[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 19:02:50 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ช้าง สัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญและผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทย  (อ่าน 402 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« เมื่อ: 07 กรกฎาคม 2566 19:55:42 »


ขอขอบคุณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (ที่มาภาพประกอบ)


ช้างพลายศักดิ์สุรินทร์
ช้างเพศผู้ อายุประมาณ ๓๐ ปี มีงาที่สวยงามและยาวที่สุดในประเทศไทย (ประมาณ ๒ เมตร)
ขอขอบคุณ ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย จ.ลำปาง The Thai Elephant Conservation Center Lampang (ที่มาภาพประกอบ)


ช้าง

สำนักราชบัณฑิตสภา เขียนโดยนายพัชนะ บุญประดิษฐ์ ได้อธิบายเกี่ยวกับช้าง ไว้อย่างน่าสนใจ ดังนี้ "ช้าง" เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติไทยอย่างหนึ่ง ลักษณะโดยทั่วไป ช้างเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ตัวสีเทา มีจมูกยื่นยาวเรียกว่า งวง มีฟันยื่นยาวใต้งวงเรียกว่า งา  ช้างตัวผู้มีงายาวเรียก "ช้างพลาย"  ช้างตัวผู้งาสั้นเรียก "ช้างสีดอ"  ช้างตัวเมียเรียก "ช้างพัง" ตัวผู้ถ้าตกมันมีความดุร้ายมาก

ช้าง เป็นสัตว์บกเลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่มีอยู่ในปัจจุบัน เมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ ๘-๑๐ ฟุต หนักประมาณ ๔-๗ ตัน (๔,๐๐๐ – ๗,๐๐๐ กิโลกรัม)  และมีอายุยืนถึง ๑๐๐ ปี แต่อาจมีบางตัวที่มีอายุยืนมากกว่านี้  ปัจจุบันรับรองว่าช้างมีอยู่ ๓ สปีชีส์ คือ ช้างแอฟริกา, ช้างป่าแอฟริกา และช้างเอเชีย   ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว เช่น มาสโตดอน (mastodon) รวมทั้งช้างแมมมอธและช้างงาตรง   ช้างแอฟริกาเป็นสัตว์ดุร้ายเลี้ยงให้เชื่องไม่ได้ มีลักษณะหลังเว้า และหูขนาดใหญ่กว่าช้างเอเชียมากเพื่อใช้โบกระบายความร้อน  ตัวผู้มีความสูงในขณะยืนประมาณ ๓.๖๔ เมตร (๑๒ ฟุต) โดยวัดจากหัวไหล่ และมีน้ำหนักประมาณ ๕,๔๕๕ กิโลกรัม ในขณะที่ตัวเมียมีความสูงในขณะยืนประมาณ ๓ เมตร (๑๐ ฟุต) รวมทั้งมีงาทั้งตัวผู้และตัวเมีย  ตรงข้ามกับช้างเอเชียซึ่งมีนิสัยไม่ดุร้าย เลี้ยงง่าย นำมาฝึกใช้งานได้ เพราะฉลาดอยู่กับมนุษย์ได้  ลักษณะช้างเอเชียมีหูขนาดเล็กกว่าช้างแอฟริกา และมีหลังนูนหรือราบ ลักษณะเด่นของช้างทุกชนิดได้แก่ งวงยาว หูกางขนาดใหญ่ ขาใหญ่ และผิวหนังที่หนาแต่ละเอียดอ่อน ใช้งวงสำหรับการหายใจ หยิบจับอาหารและน้ำเข้าปาก และคว้าวัตถุ  งาซึ่งดัดแปลงมาจากฟันตัด ใช้เป็นทั้งอาวุธและเครื่องมือสำหรับเคลื่อนย้ายวัตถุและขุดดิน หูกางขนาดใหญ่ช่วยในการคงอุณหภูมิกายให้คงที่ เช่นเดียวกับใช้ในการสื่อสาร ขาใหญ่เหมือนเสารองรับน้ำหนักตัว

