[ สุขใจ ดอท คอม บ้านหลังเล็กอันแสนอบอุ่น ] ธรรมะ พุทธประวัติ ฟังธรรม ดูหนัง ฟังเพลง เกมส์ เบาสมอง ดูดวง สุขภาพ สารพันความรู้
29 เมษายน 2567 20:42:30 *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 
  หน้าแรก   เวบบอร์ด   ช่วยเหลือ ห้องเกม ปฏิทิน Tags เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก ห้องสนทนา  
บุคคลทั่วไป, คุณถูกห้ามตั้งกระทู้หรือส่งข้อความส่วนตัวในฟอรั่มนี้
Fuck Advertise !!

หน้า:  1 [2]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เจาะลึกสุดๆเรื่อง"สมเด็จองค์ปฐม"(หาอ่านที่ไหนก็ไม่ได้)  (อ่าน 21833 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
WangJai
นักโพสท์ระดับ 5
*****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 34


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.13 Firefox 3.0.13


ดูรายละเอียด
« ตอบ #20 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:05:26 »

คุณเอกอิสโร กล่าวว่า:

 1.ไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"
ไม่ได้เป็นมนุษย์


 2.เกิดมนุษย์คู่แรกมา จนเกิดวัฏฏสงสาร
ก็มี พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก ไม่มีพระองค์อื่น มาตรัสก่อนเลย

ตอบ

พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางเถรวาทว่า พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ แต่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไปทางมหายานว่า พระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก จนถึงกับมีคำพูดที่ได้ยินกันอยู่เป็นประจำว่า มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

พวกเราเป็นมนุษย์และอยู่ในเถรวาท ซึ่งพระพุทธองค์พยายามไม่กล่าวถึงเรื่องที่อยู่นอกเหนือจากการรับรู้โดยขันธ์ 5 ของมนุษย์ หรือกล่าวถึงให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าในอดีต 27 พระองค์ และพระพุทธเจ้าในอนาคต อีก ๑๐ พระองค์ จึงเป็นมนุษย์ทั้งหมด แต่อาจจะไม่อยู่ในโลกมนุษย์ในมิตินี้

ส่วนพระพุทธเจ้าในอดีต มีมากมายยิ่งนัก มีมากกว่าเม็ดทรายในท้องมหาสมุทรทั้ง ๔

เราผู้เป็นมนุษย์ย่อมรู้ว่า จำนวนของพระพุทธเจ้าในอดีตที่ต่างกันระหว่างเถรวาทกับมหายาน ส่วนที่ต่างกันนั้น ล้วนเป็นพระพุทธเจ้าที่เป็นสัมโภคกาย

สรุปก็คือ

1. คุณต้องคิดเป็นครับ และต้องมีความรู้ทางเถรวาทและมหายาน ถ้าคิดไม่เป็น ไม่มีความรู้ในทั้ง 2 นิกาย ย่อมตีความไม่ออก เพราะผมบอกแล้วว่า มารนั้นสิงใจสงฆ์ที่ไม่บรรลุธรรมของเถรวาท ให้ตัดข้อความทุกข้อความ ที่จะอิงไปเรื่องที่ไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้น

จึงไม่มีตรงไหน ที่ระบุว่า

"พระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ"ไม่ได้เป็นมนุษย์

คิดซิครับ....คิด ถ้ายังคิดไม่ออก ก็ดูหลักฐานในข้อต่อไปนะครับ

 
2. ถ้าพระพุทธเจ้าติกขคัมมสมฺมาสมฺพุทธํ พระองค์นี้เป็น
พระองค์แรก แล้วพระพุทธสิกขีที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำพูดถึงไปไหนกันล่ะ
คิดซิครับ....คิด

 พระพุทธสิกขีอายุของ มีอายุขัยประมาณ 8 หมื่นปี

- พระองค์เสด็จออกมหาภิเนษกรมณ์เพื่อพระชนมายุได้ 4 หมื่นปี
- หลังจากทรงผนวชแล้วเป็นเวลาอีก 2 หมื่นปี จึงได้ทรงบรรลุอภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณ ตรัสรู้เป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์แรกของโลก
- พระองค์ทรงสั่งสอนเวไนยสัตว์อีกประมาณ 2 หมื่นปี จึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

