[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
23 เมษายน 2567 23:57:43 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: จิตวิวัฒน์ : "ตัวตนกับการภาวนา (๒)" ตอนจิตเสี้ยวกับจิตบริบูรณ์  (อ่าน 1889 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
มดเอ๊ก
สุขใจ คนพิเศษ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +8/-1
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 5065


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 6.0 MS Internet Explorer 6.0


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 22:18:19 »


 
 
โดย วิศิษฐ์ วังวิญญู
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับประจำวันที่ 4 ธันวาคม 2553

ในทุก ๆ ศิลปะว่าด้วยตัวตนกับการภาวนา ทุกสำนักจะพูดถึงจิตประภัสสรหรือจิตทั้งหมดอันเป็นองค์รวมกับจิตเสี้ยว จิตเสี้ยวเป็นเพียงบางเสี้ยวส่วนของจิตทั้งหมด บางทีมันอาจจะหดตัวด้วยอาการถูกกระทำมาในอดีต มันตกไปอยู่ในโหมดปกป้องในยามที่ยังปกป้องตัวเองไม่ได้ในวัยเด็ก มันกลายมาเป็นประวัติบุคคล ที่ดอนฮวน พ่อมดเม็กซิกันแนะนำให้เราลบออกไป รวมถึง ดร.ฮิว เลน แห่ง ฮูปโปโนโปโน ที่นำเสนอวิธีการชะล้างความขุ่นมัวเช่นนี้ออกไปเช่นกัน เหมือนว่าเรามีธรรมชาติเดิมแท้ หรือในพุทธศาสนานิกายเซนใช้คำว่าจิตเดิมแท้อยู่แล้วในส่วนในลึกของเรา ใสสะอาด พร้อมมูลด้วยศักยภาพทั้งหมดทั้งมวล เพียงเราลบความขุ่นมัวออกไป เราก็สามารถเข้าถึงจิตที่ใสพิสุทธิ์นี้

ใน วอยซ์ไดอะล็อค ของ ดร.ฮัล กับ ดร.ซิดรา สโตน สามีภรรยา (คำว่าวอยซ์ไดอะล็อคนี้ เพื่อนผมคนหนึ่ง คือ สมพล ชัยสิริโรจน์ แปลว่า การสนทนากับตัวตนภายใน สมพลเป็นผู้นำองค์ความรู้นี้มาให้ผมได้ศึกษาเล่าเรียนด้วย) กล่าวว่า จิตทั้งหมดคือตัวเรา จิตเสี้ยวได้แบ่งออกไปเป็นตัวตนต่างๆ หลายๆ ตัว และหลายตัวอาจจะก่อเกิดขึ้นมาจากบาดแผลหรือปมในอดีต สโตนสามีภรรยากล่าวว่าตัวตนแต่และตัวมีคู่ตรงกันข้าม เช่นเดียวกับหยินหยาง (ที่จริง คาร์ล จุง ครูของพวกเขาก็เริ่มศึกษาตะวันออก และหลอมรวมองค์ความรู้ตะวันออกเข้ามาในจิตวิทยาบ้างแล้ว) เมื่อเราเข้าไปโอบกอดตัวตนใดตัวตนหนึ่งด้วยความรุนแรง เราก็มักจะเหวี่ยงทิ้งคู่ของมันไป ด้วยอาการเช่นนี้แหละที่เราเริ่มลดทอนจิตของเราให้เหลือเป็นเสี้ยวส่วน และสูญเสียความเป็นองค์รวมไป

ตัวตน อัตลักษณ์หรือความรู้เท่าทัน

อดัม เคิล เขียนไว้ใน Education for Liberation หรือ การศึกษาเพื่อความเป็นไท ว่า ตัวตนมีสามระดับ โดยร้อยเรียงเชื่อมโยงกับอัตลักษณ์ความรู้เท่าทัน ขั้นแรกคือระดับความรู้เท่าทันที่อ่อนที่สุด (ความรู้เท่าทันนี้ เขาใช้คำว่า awareness และใช้ identity สำหรับคำว่าอัตลักษณ์) ในระดับแรกนี้ อัตลักษณ์ไม่ปรากฏชัดเจน คือมีพฤติกรรมอารมณ์เปลี่ยนไปมาอย่างไม่รู้เท่าทันตัวเอง อีกนัยหนึ่งอาจเป็นพฤติกรรมแบบมีชีวิตเป็นไปอย่างเป็นปฏิกิริยา (reactionary) มากกว่าจะเป็นตัวของตัวเอง คนพวกนี้มีมากในผู้ไร้การศึกษา โดยเฉพาะสำหรับการศึกษาในความหมายที่แท้ คำว่าเปลี่ยนไปมา อาจจะหมายถึงการมีตัวตนหลายตัว ที่ดูเหมือนไม่เชื่อมโยงกัน และตัวตนเหล่านั้น ปรากฏขึ้นมาอย่างเป็นปฏิกิริยากับเหตุการณ์มากกว่าที่จะมีมาจากความรู้ความเข้าใจความเป็นตัวตนของตน หรืออีกนัยหนึ่งก็คือมีความรู้เท่าทันน้อย