ช้างที่ถูกนำมาใช้งานเรียกกันว่า ช้างบ้าน  ช้างที่อยู่ในป่าตามธรรมชาติ เรียกว่า ช้างป่า  ช้างตัวผู้มีงายาวเรียก ช้างพลาย  ช้างตัวผู้งาสั้นหรือไม่มีงาเรียก ช้างสีดอ ช้างตัวเมียเรียก ช้างพัง ไม่มีงา  ช้างพังบางตัวอาจมีงาสั้นๆ เรียกว่า ช้างขนาย  ช้างตัวผู้ถ้าตกมันมีความดุร้ายมาก  

ธรรมชาติของช้าง : ช้างจะอยู่กันเป็นหมู่หรือโขลง ไม่ออกหากินตามลำพัง ถ้าเกิดอันตรายหรือเจ็บป่วยก็จะช่วยเหลือกัน  ช้างโขลงหนึ่งจะมีสมาชิกอยู่ด้วยกันประมาณ ๖-๗ ตัว หรือ ๑๐-๒๐ ตัว หรือ ๓๐-๕๐ ตัว โดยมีหัวหน้าโขลง ซึ่งมักจะเป็นช้างพังใหญ่ (เป็นช้างตัวเมีย) เรียกว่า แม่แปลก หรือ แม่หนัก เป็นผู้นำฝูงในการออกหากิน หาแหล่งน้ำ หาแหล่งดินโป่ง หรือนำฝูงหนีศัตรู  อาจมีช้างพลายขนาดใหญ่หรือช้างสีดอ ซึ่งเป็นช้างตัวผู้ติดตามอยู่ข้างๆ  หัวหน้าโขลงนำไปที่ไหนลูกโขลงก็ตามไปที่นั่น จะไม่แตกโขลง ส่วนใหญ่ช้างออกหากินในเวลากลางคืน  ส่วนช้างที่แยกตัวออกไปหากินตามลำพัง เรียกว่า ช้างโทน มักมีนิสัยดุร้ายเกเรและถูกขับออกจากฝูง

ช้างเป็นสัตว์กินพืชเป็นอาหาร โดยหลักๆ จะเป็นหญ้า ยอดอ่อนไม้พุ่ม ไม้ไผ่ ดินโป่ง ผลไม้ เช่น กล้วย อ้อย ข้าวโพด ขนุน แตงโม สับปะรด ฯลฯ  ช้างเป็นสัตว์สะอาด ไม่มีกลิ่นตัว ชอบอากาศเย็น ไม่ชอบแดดร้อนจัด ถ้าแดดจัดจะเป็นโรคพิษแดดถึงตายได้  ช้างจึงหากินอยู่ตามป่าที่มีลำธาร มักลงอาบน้ำบ่อยๆ และว่ายน้ำเก่ง  

การตกลูก : ช้างใช้เวลาตั้งท้องนาน ๒๑-๒๒ เดือน ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว  ในกรณีที่ช้างอยู่เป็นฝูง หรือเจ้าของช้างมีช้างหลายเชือก แม่ช้างที่ท้องแก่จะหาเพื่อนช้างพังที่สนิทไว้ช่วยเหลือในเวลาตกลูก ช้างพังที่คอยช่วยเหลือนี้เรียกกันว่า "แม่รับ" จะทำหน้าที่คอยช่วยเลี้ยงลูกช้าง ตั้งแต่แม่ช้างใกล้จะตกลูกจนถึงเวลาตกลูก  แม่รับจะรักและหวงลูกช้างมากกว่าตัวแม่ช้างเอง

