[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
30 เมษายน 2567 00:36:20 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ตั๊กม้อ  (อ่าน 4720 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553 18:53:31 »




ตั๊กม้อ

" ตราบใดที่ยังยึดติดอยู่กับการเกิดการตาย ย่อมไม่มีทาง รู้แจ้งได้
การจะรู้แจ้งได้นั้น ผู้นั้นต้อง เห็นแจ้ง ใน ธาตุแท้ ของตัวเองให้ได้ก่อน
การไม่เห็นแจ้งใน ธรรมชาติที่แท้แห่งตน แล้วพูดพล่ามเรื่องธรรมะ เรื่องกฎแห่งกรรม

จึงเป็นสิ่งไร้สาระ พุทธะย่อมไม่ฝึกอะไรที่ไร้ประโยชน์ พุทธะไม่ยึดติดในกรรม
และผลของกรรม การพูดว่าพุทธะได้บรรลุอะไรบางอย่าง เป็นการดูแคลนพุทธะโดยแท้ "

- ตั๊กม้อ -




ศาสนาพุทธได้เข้ามาเผยแพร่ในจีนก่อนตั๊กม้อเดินทางมาถึงประเทศจีน เป็นเวลา
หลายร้อยปี มีการแปลคัมภีร์ศาสนาพุทธจากภาษาสันสกฤตเป็นภาษาจีนออก
มามากมาย แต่เซนก็ไม่เคยถือกำเนิดก่อนหน้าตั๊กม้อนั่นอาจเป็นเพราะมี

ความแตกต่างทางวัฒนธรรมจิตวิญญาณ ค่อนข้างมาก ระหว่าง
จิตลักษณะแบบจีน กับ จิตลักษณะแบบอินเดีย จึงทำให้ก่อนหน้าตั๊กม้อ
ศาสนาพุทธยังเป็นแค่ ศาสนาต่างชาติ สำหรับสังคมจีนอยู่ดี แม้จะมี
คำสอนอันล้ำลึกและน่าสนใจอยู่มากก็ตาม

จะว่าไปแล้วเซนบังเกิดขึ้นมาได้เพราะเป็นผลลัพธ์ของการหลอมรวม กันระหว่าง
ศาสนาพุทธของอินเดียกับวัฒนธรรมจีน หรือเป็นผลที่ได้มาจากการหลอม รวมกัน
ระหว่างจิตลักษณะแบบจีนกับจิตลักษณะแบบอินเดียนั่นเอง ซึ่งกลายออก มาเป็น
ผลงานอันล้ำเลิศ ซึ่งรวมปมเด่นของสองวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่เข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
อย่างที่ประเทศอินเดียซึ่งเป็นมาตุภูมิของศาสนาพุทธแท้ ๆ

ก็ยังให้ กำเนิดนิกายอย่างเซนออกมาไม่ได้โดยตรง อย่างดีก็ให้กำเนิดยอดคนและยอดครู
อย่างท่านนาคารชุน ซึ่งทั่วโลกยอมรับว่าเป็นมหาบุรุษของ ศาสนาพุทธที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
หลังการเสด็จปรินิพพานของพระพุทธเจ้าเท่านั้น

ถัดจากท่านนาคารชุนลงมา ท่านโพธิธรรม ตั๊กม้อ ถือว่า เป็นยอดคนรุ่นหลัง
ที่โดดเด่นที่สุด ตามตำนานว่ากันว่า ท่านเป็นโอรสของกษัตริย์เมืองหนึ่ง
ทาง อินเดียตอนใต้ ความที่ท่านมีสติปัญญาล้ำเลิศเหนือคนธรรมดา ทำให้

ตั้งแต่วัยหนุ่ม ท่านก็สามารถมองทะลุถึงความจริงทางโลก ว่าไม่มีใครรอดพ้น
ความตายไปได้ ต่อให้ ยิ่งใหญ่หรือร่ำรวยแค่ไหนก็ตาม ด้วยเหตุนี้ท่านจึงหันมา

สนใจเรื่องศาสนาหรือเรื่อง จิตวิญญาณ ตั้งแต่วัยหนุ่มจนถึงกับตัดสินใจออกบวช
เพื่อแสวงหาหนทางในการหลุดพ้น

ว่ากันว่า คุรุของเจ้าชายโพธิธรรมที่ช่วยให้พระองค์ทรงมีดวงตาเห็นธรรม ได้
มิใช่บุรุษ แต่เป็นสตรีใช่ภิกษุ แต่เป็นภิกษุณีรูปหนึ่ง และนางเองเป็นคนสั่ง
ให้ศิษย์ของนางหรือพระโพธิธรรมออกไปเผยแพร่ธรรมที่ประเทศจีน

