sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:45:07 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 17:48:23 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #1 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:46:13 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:YE:)เรียน ทำความเข้าใจในข้อธรรมะนั้น ๆ เป็น กิจสำคัญประการแรก ประการที่สองก็เรียกว่า ปฏิบัติธรรม ได้แก่การลงมือปฏิบัติ ขัดเกลาจิตใจของเรา ให้สะอาด........ปราศจากสิ่งเศร้าหมองใจ ด้วยการปฏิบัติในขั้นศีลบ้าง สมาธิบ้าง ปัญญาบ้าง เป็นการกระทำเป็น เป็นขั้นที่สอง เมื่อได้ศึกษาเมื่อได้ปฏิบัติแล้ว ผลที่เกิดขึ้นแก่ตัวเราก็คือ ปฏิเวธ หมายความว่า เห็นแจ้งเห็นจริง ในสิ่งทั้งหลายตามสภาพที่เป็นจริง เมื่อได้รู้จักสิ่งทั้งหลายตามสภาพที่เป็นจริงแล้ว ความหลงใหลความเข้า (:BYE:)ใจผิดความยึดมั่นถือมันในเรื่องอะไรต่าง ๆ นั้นค่อย คลายไป หายไปจากจิตใจของเรา จิตใจของเรา ก็มีแต่ความสว่างไสวด้วยปัญญา การที่มีจิตใจสว่างไสวด้วยปัญญา นั่นแหละคือการถึงจุดหมายที่เราต้องการ เพราะว่าจุดหมายปลายทางในทางพระพุทธศาสนานั้น คือปัญญา เพราะว่าปัญญานี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำให้ เรารู้จักสิ่งต่างๆ ตามสภาพที่เป็นจริง และเราจะพ้นไปจากความทุกข์ความเดือดร้อนในชีวิตประจำวัน เรื่องการหลุดพ้นไปจากความทุกข์ - ความ 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:34:48 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #2 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:48:30 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:BR:)เดือดร้อนเป็นเรื่องสำคัญ ที่เราควรจะทำให้เกิดขึ้นในชีวิตของเรา เพราะในการดำรงชีวิตในวันหนึ่ง ๆ (:SL:)เราไม่ควรจะอยู่ด้วยความร้อนด้วยปัญหาต่างๆ แต่ว่าควรจะอยู่ ด้วยจิตใจที่เบาโปร่งแจ่มใส มองเห็นอะไรถูกต้องตามสภาพที่มันเป็นจริงอยู่ตลอดเวลา อันนี้เป็นเรื่องสำคัญที่เราทั้งหลายควรจะทำให้เกิดขึ้นในวิถีชีวิตของเรา เพราะฉะนั้นจึงต้องมาศึกษาธรรมะ เพื่อนำไป ปฏิบัติ เพื่อเกิดผลเป็นความสุขความสงบต่อไป เวลาใดที่เราว่างจากการงาน อันเป็นกิจในชีวิตประจำวัน ของเรา เราก็ควรจะหันมาสนใจในเรื่องอย่างนี้ เพื่อจะได้เอาไว้ใช้แก้ปัญหาในชีวิตต่อไป.............................................. พูดถึงเรื่องปัญหาในชีวิตแล้ว เรามีด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเด็กเป็นหนุ่มสาวผู้เฒ่าผู้แก่ ย่อมมีปัญหาเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าเราไม่รู้ไม่เข้าใจในเรื่องของปัญหานั้นๆ การแก้ไขก็ย่อมจะเป็น การลำบาก ถ้าแก้ไม่ได้มันยุ่งอยู่ตลอดเวลา คล้ายกับกลุ่มด้ายที่ยุ่ง ถ้าเราไม่รู้เงื่อนปมของมัน เราจะสางความยุ่งของด้ายนั้นได้ 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:35:25 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #3 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:49:59 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ อย่างไร(:BYE:)แต่ถ้าเราเข้าใจว่าอะไรเป็นปมเป็นเงื่อน มันตั้งต้นที่ตรงไหน แล้วควรจะดึงมันออกมาอย่างไร เราก็ค่อยๆ ดึงออกมา ความยุ่งของปมด้ายนั้นก็ค่อยหายไป ฉันใด