยู่คือ รูปแบบ วัตถุ กระบวนการและความหมาย จะสามารถทำให้เรานำความเข้าใจที่เป็นเอกภาพในเรื่องระบบชีวิตมาประยุกต์ใช้กับปรากฏการณ์ในมณฑลทางวัตถุแห่งมิติทางสังคมได้ ดังนั้นเมื่อใดที่วิธีการมองสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในมณฑลทางสังคม ด้วยแนวความคิดเชิงระบบที่ได้รับการใส่ใจยอมรับจากนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ผู้นำทางการเมือง ธุรกิจ และบุคคลทั่วไป เราจะสามารถจินตนาการได้ถึงอนาคตของโลกาภิวัตน์ชนิดที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิงจากปัจจุบัน ทุกอย่างจะเริ่มต้นจากความปรารถนาที่จะเรียนรู้จากธรรมชาติมากกว่าที่จะพยายามควบคุมธรรมชาติ ใช้ธรรมชาติเป็นครูสอนมากกว่าที่จะเป็นเพียงแหล่งของวัตถุดิบ และแทนที่จะปฏิบัติต่อโยงใยแห่งชีวิตว่าเป็นเพียงสิ่งหนึ่งที่มีอยู่แต่ไม่ลึกซึ้งในความหมาย เราก็จะเข้าสัมผัสได้ถึงความเคารพของสิ่งนี้ในฐานะที่เป็นบริบทแห่งการดำรงอยู่ของเรา

สิ่งที่ท้าทายอันสำคัญของศตวรรษนี้ คือการสร้างชุมชนต่างๆ ที่ยั่งยืนทางระบบนิเวศ การออกแบบในหนทางที่เทคโนโลยีและสถาบันทางสังคม โครงสร้างทางวัตถุและโครงสร้างทางสังคม จะไม่แทรกแซงความสามารถในตัวของธรรมชาติเองที่จะค้ำจุนชีวิต หลักการต่างๆของการออกแบบสถาบันในอนาคตของเรา จะต้องสอดคล้องกับหลักการต่างๆ อันเกี่ยวกับการจัดองค์กร ที่ธรรมชาติได้วิวัฒนาการขึ้นมาเพื่อค้ำจุนข่ายใยชีวิต ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีบางส่วนแห่งความหวังใหม่ ที่ไม่ได้ทำให้จินตนาการแห่งโลกใหม่มีแต่ด้านลบของอนาคตต่อความยั่งยืนเท่านั้น ด้วยผลงานของการรวมกลุ่มอุตสาหกรรมเชิงระบบนิเวศ เช่น องค์กรการวิจัยและริเริ่มเพื่อลดของเสียขับออกให้เท่ากับศูนย์ (ZERI) ที่ก่อตั้งโดยผู้ประกอบการธุรกิจชื่อกุนเตอร์ พอลี (Gunter Pauli) ในช่วงต้นทศวรรษที่ 1990 หรือการออกแบบนวัตกรรมเชิงระบบนิเวศที่น่าประทับใจเช่น การออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน การปรับปรุงความสามารถในการเป็นฉนวนความร้อนและการควบคุมอุณหภูมิจาก “หน้าต่างซูเปอร์” (superwindows) การสร้างเมืองนิเวศ (ecocity) การออกแบบพื้นที่ชุมชนที่เรียกว่า “หมู่บ้านใจการเมือง” (urban villages) การสร้างรถยนต์ประหยัดพลังงานและวัตถุดิบการผลิตที่เรียกว่า “ไฮเปอร์คาร์” (hypercars) หรือการมีนโยบายเชิงสนับสนุนโครงการออกแบบเชิงนิเวศ ด้วยการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษี ที่รู้จักกันในชื่อ “การย้ายภาระภาษี” (tax shifting) และนอกจากนี้ด้วยค่านิยมในปัจจุบันของคนบางกลุ่มที่ยึดในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และความยั่งยืนของระบบนิเวศน์ โครงการแนวร่วมซีแอตเทิลขององค์กรพัฒนาเอกชนและประชาสังคมแบบใหม่จึงได้ผุดบังเกิดขึ้น อาทิเช่น Oxfam, Greenpeace, Third world Network เป็นต้น ด้วยจุดมุ่งหมายหลักที่ต้องการให้เกิดการกระจายอำนาจของสถาบันระดับโลกต่างๆไปยังองค์การในระบบที่หลากหลายทั้งส่วนภูมิภาคและระดับนานาชาติ สิ่งต่างๆเหล่านี้เป็นกำลังและเป็นการสร้างมิติแห่งความหมาย ให้แก่โลกที่เรายืนอยู่นี้ได้มากมายนัก

