[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
26 เมษายน 2567 05:57:40 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชม โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย จังหวัดอ่างทอง  (อ่าน 5959 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5461


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 9.0 MS Internet Explorer 9.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 15 กันยายน 2557 14:20:43 »

.



โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย
ตำบลศาลาแดง อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง

ความสวยงาม เก่าแก่ ของโบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย หมู่ที่ ๔ ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง เป็นที่ร่ำลือมานาน

ล่าสุด นายเอนก สีหามาตย์ อธิบดีกรมศิลปากร พร้อมคณะจึงเดินทางมาตรวจสอบ และสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งเก็บข้อมูล เตรียมขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานแห่งใหม่และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ในอ่างทอง โดยจะเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักพุทธศาสนาเพื่อให้ทางจ.อ่างทอง ลงมาดูแล

นายเอนกระบุว่า ด้านการบูรณะนั้นคงปล่อยไว้ตามธรรมชาติ เพราะธรรมชาติที่สร้างอยู่เป็นเรื่องมหัศจรรย์อยู่แล้วที่หาดูยาก ทางกรมศิลปากรคงจะดูแลรอบๆ โบสถ์ให้ดูดีขึ้น และถ้าขุดได้คงจะขุดดินรอบโบสถ์ด้านนอกเพื่อให้เห็นถึงด้านล่างของโบสถ์ ที่สำคัญพื้นที่หลังโบสถ์ที่เป็นทางเข้ามาเที่ยวเป็นที่วัดก็จริง แต่มีเอกชนได้จับจองตามสิทธิ์ไว้ คงต้องคุยกับสำนักพุทธศาสนาเพื่อดึงพื้นที่ดังกล่าวกลับมาเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาและการท่องเที่ยว

สำหรับโบสถ์ร้างวัดสังกระต่าย ขณะนี้อยู่ในการดูแลของสำนักงานเทศบาลศาลาแดง พื้นที่บริเวณวัดเหลือแต่ตัวโบสถ์ที่คงให้เห็นอยู่ มองไปในระยะไกลคิดว่ามีแต่ต้นโพธิ์ขึ้นอยู่ ๔ ต้นเท่านั้น แต่พอเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่าบริเวณโคนต้นโพธิ์ ที่แท้เป็นโบสถ์ร้างโบราณ ที่สร้างเป็นห้องไว้ จำนวน ๓ ห้อง ประตูโบสถ์อยู่ด้านข้าง ภายในห้องแรกมีพระบูชา คือ หลวงพ่อแก่น เมื่อเข้ามาในห้องใหญ่มีพระประธานองค์ใหญ่ ๑ องค์ คือ หลวงพ่อวันดี และอีก ๒ องค์มีขนาดย่อมลงมา คือ หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุข ส่วนห้องสุดท้ายเป็นห้องว่างเปล่า

โบสถ์ร้างดังกล่าวนี้ไม่มีหลังคาแต่ร่มรื่น เนื่องจากอาศัยร่มเงาของต้นโพธิ์ที่ปกคลุมจนเปรียบเสมือนหลังคาแล้ว ส่วนผนังโบสถ์ก็อยู่ในสภาพที่เก่าแก่ ทรุดโทรม แตกหัก แต่คงสภาพอยู่ได้โดยไม่พังทลายลงมา เพราะได้รากต้นโพธิ์ทั้ง ๔ ต้น ที่ขึ้นอยู่ ๔ มุม รากได้ชอนไชยึดผนังโบสถ์ไว้ทั้งหลังอย่างแน่นหนา

จากการบอกเล่าต่อๆ กันมา วัดสังกระต่าย เดิมชื่อว่า "วัด สามกระต่าย" แต่ได้มีการเรียกชื่อผิดเพี้ยนกันมาเรื่อยๆ จนกลาย เป็นวัดสังกระต่าย มี "ทวดติ จันทนเสวี" ซึ่งเป็นพระมารดาของพระยาหัสกาลเป็นผู้สร้าง ตั้งแต่สมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ ปีมาแล้ว

สมัยนั้นมีพระภิกษุสงฆ์มาจำพรรษาอยู่นาน โดยมีสภาพเป็นวัด บริเวณด้านซ้ายเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งต่อมาได้ถมดินกลบไปแล้ว ส่วนบริเวณข้างโบสถ์มีกุฏิสร้างเรียงรายอยู่หลายหลัง ต่อมาพระภิกษุสงฆ์เกิดทะเลาะวิวาทกันขึ้น และทะเลาะกันเรื่อยมา ชาวบ้านเชื่อกันว่าสาเหตุน่าจะมาจากเรื่องของเจ้าที่ที่สิงสถิตในบริเวณวัดแรงมาก จึงทำให้พระสงฆ์ไม่สามัคคีกัน ต้องแยกย้ายกันไปคนละที่คนละทาง จนในที่สุดชาวบ้านก็เริ่มเสื่อมศรัทธา ไม่เข้ามาทำบุญ พระสงฆ์ไม่มีจำวัด กลายเป็นวัดร้าง