ความสำคัญของช้าง : ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองที่มีความสำคัญและผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล มีปรากฏทั้งในชาดก พุทธประวัติ ประวัติศาสตร์ โบราณคดีและวรรณกรรมต่างๆ ของไทย  เป็นสัตว์คู่พระบารมีของพระมหากษัตริย์  ได้รับการยกย่องและมีเกียรติยศว่าเป็นเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นช้างเผือกในธงชาติ หรือช้างเผือกที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ รวมถึงปรากฏในหลากหลายรูปแบบที่เป็นรูปช้าง ได้แก่ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ช้างเผือก พระราชลัญจกรไอยราพรต พระราชลัญจกรไตรสารเศวต ตราแผ่นดิน เหรียญกษาปณ์ ธนบัตร ตราประจำจังหวัด ฯลฯ


โปรดติดตามตอนต่อไป

Share this topic on AskShare this topic on DiggShare this topic on FacebookShare this topic on GoogleShare this topic on LiveShare this topic on RedditShare this topic on TwitterShare this topic on YahooShare this topic on Google buzz

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07 กรกฎาคม 2566 20:00:01 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: 16 กรกฎาคม 2566 16:35:59 »



จิตรกรรมฝาผนัง วัดพระธาตุสันติธรรม ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

คติเรื่องช้างในพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู

ช้างมีบทบาทสำคัญในคติความเชื่อของพุทธศาสนาและศาสนาฮินดู   ในพุทธประวัติได้กล่าวไว้ว่า พระนางสิริมหามายา มเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระสุบินว่า มีช้างเผือกขาวผ่อง (พระเศวตกุญชร) เดินเวียนขวารอบพระนาง ๓ รอบ แล้วเข้าสู่พระครรภ์ทางด้านขวา ณ ที่บรรทม ก่อนที่พระนางจะมีพระประสูติกาลพระโอรส คือ เจ้าชายสิทธัตถะ ที่ใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน เมื่อวันศุกร์ ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือนวิสาขะ ปีจอ ๘๐ ปี ก่อนพุทธศักราช   ตำนานดังกล่าวทำให้ช้างได้กลายเป็นสัตว์ที่มีสถานะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาพุทธ   และช้างยังมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาฮินดู ได้แก่ พระพิฆเนศ พระพิฆเนศวร หรือ พระคณปติ ผู้มีเศียรเป็นช้าง โดยได้รับการยกย่องให้เป็นเทพสำคัญองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู ที่ได้รับการศรัทธาและเคารพอย่างสูงสุดของผู้ศึกษาศิลปะทุกแขนง ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งความรู้ มีปัญญาเป็นเลิศ ปราดเปรื่องในศิลปวิทยาและฝ่าฟันอุปสรรคได้ทั้งปวง ทรงเป็นเทพประจำช้าง ซึ่งครูผู้โพนช้างคล้องช้างและฝึกช้างต้องทำการบวงสรวงบูชาเมื่อจะประกอบพิธีเกี่ยวกับช้าง ดังนั้น จึงสังเกตเห็นได้ว่า การทำพิธีกรรมทุกหนทุกแห่ง มักจะมีการบวงสรวงองค์พระพิฆเนศก่อนเสมอ  นอกจากนี้ กรมศิลปากรยังได้ขอพระราชทานบรมราชานุญาตใช้พระพิฆเนศวร เป็นดวงตราประจำกรมศิลปากร มาตั้งแต่ปีพุทธศักราช ๒๔๘๐  


