[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
28 เมษายน 2567 09:45:34 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนรู้ทุกข์ให้เข้าใจ  (อ่าน 2792 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 46.0.2490.80 Chrome 46.0.2490.80


ดูรายละเอียด
« เมื่อ: 01 พฤศจิกายน 2558 20:26:06 »

ความทุกข์มันเกิดมีขึ้นอยู่เสมอ
ให้เราเรียนรู้ทุกข์ที่มันเกิดมีขึ้นด้วยวิธีธรรมชาติที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อเราทุกข์เพราะสังขารก็ให้เราลองใช้จิตของเราพิจรณาตรวจดูสิ ว่าส่วนใหนที่มันทำให้เราทุกข์ เช่นปวดหัวเข่าปวดขา แทนที่เราจะมานั้งคิดถึงแต่ความปวดที่มันมี ให้เราเปลี่ยนมากำหนดดูว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ของเราเพียงแต่เราอาศัยมันมานานแล้ว และมันคงเสี่ยม จะพุพังไปตามกาลเวลาของมัน ถ้าเราไปเหนี่ยวรั้งคิดว่ามันเป็นของเรามันก็จะนำความเจ็บปวดมาให้เราทรมารเล่น ให้เราลองปล่อยมันไปให้เป็นอิสระดูบ้าง ทำเป็นไม่สนใจในอาการของมันสิ แล้วเราจะลืมเลยว่ามันปวดอยู่ มันจะปวดก็เรื่องของมัน ให้เราแยกจิตออกจากความเจ็บปวดเสีย มันก็จะหายปวดได้ เพราะถ้าใจเราไม่ไปยึดไม่ไปผูกมัดมัน มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ สังขารมันจะนำความทุข์มาให้เพราะเราไม่ยอมปล่อยให้มันเป็นอิสระ แต่ถ้าเราเข้าใจเรียนรู้ทุกข์ได้เมื่อไหร่ ทุกข์ที่เคยมีก็จะค่อยๆหายไปและแปลสะภาพเป็นความว่างของความรู้สึกในทุกข์ แล้วความสุขก็จะเขามาแทน เพราะเราปล่อยให้สังขารเป็นอิสระปล่อยให้ทุกข์เป็นอิสระ

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 46.0.2490.80 Chrome 46.0.2490.80


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: 02 พฤศจิกายน 2558 19:49:27 »

ทุกข์เพราะเหตุ
เหตุที่ทำให้ทุกข์เพราะคนอื่น สิ่งอื่น เมื่อไม่ถูกต้องไม่ถูกใจเรามันก็ทุกข์ได้ ถ้าใจเราไปคิดว่ามันควรจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เมื่อขัดกับใจที่อยากจะให้เป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ใจมันก็ทุกข์สิ เพราะความทุกข์มันจะเกิดขึ้นมาได้ทุกที่ทุกเวลาถ้ามันมีโอกาศมีเหตุให้มันทุกข์ ดังนั้นเมื่อเป็นเรื่องของคนอื่นสิ่งอื่นที่มันไม่เกี่ยวข้องกับตัวเราก็ไม่จำเป็นที่จะเก็บมาคิดให้เสียสุขภาพจิตเปล่าๆ ให้ดูที่ใจของเรา รักษาความสมดูลขอใจเราให้มันเป็นปกติก็พอ อย่าหาเรื่องเปิดโอกาศให้ทุกข์มันเข้ามารบกวนใจเราสิ ถ้าจะตำหนิคนอื่น ให้ตำหนิใจเรานี้แหละก่อนว่าถ้ารู้เรื่องของคนอื่นที่ทำไม่ถูกไม่ต้องแล้วมันทุกข์ใหม วางเฉยหรือรับรู้เฉยๆได้หรือเปล่า ถ้าว่างเฉยหรือ อุเบกขาไม่ได้ก็อย่าไปรับรู้มันปล่อยให้เป็นเรื่องของคนอืนไป อย่าไปสร้างเหตุให้ใจมันทุกข์
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Firefox 42.0 Firefox 42.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #2 เมื่อ: 06 ธันวาคม 2558 20:15:21 »

ธรรมะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองถึงจะเข้าใจแบบลึกซึ้ง
การเรียนรู้จากการที่ได้ยินมา จากการอ่านหนังสือ หรือการฟัง จัดเป็นการเรียนรู้แต่เพียงภายนอกคือเป็นเพียงแนวทางให้เราได้นำมาศึกษาต่อด้วยตนเอง กล่าวคือบุคคนนั้นๆจะเข้าใจธรรมชาติที่เป็นแก่นของธรรมนั้นได้ต้องลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง ใช้ใจสัมผัสถึงสภาวะที่กำลังเกิดอยู่ในขณะนั้นเมื่อความเข้าใจเริ่มมีมากความสงบเย็นก็มีมากขึ้นตามลำดับ ความลึกซึ้งความละเอือดของจิตย่อมมีขึ้นตามลำดับเช่นกัน
 เลือดพุ่ง ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม เขิน
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Linux Linux
เวบเบราเซอร์:
Chrome 47.0.2526.83 Chrome 47.0.2526.83


ดูรายละเอียด
« ตอบ #3 เมื่อ: 08 มกราคม 2559 16:37:40 »

