.สุดยอดคุณพ่อโดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช
ทีมงานนิตยสาร ต่วย'ตูนในประวัติศาสตร์ชีวิตของลูกทุกคนย่อมมีบิดาเป็นผู้ให้กำเนิด
ซึ่งนั่นเป็นคุณสำคัญประการหนึ่งที่สัมผัสได้
โดยเฉพาะถ้าวันใดวันหนึ่งได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็น “พ่อ” เอง
ก็จะเข้าใจโดยไม่ต้องบรรยาย ซึ่งมีหลายต่อหลายคุณพ่อในโลกนี้
ที่ให้ความรักอันไม่สิ้นสุดกับเพื่อนมนุษย์ดุจดังลูกที่ให้กำเนิดมาครับ
ยอแซฟและพระเยซู ทีมงานนิตยสารต่วย’ตูน ขอพาแฟนานุแฟนไปรู้จัก “
คุณพ่อ” ในต่างแดน ที่เป็นที่กล่าวขานถึงความรักที่ท่านเหล่านั้นมีต่อลูกกันครับ
นักบุญยอแซฟ เป็นนักบุญในศาสนาคริสต์ บุรุษผู้ศักดิ์สิทธิ์เป็นบิดาบุญธรรมที่ดูแลพระคริสต์มาแต่ครั้งยังเยาว์ โดยยอแซฟเดิมเป็นชาวกาลิลีที่หนีราชภัยมาจากอียิปต์ จนเมื่อพระแม่มารีผู้บริสุทธิ์ให้ประสูติกาลแก่พระบุตรแล้ว ยอแซฟก็ทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ทักษะของการเป็นนายช่างไม้ดูแลทั้ง 3 ชีวิต จนเมื่อพระเยซูมีอายุได้ 12 ปีแล้วไปยังกรุงเยรูซาเลมนั้นก็มีการกล่าวถึงยอแซฟอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งประวัติชีวิตของท่านค่อนข้างมีจำกัด ซึ่งเมื่อค้นจากพระวรสารต่างๆ ก็พอจะรวมความได้ว่านักบุญยอแซฟมีชีวิตอยู่ในช่วงสั้น ด้วยมีกล่าวว่าเมื่อพระเยซูออกเผยแผ่ศาสนานั้นพระแม่มารีก็เป็นหม้ายแล้ว จึงสันนิษฐานได้ว่าบทบาทของท่านอยู่ในช่วงต้นพระชนม์ชีพของพระคริสตเจ้าครับ ซึ่งพระคุณของท่านที่เป็นเสมือนดั่งบิดาบนโลกมนุษย์ แม้จะเป็นช่วงสั้นแต่ก็ยังประโยชน์มหาศาล ข้อพิสูจน์นั้นเป็นจริงเมื่อเกือบ 1,870 ปีต่อมาที่สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 9 สถาปนาท่านไว้ในฐานะนักบุญอุปถัมภ์ของคริสตจักรคาทอลิกทั้งหมดครับ
อับราฮัมกำลังจะสังหารไอแซค. อับราฮัม เป็นยอดคุณพ่อระดับโลกอีกท่านหนึ่ง ซึ่งวีรกรรมของท่านถูกจารึกไว้ในพระคัมภีร์ถึง 3 ศาสนาคือ คริสต์, อิสลาม และยูดาห์ เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาแต่ครั้งที่พระเจ้ายังตรัสกับมนุษย์โดยตรงอยู่ อับราฮัมเป็นมนุษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระเจ้า เพราะมีบรรพบุรุษผู้โด่งดังคือโนอาห์และอาดัมกับอีฟ เมื่อถึงยุคของอับราฮัมผู้มีบุตรชายบ้าง เป็นธรรมเนียมของชาวฮีบรูว์ที่เชิดชูบุตรชายด้วยถือเป็นผู้ที่จะไว้วางใจให้รับผิดชอบสืบทอดมรดกวงศ์ตระกูล