ในคัมภีร์ปฐมมูล "พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน

หลักฐานเรื่องอายุของพระพุทธสิกขี(8 หมื่นปี) และพระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า (100,000 ปี) ก็ชี้ว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นคนละองค์กัน

หลักฐานอีกชิ้นหนึ่ง...พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า ตามประวัติพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมีมาก่อน และท่านเป็นผู้กำหนดว่า ต่อไปภายภาคหน้า ตระกูลของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ซึ่งจะมาตรัสรู้ต่อจากพระองค์ จะมี 3 ตระกูล คือ

1. ปัญญาธิกะ
2. สัทธาธิกะ
3. วิริยาธิกะ

ในขณะที่ พระพุทธสิกขี หลวงพ่อฤาษีฯบอกว่า ท่านต้องบำเพ็ญบารมี 16 อสงไขย ฉัน 40 อสงไขยกว่า เพราะไม่มีตัวอย่าง

แล้วผู้ใดล่ะที่ไม่ต้องบำเพ็ญบารมีมาก่อน มาแล้วบำเพ็ญในชาตินั้น และก็ได้ไปพระพุทธเจ้า ไม่ใช่มนุษย์แน่ มีแต่เหล่าธยานิพุทธที่เป็นสัมโภคกายเท่านั้น คิดซิครับ....คิด


คุณ phonsak เอาสมองส่วนหลังมาคิดอีกละสิ

พระธยานิพุทธเจ้าเป็นพระพุทธเจ้าอยู่แล้ว ยังต้องมาบำเพ็ญหาอะไรในชาตินั้นอีก

อยากคิดก็เชิญคิด...ต่อไปเถอะนะ สังขารคิดยังไม่รู้จัก ยังมาพล่ามเรื่องพระพุทธเจ้า

บันทึกการเข้า
WangJai
นักโพสท์ระดับ 5
*****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 34


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.13 Firefox 3.0.13


ดูรายละเอียด
« ตอบ #21 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:19:47 »


เรื่องพระติกขคัมมะ พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ในพระไตรปิฎกเถรวาท บันทึกอยู่ในคัมภีร์ปฐมมูล แต่เนื่องจากเรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติเพื่อมรรคผลนิพพาน พวกมารที่แทรกซึมเรืองอำนาจในคณะสงฆ์ปริยัติ จึงต้องพยายามกำจัดทิ้งให้พ้นจากพระพุทธศาสนาเถรวาท เราจึงยากจะค้นพบจำรึกในพระไตรปิฏก แต่กรมศิลปากรเขาก็ยังไปค้นคว้ามาบันทึกไว้ นอกจากนี้พระบางรูปยังมีประสบการณ์ส่วนตัวจากสมาธิ แล้วไปพบพระติกขคัมมะ จึงนำมาเล่าให้ฟัง

ส่วนเรื่องพระรังสีวิสุทธิ และพระพุทธสิกขีนั้น ผู้ที่ทำกรรมฐานจนตัวรู้เปิดหมดแล้ว ทุกท่านย่อมรู้เท่าเทียมกันว่าทั้ง 2 พระองค์เป็นใคร


เห็นได้ชัดว่า แม้แต่ผู้ที่คุณเรียกว่า มาร ก็ยังมุ่งตรงต่อพระนิพพานมากกว่าคนที่ชอบขี้ตู่ว่าตัวเองเป็นพระพุทธเจ้า เช่นคุณละนะ

ก็ไอ้ตัวรู้ลักกะปิดลักกะเปิดของคุณนั่นน่ะ มันของไม่จริง
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #22 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:21:57 »