ในชีวิตของเรานี้ก็เหมือนกัน ถ้าเราปล่อยให้เกิดปัญหามากมายก่ายกอง เราก็ไม่มีโอกาสจะแก้มัน แล้วเรา ก็จะนั่งอยู่ด้วยความกลุ้มใจ นั่งอยู่ด้วยอารมณ์ทุกข์ตลอดเวลา การเป็นอยู่ในรูปเช่นนั้น เป็นสิ่งที่เรา ปรารถนาหรือไม่ ถ้าถามขึ้นในรูปอย่างนี้ ญาติโยมก็จะตอบขึ้นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่ต้องการ เมื่อเรา ไม่ต้องการในเรื่องอย่างนั้น เราก็ต้องพยายามที่จะสางปัญหาชีวิต ด้วยเอาธรรมะมาเป็นเครื่องช่วย ธรรมะที่เราได้ศึกษานี่แหละเป็นเครื่องมือสำคัญ ที่จะช่วยให้เราแก้ปัญหาทุกอย่างในชีวิตของเรา เพราะหลักธรรมะคำสอนในทางพระพุทธศาสนานั้น มีคำตอบที่สมบูรณ์ ซึ่งเราจำนำมาใช้แก้ปัญหาทุกอย่าง ในชีวิตของเราได้ทุกประการ ญาติโยมที่มาวัดบ่อยๆ ก็ย่อมจะรู้จะเข้าใจในเรื่องอย่างนี้ เพราะได้เห็นผลประจักษ์ด้วยใจตนเอง - จึง 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:36:01 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หมีงงในพงหญ้า
ยืนงงในดงตีน
ผู้ก่อตั้งเวบฯ
นักโพสท์ระดับ 15
คะแนนความดี: +62/-0
ออฟไลน์
เพศ:
 United Kingdom
กระทู้: 7857
• Big Bear •
ระบบปฏิบัติการ:
 Windows XP
เวบเบราเซอร์:
 Chrome 2.0.157.2
|
 |
« ตอบ #4 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:51:02 » |
|
สาธุครับ ขออนุโมทนา 'จารย์บางครั้ง ด้วยครับ ที่มาร่วมเผยแพร่สิ่งดี ๆ เตือนใจ ให้กับเวบนี้ และทุกคนบนโลกใบนี้ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
B l a c k B e a r : T h e D i a r y
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #5 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:51:29 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ ได้เกิดความสนใจมากยิ่งขึ้น ศึกษาเพิ่มเติมปฏิบัติเรื่อยไป และผลก็เกิดขึ้น อยู่แก่เราตลอดเวลา อันนี้เป็นเรื่องสำคัญจำเป็นประการหนึ่ง............................ ทีนี้ในการศึกษาเรื่องของพระพุทธศาสนานั้น (:BH:)เราก็ศึกษาเรื่องสิ่งที่เรียกว่า ธรรมะนั่นเอง ธรรมะ นี่เป็นหลักคำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นสิ่งนับเนื่องในสิ่งสำคัญที่เรายึดถือเป็นหลักทางใจ สิ่งสำคัญที่เรายึดถือเป็นหลักทางใจนั้นมีอยู่สามประการ ซึ่งเราเรียกว่า สรณะ สรณะนี่แปลว่า ที่พึ่งทางใจ ได้แก่พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ หรือพูดสั้น ๆ ว่า พุทธะ ธรรมะ สังฆะ สิ่งสามประการนี้เป็นหลักใจ เป็นสรณะ เป็นที่พึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าท่านเตือนใครๆ บ่อยๆ ว่าอย่าอยู่อย่างคนไม่มีที่พึ่ง แต่ให้อยู่ อย่างมีที่พึ่ง แล้วก็ตรัสต่อไปว่าที่พึ่งนั้นก็คือธรรมะนั่นเอง ให้เอาธรรมะมาเป็นที่พึ่งทางใจ ถ้าเรามีธรรมะ เป็นที่พึ่งทางใจแล้ว จิตใจก็จะไม่ว้าเหว่ ไม่วุ่นวาย ไม่เร่าร้อน ไม่มืดบอด เพราะเรามีหลักให้ใจสำหรับ เข้าไปเกาะจับ เพื่อจะได้อุ่นอกอุ่นใจ.......... 