เพราะแม้ศาสนาพุทธได้เข้ามาเผยแพร่ในจีนอยู่ก่อนแล้วกว่าหกร้อยปี
ก่อนที่ตั๊กม้อหรือท่านโพธิธรรม จะไปถึง แต่สิ่งที่เข้ามานำมาเผยแพร่นั้น
มันเป็นแค่ พุทธศาสตร์ เท่านั้น ยังหาใช่ พุทธธรรมไม่

เนื่องเพราะผู้ที่เข้ามาเผยแพร่พุทธศาสนาในจีนก่อนหน้าตั๊กม้อนั้น
แม้เป็นผู้รอบรู้ในพระไตรปิฎกก็จริง เป็นผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบที่เปี่ยมไปด้วยความ
เมตตาก็จริง แต่ก็ยังมิใช่บุคคลที่สามารถถ่ายทอดพุทธธรรมของพุทธะได้

ตอนที่พระโพธิธรรม หรือตั๊กม้อเดินทางไปถึงประเทศจีนนั้น ทั่วประเทศ จีนมีวัด
ของศาสนาพุทธอยู่แล้วถึงสามหมื่นกว่าแห่ง และมีจำนวนพระสงฆ์ที่บวชแล้ว

อยู่ถึงสองล้านรูป ซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อยเลย แม้พิจารณาจากมาตรฐานของยุคนี้อาจ
กล่าวได้ว่า ตั๊กม้อมาถึงเมืองจีนในช่วงเวลาที่พอเหมาะที่มีเงื่อนไขรองรับการ
ก่อกำเนิด ศาสนาพุทธนิกายเซนก็ว่าได้

คน ๆ หนึ่งที่อยู่ในเงื่อนไขที่สามารถเลือกคุรุที่เป็นภิกษุผู้บรรลุธรรมที่มี อยู่หลายรูป
แต่กลับเจาะจง เลือกคุรุที่เป็นภิกษุณีแทน และตัวเองก็สามารถบรรลุธรรมได้ด้วยเช่นกัน
การกระทำของคนผู้นี้ต้องการจะบอกอะไร ? ใช่หรือไม่ว่า เขาคนนี้เป็นยิ่งกว่าสาวก
ของพระพุทธองค์ที่มีความกล้า มีความเป็นตัวของตัวเองสมกับเป็นปรมาจารย์แห่งเซน

อันเป็นศาสนาพุทธที่ปรับเข้ากับวัฒนธรรมของจีน และ ซึมซับส่วนที่เป็นแก่นเป็น
หัวใจของวัฒนธรรมจีน ซึ่งก็คือ เต๋า เข้ามาไว้ในตนได้อย่าง กลมกลืน

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 พฤศจิกายน 2553 16:20:30 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: จัดหน้าค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553 19:42:19 »



บทสนทนากับจักรพรรดิ์อู๋ตี้

การเดินทางจากอินเดียไปยังจีนของตั๊กม้อใช้เวลานานถึงสามปี
กว่าที่ท่านจะได้เข้าเฝ้าจักรพรรดิอู๋ตี้ ผู้มีความเลื่อมใสในปรัชญาศาสนาพุทธเป็นอย่างยิ่ง
เพราะพระองค์เป็นผู้สนับสนุนและระดมนักวิชาการนับจำนวนหลายพันคน
แปลคัมภีร์ศาสนาพุทธเป็นภาษาจีน โดยไม่เสียดายราชทรัพย์จำนวนมหาศาล
ที่พระองค์ทุ่มเทให้กับศาสนาพุทธแต่อย่างใดเลย

พระผู้ใหญ่ที่องค์จักรพรรดิได้พบก่อนตั๊กม้อนั้นล้วนสรรเสริญการกระทำของพระองค์
ทั้งสิ้นว่า เมื่อพระองค์เสด็จสวรรคตจะต้องได้เป็นพรหมในสรวงสวรรค์ แน่นอน
เพราะฉะนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่คำถามแรกที่องค์จักรพรรดิอู๋ตี้ทรงตรัสถาม
ปรมาจารย์ตั๊กม้อยามแรกพบ จึงเป็นคำถามดังต่อไปนี้

" ตัวข้าอุทิศราชทรัพย์และอำนาจทั้งหมดที่ข้ามี
รับใช้ศาสนาพุทธ ในการสร้างวัดและแปลคัมภีร์
ถึงขนาดนี้แล้วในชาติหน้าข้าจะได้ เกิดเป็นอะไร
และตัวข้าจะได้รับผลบุญอะไรบ้าง ? "