อับราฮัมผู้มีบุตรชายเมื่อเขาอายุได้ 100 ปีจึงปรีดิ์เปรมในหัวใจยิ่ง สิ่งนี้ทำให้ในวันหนึ่งพระผู้เป็นเจ้ามีพระประสงค์ที่จะทดสอบจิตใจของอับราฮัมว่ามีศรัทธามั่นในพระองค์เพียงใด จึงได้บัญชาให้ผู้เฒ่าอับราฮัมนำบุตรชายของเขาไปสังเวยเป็นพลีกรรมที่บนภูเขาสูง ซึ่งอับราฮัมก็หาได้แสดงความลังเลใจหรือไถ่ถามต่อรองใดๆ กับพระเจ้าไม่ โดยเขาได้ออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นพร้อมบุตรชายที่เหลืออยู่คนเดียวจนถึงยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ แล้วในขณะที่กำลังจะจดปลายมีดเพื่อพลีร่างไอแซคเป็นเครื่องแสดงความภักดีแด่พระเจ้านั้นก็พลันให้เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้นเมื่อมีพระบัญชาให้เทวดามาห้ามไว้ขณะที่ปลายมีดกำลังจ่อคอหอยไอแซคอยู่ ซึ่งผลแห่งการกระทำนี้พาให้อับราฮัมยอดคุณพ่อได้รับพระพรอันศักดิ์สิทธิ์จากพระผู้เป็นเจ้าโดยตรง ยังให้ตระกูลของเขายั่งยืนต่อมาจนปัจจุบัน
เก็ปเป็ตโต แกะสลักหุ่นไม้ เฒ่าเก็ปเป็ตโต เป็นช่างไม้ชราที่รักตุ๊กตาไม้ตัวหนึ่งเหมือนลูกโดยหุ่นไม้นี้มีชื่อก้องโลกว่า “
พิน็อคคิโอ” เป็นผลงานเขียนของนักเขียนช่างฝันชาวอิตาลีเมื่อกว่า 100 ปีก่อน เริ่มเรื่องจากคุณลุงช่างแกะไม้ในหมู่บ้านเล็กๆ ผู้มีหัวใจที่ยังเยาว์ ซึ่งเมื่อเขาได้เศษไม้สนมาจากเพื่อนบ้านจำนวนหนึ่งก็ให้เกิดนึกถึงหุ่นไม้น่ารักขึ้นมาในใจ เก็ปเป็ตโตจึงลงมือแกะไม้ที่ได้มาจนได้เป็นรูปหุ่นเด็กผู้ชายเล็กๆ น่ารักคนหนึ่ง ชายชรารักหุ่นไม้ของเขาเหมือนลูกชายน้อยที่สร้างมากับมือ ด้วยเขาได้ประดิษฐ์หุ่นน้อยอย่างประณีตทั้งแขน, ขา, มือ และเท้าเล็กๆ ที่น่ารัก ส่วนที่ใบหน้านั้นเก็ปเป็ตโตได้ใส่ความพิเศษเอาไว้ที่เด็กๆ ทุกคนที่กำลังอ่านจะเดาได้นั่นคือ “จมูก” ที่แสนโดดเด่น แล้วเจ้าหุ่นไม้นั้นก็เป็นของรักแสนพิเศษของชายชรา
จนวันหนึ่งก็มีสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นเมื่อหุ่นไม้นั้นได้พรจนมีชีวิตขึ้นมา จากนั้นก็เป็นเรื่องราวการผจญภัยทั้งร้ายและดีของพิน็อคคิโอที่หลายครั้งก็ทำให้เก็ปเป็ตโตผู้เป็นบิดาต้องเดือดร้อน เป็นต้นว่าไม่เชื่อฟังจนทำให้บิดาต้องถูกขังคุก นอกจากนั้นยังมีนิสัยโกหกจนคนจับได้เพราะทุกครั้งที่มุสา นาสิกก็จะยาวออกมาเป็นคืบ แต่เก็ปเป็ตโตก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง ซึ่งเรื่องนี้เปรียบได้กับความรักของพ่อแม่ที่มีล้นพ้นประมาณจนให้อภัยลูกได้เสมอ