อัตลักษณ์แบบครอบครอง

ตัวตนระดับที่สองในทัศนะของ อดัม เคิล คืออัตลักษณ์แบบครอบครอง ในระดับนี้ คนจะเชื่อมโยงตัวเองเข้ากับสังกัดและสิ่งที่ตัวเองครอบครอง สังกัดอย่างเช่นจบจากโรงเรียนเตรียมอุดม จบจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อ และทำงานในองค์กรซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป ส่วนสิ่งที่ตัวเองครอบครองอย่างเช่น นั่งรถหรูยี่ห้อดัง มีบ้านใหญ่โต มีลูกชายหญิงที่เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ในชั้นนี้จะมีความรู้เท่าทันสูงขึ้น อย่างน้อยมากกว่าระดับแรก แต่ยังยึดติดในภาพลักษณ์หรืออัตลักษณ์ที่ตัวเองสังกัดหรือครอบครองนั้นๆ และหากประสบเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ก็อาจจะหล่นไปอยู่ในระดับแรกได้เช่นกัน คือเสียศูนย์ไปเลย ในห้วงเวลาเช่นนั้น โกรธ โลภ หลง อาจจะเป็นยักษ์มารที่มาปรากฏให้เห็นก็เป็นได้

ที่จริงอัตลักษณ์ระดับที่สองนี้ คนเรามักจะใช้ชีวิตเป็นไปตามเสียงของสังคม หากไม่ได้รับฟังเสียงด้านในที่อยู่ลึกลงไป เขาหรือเธออาจจะมีชีวิตที่ประสบความสำเร็จตามเสียงของสังคม แต่ก็ปราศจากแรงบันดาลใจ และแรงขับส่วนใหญ่เป็นไปเพื่อปกป้องสถานภาพที่เป็นอยู่ มากกว่าที่จะขับเคลื่อนชีวิตไปด้วยปัญญาและแรงบันดาลใจอย่างแท้จริง ชีวิตจึงมักจะเป็นไปอย่างแห้งแล้งน่าเบื่อหน่าย ความคิดก็มักจะย่ำซ้ำซากอยู่ในกรอบเดิมๆ อยู่กับตำรับตำราที่เรียนมาเมื่อหลายปีหรือหลายสิบปีที่แล้ว

อัตลักษณ์แบบนี้ จะมีบุคลิกภาพมั่นคงกว่าแบบที่หนึ่งซึ่งความเป็นตัวตนหรืออัตลักษณ์ยังเป็นวุ้นอยู่ แต่แบบที่สองจะมีวินัยมากกว่า เพราะต้องฝึกฝืนตัวเองให้สามารถทำตามความสำเร็จที่สังคมวางกรอบไว้ให้ แต่กระนั้นก็ยังเป็นผู้เลือกใช้คู่ของตัวตนแต่เพียงบางด้าน และอาจเลือกขึ้นมาเพราะถูกกระทำในวัยเด็กจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของพ่อแม่ได้เช่นกัน การเลือกส่วนใหญ่ก็มาจากปมทางจิตวิทยาที่ถ่ายทอดมาในตระกูลในวัฒนธรรมได้เช่นเดียวกัน การเลือกใช้เพียงหนึ่งในตัวตนที่มีมาเป็นคู่ของมันนั้น ทำให้จิตลดทอนลงเป็นเสี้ยว และพอมีตัวตนหลักๆ ที่เป็นเสี้ยวเหล่านี้ พวกเขาก็นำพาตัวเองไปสู่สิ่งที่คิดว่าสำเร็จได้ แล้วติดแหง็กอยู่ในความเป็นเสี้ยวของจิตเท่านั้นเอง ยังไม่มีโอกาสประสบพบพานจิตอันบริบูรณ์