ด้วย “ความสมเหตุสมผล” ภาพแห่งความหวังที่ว่ามนุษยชาติน่าจะ “เป็นไปได้ที่จะมีโลกอีกแบบ” (Another World Is Possible) และตามถ้อยคำของวาคลาฟ ฮาเวล ผู้เป็นรัฐบุรุษที่ยิ่งใหญ่ของชาวเชค ที่กล่าวโดยย่อว่า “การมีความหวังหรือไม่ ไม่ได้ขึ้นกับสาระสำคัญของวิธีการสังเกตโลกหรือประเมินสถานการณ์ใดๆ ไม่ใช่ความเชื่อว่าเรื่องราวจะจบลงด้วยดี แต่เป็นความมั่นใจว่า บางสิ่งบางอย่างดูเข้าที่มีเหตุผล ทั้งนี้ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นใดก็ตาม”…ในความรู้สึกแล้ว... มันชั่งเป็นความหวังที่ดูเรียบง่ายและสบายใจ อีกทั้งยังเป็นเหมือนการเริ่มต้นแห่งความตั้งใจ ที่จะสร้างให้เกิดภาพของการปฏิวัติจิตสำนึกให้ประทับอยู่ในใจ ให้ได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆในสักวันหนึ่ง

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 24 ตุลาคม 2553 09:16:58 »




interpretative review-โดย ยุรี เชาวน์พิพัฒน์

โยงใยที่ซ่อนเร้น (The Hidden Connections) เป็นผลงานการเขียนเชิงวิชาการของนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังนามว่า ฟริตจ๊อฟ คาปร้า นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักคิดคนสำคัญของยุคนี้ ผู้เขียนมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนากรอบโครงทางแนวคิดที่จะเชื่อมโยงมิติทางชีวภาพ การรับรู้-เรียนรู้ และมิติทางสังคมเกี่ยวกับชีวิต กรอบโครงนี้จะช่วยนำวิธีการเชิงระบบมาใช้กับประเด็นต่างๆ ที่เป็นวิกฤตการณ์แห่งยุคสมัยของเรา แน่นอนว่าในแต่ละยุคสมัยย่อมมีวิกฤตการณ์ของมัน แต่ถ้าคุณได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบทั้งสิ้นเป็นผลมาจากความต้องการที่จะควบคุมธรรมชาติ และแสวงหาผลประโยชน์ของมนุษย์ มีการฝ่าฝืนทำในสิ่งที่ผิดธรรมชาติใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปในทางที่ผิด ผู้เขียนไม่ต้องการให้ทุกคนถูกพัดพาไปตามกระแส โดยไม่เคยเริ่มสังเกตเลยว่ามีบางกระแสของแม่น้ำที่เริ่มเปลี่ยนทิศไปบ้างแล้ว เพราะการตื่นรู้ถึงสัญญาณเตือนภัยจากธรรมชาติ โลกร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ทุกอย่างกำลังแปรปรวน การกระทำของมนุษย์เปรียบเหมือนมัจจุราชที่หยิบยื่นความตายให้กับโลกและเผ่าพันธุ์ของตนเอง เราต้องหันมาปฏิวัติจิตสำนึกเสียใหม่ ผนึกกำลังและโครงสร้างทางความคิดที่เชื่อมโยงมิติแห่งการเรียนรู้หลายๆมิติเข้าด้วยกัน เพื่อทำความเข้าใจและช่วยเหลือค้ำจุนเกื้อกูลกันในการแก้ปัญหาวิกฤตโลก
ผู้เขียนพยายามที่จะมอบเมล็ดพันธุ์แห่งปัญญาและสำนึกรู้ให้กับผู้อ่าน เปิดดวงตาและดวงใจของคุณไว้ให้กว้าง เตรียมพื้นที่ในหัวใจไว้สำหรับฤดูเพาะปลูกที่กำลังจะเริ่มขึ้น ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะยืนหยัดต่อสู้เพื่อการอยู่รอดของมนุษยชาติ และทุกสรรพชีวิตบนโลกกลมๆ ใบนี้ มันคงไม่ยากเกินไปที่เราจะมาร่วมมือกัน ยังพอมีหวังอยู่เสมอถ้าไม่ปล่อยให้ทุกอย่างล่วงเลยสู่เหวแห่งหายนะ โยงใยที่ซ่อนเร้นอยู่ในธรรมชาติ โยงใยคือการเชื่อมโยงบรรสานสอดคล้องของสรรพสิ่งทั้งมวลในจักรวาล การก่อเกิดของสิ่งมีชีวิตจากสิ่งไม่มีชีวิต และจากสิ่งมีชีวิตวิวัฒนาการต่อมาเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูง เราแค่เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกวางอยู่ข้างท้ายของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น ไม่ได้มีถูกแยกแต่เชื่อมต่อ และไม่มีความสำคัญหรือยิ่งใหญ่ เราจึงไม่ควรแยกตัวออกจากธรรมชาติ เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ธรรมชาติเป็นสิ่งที่ฉลาดที่สุด สรรพสิ่งล้วนอยู่ด้วยกันด้วยความเชื่อมโยง พึ่งพาอาศัย เป็นเหมือนวจีที่ไพเราะที่ไม่อาจเอื้อนเอ่ยให้มนุษย์เข้าใจได้ เพราะอาจไม่มีมนุษย์คนใดที่คิดจะค้นหามันเลย ก็มันเป็นสิ่งที่ซ่อน ต้องค่อยๆ ดูและค่อยๆสังเกต ความเป็นไปและระบบต่างๆ ของธรรมชาติต่างมีความบรรสานสอดคล้องเชื่อมโยงกันอยู่ มันเป็นเส้นทางสายที่งดงามและน่าอัศจรรย์ การผุดบังเกิดขึ้นของสำนึกรู้ การรับรู้-เรียนรู้ในสิ่งรอบข้าง การมีความหมายและภาษาในการปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ จิตที่แฝงฝังอยู่ภายในของเราจะถูกแสดงออกผ่านการเคลื่อนของรอยต่อจากจิตทางความคิดมาเป็นความหมายทางภาษา เมื่อเรียนรู้แล้วว่าเราเป็นใคร และชีวิตคืออะไร ความเข้าใจความเป็นไปของตนเองนับเป็นสิ่งสำคัญ เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกและส่วนหนึ่งของจักรวาล เราเกิดขึ้นจากการรวมตัวของสิ่งที่มีอยู่ก่อนหน้าเรา แล้วเราก็จะคืนสิ่งต่างกลับสู่จักรวาล ร่างกายของเราจะไม่ตาย

