[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 00:59:45 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: การปฏิบัติทองเลน (Tonglen)  (อ่าน 1785 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 33.0.1750.154 Chrome 33.0.1750.154


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 02 เมษายน 2557 23:10:52 »



  ทองเลน (Tonglen Tib. གཏོང་ལེན་)  คือการปฎิบัติด้วยโพธิจิต เพื่อส่งให้ (Tong) ความสุข ความสมบูรณ์  และ รับ(Len) ความทุกข์ ความเจ็บป่วย ความเจ็บปวด จากอีกบุคคลหนึ่งมาที่ตัวเรา  การฝึกจิตวิธีการนี้ ได้นำมาปฏิบัติในทิเบตตั้งแต่สมัยของท่านอาจารย์ อติสา  (Atisha) ท่านเกิดในปี ค.ศ. 892 ที่ประเทศอินเดีย  และการทำทองเลนที่ยังมีจิตสำนึกแยกเราและเขาเป็นคนละคนกัน เรียกว่าเป็น โพธิจิตธรรมดา(Ordinary Bodhichitta)  ส่วนการทำทองเลนที่ไม่แบ่งแยกความเป็นตัวเราเขา แต่เป็นจิตสำนึกที่ให้และรับความรักจากพุทธสภาวะภายในที่บริสุทธิ์ เรียกว่า ปรมัตถ์โพธิจิต (Ultimate Bodhichitta)  เพื่อเปลี่ยนแปลงมวลรวมพลังลบของจักรวาล
    
 
       ท่านทะไลลามะ  กล่าวว่า  “การที่จะสามารถส่งความสุขให้บุคคลอื่นและดึงความทุกข์มาที่ตัวเราได้นั้น เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ไม่บ่อย  ทั้งสองนั้นต้องเป็นผู้ที่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ทางกรรมต่อกันมาจากอดีตชาติ  ทำไมเราจึงไม่บ่มเพาะทัศนคติเช่นนี้  เพราะการทำทองเลนนี้จะนำสู่ความเข้มแข็งของบุคลิกภาพ ความกล้าหาญ ความกระตือรือล้น  และพัฒนาโพธิจิตอีกด้วย”

       ท่านโซเกียล รินโปเช  กล่าวว่า  “ ในบรรดาการปฏิบัติที่ฉันรู้จัก  การปฏิบัติทองเลน  เป็นหนึ่งในสิ่งที่มีประโยชน์และทรงพลังที่สุด  ไม่มีการปฏิบัติอื่นที่จะมีประสิทธิภาพในการทำลาย การยึดมั่นตัวตน  การรักหลงตนเอง  การติดยึดในอัตตา  ซึ่งเป็นรากของความทุกข์ทั้งปวง  และเป็นรากของความแข็งกระด้าง

       การทำทองเลนนี้เรียบง่ายมาก  คือ เริ่มจากการนั่งสมาธิ  ให้และรับผ่านลมหายใจเป็นสื่อ  คือขณะที่หายใจเข้านั้นให้น้อมนึกว่าเรากำลังดึงความทุกข์ ความเจ็บป่วยออกจากบุคคลหนึ่งมาที่ตัวเรา  และเมื่อหายใจออกขอมอบความสุข ความสบาย ความรักเมตตาบริสุทธิ์ไปยังบุคคลนั้น

       ในบางครั้งเราอาจรู้สึกกลัวการที่จะหายใจเอาความทุกข์ที่เป็นพิษเข้ามาสู่ตัว  ซึ่งอาจทำให้เราเจ็บป่วยไม่สบาย โชคร้าย และยังต้องมอบความดีความสุขที่เราเองก็หวงแหนออกไปให้ผู้อื่น  แต่ในความจริงแล้วการทำเช่นนี้ยิ่งเป็นการเพาะบ่มคุณธรรม  เมตตาบารมี  เมื่อกระทำทองเลนจงทำด้วยใจที่ไม่คาดหวังผลใดๆต่อตนเอง  คือตั้งใจช่วยเขาอย่างดีที่สุดแล้วปล่อยวางผลของการกระทำนั้น  เราจึงไม่ได้ครอบครองอะไรไว้  