พระพุทธเจ้าพระองค์แรก ที่ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีอยู่ จริง ๆ
และมีคัมภีร์ปฐมมูลรับรองพระนาม คือ " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"
หอสมุดแห่งชาติ มีคัมภีร์เก่า ๆ มากมายที่ยังไม่ได้แปล และมีสุดยอดคัมภีร์อีกหลาย ๆ คัมภีร์ที่ คนไทย ยังไม่รู้ และเป็นของเถรวาทแท้ ๆ ด้วย ครับ
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสแสดงแก่ท่าน " พระอัญญาโกณฑัญญะ" และ พระปฐมสาวกทุกองค์ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะทูลถาม พุทธประวัติ ของ " พระพุทธเจ้าองค์ปฐม" พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตทุกพระองค์ก็จะทรงตรัสแสดงให้ฟังปฐมสาวกได้ฟัง แม้มาในศาสนาของพระพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกัน คัมภีร์นี้เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่มาก ต้นฉบับ เป็น " ภาษาล้านนา " คณาจารย์ของกรมศิลปากร ได้แปลรวมไว้อยู่ใน หนังสือเล่มใหญ่ ชื่อ " โลกุปปัตติ อรุณวดีสูตร ปฐมมูล ปฐมกัป มูลตันไตรย " -และถ้ามีปัญหาถามว่า " พระพุทธเจ้าองค์แรก ใน พระพุทธศาสนา ที่ตรัสรู้ก่อนพระ พุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงพระนามว่าอะไร ? พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ อุบัตขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย เพราะยังไม่มี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่องค์เดียว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใช้ระยะเวลาในการประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์เป็นเวลา ยาวนานกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง คือ ทรงใช้เวลา 5,000 ปีนั่ง ประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ ไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์มาก่อนเลย (ก็เป็นพระองค์แรกหนิ)
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมมูล พระองค์นั้น ทรงพระนามว่า " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงพยากรณ์เป็นพระองค์แรก ว่า

http://www.mythland.org/v3/archiver/tid-2266.html

 
คัมภีร์นี้เก่าแก่มากครับ หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
เป็นภาษาล้านนาแท้ๆ
อาณาจักรล้านนา  มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรือเปล่า
เอาพระไตรปิฎก มายืนยันก่อนสิครับ
ว่าอาณาจักรล้านนา ถือกำเนิดเมื่อไร

หรือว่า มารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท
 หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว





พวกที่เป็นมาร  แล้วมารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว  คือ ใคร????

ตอบ

ก็พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติของเรานั่นแหละ  พวกนี้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติได้ไม่ถึงขั้น เรียกว่า ไม่เป็นสัปปะรด  อาศัยพวกมาก  ใช่กฎหมาหมู่  ทำการปฎิรูปพระพุทธศาสนา  ให้กลายเป็นศาสนาของมาร ที่เรียกว่า "สัทธรรมปฏิรูป"  หรือของปลอม

พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติ ที่ถูกมารครอบงำ ได้ทำการล้างบางพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เริ่มต้นมาตั้งแต่ในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2  จะเห็นได้ว่า ในปฐมสังคายนา มีแต่พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 เข้าร่วมเท่านั้น  พวกท่านจึงรู้ว่า  สิ่งใดเป็นของจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้

พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 ทั้ง 500 รูป รวมทั้งพระมหากัสสปะและพระอานน์ ต่างรับรองพระไตรปิฎกของเถรวาท และปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน  รวมปิฎกทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นพระไตรปิฎก

แต่เมื่อสงฆ์มีจำนวนมากขึ้นในการสังคายนาครั้งที่ 2 กฎหมาหมู่(ประชาธิปไตย)จึงถูกตั้งขึ้น ให้อนุญาตทั้งพระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6  และพระทั่วไปร่วมด้วยได้  ความเละเทะในพระไตรปิฎกจึงเริ่มต้นขึ้น  เถรวาทจะเอาเฉพาะคำสอนที่พระพุทธองค์เป็นผู้ชี้ทางให้พวกตนเท่านั้น  อีกอย่างในการสังคายนาครั้งที่ 2 ไม่มีการเชิญฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน เข้าร่วม  ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่สงฆ์ที่ถูกมารสิง จะตัดคำสอนทุกอย่างที่ในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาททิ้งไป  เหลือแต่คำสอนของพวกตน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่จิตปภัสสร หลงกลอวิชชา ปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดขึ้น

คำสอนสำคัญในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท  ที่ฝ่ายเถรวาทไม่มีอยู่ หรือมีอยู่น้อยมากคือ เรื่องก่อนหน้าจิตปภัสสรนั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

1. เรื่องสุญญตวาท ที่มี จิตอมตวาทอยู่  เรียกว่า อาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า หรือธรรมกาย(ศาสนาอื่นเรียกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า)

2. เรื่องกายทั้ง 3 ของพระพุทธเจ้า -  
        ๑. สัมโภคกาย คือ พระกายที่เป็นทิพยภาวะ ประทับอยู่ ณ แดนพุทธเกษตร
          ๒. นิรมานกาย คือ พระกายที่พระองค์เนรมิตรขึ้นทำนองอวตารลงมา อาการมีทรงพระชวร ประสูติทางพระวรกายนั้นเป็นสิ่งมายาทั้งสิ้น
          ๓. ธรรมกาย คือสุญญตภาวะ หรือ พระนิพพานนั้นเอง

สงฆ์ที่ถูกมารสิงในตอนนั้น ตัดกายของพระพุทธเจ้าให้เหลือเพียง 2 กาย คือ นิรมานกาย และ ธรรมกาย  

อย่างไรก็ตาม สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว

3. เรื่องความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ที่ยังคอยช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์ที่เดือดร้อนในโลกอยู่ เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระพิฒเนศ ตรีมูรติ  เรืองพวกนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง พยายามบอกว่าไม่มีอยู่จริง  แต่คนทั่วโลก  ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น  ต่างเคยพบเห็นและเคยประสพกับพระบารมีของพวกท่านมาแล้วมากมาย

เรืองทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นข้อใหญ่ที่สุด ที่สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ยอมให้ประชาชนรู้ความจริง


มีพระไตรปิฎกเถรวาทเก็บซ่อนอยู่ในที่อื่นๆไหม? 


มีหลายที่มากเลย เช่น 1. คัมภีร์ปฐมมูลเป็นภาษาล้านนาแท้ๆ มารตัดทิ้งไปแล้วในพระไตรปิฎก แต่พระพุทธเจ้าดลจิตให้อาณาจักรล้านนาบันทึกเอาไว้ 2. คัมภีร์วิชาเปิดโลก มารทิ้งไปแล้ว แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อคง 3. คัมภีร์วิชาธรรมกาย  มารทิ้งไปแล้วเช่นกัน แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อสด

ปิฎกและพระสูตรของมหายานที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่ปรมาจารย์ในนิกายต่างๆของมหายาน  สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ต่างก็หาเรื่องใส่ร้ายว่า ตำราพวกนี้แต่งขึ้นมาเอง  โง่บัดซบจริงๆ  ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าเขียนพระสูตรหรือปิฎกขึ้นมาเอง แล้วไปบอกว่าเป็นถ้อยคำของพระผู้มีพระภาคเจ้าหรอก  เพราะบาปใกล้ๆอนันตริยกรรม แล้วคัมภีร์ของปลอมพวกนี้  ในที่สุด จะสลายไปเอง ตามกฎแห่งกรรม

ด้วยเหตุนี้ การที่จะบอกว่า พวกที่เป็นมาร  มามารแต่งนิยายคัมภีร์ปฐมมูล หรือแต่งปิฎกและพระสูตรมหายานต่างๆ ขึ้นมาเอง เพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว   จึงเป็นไปไม่ได้

แม้แต่ที่ผมเข้ามาเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆในพระพุทธศาสนา  ก็เป็นเรื่องประเภทมีหักหัวใจมารให้สลายทั้งนั้น  ผมมาเพื่อล้มล้างศาสนาของมารโดยเฉพาะ ผมจึงนำพระไตรปิฎก และการตีความที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฏฐิมาลงโดยไม่เกรงกลัวและไม่เกรงใจมารทุกตัว


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17 ธันวาคม 2553 14:00:05 โดย phonsak » บันทึกการเข้า
WangJai
นักโพสท์ระดับ 5
*****