และเทพเจ้าอีกองค์หนึ่งที่คนยกย่องบูชา ได้แก่ ช้างเอราวัณหรือไอราวตา ซึ่งเป็นช้างเผือกที่มีสามเศียรเป็นพาหนะของพระอินทร์ โดยเชื่อว่าจะนำพรมาให้  ในคัมภีร์วิษณุปุราณะของศาสนาฮินดูก็กล่าวว่า ช้างเอราวัณหรือไอราวตา เป็นหนึ่งในสิ่งวิเศษที่เกิดขึ้นเมื่อคราวเหตุการณ์กวนเกษียรสมุทร เมื่อครั้งที่พระวิษณุอวตารลงมาเป็นเต่าที่เรียกว่า กูรมาวตาร  และในคัมภีร์ไตรภูมิกถากล่าวว่า ช้างที่มาฆมานพใช้งานในการสร้างศาลาเพื่อพำเพ็ญประโยชน์บนโลกมนุษย์นั้นตายไปได้ไปเกิดเป็นเทพบุตรเอราวัณ เพื่อเป็นช้างทรงให้กับมาฆมานพที่อานิสงค์ได้หนุนส่งให้ไปเกิดเป็นพระอินทร์ เมื่อพระอินทร์ต้องการจะเสด็จไปไหน เอราวัณเทพบุตร ก็จะแปลงกายเป็นช้างเผือก คือ เป็นพำหนะที่นำเสด็จพระอินทร์ไปยังสถานที่ต่างๆ ทั้งบนสวรรค์และมนุษย์โลก


โปรดติดตามตอนต่อไป

700-27
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16 กรกฎาคม 2566 16:39:30 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: 25 กรกฎาคม 2566 20:03:25 »


จิตรกรรมฝาผนัง วัดพระธาตุสันติธรรม ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย

ช้างในพุทธศาสนา


พญาช้าง ฉัททันต์
พญาฉัททันต์  เป็นช้างพระโพธิสัตว์ ปรากฏในทศชาติชาดก สมัยที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพญาช้างชื่อ พระยาฉัททันต์ มีสีกายเผือกผ่อง ปากแลเท้าสีแดง  เมื่อเจริญวัยขึ้น สูงได้ ๘๘ ศอก ยาว ๑๒๐ ศอก มีงาเปร่งรัศมี ๖ สี อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ มีนางช้างเป็นบริวาร ๔ นาง ได้แก่ นางสุพัตรา เมียหลวง นางแก้วสุพัตรา นางเกษสุพัตราและนางจุลพัตรา

พญาช้าง มาตุโปสกะ
พญาช้างมาตุโปสกะ เป็นช้างพระโพธิสัตว์ ปรากฏในนิบาตชาดก สมัยที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพญาช้างเผือก มีสีกายขาวผ่องทั้งตัว มีความกตัญญูต่อมารดา เลี้ยงดูมารดาที่แก่ชราและตาบอดอยู่ในป่าหิมพานต์  

พญาช้าง มหิฬามุข
พญาช้างมหิฬามุข ปรากฏในนิบาตชาดก พระพุทธเจ้าทรงเล่าเรื่องช้างมหิฬามุข เพื่อสอนภิกษุเรื่องการคบคน "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล"     ช้างมหิฬามุขเป็นช้างพระที่นั่งของพระเจ้าพรหมทัต แห่งกรุงพาราณสี เป็นช้างที่เคยมีจิตใจอ่อนโยน เรียบร้อย ไม่เคยทำร้ายใคร เมื่อได้ฟังคำสนทนาของพวกโจรมาซุ่มอยู่ที่ใกล้โรงช้าง ก็เข้าใจว่าคนเหล่านั้นสอนตน จึงประพฤติกิริยาดุร้าย ติดนิสัยโจร กลายเป็นช้างโหด ไม่ว่าใครเข้าใกล้ก็เหยียบตายหมด  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตทรงทราบก็ส่งอำมาตย์พระโพธิสัตว์ไปตรวจดู เมื่อสืบจนรู้สาเหตุแล้วจึงไปทูลพระราชาแล้วแนะนำให้เชิญพราหมณ์ผู้มีศีลมานั่งข้างโรงช้าง พราหมณ์ก็พูดเรื่องของศีล ความมีเมตตากรุณา พญาช้างมหิฬามุขฟังแล้วก็กลับตัวประพฤติเรียบร้อยตลอดมา