อันที่จริงอาจกล่าวได้ว่า องค์จักรพรรดิอู๋ตี้รู้สึกผิดหวังและผิดคาดในตัว
ของตั๊กม้อนับแต่ทรงแรกเห็นแล้ว เพราะในความคิดคำนึงของพระองค์ พระพุทธ
ควรจะมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนมีเสน่ห์ดึงดูด
น่าประทับใจ น่าเคารพ ศรัทธาเพียงแค่ได้แลเห็น ดุจเดียวกับพระพุทธรูป
แต่ตั๊กม้อที่พระองค์ได้พบและได้ยิน คำร่ำลือ มาก่อนได้เจอตัวจริงเสียอีก

ว่าเป็นผู้บรรลุธรรมแล้ว กลับมีใบหน้าที่ออกจะ เรียกได้ว่า น่ากลัวเสียด้วยซ้ำ
แต่แม้กระนั้นองค์จักรพรรดิ์ผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาใน พุทธศาสนา
ก็ทรงตัดสินพระทัยตรัสถามคำถามข้างต้นที่อยู่ในใจของพระองค์มานาน ต่อตั๊กม้อ

เมื่อตั๊กม้อได้ยินคำถามข้างต้นของจักรพรรดิอู๋ตี้ เขารู้ทันทีว่าจักรพรรดิผู้เปี่ยมไป
ด้วยศรัทธาพระองค์นี้ ยังไม่เข้าใจพุทธธรรม เขาจึงพยายามช่วยพระองค์ ด้วยการ
ตอบที่ฟังแล้วน่าตื่นตระหนกในสายตาของคนทั่วไปว่า

" ผลบุญรึไม่มีหรอก ดีไม่ดีอาจตกนรกด้วยซ้ำ "

" แต่ข้าไม่เคยทำบาปอะไรนี่นา ทำไมถึงต้องตกนรกด้วยเล่า
ที่ผ่านมาพวกพระผู้ใหญ่บอกให้ข้าทำบุญอะไร
ข้าก็ทำตามทุกอย่าง ไม่เคยอิดออดเลยนี่
ข้ายังไม่รู้เลยว่าข้าทำไม่ดีตรงไหน "

" ตราบใดพระองค์ไม่รู้จักฟัง เสียงจากภายใน ของพระองค์เอง
ตราบนั้นก็ไม่มีใครหรืออริยบุคคลผู้ไหนจะช่วยพระองค์ได้หรอก
ขณะนี้ พระองค์ยังไม่ได้ฟังเสียงจากภายในพระองค์เอง
เพราะถ้าฟัง พระองค์คงไม่ถามคำถามที่เขลาเช่นนี้กับอาตมา "



" ฝ่าบาทขอทรงโปรดรับฟังสิ่งที่อาตมาจะพูดต่อไปนี้ให้จงดี
อันวิถีของพระพุทธะนั้น ไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ผลบุญหรอก
เพราะตัวความปรารถนา ที่จะได้ผลบุญนั้น
มันมาจากใจที่ยังโลภอยู่ แต่ คำสอนของพระพุทธะคือ
คำสอนที่ให้ไร้ใจ ไร้โลภ ไร้ความอยาก เพราะฉะนั้น
ถ้าหากยังทำดีหรือทำบุญ โดยหวังผลตอบแทนอยู่แล้ว
ผลบุญที่ได้จึงน้อยนิด หรือไม่ได้เลย "

" ตรงกันข้าม หากฝ่าบาททรงทำดีโดยหวังเผื่อแผ่ความปลื้มปิติ
ในการได้ลิ้มรสพระธรรมไปให้ ปวงประชาของฝ่าบาท
ได้ร่วมลิ้มรสด้วย โดยไม่คาดหวังผลบุญตอบแทนใด ๆ
การกระทำอย่างนั้นของฝ่าบาทย่อมกลายเป็นผลบุญโดยตรง "

" ใจข้าเต็มไปด้วยความคิด หมกมุ่นอยู่แต่ในความคิด
ไม่เคยสงบเลย ข้าจึงไม่เคยได้ยินเสียงจากภายใน
ที่ท่านเอ่ยถึงและไม่รู้วิธีด้วย "

" ถ้าเช่นนั้น ตอนตีสี่วันพรุ่งนี้ ขอพระองค์เสด็จมาที่
ที่พำนักของอาตมาที่วัดบนภูเขาชานเมือง แต่มีข้อแม้ว่า
พระองค์ต้องเสด็จมาลำพังโดยไม่พาองครักษ์มาด้วย "
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 พฤศจิกายน 2553 16:36:29 โดย เงาฝัน, เหตุผลที่แก้ไข: จัดหน้าค่ะ » บันทึกการเข้า
เงาฝัน
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +58/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 7493