คะแนนความดี: +0/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 34


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
Firefox 3.0.13 Firefox 3.0.13


ดูรายละเอียด
« ตอบ #23 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 13:49:01 »

 

แต่สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว


จะบอกให้ก็ได้

เพราะไม่มีใครเค้าเข้าไปหาพระแสงอะไรอย่างคุณนะสิ

ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ อมพะนำคำนี้เอาไว้ กลัวเสียเครดิตละสิ ชิมิๆ
บันทึกการเข้า
phonsak
นักโพสท์ระดับ 8
***

คะแนนความดี: +1/-2
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 306


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #24 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 14:17:38 »

 

แต่สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว


จะบอกให้ก็ได้

เพราะไม่มีใครเค้าเข้าไปหาพระแสงอะไรอย่างคุณนะสิ

ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ อมพะนำคำนี้เอาไว้ กลัวเสียเครดิตละสิ ชิมิๆ


ถูกแล้ว ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ และเป็นอมตะ  = ธรรมกาย หรือธรรมธาตุ

พระสารีบุตรก็เคยสงสัยเรื่องนี้ จึงถามพระอวโลกิเตศวร เรื่องนี้บันทึกอยู่ในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรจึงตรัสสอนพระสารีบุตรว่า

" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คือ อายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "
บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #25 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 15:20:49 »

 

แต่สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา  ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว


จะบอกให้ก็ได้

เพราะไม่มีใครเค้าเข้าไปหาพระแสงอะไรอย่างคุณนะสิ

ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ อมพะนำคำนี้เอาไว้ กลัวเสียเครดิตละสิ ชิมิๆ


ถูกแล้ว ถ้านิพพานเที่ยง ฯลฯ ก็ต้อง บังคับบัญชาได้ และเป็นอมตะ  = ธรรมกาย หรือธรรมธาตุ

พระสารีบุตรก็เคยสงสัยเรื่องนี้ จึงถามพระอวโลกิเตศวร เรื่องนี้บันทึกอยู่ในปรัชญาปารมิตาหฤทัยสูตร พระอวโลกิเตศวรจึงตรัสสอนพระสารีบุตรว่า

" ธรรมกาย ก็คือปรัชญาปารมิตาซึ่งเป็นสภาวธรรมแห่งพระตถาคตตรัสรู้ ก็คือ อายตนะนิพพานนั้นเอง ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "

555+ 

โดนความเที่ยงแทง มารพลศักดิ
ดิ้นกระแด่วๆ แถไม่ออก

"ย่อมปราศจากการมาในอดีต ฤาการไปในอนาคต แลในปรัตยุบันกาลเล่าก็ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง "

ปราศจากการตั้งอยู่มั่นคง
ก็แสดงว่า ตั้งเหมือนไม้หลักปักขี้เลน ไงครับ

 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

บันทึกการเข้า
armageddon
สมาชิกขาประจำ
นักโพสท์ระดับ 8
*

คะแนนความดี: +2/-0
ออฟไลน์ ออฟไลน์

Thailand Thailand

กระทู้: 229


ระบบปฏิบัติการ:
Windows XP Windows XP
เวบเบราเซอร์:
MS Internet Explorer 7.0 MS Internet Explorer 7.0


ดูรายละเอียด
« ตอบ #26 เมื่อ: 17 ธันวาคม 2553 15:31:58 »