พญาช้าง มงคลหัตถี
พญาช้าง มงคลหัตถี เป็นพญาช้างเผือกของพระเจ้าพรหมทัตแห่งเมืองพาราณสี พระองค์ทรงยกขึ้นเป็นราชพาหนะ และทรงตั้งไว้ในฐานะเป็นสหายของพระองค์ ปรากฏในสังวรชาดก เอกาทสกนิบาต สมัยที่พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นเจ้าชายอลีนจิตตราชกุมารพระโอรส เมื่อยังเป็นพระกุมารได้รับความช่วยเหลือจากพญาช้างเผือกสู้รบกับพระเจ้ากรุงโกศล รักษาพระนครให้พ้นจากข้าศึกทั้งปวง

พญาช้าง เศวตกุญชร
พญาช้าง เศวตกุญชร เป็นพญาช้างเผือก  เมื่อครั้งพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะแห่งกรุงกบิลพัสดุ์ทรงพระสุบินว่า มีช้างเผือกขาวผ่องเดินเวียนขวารอบพระนาง ๓ รอบ แล้วเข้าสู่พระครรภ์ทางด้านขวา หลังจากนั้นทรงพระครรภ์และประสูติพระโอรสคือเจ้าชายสิทธัตถะ หรือสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พญาช้าง คิริเมขล์
พญาช้าง คิริเมขล์ เป็นชื่อช้างพาหนะของพญาวสวัตตีมาร  พญามารได้ขี่ช้างคิริเมขล์เนรมิตแขนมากถึงหนึ่งพันพร้อมอาวุธครบมือเข้ามาขัดขวางการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าขณะทรงประทับอยู่ใต้ต้นศรีมหาโพธิ์ เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ หรือวันเพ็ญวิสาขปูรณม์ อันเป็นวันตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

พญาช้าง นาฬาคิรี
พญาช้าง นาฬาคิรี เป็นช้างพระที่นั่งของพระเจ้าอชาตศัตรู มีรูปร่างสูงใหญ่ วิ่งเร็วประดุจกงจักรหมุน เมื่อตกมันจะดุร้ายมาก พระเทวทัตทูลขอพญาช้างนาฬาคิรีจากพระเจ้าอชาตศัตรู เมื่อได้มาแล้วจึงสั่งให้ควาญช้างเอาเหล้าให้ช้างนาฬาคิรีดื่ม ๑๖ ไห เพื่อให้พญาช้างที่กำลังตกมันเกิดความคลุ้มคลั่ง แล้วจึงปล่อยให้วิ่งไปทำร้ายพระพุทธเจ้าขณะเสด็จออกจากพระเวฬุวันวิหาร เพื่อบิณฑบาตโปรดสัตว์ในเมืองราชคฤห์ พระพุทธเจ้าทรงแผ่เมตตาเข้าสู่จิตใจของช้างนาฬาคิรี และทรงสั่งสอนไม่ให้ดุร้ายอีกต่อไป และให้ตั้งอยู่ในศีล ๕ ช้างนาฬาคิรีทรุดตัวลงแทบพระบาทพระพุทธเจ้า และไม่ทำร้ายผู้ใดอีกเลยนับแต่นั้นมา

พญาช้าง ปาลิไลยกะ
พญาช้าง ปาลิไลยกะ เป็นช้างที่ปรนนิบัติพระพุทธเจ้า ขณะที่พระพุทธองค์เสด็จหลีกหนีพระภิกษุในวัดโฆสิตาราม ที่ทะเลาะวิวาทกันและประพฤติตนเป็นผู้สอนยาก ไปประทับจำพรรษาที่ป่ารักขิตวัน ใกล้หมู่บ้านปาลิไลยกะ กรุงโกสัมพี   ช้างปาลิไลยกะจัดเตรียมน้ำดื่ม น้ำใช้ ปัดกวาดทำความสะอาดพื้นดิน หากิ่งไม้แห้งสำหรับต้มน้ำเป็นเวลา ๓ เดือนตลอดทั้งพรรษา เมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จกลับพระนคร ทรงตรัสแก่พญาช้างว่า พระองค์เสด็จไปแล้วไม่กลับมาอีก พญาช้างมีความอาลัย ยืนร้องไห้อยู่จนพระพุทธองค์เสด็จลับไปสุดสายตาพญาช้างก็หัวใจวายสิ้นชีวิตทันที และได้ไปเกิดในสวรรค์เป็นเทพบุตร ชื่อ ปาลิไลยกะเทพบุตร อยู่วิมานทอง ในสวรรค์ดาวดึงส์ ในท่ามกลางนางอัปสรนับพัน

โปรดติดตามตอนต่อไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25 กรกฎาคม 2566 20:10:32 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: 31 กรกฎาคม 2566 13:22:43 »



ภาพ : จิตรกรรมฝาผนัง วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา


ภาพการสงครามยุทธหัตถีระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา แห่งพม่า
จิตรกรรมฝาผนัง วัดสุวรรณดารารามราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา



ช้างศึก

ช้างศึก (war elephant) คือ ช้างที่มนุษย์ฝึกปรือและควบคุมเพื่อการต่อสู้ บุกข้าศึก ทำลายสิ่งกีดขวางของข้าศึก หรือสร้างความหวาดกลัวให้แก่ข้าศึก หน่วยทหารที่ขี่ช้างในการรบเรียกว่า หน่วยทหารช้าง (elephantry)

ช้างที่จะถูกจัดให้เป็นช้างศึกนั้น โดยมากนิยมเลือกใช้ช้างพลาย (ช้างเพศผู้) ที่กำลังตกมัน ดุร้าย  มีลักษณะตรงตามตำราคชลักษณ์ คือ รูปร่างใหญ่โตกำยำ หัวกะโหลกหนาและใหญ่ แก้มเต็มสมบูรณ์ หน้าเชิดหลังต่ำ งายาวใหญ่มีความโค้งและแหลมคมได้ที่ โดยที่ช้างเชือกที่ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีและสามารถสู้เอาชนะช้างเชือกอื่นได้ จะถูกเรียกว่า "ช้างชนะงา"   ก่อนออกทำสงครามจะกรอกเหล้าเพื่อให้ช้างเมา เกิดความฮึกเหิมเต็มที่ โดยจะแต่งช้างให้พร้อมในการรบ เช่น ใส่เกราะที่งวงหรืองาเพื่อรื้อทำลายค่ายคูของฝ่ายตรงข้าม เรียกว่า "ช้างกระทืบโรง" หรือล่ามโซ่หรือหนามแหลมที่เท้าทั้งสี่ ใช้ผ้าสีแดงผืนใหญ่ปิดตาช้างให้เห็นแต่เฉพาะด้านหน้าเพื่อไม่ให้ช้างตกใจและเสียสมาธิ เรียกว่า "ผ้าหน้าราหู"

ตำแหน่งของผู้ที่นั่งบนหลังช้างจะมีด้วยกัน ๓ คน คือ ตำแหน่งบนคอช้าง จะเป็นผู้ทำการต่อสู้ โดยอาวุธที่ใช้สู้ส่วนมากจะเป็นง้าว ตำแหน่งกลางช้าง จะเป็นตำแหน่งที่จะให้สัญญาณและส่งอาวุธที่อยู่บนสับคับให้แก่คอช้าง โดยอาวุธได้แก่ ง้าว, หอก, โตมร, หอกซัด และเครื่องป้องกันต่างๆ เช่น โล่ เป็นต้น และตำแหน่งควาญช้างซึ่งจะเป็นผู้บังคับช้างจะนั่งอยู่หลังสุด และหากเป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์ จะมีทหารฝีมือดี ๔ คนประจำตำแหน่งเท้าช้างทั้ง ๔ ข้างด้วย เรียกว่า "จาตุรงคบาท" ซึ่งไม่ว่าช้างทรงจะไปทางไหน จาตุรงคบาทต้องตามไปคุ้มกันด้วย หากตามไม่ทันจะมีโทษถึงชีวิต