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 8.0 MS Internet Explorer 8.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 04 กุมภาพันธ์ 2553 19:47:00 »




ประสบการณ์ทางวิญญาณ


ทั้งๆ ที่ทรงไม่แน่ใจและกริ่งเกรง แต่จักรพรรดิอู๋ตี้ก็ทรงเสด็จไปหาตั๊กม้อ
ที่วัดชานเมืองเพียงลำพังตามนัด คืนนั้นพระองค์มิได้บรรทมทั้งคืน เพราะทรงลังเลอยู่
ว่าควรเสด็จไปหรือไม่ไปดี แต่พระองค์ก็ทรงตัดสินพระทัยเสด็จไปในที่สุด

เท่าที่ผ่านมาพระองค์ได้เจอ " ผู้รู้ " จากชมพูทวีปมากมาย รวมทั้งได้รับ
การถ่ายทอดอุบายวิธีต่างๆ ในการทำให้จิตสงบ ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรง
ลองปฏิบัติตามอยู่พักหนึ่งแล้วเลิกเสีย เพราะพระองค์ยังไม่เคยมีประสบการณ์
ทางวิญญาณที่เข้าถึง ความสงบแห่งจิตใจอย่างดื่มด่ำเลยแม้เพียงสักครั้งเดียว

ตั๊กม้อยืนรอจักรพรรดิอู๋ตี้ที่ลานวัดอยู่ก่อนแล้ว โดยไม่รอช้าท่านสั่งให้ จักรพรรดิ์
นั่งขัดสมาธิหลับตาอยู่เพียงลำพังพระองค์เดียว ณ ลานกว้างของวัด พร้อมกับกำชับว่า

" ฝ่าบาทจงหลับตา หน้าที่ของฝ่าบาทในตอนนี้
ี้มี อยู่เพียงอย่างเดียวคือ ค้นหา ใจ ให้เจอ และคว้าจับ ใจ ให้ได้
อาตมาจะถือไม้เท้านั่งอยู่ตรงหน้าฝ่าบาทนี้แหละ
หากฝ่าบาทพบใจ และคว้าจับใจ ได้เมื่อไหร่
ก็ให้รีบบอกอาตมาเดี๋ยวนั้นเลย หลังจากนั้นเป็นหน้าที่
ของอาตมากับไม้เท้าอันนี้ ที่จะทำให้ฝ่าบาทเข้าถึงความสงบได้ "

ทั้ง ๆ ที่ทรงรู้อยู่แก่พระทัยว่า ตั๊กม้อผู้นี้ไม่เคยเกรงกลัวอะไร และคงกล้าตีพระองค์
์ด้วยไม้เท้าหากจำเป็น แต่พระองค์ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้วจึงต้องหลับตา
นั่งขัดสมาธิ ทำการค้นหา ใจ ของพระองค์เองตามที่ตั๊กม้อบอก
แต่ไม่ว่าจะค้นหา เท่าไหร่ก็หาไม่พบ เวลาผ่านไปเนิ่นนานมากแล้ว นานจนกระทั่งใจที่ตอนแรกยังฟุ้งซ่านอยู่ขององค์จักรพรรดิ
ค่อยๆ สงบลง และ " การตระหนักรู้ " ได้เข้ามาแทนที่ใจ ที่ค่อยๆ ดับไปแล้วนั้น

ขณะนั้น พระอาทิตย์ได้โผล่ขึ้นทอแสงเหนือยอดเขาอันสงบงัน ลมพัดเอื่อยๆ เย็นสบาย
พระพักตร์ขององค์จักรพรรดิอู๋ตี้สงบนิ่ง ดุจรูปปั้นอย่างที่ไม่เคย ปรากฏมาก่อน
พระวรกายของพระองค์สั่นเทิ้มเล็กน้อย ด้วยปิติที่เพิ่งได้เข้าถึง " ความตระหนักรู้ "
ของพระพุทธะ เป็นครั้งแรกในชีวิตของพระองค์

     

ตั๊กม้อเอ่ยปากถามองค์จักรพรรดิว่า
" เวลาผ่านไปนานโขแล้ว ไม่ทราบว่าฝ่าบาทได้พบใจหรือไม่ "