พระพุทธเจ้าพระองค์แรก ที่ตรัสรู้ก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีอยู่ จริง ๆ
และมีคัมภีร์ปฐมมูลรับรองพระนาม คือ " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า"
หอสมุดแห่งชาติ มีคัมภีร์เก่า ๆ มากมายที่ยังไม่ได้แปล และมีสุดยอดคัมภีร์อีกหลาย ๆ คัมภีร์ที่ คนไทย ยังไม่รู้ และเป็นของเถรวาทแท้ ๆ ด้วย ครับ
พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นพระพุทธเจ้าองค์ปฐม ที่พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสแสดงแก่ท่าน " พระอัญญาโกณฑัญญะ" และ พระปฐมสาวกทุกองค์ในศาสนาของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ก็จะทูลถาม พุทธประวัติ ของ " พระพุทธเจ้าองค์ปฐม" พระพุทธเจ้าทั้งหลายในอดีตทุกพระองค์ก็จะทรงตรัสแสดงให้ฟังปฐมสาวกได้ฟัง แม้มาในศาสนาของพระพุทธเจ้าของเราก็เหมือนกัน คัมภีร์นี้เป็นคัมภีร์ที่เก่าแก่มาก ต้นฉบับ เป็น " ภาษาล้านนา " คณาจารย์ของกรมศิลปากร ได้แปลรวมไว้อยู่ใน หนังสือเล่มใหญ่ ชื่อ " โลกุปปัตติ อรุณวดีสูตร ปฐมมูล ปฐมกัป มูลตันไตรย " -และถ้ามีปัญหาถามว่า " พระพุทธเจ้าองค์แรก ใน พระพุทธศาสนา ที่ตรัสรู้ก่อนพระ พุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงพระนามว่าอะไร ? พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ อุบัตขึ้นก่อนพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระองค์ไม่เคยได้เห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์อื่นใดมาก่อนเลย เพราะยังไม่มี พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก่อนหน้านั้นเลยแม้แต่องค์เดียว พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ใช้ระยะเวลาในการประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์เป็นเวลา ยาวนานกว่าพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ที่เกิดขึ้นมาภายหลัง คือ ทรงใช้เวลา 5,000 ปีนั่ง ประทับตรัสรู้อยู่ใต้ต้นไม้ 25 ต้น ๆ ละ 200 ปี เพราะพระองค์ไม่เคยสร้างพระบารมี และ ไม่เคยได้รับพุทธพยากรณ์ในศาสนาพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์มาก่อนเลย (ก็เป็นพระองค์แรกหนิ)
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมมูล พระองค์นั้น ทรงพระนามว่า " พระติกขะคัมมะสัมมาสัมพุทธเจ้า " พระองค์มีพระชนม์มายุ 100,000 ปี แล้วจึงเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ได้ทรงพยากรณ์เป็นพระองค์แรก ว่า

http://www.mythland.org/v3/archiver/tid-2266.html

 
คัมภีร์นี้เก่าแก่มากครับ หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น
เป็นภาษาล้านนาแท้ๆ
อาณาจักรล้านนา  มีอยู่ในพระไตรปิฎกหรือเปล่า
เอาพระไตรปิฎก มายืนยันก่อนสิครับ
ว่าอาณาจักรล้านนา ถือกำเนิดเมื่อไร

หรือว่า มารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท
 หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว





พวกที่เป็นมาร  แล้วมารแต่งนิยาย ขึ้นมาเพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว  คือ ใคร????

ตอบ

ก็พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติของเรานั่นแหละ  พวกนี้ไม่ปฏิบัติหรือปฏิบัติได้ไม่ถึงขั้น เรียกว่า ไม่เป็นสัปปะรด  อาศัยพวกมาก  ใช่กฎหมาหมู่  ทำการปฎิรูปพระพุทธศาสนา  ให้กลายเป็นศาสนาของมาร ที่เรียกว่า "สัทธรรมปฏิรูป"  หรือของปลอม

พวกสมมุติสงฆ์ฝ่ายปริยัติ ที่ถูกมารครอบงำ ได้ทำการล้างบางพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้า เริ่มต้นมาตั้งแต่ในการสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 2  จะเห็นได้ว่า ในปฐมสังคายนา มีแต่พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 เข้าร่วมเท่านั้น  พวกท่านจึงรู้ว่า  สิ่งใดเป็นของจริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้

พระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6 ทั้ง 500 รูป รวมทั้งพระมหากัสสปะและพระอานน์ ต่างรับรองพระไตรปิฎกของเถรวาท และปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน  รวมปิฎกทั้ง 2 ฝ่าย จึงเป็นพระไตรปิฎก