โดยมากแล้ว ผลแพ้ ชนะของการทำยุทธหัตถีจะขึ้นอยู่กับขนาดของช้าง ช้างที่ตัวใหญ่กว่าจะสามารถข่มขวัญช้างที่ตัวเล็กกว่า เมื่อช้างที่ตัวเล็กกว่าหนีหรือหันท้ายให้ หรือช้างตัวใดที่สามารถงัดช้างอีกตัวให้ลอยขึ้นได้ จะเปิดจุดอ่อนให้โจมตีได้ตรงๆ การฟันด้วยของ้าวเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้ถึงชีวิตได้ โดยร่างอาจขาดหรือเกือบขาดเป็นสองท่อนได้ เรียกว่า "ขาดสะพายแล่ง"

ในประเทศอินเดีย มีการใช้งานช้างศึกเป็นครั้งแรก แล้วแพร่หลายไปทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้  

ในการทำศึกสงครามสมัยโบราณ ช้างได้รับการฝึกให้ทำสงครามแบบกองทัพช้าง และการรบแบบตัวต่อตัว ที่เรียกว่า “สงครามยุทธหัตถี” หรือ “การชนช้าง”  

ในสมัยสุโขทัย เมื่อราว พ.ศ.๑๘๐๐ พ่อขุนรามคำแหงมหาราช มีพระชนมายุ ๑๙ พรรษา ได้ทรงทำยุทธหัตถีมีชัยต่อขุนสามชน เจ้าเมืองฉอด (อยู่ในบริเวณแม่สอดใกล้จังหวัดตาก แต่อาจจะอยู่ในเขตประเทศพม่าในปัจจุบัน) สามารถตั้งกรุงสุโขทัยเป็นอิสระ พระบรมชนกนาถจึงทรงขนานพระนามว่า "พระรามคำแหง" ซึ่งแปลว่า "พระรามผู้กล้าหาญ"

ในสมัยอยุธยา พ.ศ.๒๐๙๑ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ ทรงชนช้างกับพระเจ้าแปร เกิดวีรกรรมสมเด็จพระศรีสุริโยทัยในการสงครามครั้งนั้น  พระนางได้ทรงช้างพระที่นั่ง "พลายทรงสุริยกษัตริย์" เข้าขวางด้วยเกรงว่าพระราชสวามีจะเป็นอันตราย จนถูกพระแสงของ้าวฟันพระอังสาขาดสะพายแล่ง สวรรคตอยู่บนคอช้าง

พ.ศ.๒๑๓๕ สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทำยุทธหัตถีหรือชนช้างกับราชศัตรูที่ตำบลหนองสาหร่าย   สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาไชยานุภาพ  สมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงช้างนามว่า เจ้าพระยาปราบไตรจักร เสด็จออกไปตั้งทัพหลวงรับข้าศึกพม่าบริเวณหนองสาหร่าย และสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้ทรงทำยุทธหัตถี ชนะพระมหาอุปราชา ราชบุตรพระเจ้านันทบุเรงแห่งกรุงหงสาวดี ซึ่งทรงช้างชื่อ “พลายพัทธกอ


750/32
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31 กรกฎาคม 2566 13:28:58 โดย Kimleng » บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
Kimleng
'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น อะไรที่ชอบก็บอกของนั้นดี
สุขใจ๊ สุขใจ
นักโพสท์ระดับ 14
*

คะแนนความดี: +5/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
Thailand Thailand

กระทู้: 5469


'อกุศลธรรม' เป็นสิ่งเกิดขึ้นจากการตามใจคนทั้งนั้น

ระบบปฏิบัติการ:
Windows NT 10.0 Windows NT 10.0
เวบเบราเซอร์:
Chrome 109.0.0.0 Chrome 109.0.0.0


ดูรายละเอียด เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: 22 มีนาคม 2567 11:19:37 »




