วิทยาศาสตร์ยังอึ้งกับอัศจรรย์แห่งพระเกจิ สังขารไม่เน่าปรากฏ เป็นข่าวฮือฮา “น่าอัศจรรย์ใจ” มาอย่างต่อเนื่องยาวนานในเมืองสยามเรา กับกรณีคนเสียชีวิตแล้วแต่ร่างกายไม่ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ศพไม่เน่า”
กรณีของ “หลวงพ่อผล-พระราชนันทาจารย์” มรณะภาพมา ๘ ปีแล้ว...แต่สังขารยังคงสภาพเดิม ?!?
กรณีศพไม่เน่า นี้...ในเมืองสยามมีเกิดขึ้นทั้งกับเด็ก-ผู้ใหญ่ ชาย-หญิง
มีทั้งที่เกิดกับคนทั่วไป แต่ที่เป็นข่าวมากที่สุดก็คือเกิดกับ “พระสงฆ์” ที่เป็น“พระเถระ-พระเกจิอาจารย์” ที่ได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูง ซึ่งหากจะลองย้อนรอย-ทบทวนข่าวดังในเรื่องนี้ในอดีต พระเกจิอาจารย์ที่สังขารไม่เน่าเปื่อยนั้นมีจำนวนไม่ใช่น้อย ๆ
นอกจากกรณี หลวงพ่อผล อดีตเจ้าอาวาสวัดเวตวันธรรมาวาส หรือวัดเซิงหวาย กรุงเทพฯ ในอดีตที่ผ่านมาก็ยังมีอีกหลายรูป อาทิ...
หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จ.อุทัย ธานี./.
หลวงปู่วงศ์ วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน./.
หลวงพ่อบุญเหลือ วัดเขาตะกร้าทอง จ.ลพบุรี./.
ครูบาธรรมชัย วัดทุ่งหลวง จ.เชียงใหม่./.
ครูบาขาวปี วัดพระ พุทธบาทผาหนาม จ.ลำพูน./.
หลวงปู่สี วัดถ้ำเขาบุนนาค จ.นครสวรรค์./.
หลวงปู่พรหม วัดช่องแค จ.นครสวรรค์./.
หลวงปู่จ้อย วัดวังเดื่อ จ.นครสวรรค์./.
หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ กรุงเทพฯ./.
หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย จ.ชุมพร./.
หลวงพ่อขอม วัดไผ่โรงวัว จ.สุพรรณบุรี./.
หลวงพ่อเภา วัดเขาวงกต จ.ลพบุรี./.
หลวงปู่เขียว วัดหลงบน จ.นครศรีธรรมราช./
.หลวงปู่หิน วัดหนองนา จ.ลพบุรี./.
หลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญ จ.สิงห์บุรี./.
หลวงปู่นพ ภูวริ วัดมหาพฤฒาราม กรุงเทพฯ./.
พระอาจารย์โพธิ์แจ้ง วัดโพธิ์แมนคุณาราม สาทร กรุงเทพฯ./.
หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ จ.สุพรรณบุรี./.
หลวงปู่ปัญญา คันธิโย วัดนาคตหลวง จ.ลำปาง./.
หลวงพ่อแดง วัดคุณาราม เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี./.
กรณีของหลวงพ่อแดงที่เกาะสมุยนั้น...เคยฮือฮาดังข้ามโลก เมื่อหลายปีก่อนถึงกับมีนักวิทยาศาสตร์อเมริกันมาพิสูจน์ !?!
รอน เบ็คเก็ต กับ เจอรี่ คอนเล็ก ๒ นักวิทยาศาสตร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยควินนิเปก ประเทศสหรัฐอเมริกา บินข้ามน้ำข้ามทะเลมาขอศึกษาสังขารหลวงพ่อแดงเพื่อค้นหาคำอธิบาย
ท้ายที่สุดก็ลงความเห็นแบบ “งงๆ” ว่าอวัยวะภายในต่าง ๆ นั้น “ไม่พบว่ามีร่องรอยการย่อยสลายใดๆ” เพียงแค่แห้งและหดตัวเล็กลงบ้างเท่านั้น ?!?
ทั้งนี้ กรณีปุถุชนคนทั่วไปตายลงแล้วศพไม่เน่านั้น ในทางวิทยาศาสตร์เคยให้คำอธิบาย อย่างเช่นที่แหล่งข่าวในสถาบันด้านพยาธิวิทยา เคยบอกว่า...