แต่เมื่อสงฆ์มีจำนวนมากขึ้นในการสังคายนาครั้งที่ 2 กฎหมาหมู่(ประชาธิปไตย)จึงถูกตั้งขึ้น ให้อนุญาตทั้งพระอรหันต์ที่มีอภิญญา 6  และพระทั่วไปร่วมด้วยได้  ความเละเทะในพระไตรปิฎกจึงเริ่มต้นขึ้น  เถรวาทจะเอาเฉพาะคำสอนที่พระพุทธองค์เป็นผู้ชี้ทางให้พวกตนเท่านั้น  อีกอย่างในการสังคายนาครั้งที่ 2 ไม่มีการเชิญฝ่ายอาจาริยวาท หรือ มหายาน เข้าร่วม  ดังนั้นจึงเป็นการง่ายที่สงฆ์ที่ถูกมารสิง จะตัดคำสอนทุกอย่างที่ในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาททิ้งไป  เหลือแต่คำสอนของพวกตน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่จิตปภัสสร หลงกลอวิชชา ปฏิจจสมุปบาทจึงเกิดขึ้น

คำสอนสำคัญในปิฎกของฝ่ายอาจาริยวาท  ที่ฝ่ายเถรวาทไม่มีอยู่ หรือมีอยู่น้อยมากคือ เรื่องก่อนหน้าจิตปภัสสรนั้นเอง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับ

1. เรื่องสุญญตวาท ที่มี จิตอมตวาทอยู่  เรียกว่า อาทิพุทธ พระไวโรจนพุทธเจ้า หรือธรรมกาย(ศาสนาอื่นเรียกว่า องค์พระผู้เป็นเจ้า)

2. เรื่องกายทั้ง 3 ของพระพุทธเจ้า - 
        ๑. สัมโภคกาย คือ พระกายที่เป็นทิพยภาวะ ประทับอยู่ ณ แดนพุทธเกษตร
          ๒. นิรมานกาย คือ พระกายที่พระองค์เนรมิตรขึ้นทำนองอวตารลงมา อาการมีทรงพระชวร ประสูติทางพระวรกายนั้นเป็นสิ่งมายาทั้งสิ้น
          ๓. ธรรมกาย คือสุญญตภาวะ หรือ พระนิพพานนั้นเอง

สงฆ์ที่ถูกมารสิงในตอนนั้น ตัดกายของพระพุทธเจ้าให้เหลือเพียง 2 กาย คือ นิรมานกาย และ ธรรมกาย 

อย่างไรก็ตาม สงฆ์ที่ถูกมารสิงในยุคต่อๆมา ก็พยายามตัดเรื่องธรรมกายออกไป และแยกนิพพานเป็นอะไรก็ไม่รู้  มาถึงยุคนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง กำแหงหนัก  กล้าทะลึ่งบอกว่า นิพพานเป็นอนัตตา   ทั้งๆที่ในอนัตตลักขณะสูตร นิพพานแปลว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และแปรเปลี่ยนไปตามกาลเวลา  พอผมถามว่า  แล้วเราจะเข้านิพพานไปหาพระแสงอะไรเล่า?  ก็ไม่เห็นมีใครตอบได้สักคน  เห็นมีแต่ไล่ผมออกจากเว็บพุทธศาสนา 10 กว่าเว็บแล้ว

3. เรื่องความเมตตากรุณาของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย  ที่ยังคอยช่วยเหลือมนุษย์และสรรพสัตว์ที่เดือดร้อนในโลกอยู่ เช่น เจ้าแม่กวนอิม พระพิฒเนศ ตรีมูรติ  เรืองพวกนี้ สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง พยายามบอกว่าไม่มีอยู่จริง  แต่คนทั่วโลก  ไม่เฉพาะคนไทยเท่านั้น  ต่างเคยพบเห็นและเคยประสพกับพระบารมีของพวกท่านมาแล้วมากมาย

เรืองทั้ง 3 เรื่องนี้ เป็นข้อใหญ่ที่สุด ที่สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ในทุกยุคทุกสมัย ไม่ยอมให้ประชาชนรู้ความจริง


มีพระไตรปิฎกเถรวาทเก็บซ่อนอยู่ในที่อื่นๆไหม? 