ช้างที่จะถูกจัดให้เป็นช้างศึกนั้น ต้องเป็นช้างพลาย (ช้างเพศผู้) มีลักษณะตรงตามตำราคชลักษณ์ คือ รูปร่างใหญ่โตกำยำ หัวกะโหลกหนาและใหญ่ แก้มเต็มสมบูรณ์ หน้าเชิดหลังต่ำ งายาวใหญ่มีความโค้งและแหลมคมได้ที่ โดยที่ช้างเชือกที่ฝึกซ้อมมาเป็นอย่างดีและสามารถสู้เอาชนะช้างเชือกอื่นได้ จะถูกเรียกว่า "ช้างชนะงา"

นักวิชาการที่ทำการศึกษาเรื่องช้างในประเทศไทยเชื่อว่า ภายหลังการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ ในเดือนเมษายน พ.ศ.๒๓๑๐ ช้างต้นที่เป็นทั้งช้างศึกและช้างเผือกในพระราชวัง น่าจะอพยพหนีมาอยู่ยังเขาอ่างฤๅไน ซึ่งในสมัยโบราณช้างที่ได้รับคัดเลือกให้เป็นช้างต้น จะอยู่ที่ดงพญาเย็น หรือดงพญาไฟ ในปัจจุบัน

ในปัจจุบันนี้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤๅไน จังหวัดฉะเชิงเทรา นักวิชาการเชื่อว่าช้างป่าที่อาศัยอยู่ ณ ที่นี้น่าจะสืบเชื้อสายมาจากช้างศึกหรือช้างเผือกในสมัยโบราณ เพราะเนื่องจากเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๙ เจ้าหน้าที่ของอุทยาน สามารถบันทึกภาพช้างป่าตัวผู้ตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะของช้างศึก และให้ชื่อช้างตัวนี้ว่า "รถถัง" และยังพบช้างป่าอีกตัวหนึ่งที่มีลักษณะตรงตามลักษณะช้างศึกอีกเช่นกัน อีกทั้งยังเป็นสถานที่พบช้างเผือกในรัชกาลที่ ๙ อีกด้วย
บันทึกการเข้า



กิมเล้ง @ สุขใจ ดอท คอม
สูตรอาหาร ทำกับข้าว เที่ยวไปทั่ว
คำค้น:
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน


หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้
หัวข้อ เริ่มโดย ตอบ อ่าน กระทู้ล่าสุด
[ไทยรัฐ] - ช้างศึก ยู-19 ประเดิมสวย เฉือนดับ "ฟิลิปปินส์" เก็บชัยแรกศึกชิงแชมป์อาเซียน
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 172 กระทู้ล่าสุด 02 กรกฎาคม 2565 23:38:30
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - "ช้างศึก" สุพรรณบุรี สร้างประวัติศาสตร์ ผงาดคว้าแชมป์ตะกร้อลีกสมัยแรก ด้วยส
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 159 กระทู้ล่าสุด 21 สิงหาคม 2565 09:11:41
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - ระวังลิงก์ไวรัส แอดมินเพจ “ช้างศึก” แนะวิธีดูบอลทีมชาติไทย อาเซียน คัพ 2022
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 104 กระทู้ล่าสุด 21 ธันวาคม 2565 05:03:29
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - ข่มขวัญ "ช้างศึก" ชมคลิปแฟนบอลมาเลย์เหมารถบัส เดินทางเกิน 1,500 กม. ดวล "ทีมชาต
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 105 กระทู้ล่าสุด 10 มกราคม 2566 19:45:35
โดย สุขใจ ข่าวสด
[ไทยรัฐ] - "มาดามแป้ง" ยก "ช้างศึก" ชน "เวียดนาม" นัดชิง อาเซียน ในฝัน-งานหิน แต
สุขใจ ร้านน้ำชา
สุขใจ ข่าวสด 0 134 กระทู้ล่าสุด 13 มกราคม 2566 01:47:13
โดย สุขใจ ข่าวสด
Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.339 วินาที กับ 33 คำสั่ง

Google visited last this page 21 เมษายน 2567 14:55:08