กรณีแบบนี้ส่วนใหญ่จะเกิดกับคนรูปร่างเล็กผอมบาง เนื่องจากไม่มีไขมันเป็นตัวเผาผลาญมากหรือไม่ทำให้การสะสมอาหารในร่างกาย ซึ่งเป็นน้ำเลี้ยงทำให้เชื้อจุลินทรีย์ที่เร่งกระบวนการเน่าเปื่อย (Decay Process) เติบโตขึ้นมาก หากร่างกายมีการสะสมอาหารไว้น้อยขณะเสียชีวิตเชื้อจะเติบโตได้น้อยหรืออาจจะไม่มีเลย โดยต้องขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่เหมาะสมด้วย
“ส่วน ใหญ่การไม่เน่าเปื่อยจะพบกับศพที่เป็นเด็กหรือคนแก่อายุ
มากๆ ที่มีการสะสมของไขมันในร่างกายและอาหารน้อย
และในสภาพอากาศ เย็นจัด หรือแห้งจัด”...แหล่งข่าวระบุ และว่า...กรณีแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะพบในประเทศแถบยุโรป หรือในประเทศที่มีอากาศหนาวเย็นสม่ำเสมอตลอดทั้งปี
แต่กรณีนี้ก็พบในประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเขตร้อนชื้น ?!?
โดยเฉพาะกับพระเกจิที่เจริญ “สมาธิ-วิปัสสนา” มายาวนาน
กับกรณีเฉพาะ เจาะจงในส่วนของพระเกจินี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านพยาธิวิทยาพยายามอธิบาย โดยบอกว่า...การนั่งสมาธิทำให้จิตกับร่างกายเกิดความนิ่ง เกิดการเคลื่อนไหวและเผาผลาญในร่างกายน้อยหรือไม่มีเลย การนั่งสมาธิเป็น เวลานาน ๆ และทำอยู่เป็นประจำๆ จะทำให้กระบวนการเผาผลาญหรือเมตาบอลิสซึ่มในร่างกายเกิดน้อยลง
“การ นั่งสมาธิทำให้ร่างกายสบาย ร่างกายจะหลั่งสารเอนโดฟินออกมา ก็ทำให้จิตสบาย ช่วยให้ร่างกายสมดุล ซึ่งอาจจะเป็นส่วนสำคัญ
ประการหนึ่งที่ทำให้สังขารไม่เน่าเปื่อย”...
ผู้เชี่ยวชาญระบุ ด้านคุณหมอนักชันสูตรศพชื่อดัง
แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ก็เคยให้ข้อมูลเรื่อง “ศพไม่เน่า”
ไว้ เช่นกัน โดยระบุว่า...
ในทาง วิทยาศาสตร์เป็นการเน่าเปื่อยแบบไม่ปกติ ซึ่งมี ๒ ลักษณะ
คือ
๑. เกิดการแห้งของศพ ในสภาพแวดล้อมที่แห้งจัด ไม่มีความชื้น
๒. เกิดการเปลี่ยนแปลง ของไขมันใต้ผิวหนังจนกลายเป็นลักษณะแข็งจับตัวแบบเทียนไข ซึ่งจะเกิด ในอุณหภูมิเย็นจัด และเกิดเฉพาะกับคนที่รูปร่างเล็กผอมบางและมีสุขภาพดีเท่านั้น
ส่วนการนั่งสมาธิและทำสมาธิจะมีส่วนทำให้ศพไม่เน่าได้หรือไม่นั้น
คุณหมอพรทิพย์เคยบอกไว้ว่า...“ยัง ไม่สามารถพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าจริงหรือไม่จริง แต่ที่อยากจะบอกก็คือหากได้พบเห็นหรือเจอกรณีอย่างนี้ อยากให้มองเข้าไปให้ถึงแก่นของธรรม
มากกว่าที่จะเชื่อในเชิงไสยศาสตร์หรือเรื่องของโชคลาง”
“ศพไม่เน่า-สังขารไม่ย่อยสลาย” ถึงวันนี้ก็ยังดูลึกลับ
ในเมืองไทยเมืองร้อนนั้นน่าฉงนว่าทำไมเกิดขึ้นมาก
“วิทยาศาสตร์ยังอึ้ง” กับ “อัศจรรย์แห่งพระเกจิ”