มีหลายที่มากเลย เช่น 1. คัมภีร์ปฐมมูลเป็นภาษาล้านนาแท้ๆ มารตัดทิ้งไปแล้วในพระไตรปิฎก แต่พระพุทธเจ้าดลจิตให้อาณาจักรล้านนาบันทึกเอาไว้ 2. คัมภีร์วิชาเปิดโลก มารทิ้งไปแล้ว แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อคง 3. คัมภีร์วิชาธรรมกาย  มารทิ้งไปแล้วเช่นกัน แต่พระพุทธเจ้า ก็มาสอนให้กับหลวงพ่อสด

ปิฎกและพระสูตรของมหายานที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนแก่ปรมาจารย์ในนิกายต่างๆของมหายาน  สงฆ์และฆราวาสที่ถูกมารสิง ต่างก็หาเรื่องใส่ร้ายว่า ตำราพวกนี้แต่งขึ้นมาเอง  โง่บัดซบจริงๆ  ในโลกนี้ไม่มีใครกล้าเขียนพระสูตรหรือปิฎกขึ้นมาเอง แล้วไปบอกว่าเป็นถ้อยคำของพระผู้มีพระภาคเจ้าหรอก  เพราะบาปใกล้ๆอนันตริยกรรม แล้วคัมภีร์ของปลอมพวกนี้  ในที่สุด จะสลายไปเอง ตามกฎแห่งกรรม

ด้วยเหตุนี้ การที่จะบอกว่า พวกที่เป็นมาร  มามารแต่งนิยายคัมภีร์ปฐมมูล หรือแต่งปิฎกและพระสูตรมหายานต่างๆ ขึ้นมาเอง เพื่อ ดิสเครดิท   หลังจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว   จึงเป็นไปไม่ได้

แม้แต่ที่ผมเข้ามาเขียนอธิบายเรื่องราวต่างๆในพระพุทธศาสนา  ก็เป็นเรื่องประเภทมีหักหัวใจมารให้สลายทั้งนั้น  ผมมาเพื่อล้มล้างศาสนาของมารโดยเฉพาะ ผมจึงนำพระไตรปิฎก และการตีความที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฏฐิมาลงโดยไม่เกรงกลัวและไม่เกรงใจมารทุกตัว




อ้างมาเสียยาวเฟื้อย
ไม่หลงสำนวนหรอกครับ
พระอรหันต์ เข้านิพพานแล้ว
พระพุทธเจ้าเข้านิพพานแล้ว
แม้แต่พระอรหันต์ด้วยกัน
ยังไม่อาจตามร่องรอยกันได้
มารก็ไม่อาจตามหาพระโคธิกะได้

ตอบข้อ 123 เรื่องสูญตวาท
เรืองกายทั้งสาม
เรื่องธรรมกาย

ตอบเพียงไม่กี่บรรทัด ก็ทำลายความเห็นยาวเปื๊อยๆ ของมารพลศักดิ์ได้


เกรงใจพระอรหันต์ ในพระไตรปิฎก
เกรงใจมารในพระไตรปิฎกบ้าง
นายเหล่านั่น คนทั่วโลก (ซึ่งไม่ได้เป้นพระอรหันต์)
นายแน่มาก
ที่ตามหาพระพุทธเจ้าเจอ


 หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น หัวเราะลั่น

บันทึกการเข้า
คำค้น:
หน้า:  1 [2]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  


คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ได้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ได้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขข้อความได้
BBCode เปิดใช้งาน
Smilies เปิดใช้งาน
[img] เปิดใช้งาน
HTML เปิดใช้งาน

Powered by MySQL Powered by PHP
Bookmark and Share

www.SookJai.com Created By Mckaforce | Sookjai.com Sitemap | CopyRight All Rights Reserved
Mckaforce Group | Sookjai Group
Best viewed with IE 7.0 , Chrome , Opera , Firefox 3.5
Compatible All OS , Resolution 1024 x 768 Or Higher
Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.687 วินาที กับ 32 คำสั่ง

Google visited last this page 28 กุมภาพันธ์ 2567 07:22:14