การเข้าใจความเป็นจริงของระบบสังคม พฤติกรรมของกลุ่มชนเป็นสิ่งช่วยผลักดันเราให้รับมือกับสถานการณ์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆได้ การรู้จักธรรมชาติของบุคคลที่ทำงานร่วมกันว่าเขาต้องการอะไร และองค์กรเป็นระบบของสิ่งมีชีวิตไม่ใช่เครื่องจักร มนุษย์มีสมอง และผู้เขียนก็ต้องการให้ผู้นำองค์กรเข้าใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่การออกคำสั่งแต่ปล่อยให้พวกเขามีส่วนร่วม เพื่อก่อเกิดการผุดบังเกิดของสิ่งใหม่ที่อาจจะเป็นสิ่งสร้างสรรในองค์กร

ในยุคโลกาภิวัฒน์ระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยม ทำให้เกิดผลกระทบที่เป็นหายนะภัยให้กับอีกหลายระบบ การปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปโดยนิยามให้เงินเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันเป็นตัวที่บั่นทอนความปรารถนาดีของมนุษย์ต่อสรรพสิ่งทั้งมวล ความหมายนิยามนี้นำความมืดบอดมาสู่ทุกหนแห่ง แม้แต่พื้นที่ชนบทห่างไกลที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกลไกตลาดโลก ก็ยังได้รับผลกระทบ เกิดช่องว่างระหว่างคนจนกับคนรวยมากขึ้นทุก ผู้เขียนต้องการชี้ให้เห็นว่าโลกาภิวัฒน์ไม่ใช่สิ่งที่ดีอย่างที่ทุกคนคาดคิด ทุกระบบกำลังได้รับความบอบช้ำกับการเข้าสู่ยุคโลกาภิวัฒน์นี้ ในเรื่องของสังคม การสื่อสารที่นำสมัยในยุคนี้ได้ก่อให้เกิดการก่อกวนกระทบต่อวัฒนธรรมทั่วทุกมุมโลกที่มันไปถึง ระบบนิเวศก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน มีการพร่าผลาญทรัพยากรธรรมชาติเป็นว่าเล่น จนกระทบกระเทือนต่อความเป็นไปของโลก แน่นนอนเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วก็ถึงเวลาที่เราต้องเปลี่ยนแปลงระบบกันเสียใหม่ อย่าให้กลไกอัตโนมัติที่เป็นปัญญาประดิษฐ์มาควบคุมกลไกตลาด มันเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง หายนะที่แขวนอยู่บนตรรกะที่ไม่สามารถควบคุมได้โดยมนุษย์