       ในสามัญสำนึกของบุคคลทั่วไป มักตั้งกำแพงป้องกันสิ่งชั่วร้ายไม่ให้เข้ามา และพยายามเก็บกักความดีไว้ในตัวเรา  ซึ่งการทำทองเลนนี้เป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับสามัญสำนึกนั้น  การปฏิเสธสิ่งชัวร้ายและการยึดครองความดีนั้น  เป็นการป้องกันตนเองของอัตตา  การปฏิบัติทองเลนจึงเป็นวิธีการหนึ่งในการลดละอัตตานั่นเอง  เพราะในจักรวาลของสัจธรรมนั้น ตัวเราตัวเขาหาได้มีอยู่จริงไม่  การดำรงอยู่ชั่วขณะและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานั้น คือกระแสการหมุนเวียนของเหตุปัจจัย  และพลังงานที่หนุนเนื่องอยู่  เมื่อเราสามารถสลายขอบเขตของตัวตน ด้วยการสละความยึดติดในตัวตน  สู่สำนึกของจักรวาลที่ไม่แบ่งแยก  เป็นการดำรงอยู่ของจิตสำนึกบริสุทธิ์ ปรากฎขึ้นอย่างแจ่มแจ้ง  เมื่อนั้นคือการสิ้นสุดของการปฏิบัติทองเลน  เพราะการดำรงอยู่ของผู้รู้แจ้งนั่นเองคือทองเลน
ขั้นตอนการปฏิบัติทองเลน ศูนย์อนัมคาราเพื่อปัญญาเมตตาและสันติสุข
      
       วิธีการปฏิบัติทองเลนที่จะกล่าวต่อไปนี้ ได้เรียนรู้มาจากท่านมหาคุรุ  ซึ่งเป็นลามะทิเบต 2 ท่าน  ได้มาปรากฎและถ่ายทอดวิชานี้ให้ในความฝันอย่างชัดเจนที่สุด  ร่วมกับประสบการณ์ฝึกฝนพัฒนาทางจิตวิญญาณในการบำบัดช่วยเหลือผู้มีความทุกข์  พบว่าเมื่อปฏิบัติทองเลนตามขั้นตอนนี้แล้ว  จะก่อให้เกิดผลดีทั้งต่อตัวผู้ปฏิบัติและต่อผู้รับการบำบัด  

   ในส่วนตัวผู้ปฏิบัติทองเลน ตามวิธีการนี้  จะได้พัฒนาโพธิจิต  พลังสมาธิ  การถอดจิตบำบัดระยะไกล  การเข้าถึงพลังงานจิตสำนึกอันเป็นหนึ่งเดียวกันของทั้งจักรวาล  การบรรลุพุทธภาวะคือพลังบริสุทธิ์แห่งองค์พระวัชรสัตว์  ส่วนผู้รับการบำบัดก็จะทุเลาและหายได้จากการเจ็บป่วยที่เนื่องจากพลังงานทางลบที่ติดค้างในกายและจิต  

จะแบ่งการปฏิบัติเป็นขั้นตอนดังนี้

 การปฏิบัติทองเลนให้กับตนเอง
 1.1  เริ่มด้วยการทำสมาธิเพาะบ่มความรักเมตตาในหัวใจ (สมาธิเปรมา)
 1.2  ตั้งจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาต่อร่างกายส่วนที่เป็นทุกข์
 1.3 ทำทองเลนให้กับส่วนของร่างกายที่เจ็บป่วยนั้น ๆ  เช่น อาการปวดหลัง  ให้หายใจเข้า ดึงความเจ็บปวดจากหลังให้มาอยู่ที่หัวใจ (ให้หัวใจสลายความเจ็บปวดนั้น) แล้วส่งความรักเมตตาจากหัวใจไปที่หลังบริเวณปวด  ในเบื้องต้นอาจใช้การจินตภาพเป็นหมอกควันสีดำแทนความทุกขที่รับเข้ามา์ และแสงสว่างสีขาวสวยงามแทนพลังรักเมตตาที่ส่งออกไปก็ได้  เมื่อทำจนชำนาญแล้วเพียงกำหนดเป็นความตั้งใจก็ได้
 1.4  ทำทองเลนกับอารมณ์ที่เป็นทุกข์  ด้วยการมีสติรับรู้อารมณ์ที่เป็นทุกขทันทีที่เกิดอารมณ์นั้นขึ้น  เช่นความโกรธ  ความกลัวกังวล  ว่าอยู่ที่ส่วนใดของร่างกาย  ก็ให้ดูดซับพลังงานความโกรธนั้นมากลั่นด้วยความรักที่หัวใจแล้วส่งพลังความเมตตาให้กับความโกรธนั้น  จนกว่าความโกรธจะทุเลา  เป็นการเปลี่ยนแปลงพลังงานอารมณ์ทางลบให้เป็นบวก  