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:36:37 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #6 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:52:57 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:BR:)เรียกว่า เป็นสรณะ เรื่องสรณะทางใจนี่เป็นเรื่องสำคัญ อยู่เหมือน กัน เพราะว่าคนเรานั้นโดยปรกติ มีสิ่งหนึ่งประจำอยู่ประจำอยู่ในใจ สิ่งนั้นคือความขลาดกลัวในเรื่องอะไรต่าง ๆ มีอยู่ด้วยกันทุกคน ไม่กลัวอย่างนั้นก็กลัวอย่างโน้นอย่างนี้ กลัวอะไรร้อยแปด บางทีเราก็กลัวสิ่ง ที่ไม่น่าจะกลัว เช่นว่ากลัวผี ซึ่งความจริงก็ไม่เคยเห็นเลย ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นสักหน่อย ว่าผีมี รูปร่างหน้าตามันเป็นอย่างไร แต่ก็ไม่วายหวาดกลัว เรามักจะสร้างภาพที่น่ากลัวขึ้นไว้ในใจของเรา แล้วเราก็มีความกลัวสิ่งนั้นอยู่ตลอดเวลา.................. อันความกลัว ที่เกิดขึ้นในใจของเราในรูปอย่างนี้นั่นแหละ มันทำให้เรามีปัญหาขึ้นตลอดเวลามี ความทุกข์ความเดือดร้อนใจ ไม่เป็นอันสงบได้เลย แล้วก็ยังกลัวสิ่งอื่นๆ อีกมากมายก่ายกอง ไม่รู้ว่าอะไร ต่ออะไร กลัวไปเสียทั้งนั้น ชั้นที่สุดก็กลัวตุ๊กแก กลัวกิ้งกือ กลัวสิ่งนั้น กลัวสิ่งนี้ มีมากมายก่ายกอง เมื่อใจ ของเรามีความหวาดกลัวอยู่อย่างนี้ เราก็ต้องมีอะไรเป็นเครื่อง........ 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:37:04 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #7 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:54:37 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:PING:)ประเล้าประโลมใจ เพื่อให้คลาย จากความกลัว สิ่งที่จะเป็นเครื่องประทับใจ ให้คลายจากความกลัวสิ่งที่สุดก็คือ สิ่งสำคัญในทางพระศาสนา เพราะเรายอมรับว่าสิ่งที่ศาสนาว่า เป็นสิ่งสูงสุดในชีวิตของเรา เมื่อเรายอมรับในสิ่งนี้ และสิ่งที่เกี่ยว เนื่องกับสิ่งที่เรายอมรับ นั้นก็เป็นสิ่งที่สำคัญไป เช่นเรายอมรับพระพุทธศาสนา ว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิต เราก็ถือว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ นี่เป็นหลักใจ ที่เราควรจะมี และเราจะได้อุ่นอกอุ่นใจ เพราะฉะนั้นเวลาใดที่มีความทุกข์ความเดือดร้อนใจ เราจึงนึกถึงพระพุทธเจ้า เช่นเราพูดออกไปว่า พุทโธ พุทโธ เอ่ยพระนามของพระพุทธเจ้า บางคนก็เอ่ยทั้งสามชื่อ พุทโธ ธัมโม สังโฆ ว่าติดกันไปเลย ถ้า เปล่งวาจาออกไปในรูปเช่นนั้นแล้ว ก็รู้สึกว่าผ่อนคลายอารมณ์ ผ่อนคลายความทุกข์ความเดือดร้อนอันเกิดขึ้น ในใจไปได้ชั่วขณะหนึ่ง แต่ถ้าเราคิดให้มันติดต่อกันไปเป็นสายตลอดเวลา ความหวาดกลัวนั้นก็จะผ่านเบาไป (:SL:)ไม่เกิดขึ้นในใจต่อไป เพราะฉะนั้นเวลาพระสงฆ์ในครั้งโบราณไป 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:37:34 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #8 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:56:10 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:38:19 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #9 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:57:30 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ ;Dเปลือกผิวภายนอก ยังไม่ซึ้งเข้าไป ถึงความรู้สึกนึกคิดอย่างแท้จริง ไม่สามารถถอนรากถอนโคนของความทุกข์ความเดือดร้อน ที่เกิด ขึ้นในใจให้หายหมดไปได้ มันหายเพียงชั่วครั้งชั่วคราว คือขณะที่เราคิดเรานึก แต่ว่าพ้นไปจากนั้นแล้ว มัน ก็ย้อนกลับมาหลอกเราอีกต่อไป ที่ได้เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สิ่งนั้นยังอยู่ในห้วงนึกของเรา เราไม่ได้ ถอนมันออกอย่างชนิดที่เรียกว่า ถอนรากถอนโคน