อัตลักษณ์แบบรู้เท่าทัน

อัตลักษณ์แบบรู้เท่าทันนั้นเป็นเป้าหมายที่ อดัม เคิล ตั้งไว้เป็นอุดมคติ แต่ใช้คำว่าอัตลักษณ์เป็นบาทฐาน ที่จริงอัตลักษณ์แบบนี้เริ่มหลุดออกจากอัตลักษณ์ไปแล้ว น่าจะเป็นมนุษย์พันหน้าอย่างที่เคยได้ยินมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่จำไม่ได้แล้ว มีคนเคยถาม เจมมี่ แพนกายา ศิษย์ของ ดร.สโตน สามีภรรยาว่า ในวอยซ์ไดอะล็อคมีตัวตนทั้งหมดอยู่กี่ตัว เจมมี่ตอบว่ามีอยู่พันล้านตัว คือเราเป็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นไปได้ในโลกนี้ หรือว่าเราเป็นจักรวาล เราคือความเป็นไปได้ทั้งหมดอย่างไม่จำกัดด้วยอะไรเลย ในวอยซ์ไดอะล็อคนั้น ความรู้เท่าทันที่พัฒนาขึ้นมาตามลำดับนั้นได้ทำให้เราหลุดออกจากกรงขังของอดีต ความคุ้นชิน ความเป็นอัตโนมัติที่หลับใหล เป็นเพียงเสี้ยวของจิต แล้วออกไปสู่อิสรภาพ สู่ความเป็นไปได้ เราสามารถปลดตัวเองจากประวัติส่วนตัว ปลดตัวเองจากปัญญาแห่งความรู้ เข้าสู่สายธารแห่งความไม่รู้ เข้าสู่ปัญญาแห่งความไม่รู้ที่จางจื้อพูดไว้ในหนังสือ มนุษย์ที่แท้

ญาณทัศนะ นิพพาน และปัญญาแห่งความไม่รู้

"ต้อง" เด็กหนุ่มที่มาเรียนปริญญาตรีทางเลือกกับอาศรมหิ่งห้อย กำลังอ่าน เต๋าแห่งฟิสิกส์ ของ ฟริตจอป คราปา ฉบับแปล (ซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีการตีพิมพ์มานานแล้ว) เขาสนุกมากกับบทหลังๆ เขาบอกว่าเข้าใจคำว่าญาณทัศนะมากขึ้นจากคำอธิบายของคราปา แล้วเขาถามว่าจะมีท่าทีอย่างไรดีกับคำว่านิพพาน ผมว่าเมืองไทยนี้โชคดี ที่เรามีคนอย่างท่านพุทธทาส ให้เรียนรู้จากท่านพุทธทาสที่กล่าวว่า นิพพานแปลว่าดับ เย็น เวลาไฟที่ลุกโชนดับลง มันก็เย็น จิตที่มันดับและเย็นลงมันสบาย มันไม่ต้องเรื่องมาก ดับเมื่อไรก็เย็นเมื่อนั้น ดับเย็นเล็กๆ ในชีวิตประจำวันนี้แหละใช้ได้ ท่านกล่าวถึงคำว่านิพพานน้อยๆ เราดับเย็นน้อยๆ ได้ตลอดเวลา ที่นี่เดี๋ยวนี้เอง

ทุกครั้งที่มีญาณทัศนะ มันจะหลุดไปเปลาะหนึ่งๆ มันจะดับเย็นไปครั้งหนึ่งๆ เป็นเช่นนี้เรื่อยไป เข้าถึงจิตอันบริบูรณ์ทุกทีไป เป็นสุดยอดฆราวาสธรรมแล้ว มันหลุดออกจากกรงขังแห่งจิตเสี้ยว จากตัวตนหรือบุคลิกที่จิตสร้างขึ้นมาเป็นกลไกปกป้องตัวเอง เป็นโหมดปกป้อง เป็นปม เป็นบาดแผล แล้วไปยึดเอาปัญญาแห่งความรู้มาเป็นพวก ทำให้ปัญญาไปรับใช้เป้าหมายอันต่ำทราม และความรู้ก็เป็นเสี้ยวส่วน เหมือนจะใช่แต่ไม่ใช่ แค่คลาดไปก็เป็นอวิชชาแล้ว เราต้องก้าวล่วงไปสู่ปัญญาแห่งความไม่รู้

ดังกฤษณมูรติมีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า Freedom from the Known คือเราต้องเป็นอิสระมาจากสิ่งที่รู้หรือปัญญาแห่งความรู้

วันศุกร์ที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2553 at ที่ 12:00 by knoom    

ป้ายกำกับ: บทความมติชน, วิศิษฐ์ วังวิญญู | 0 ความคิดเห็น

http://jitwiwat.blogspot.com/

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า

ทิ นัง มิไฮ นัง มิจะนัง ทิกุนัง แปลว่า
ที่นั่ง มีให้นั่ง มึงจะนั่ง ที่กูนั่ง ทิ้งไว้เป็น
ปริศนาธรรม นะตะเอง
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
*

คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
United Kingdom United Kingdom

กระทู้: 7861


• Big Bear •

ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Chrome 2.0.157.2 Chrome 2.0.157.2


ไม่มี ไม่ใช้ ไม่รู้
ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 09 ธันวาคม 2553 22:44:47 »

สาธุ

ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า

B l a c k B e a r : T h e D i a r y
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.338 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 27 มีนาคม 2567 16:08:56