    2.  การปฏิบัติทองเลนให้กับผู้อื่น
 2.1  เริ่มด้วยการทำสมาธิเพาะบ่มความรักเมตตาในหัวใจ (สมาธิเปรมา)
 2.2  ตั้งจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาต่อผู้นั้น
 2.3 กรณีความเจ็บป่วยทางร่างกายที่อวัยวะใดๆ   ให้หายใจเข้าดึงความเจ็บป่วยนั้นเข้ามา กลั่นด้วยความรักในหัวใจ  หายใจออกส่งพลังการเยียวยา เป็นความรักเมตตา หรือพลังบริสุทธิ์แห่งองค์พระวัชรสัตว์ออกไป
 2.4  กรณีความทุกข์ ความเครียดความไม่สบายทางใจ ใช้การหายใจเข้าออก ให้รับและส่งไปที่หัวใจของบุคคลนั้น  

    3.  การปฏิบัติทองเลนให้กับโลกและจักรวาล
 3.1  เริ่มด้วยการทำสมาธิเพาะบ่มความรักเมตตาในหัวใจ (สมาธิเปรมา)
 3.2  ตั้งจิตที่เปี่ยมด้วยเมตตากรุณาต่อโลก จักรวาลและสรรพชีวิต
 3.3 ใช้การหายใจเข้ารับความทุกข์ของโลก จักรวาลและสรรพชีวิตมากลั่นที่หัวใจเรา  และ  หายใจออกส่งควมรักความสุข ความปรารถนาดี ออกไปสู่โลก จักรวาลและสรรพชีวิต

    4. การปฏิบัติทองเลนขั้นสูง
        ผู้ปฏิบัติต้องผ่านการอภิเษกมนตราก่อน ( Initiation) และได้รับการถ่ายทอดและฝึกวิธีการเฉพาะ  

     5. การดูแลตนเองหลังการบำบัด
         พลังงานความทุกข์ของบุคคลอื่นนั้นจะเข้ามาที่หัวใจ  และสลายตัวเปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานของโพธิจิตขั้นสูงและการรู้แจ้ง  แต่ยังมีพลังงานบางส่วนที่ตกค้างอยู่  ให้ผู้ปฏิบัติทำสมาธิจักระ ด้วยการเดินลมปราณผ่านจักระทั้ง 7 ของตนเองหลังการบำบัดทุกครั้ง เมื่อฝึกฝนจนชำนาญจะสามารถจับความรู้สึกของพลังงานลบที่ตกค้างในจักระได้  และจะสำรอกออกมาหรือใช้ความรักเมตตาในหัวใจเข้าไปกลั่นก็ได้  และหากไม่มีเวลาทำในช่วงกลางวันจะต้องทำก่อนนอนเสมอ  
 
        ห้องที่ทำการบำบัดจะมีพลังงานลบตกค้างอยู่เช่นกัน  ควรมีการสวดมนตราพระวัชรสัตว์  การเชิญระฆังที่มีเสียงกังวาน  การใช้วัชระ(Dorje) วาดไปรอบๆห้องเพื่อสลายพลังทางลบ  และบรรจุพลังบริสุทธิ์เข้ามาแทนที่

จาก http://www.anamcarathai.com/2012/07/tonglen.html#more

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.305 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 14 มีนาคม 2567 02:01:54