เมื่อถอนไม่หมดเราก็มีความวิตกกังวลเกิดขึ้นในบางครั้ง บางคราว การที่จะถอนสิ่งนี้ให้หมดไปนั้น ก็ต้องอาศัย ปัญญา เข้าใจในเรื่องนั้นชัดเจน แจ่มแจ้ง ว่ามันคือ อะไรอย่างชนิดที่เรียกว่าเห็นชัด ถ้าเห็นว่าสิ่งนั้นมันคืออะไรอย่างชัดเจนแล้ว เราก็สามารถจะถอนความกลัวทั้งหมดออกไปได้................... เพราะฉะนั้นจึงควรจะได้ทำความเข้าใจในเรื่องสิ่งอันเป็นสรณะทางใจนี้ ให้ถี่ถ้วนสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่เรียกว่าพระธรรม ในทางพระพุทธศาสนา เวลาเราสวดมนต์ตอนเข้าเมื่อตะกี้นึ้ (:RL:)เราก็สวดว่า โย โส สวากขา 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:38:58 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #10 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 14:59:07 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:39:35 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #11 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:00:25 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:BR:)มิลักขะ แต่พวกอารยันนี้อยู่ทางตอนเหนือขึ้นไป อพยพลงมาตอนกลางของประ เทศอินเดีย ขับไล่พวกที่อยู่ก่อนให้ถอยร่นลงไปอยู่ชายทะเล แล้วพวกนั้นก็เข้ายึดครองแผ่นดินตั้งถิ่นตั้งฐาน ภาษาที่เขาใช้นั้นเป็นภาษาอารยัน ภาษานี้มีใช้คำอยู่คำหนึ่งคือคำว่า ธรรมะ ธรรมะนี่มันกินความกว้างมาก หมายถึงอะไรๆ ทุกสิ่งทุกประการสิ่งที่เป็นรูปร่าง ซึ่งเราสามารถจะดูด้วยตา ดมได้ด้วยจมูก สัมผัสได้ ด้วยประสาทหู ชิมได้ด้วยลิ้น ก็เรียกว่า เป็นเรื่องฝ่ายรูป ก็เรียกว่า เป็นเรื่องของธรรมะ แม้สิ่งที่เป็น ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในใจของเรา ก็เรียกว่าเป็นธรรมะเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราจึงมีคำสองคำเป็นพื้น ฐานว่า รูปธรรม นามธรรม รูปธรรมนั้นหมายถึงสิ่งที่เป็นวัตถุ สิ่งที่เป็นวัตถุนั้นเราสามารถจะสัมผัสได้ ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย เรียกว่า ประสาททั้งห้า ส่วนที่เป็นนามธรรมนั้น สัมผัสได้ด้วยประสาทที่หก ประสาทที่หกก็คือ จิตของเรานั่นเอง จิตสามารถจะสัมผัสกับสิ่งที่เป็นนามธรรม ที่เป็นความรู้สึก เช่นความทุกข์ ความสุข ความดีความชั่ว 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:40:08 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #12 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:01:40 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:40:57 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #13 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:03:01 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:41:36 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #14 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:04:02 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:SH:)ควรจะศึกษาควรจะทำ ความเข้าใจไว้ให้ถูกต้อง ก็มีอยู่สามประการ ที่พระผู้มีพระภาคทรงค้นพบ คือ อนิจจตา ความไม่เที่ยง ทุกขตา ความเป็นทุกข์ อนัตตา ความไม่มีเนื้อแท้ในตัวของสิ่งนั้นๆ อันนี้เป็นเรื่องสำคัญมากเป็นกฏ เกณฑ์ของธรรมชาติที่มีอยู่เป็นอยู่ตลอดเวลาเรียกว่าเป็นสัจจะ เป็นความจริง และเป็นความจริงที่จริงอยู่ อย่างนั้นตลอดไป ไม่ว่าที่ใดๆ มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น ความไม่เที่ยงมันก็มีอยู่ในที่ทุกแห่ง ความเป็นทุกข์มัน ก็มีอยู่ในที่ทุกแห่ง ความเป็นอนัตตาก็มีอยู่ทุกแห่งเหมือนกัน อันนี้เรียกว่า เป็นระเบียบเป็นกฏธรรมชาติ ถ้า เราเรียนรู้กฏของธรรมชาติ จะช่วยให้ผ่อนคลายจากความทุกข์ความเดือดร้อนใจ เช่นสมมติว่าเราเกิด อาการไม่สบายทางกาย เป็นไข้ได้ป่วย การที่เราเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยนั้น ก็เพราะว่าเราอาจจะ ปฎิบัติไม่ถูกตามกฏธรรมชาติ เช่นเกี่ยวกับดินฟ้าอากาศบางทีมันก็หนาวบางทีมันก็ร้อน บางทีก็เป็นอย่างนั้นเป็น อย่างนี้ เราปรับตัวเองไม่ทันก็เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วย หรือบางทีเราก็รับประทาน 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:42:12 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #15 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:05:56 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:42:56 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #16 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:07:38 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:43:32 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #17 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:08:43 » |
|
 ฟังธรรม - ต้องฟัง - ให้ถึงธรรม แล้วน้อมนำไปปฏิบัติ (:SH:)ละครเหมือนกัน ละครแห่งความเจ็บไข้ได้ป่วย เอาร่างกายของเราเป็นฉาก แล้วก็แสดงไปในเรื่องอย่างนั้นเรื่องอย่างนี้ ถ้าเราเป็นคนดูที่ใช้สติปัญญาบางทีก็นึกขำตัวเอง ว่าเออมันแปลก ๆ ร่างกายนี้ เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างนี้มันก็ไม่กลุ้มใจ แต่มันเห็นเป็นของน่าขำไป น่าหัวเราะไป เราก็นอนป่วยไปตามเรื่อง หมอเขาให้กินยาก็ กินไปตามหน้าที่ ตามคำสั่งของหมอรักษาร่างกาย หมอรักษาร่างกายของเราได้ แต่หมอรักษาใจเราไม่ ได้ เราต้องรักษาใจของเราเอง การรักษาใจนั้นไม่ใช่กินยาที่หมอสั่ง แต่เราต้องกินยาที่พระพุทธเจ้าท่านสั่งไว้ ก็เอายาคือธรรมะนี่แหละมากินเข้าไป เป็นเครื่องปลอบโยนจิตใจ เพราะเรารู้ กฏความจริง ของธรรมชาติ ว่ามันเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ ในเรื่องภายนอกนี้ก็เหมือนกัน เช่นเกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง เราได้มาแล้วบางทีมันก็หายไป บางทีมันมีก็มีกำไร แต่บางทีก็เกิดการขาดทุนยุบยับ ถ้าเราเป็นคนไม่ศึกษากฏเกณฑ์ของธรรมชาติ เราก็มีปัญหา มีความทุกข์มี 
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:44:18 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #18 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:10:03 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 16:44:55 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sometime
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #19 เมื่อ: 18 ธันวาคม 2552 15:11:54 » |
|
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18 ธันวาคม 2552 17:34:58 โดย บางครั้ง »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
กำลังโหลด...