หลังเป็นวัดร้างนานนับ ๑๐๐ ปี ในละแวกหมู่บ้านได้มีการสร้างวัดขึ้นมาใหม่ชื่อว่าวัดไผ่ล้อม ชาวบ้านจึงหันไปเลื่อมใสศรัทธาและไปทำบุญที่วัดไผ่ล้อมแทน ต่อมาชาวบ้านได้มาย้ายกุฏิที่วัดสังกระต่ายไปสร้างเป็นกุฏิใหม่ที่วัดไผ่ล้อม เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้จำวัด ทำให้วัดสังกระต่ายเหลือเพียงโบสถ์ร้างอย่างที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อวัดสังกระต่าย กลายเป็นวัดร้าง ก็มีสภาพเป็นป่ารกทึบ ถ้ามองมาจากข้างนอกไม่เห็นเลยว่าข้างในป่านี้เคยเป็นวัดมาก่อน กระทั่งต่อมา "ทวดนิ่ม จันทเสวี" ซึ่งมาขอเช่าพื้นที่บริเวณวัดจากกรมศาสนา เพื่อใช้ทำสวน ซึ่งเมื่อก่อนพื้นที่วัดมีอยู่ประมาณ ๗ ไร่ หลังจากนั้นได้มีชาวบ้านมาบริจาคที่ดินที่อยู่ด้านหลังเพิ่มให้อีก ๒ ไร่ ปัจจุบันที่ดินดังกล่าวได้ถูกสร้างเป็นสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดง

จากการสอบถามนางจำนง พุ่มอุสิต อายุ ๘๔ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๒๔ หมู่ที่ ๔ ต.ศาลาแดง อ.เมือง จ.อ่างทอง ซึ่งมีบ้านอยู่ตรงข้ามกับ วัดสังกระต่าย และเติบโตมาบนพื้นที่แห่งนี้ กล่าวว่า ตั้งแต่ตนเกิดมาและจำความได้ ก็เห็นวัดสังกระต่ายตั้งอยู่หน้าบ้านแล้ว แต่มีสภาพเป็นป่ารกทึบ มีต้นไม้ขึ้นเป็นจำนวนมาก มีร่องรอยของการใช้พื้นที่ทำเป็นสวนมะม่วง กล้วย อ้อย และพันธุ์ไม้อีกหลายชนิด มีสัตว์อาศัยอยู่จำนวนมาก เช่น ไก่ป่า และกระต่าย


จำนงเล่าว่า เมื่อก่อนวัดสังกระต่าย มีเพียงพระพุทธรูป ๓ องค์ที่อยู่ข้างในคือ หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี และหลวงพ่อสุขเท่านั้น แต่มีสภาพที่โดนตัดเศียรกองไว้กับพื้น จนต้องมีการบูรณะซ่อมแซมต่อเศียรพระไว้กับองค์พระ ส่วนหลวงพ่อแก่น ได้นำเศียรพระที่ถูกตัดมาจาก อ.วิเศษชัยชาญ มาบูรณะสร้างองค์ใหม่และประดิษฐานไว้

ปัจจุบันชาวบ้านบางส่วนยังมีความเลื่อมใสศรัทธาในตัววัด ถึงแม้จะเป็นวัดร้างก็ตาม บ้านไหนมีงานบุญงานมงคลจะมากราบไหว้ที่วัดแห่งนี้ ยิ่งเป็นงานบวช ก็จะแห่นาคมาเวียนรอบโบสถ์ร้างโบราณ แห่งนี้ ๓ รอบบ้าง ๙ รอบบ้าง ก่อนที่จะแห่นาคไปยังวัดที่จะอุปสมบทอีกที

วัดสังกระต่าย ได้รับการดูแลจากสำนักงานเทศบาลตำบลศาลาแดงและชาวบ้านเป็นอย่างดี ส่วนพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ชาวบ้านได้เช่าไปเพื่อประโยชน์ โดยมุ่งเน้นให้คงสภาพเป็นโบราณสถานที่มีศิลปกรรมที่สวยงามตามธรรมชาติเอาไว้

ที่สำคัญสถานที่สะอาด ร่มรื่น ร่มเย็นมาก มีประชาชนแวะเวียนเข้ามาท่องเที่ยวสักการบูชา ขอพรพระพุทธรูป และชื่นชมความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้นมา โดยเฉพาะในวันหยุดจะมีประชาชนเข้ามาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก

ส่วนการเดินทางนั้น วัดสังกระต่าย ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองอ่างทองประมาณ ๒ กิโลเมตร เดินทางมาจากถนนสายเอเชีย แยกเข้า จ.อ่างทอง ด้านขวามือจะผ่านโรงเรียนอ่างทองปัทมโรจน์วิทยาคม ตรงไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา (สะพานอ่างทอง) จะเจอสี่แยกไฟแดง ให้ตรงมาผ่านตลาด

จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ เจอสี่แยกไฟแดงแยกเรือนจำให้เลี้ยวขว ผ่านเรือนจำอ่างทอง ตรงไปด้านซ้ายมือเห็นปั๊มน้ำมัน ปทต. ให้ ยูเทิร์นกลับ จะพบป้ายวัดสังกระต่ายอยู่ซ้ายมือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยเทศบาลตำบลศาลาแดง ประมาณ ๕๐๐ เมตรก็ถึงวัดสังกระต่าย




หลวงพ่อแก่น พระปางนาคปรก
ประดิษฐานที่โบสถ์ร้าง วัดสังกระต่าย จ.อ่างทอง



หลวงพ่อวันดี






หลวงพ่อวันดี หลวงพ่อศรี หลวงพ่อสุข


รากโพธิ์ "สี่ทิศ" ช่วยโอบอุ้มพยุงผนังโบสถ์ ทำให้โครงสร้างผนังทรงตัวไม่พังทลาย





ข้อมูล : หนังสือพิมพ์รายวันข่าวสด (น.๑๑ จันทร์ที่ ๒๕ ส.ค. ๕๗)

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21 กันยายน 2558 11:16:10 โดย กิมเล้ง » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.326 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 23 เมษายน 2567 15:22:06