ใบหน้าในขณะนี้ของตั๊กม้อยิ้มละไมตัดกับรูปโฉมภายนอกที่ดูดุดันน่า เกรงขาม
นี่เป็นครั้งแรกกระมังที่จักรพรรดิอู๋ตี้ได้แลเห็นถึงตัวตนที่แท้จริงของคุรุ ผู้ยิ่งใหญ่
ที่อยู่เบื้องหน้าของพระองค์ จักรพรรดิทรงลอบละอายพระทัยที่เมื่อแรกพบ
ทรงดูแคลนตั๊กม้อที่มีรูปลักษณ์ภายนอกไม่เหมือน " คุรุในอุดมคติ " ที่ทรงเคย
จินตนา การเอาไว้

" ท่านอาจารย์ ข้ารู้แล้วว่า ไม่มีใจดำรงอยู่ที่ไหนเลย
และข้าก็เพิ่งได้ยินเสียงจากภายในของตัวข้าเองเป็นครั้งแรกด้วย
โอ ท่านทำให้ตัวข้าเข้าถึงความสงบอย่างแท้จริงได้
เป็นครั้งแรกในชีวิต สิ่งที่ท่านเคยบอกข้ามันจริงทุกอย่าง
ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า การกระทำทุกอย่างของคนเรานั้น
จะต้องเป็นผลบุญในตัวของมันเอง
ไม่มีใครอื่นมาให้คุณให้โทษแก่ตัวเราได้หรอก
ต่อให้เป็นเทพเจ้าก็ตาม เพราะตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน
และตนเป็นเจ้าชะตาชีวิตของตน "

" ฝ่าบาทเป็นศิษย์ผู้เป็นเลิศคนหนึ่งที่หาได้ยากยิ่ง
แค่นั่งเพียงครั้งแรกและครั้งเดียวกับอาตมาก็สามารถ
ตระหนักรู้ได้ถึงขนาดนี้ นับเป็นวาสนาของประเทศนี้แล้ว "

ด้วยความศรัทธาสูงสุด จักรพรรดิอู๋ตี้ทรงเชิญปรมาจารย์ตั๊กม้อให้เข้าวัง มาเป็น
ราชครูฝ่ายสงฆ์ของพระองค์ แต่ตั๊กม้อปฏิเสธ

" นั่นมิใช่ที่ไปของอาตมา อาตมาเป็นผู้รักอิสระ
อย่างมิปรารถนาให้มีสิ่งใดมาขวางกั้น
อาตมามีชีวิตอยู่แค่จากชั่วขณะหนึ่งไปยังอีกช่วงขณะหนึ่งเท่านั้น
โดยไม่คิดวางแผน คาดการณ์ล่วงหน้าใด ๆ
และก็ไม่มีใครในโลกนี้จะคาดเดาพฤติกรรมของอาตมาได้ด้วย
สิ่งที่อาตมาได้ถ่ายทอดให้แก่ฝ่าบาทไปในวันนี้ก็น่าจะ
เพียงพอแล้ว ขอให้อาตมาไปตามทางของอาตมาเถิด "

จุดเริ่มต้นของ เซนในจีน เริ่มขึ้นนับแต่บัดนั้น



Credit by : http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=balanceofsociety&month=09-2008&date=12&group=1&gblog=45
อกาลิโกโฮม * ใต้ร่มธรรมดอทเน็ต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 พฤศจิกายน 2553 17:10:07 โดย เงาฝัน » บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
เท่าทันอารมณ์...เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป
จิตอาสา - พุทธศาสนาเพื่อสังคม
เงาฝัน 2 6895 กระทู้ล่าสุด 15 เมษายน 2553 00:20:15
โดย เงาฝัน
ธรรมข้อคิดจากหนังสือ "อตุโล ไม่มีใดเทียม"
พุทธประวัติ - ประวัติพระสาวก
เงาฝัน 9 7956 กระทู้ล่าสุด 28 พฤษภาคม 2553 12:06:22
โดย sometime
มีขันติคือให้พรแก่ตัวเอง
ธรรมะทั่วไป ธารธรรม - ธรรมทาน
sometime 9 7382 กระทู้ล่าสุด 10 มิถุนายน 2553 10:10:08
โดย เงาฝัน
tukky - ตุ๊กกี้ เจ้าหญิงขายกบ
หนังกลางแปลง (ดูหนัง รีวิวหนัง)
sometime 1 3045 กระทู้ล่าสุด 02 กรกฎาคม 2553 03:07:47
โดย หมีงงในพงหญ้า
สแกนอดีต..แก้กรรม..ทำ (ไม่) ได้?
กฏแห่งกรรม - ท่องไตรภูมิ
เงาฝัน 4 3639 กระทู้ล่าสุด 13 สิงหาคม 2553 09:36:01
โดย หมีงงในพงหญ้า
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.727 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 27 มีนาคม 2567 00:21:07