       เรื่องความรู้ที่เป็นไป เพื่อความหมดทุกนี้ มันจะต้องเป็นผู้ที่พร้อมแล้วเท่านั้น ทางที่ดีเราควรจะรู้แค่ว่า ทำอย่างไรเราจึงไม่เป็นทุกข์ซึ่งวิธีที่จะรู้ธรรมะนั้นมันเป็นอะไรมากกว่าการใช้ปัญญาเพ็ง พิจารณาเอาเอง ถ้าเราไปจำคำของอาจารย์มา มันก็ไม่ใช่ปัญญาความคิดของเรา ถ้าเราไปอ่านจำแปลมาจากหนังสือ เราก็ไม่มีปัญญาเป็นของตัวเอง
       พุทธศาสนา คือระบบปฏิบัติ เพื่อความหลุดรอดแห่งชีวิตให้ชีวิตหลุดจากปัญหาไปสู่ความไม่มีปัญหา ให้ชีวิตหลุดจากความเสเพลไปสู่ความเป็นชิ้นเป็นอัน ในที่สุดพุทธศาสนาจะทำให้ผู้ที่ดำเนินอยู่ในทางปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ได้พ้นไปจากความเศร้าโศกทั้งปวง ซึ่งมันมารวมอยู่ที่การควบคุมพฤติกรรมของเราให้เป็นไปอย่างถูกต้องนั่นเอง คนส่วนมากมักเป็นนักอ่าน นักแปล นักสอน นักสวด แต่ไม่ชอบฝึกจิตปฏิบัติธรรม พวกเราจึงไม่มีปัญญาความรู้แจ้งสักที
  โดยสภาพความเป็นจริง ความจำมันต่างจากปัญญา ความคิดมันก็ต่างจากปัญญา บางคนจำพระสูตรได้แม่นยำว่าพระพุทธเจ้าเทศน์เรื่องอะไรว่าอย่างไร แต่ใจของเราก็ไม่เป็นอย่างที่พระพุทธเจ้าสอน
 บางคนเป็นนักคิดนักพูดบรรยายธรรมะได้อย่างไพเราะวิจิตรพิสดาร แต่จิตใจนั้นหาหมดทุกข์หมดกิเลส และรู้แจ้งธรรมไม่ บางท่านมีชื่อเสียงมีลูกศิษย์บริวารเยอะ ไปไหนมีแต่คนห้อมล้อม แต่จิตใจนั้นยังกลัดหนองอยู่ ดังนั้นปัญญาตัวแท้กับกิริยาภายนอกของคนจึงแยกออกจากกัน จึงสรุปได้ว่าเราควรเร่งฝึกจิตของเราให้หมดทุกข์ได้จริงๆ แค่นี้ก็พอแล้ว อย่าเอาแต่พูดธรรมะหรือเรียนธรรมะจากตำรากันอยู่เลย แต่หันมาเรียนรู้ศึกษาดู รู้ เห็นจิตใจของเรา จนรู้เท่าทันความคิดแล้วควบคุมมันได้ไม่ยืดถือ
 เลือดพุ่ง ลัลลา เขิน เย้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08 มกราคม 2559 17:04:39 โดย เรือใบ » บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 48.0.2564.116 Chrome 48.0.2564.116


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: 09 มีนาคม 2559 18:56:54 »

ถ่านที่มีไฟ ย่อมเกิดความร้อนและเผาไหม้ในทุกสิ่ง กินเลส ก็เหมือนความร้อนที่อยู่ในใจย่อมเผาไหม้บุคคลทั้งหลายให้เกิดความทุกข์ได้ตลอดเวลา หากไม่รู้จักหาวิธีดับไฟคือกิเลส ที่เป็น โลภะ โทสะ โมหะ ที่มีอยู่เป็นอยู๋ให้น้อยลง ให้เย็นลง และดับลงไปในที่สุด
 เลือดพุ่ง เศร้า ตาย
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 48.0.2564.116 Chrome 48.0.2564.116


ดูรายละเอียด
« ตอบ #5 เมื่อ: 12 มีนาคม 2559 20:51:48 »

ผู้มีกุศลในใจ คือ มีบุญในใจ หนักแน่น ใครด่าว่าติเตียน ก็ไม่เสียใจ ไม่โกรธ ไม่เกลียด เพราะว่าใจมีบุญเป็นเครื่องอยู่ ตรงกันข้ามกับใจที่มีกิเลสเป็นเครื่องอยู่ กิเลสอยู่ในใจใคร ก็มีแต่ ปั่นจิตใจให้เดือดร้อนวุ่นวาย
            หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย
 เลือดพุ่ง
บันทึกการเข้า
เรือใบ
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 234


ระบบปฏิบัติการ:
Windows 7/Server 2008 R2 Windows 7/Server 2008 R2
เวบเบราเซอร์:
Chrome 50.0.2661.94 Chrome 50.0.2661.94


ดูรายละเอียด
« ตอบ #6 เมื่อ: 03 พฤษภาคม 2559 13:31:43 »

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง     เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน
ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน     ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา
ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ       ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา
เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา       เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันต์จริง
ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า       ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง     
เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง       แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย   
คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก     จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย
       ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย         ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือน เอยฯ

 
บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.175 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 12 เมษายน 2567 02:27:03