ส่วนเรื่องความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกำลังถูกใช้ไปในทางที่ผิด อย่างเช่นการใช้เทคโนโลยีทางชีวภาพทำสิ่งที่ผิดธรรมชาติ พันธุวิศวกรรมที่ทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี มวลสรรพชีวิตได้รับความเดือดร้อนจากการกระทำดังกล่าว ไม่มีใครสามารถที่จะควบคุมธรรมชาติได้ แต่สามารถที่จะเลียนแบบธรรมชาติได้ ความเชื่อที่ว่าหน่วยพันธุกรรมเป็นสิ่งที่กำหนดพฤติกรรมมนุษย์ ทำให้เกิดการแสวงหาผลประโยชน์ในโครงการจีโนมมนุษย์ ทั้งที่เราไม่รู้ว่าจะประยุกต์ใช้มันอย่างไรในการแพทย์ด้วยซ้ำ ความเชื่อนี้กำลังทำให้นักวิทยาศาตร์พากันหลงทาง ลืมคิดถึงระบบที่เป็นเครือข่ายของเซลล์ที่มีความเชื่อมโยงซับซ้อน ที่สามารถเทียบได้กับความซับซ้อนของระบบนิเวศวิทยา และวิทยาศาตร์ที่ว่าด้วยระบบนิเวศนี่เองที่เป็นสิ่งสำคัญในการทำความเข้าใจโลก เป็นภาษาที่โลกสื่อสารกับมนุษย์

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงชี้ให้เห็นและกระตุ้นเตือนให้เราหันกลับมาเดินบนเส้นทางที่ถูกต้องเท่านั้น แต่ยังให้แนวทางในการปฏิบัติที่อาจจะเป็นจริงได้ในอนาคต เมื่อเราสามารถใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไปในทางที่ถูกต้อง และหนังสือเล่มนี้ยังเน้นถึงความสำคัญของพลังมวลชนระดับรากหญ้าที่สามารถรวมตัวกัน เพื่อพลิกผันสถานการณ์ที่วิกฤตให้กลับกลายเป็นโอกาส โอกาสที่จะปลุกคนทั้งโลกให้มีการตื่นขึ้นของจิตสำนึกที่หวังดีต่อโลก นักรบผู้กล้านี้คือตัวแทนของมวลชนที่สะท้อนการผุดบังเกิดของความหวังใหม่ ความอยู่รอดของมนุษยชาติและโลกใบนี้ ทุกคนต้องร่วมมือกัน แม้มันจะอยู่ในขั้นวิกฤตเพียงใด แต่ถ้าคุณกับฉัน และทุกคนร่วมกันฝ่าฟันพาโลกไปสู่แนวทางที่ยั่งยืน ก็คงไม่ยากเกินไป จงมีความหวังอยู่เสมอเถิด เพราะว่าในทุกเสี้ยวนาทีของชีวิตนั้นย่อมมีการเปลี่ยนแปลง และแนวโน้มของพลังมวลชนที่ห่วงใยต่อความถูกต้อง และความเป็นไปของโลกก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวมากขึ้นทุกที พวกเขาสร้างข่ายใยที่เชื่อมโยงกัน ด้วยหัวใจที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือความหวังดีต่อทุกสรรพชีวิต นี่แหละถือเป็นความสุขที่แท้จริงเมื่อเราได้ทำอะไรเพื่อส่วนรวม และหวังว่าทั้งหมดนี้จะสามารถทำให้หัวใจคุณสั่นไหวได้บ้าง เปิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นอ่านเถิดแล้วคุณจะเข้าใจในโยงที่ซ่อนเร้นอยู่ หาแนวทางเหมาะสมกับเราในการช่วยโลก


http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=nature-dialogue&date=15-01-2006&group=4&gblog=4
บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
ทฤษฎี เครือข่ายใยชีวิต ของ คาปร้า
รู้ เพื่อ รอด (การเตรียมการ)
หมีงงในพงหญ้า 6 6408 กระทู้ล่าสุด 12 มิถุนายน 2553 15:11:45
โดย หมีงงในพงหญ้า
Hidden Camera - Bike Ride On รายการแกล้งคน ช่วยถือถุงน้ำเกลือให้ที
ลานกว้าง (มุมดูคลิป)
▄︻┻┳═一 0 2357 กระทู้ล่าสุด 24 ตุลาคม 2553 21:01:16
โดย ▄︻┻┳═一
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.518 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 21 มีนาคม 2567 06:22:46