เช่นเดียวกับเก็ปเป็ตโตผู้ชราที่แม้จนแสนจนแต่ก็ยอมขายเสื้อกันหนาวเอาเงินซื้อหนังสือให้พิน็อคคิโอเรียน จนในที่สุดเมื่อหุ่นดื้อได้รับบทเรียนจนสำนึกแล้วก็กลับใจมาช่วยเก็ปเป็ตโตผู้เป็นดั่งบิดาให้ผ่านพ้นอันตรายไปได้ และเมื่อยามเก็ปเป็ตโตกับนางฟ้าผู้อารีป่วยหนักขึ้น หุ่นน้อยก็ตัดสินใจสละเงินของตัวเพื่อช่วยผู้เป็นที่รัก ยังให้นางฟ้าผู้ทดลองใจพิน็อคคิโอประทับใจแล้วให้พร จนที่สุดหุ่นน้อยก็กลายเป็นเด็กชายจริงๆ ส่วนบิดาผู้อารีก็หายป่วยกลับมาแข็งแรงดี แล้วทุกคนก็มีความสุขพร้อมหน้าอีกครั้ง
เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี. เจ้าชายอัลเบิร์ต พระราชสวามี เจ้าชายหนุ่มจากต่างแดนผู้ฝ่าด่านพิสูจน์ความรักจนได้กำพระทัยพระราชินีสาวแห่งอังกฤษไว้ได้ เจ้าชายอัลเบิร์ตเป็นพระสวามีของสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษผู้นำพาอังกฤษเข้าสู่ยุคทองของการเป็นมหาอำนาจ อัลเบิร์ตทรงเป็นเจ้าชายพระสวามีผู้เปี่ยมความสามารถ ดังประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าพระองค์มิปรารถนาอำนาจส่วนพระองค์ โดยทรงประสงค์เพียงอย่างเดียวคือความสุขแห่งองค์พระราชินีและพระโอรส-ธิดา ซึ่งก็ทรงทำได้สำเร็จโดยพระราชบุตรทุกองค์ล้วนประสบความสำเร็จ และครอบครัวของพระองค์ก็เป็นครอบครัวเจ้านายตัวอย่างของยุโรปสมัยนั้น จนเป็นที่รู้กันทีเดียวว่าเจ้าชายอัลเบิร์ตทรงเป็นยอดบุรุษคู่พระทัยองค์ราชินี ทว่าความสุขนั้นแสนสั้นเมื่ออัลเบิร์ตประชวรหนักแล้วสิ้นพระชนม์ในเวลาไม่นาน ทิ้งความรักอันเป็นอมตะต่อเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์และพระราชินีไว้ให้โลกได้ประจักษ์ในความรักของยอดคุณพ่อท่านนี้
พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่2. พระเจ้าซาร์นิโคลัสที่ 2 ได้ตั้งใจไว้ว่าจะต้องเขียนถึงพระราชาธิบดีพระองค์นี้เมื่อกล่าวถึงพ่อ เพราะซาร์นิโคลัสที่ 2 ผู้เป็นซาร์พระองค์สุดท้ายแห่งมหาจักรวรรดิอันไพศาลนั้น ทรงได้ชื่อว่าเป็นพระบิดาผู้แสนจะอ่อนหวานน่ารักที่สุดในยุโรป โดยทรงมีพระโอรสเพียงพระองค์เดียวและพระธิดาถึง 4 พระองค์ แต่ทุกพระองค์ก็ทรงรักและสนิทสนมกับ “ทูลกระหม่อมปาปา” ทั้งสิ้น ด้วยสมเด็จพระราชบิดานั้นทรงให้เวลากับครอบครัวอย่างแสนอบอุ่นโดยเมื่อว่างจากพระภารกิจที่แสนหนักก็มักทรงหาเวลาทำกิจกรรมน่ารักเช่นเดียวกับคุณพ่อท่านอื่นๆ อาทิ ลอนเทนนิส, ปั่นจักรยาน จนกระทั่งปาลูกบอลหิมะกันในฤดูหนาว ส่วนหน้าร้อนก็ทรงพากันแปรพระราชฐานไปพักพระตำหนักน่ารักริมทะเลแถบไครเมีย โดยพระเจ้าซาร์ออฟออลรัสเซียพระองค์นี้ทรงเข้ากับพระธิดาวัยรุ่นได้เป็นอย่างดี และมีความรักให้แก่ราษฎรรัสเซียไม่ต่างกัน แม้ในพระชนม์ชีพจะทรงมีทุกข์เรื่องพระโอรสเล็กที่เจ็บป่วยอย่างน่ากังวล แต่ก็ทรงบำเพ็ญพระราชกิจเพื่อประชาชนอยู่ไม่ขาด ด้วยเมื่อถูกปฏิวัติโดยกลุ่มหัวรุนแรงก็ยังทรงนึกถึงประชาชนก่อนว่าจะตกอยู่ในห้วงแห่งความวุ่นวาย จึงตัดสินพระทัยไม่เสด็จหนีไปทั้งที่ทรงมีโอกาส จนเป็นเหตุให้ถูกปลงพระชนม์ทั้งครอบครัวอย่างโหดร้าย
ทูตสวรรค์มาปรากฎในฝันของยอแซฟ. มิสเตอร์มัวเออร์ คุณพ่อรุ่นใหม่ที่ผมเห็นว่ามีหัวใจที่น่ารักยิ่ง ซึ่งเชื่อว่าหลายท่านไม่เคยได้ยินชื่อคุณพ่อท่านนี้ แต่ถ้าที่อังกฤษนั้นเมื่อกล่าวถึงชื่อ “บิลลี่ เอลเลียต” ก็เชื่อว่าเป็นที่รู้จักดี เพราะเป็นความภูมิใจที่ได้ชื่อว่า “ละครเวทีแห่งทศวรรษของอังกฤษ” โดยที่ความเกี่ยวข้องของมิสเตอร์โมเวอร์ก็คือท่านเป็นบิดาของหนูน้อยนักแสดงละครเวทีเรื่องดังว่า เป็นเด็กชายผู้มีพรสวรรค์ การเต้นที่มีคุณพ่อเป็นชนชั้นแรงงานที่แม้ไม่เข้าใจเรื่องละเม็งละครนัก แต่ก็ยินดีสนับสนุนให้ลูกรักได้เดินตามฝันด้วยการทำงานหนัก เพื่อหาเงินเป็นค่าเล่าเรียนให้ มิสเตอร์โมเวอร์เองก็ไม่ต่างกัน โดยคุณพ่อชาวอังกฤษท่านนี้เป็น “ช่างประปา” ที่มีลูกถึง 5 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ “
เลียม มัว เออร์” ผู้เป็นดาราเด่นของละครเวทีบิลลี่ฯ แห่งเวสต์เอนด์ของอังกฤษ แรกทีเดียวคุณพ่ออยากให้หนูเลียมเป็นนักรักบี้ แต่ต่อมาเมื่อเห็นแววก็ได้สนับสนุนให้เขาได้ทำในสิ่งที่รัก จนที่สุดก็มีผู้ใหญ่ใจดีเห็นแววเลือกหนูน้อยเลียมให้แสดงเป็นตัวเอกในละครเวทีบิลลี่ เอลเลียตนี้ ในละครมีเพลงเอกที่เพราะจับใจแต่งโดยเซอร์เอลตัน จอห์น เป็นตอนที่เด็กชายแสดงการเต้นบัลเล่ต์ให้บิดาดูจนยอมรับ เช่นเดียวกับเด็กชายเลียมที่มีพ่อผู้ประเสริฐคอยจูงมือไปสู่ฝัน
ความรักของบิดาเป็นสิ่งน่าสรรเสริญครับ
เช่นเดียวกันกับความรักของลูกที่มีต่อพ่อก็น่าชื่นหัวใจไม่แพ้กัน
เพราะเป็นการแสดงถึงความเป็นผู้มีใจสูงถึงขั้นหัวใจทองคำของลูกทุกคนที่มีต่อพ่อ
แม้ว่าพ่อจะไม่เคยบอกให้รักท่านเลยก็ตาม
ไทยรัฐออนไลน์